Immortal and Martial Dual Cultivation 188 รู้สึกตื่นกลัว
ตอนที่ 188 รู้สึกตื่นกลัว
เซี่ยวเฉินรู้สึกขอบคุณเย่เหวิน หากไม่ใช่เพราะเย่เหวิน,เขาคงต้องไปเจอกับราชันย์ซากศพ ใครจะรู้เขาอาจจะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งศพอยู่ในเหมืองแห่งนี้แล้วก็ได้
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักในหลายวันต่อมา เซี่ยวเฉินยังคงเดินลาดตะเวนในตอนกลางวันและฝึกฝนในตอนกลางคืน สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือพวกเขามีอยู่กันสามคนแล้วตอนนี้ วันเวลาไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่เคยเป็นมา,พวกเขาทั้งสามคนพูดคุยกันเยอะมาก
มู่ซินหยายังคงออกไปในเวลากลางคืน ทุกอย่างที่นางทํา ยังเป็นเหมือนที่ผ่านมาและบางครั้งนางก็ออกไปพบหัวหน้าลี่ เซี่ยวเฉินก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนพูดคุยอะไรกันดังนั้น เขาจึงทําอะไรไม่ได้นอกจากระวังตัวเอาไว้
“ชัว!”
ภายในอุโมงค์ตัน,เซี่ยวเฉินลอยอยู่ในอากาศ ก่อนที่เขาจะได้ชักกระบี่ออกมา,มีสายลมเย็นพัดผ่านออกมาแล้ว หลังจากที่กระบี่แสงจันทร์ถูกชักออกมา,มีกระบี่แสงบางเบาท่ามกลางสายลมเย็น
ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไปในทันที หลังจากที่เซี่ยวเฉินลงถึงพื้น,มีสีหน้าความสุขบนใบหน้าของเขา ในที่สุดเขาก็สําเร็จในการใช้ออกขั้นตอนที่สองของสับวายุใส
มันมีทั้งหมดสามขั้นตอนสําหรับสับวายุใส ขั้นตอนแรกคือบิดซ่อนพลังฉีฆ่าฟันของเขาเพื่อที่จะลบเจตนาฆ่าฟันบนร่างกายของเขาและทําให้คนอื่นสัมผัสไม่ได้ถึงจังหวะที่เขาเริ่มลงมือ
สับวายุใส,สับวายุใส,สายลมใสออกมาก่อนหรือสับออกมาก่อน? หากสายลมใสมาก่อนกระบี,มันก็ควรจะเป็นสายลมใสที่มาก่อนสับ อย่างไรก็ตาม,หากเขาไม่สามารถชักกระบี่ออกมาและสร้างลมหมุนได้ มันจะเกิดสายลมเย็นได้อย่างไร?
ดังนั้น ขั้นตอนที่สองของสับวายุใสคือการฝึกฝนถึงจุดที่สายลมออกมาก่อนกระบี่ หลังจากที่ฝึกหนักอยู่เป็นเวลาครึ่งเดือนเซี่ยวเฉินในที่สุดก็สําเร็จในการใช้ออกขั้นตอนที่สอง
เขากําลังจะเริ่มในขั้นตอนที่สาม นี่เป็นขั้นตอนที่ฝึกฝน การโจมตีให้สมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม เพื่อที่จะเผยให้เห็นเพียงสายลมใสมิใช่กระบี่
หากเขาฝึกฝนจนเขาสามารถปิดซ่อนกระบีไว้ท่ามกลางสายลมใสได้อย่างสมบูรณ์,คู่ต่อสู้จะไม่สามารถพบทิศทางกระบี่ของเขาได้ เพื่อถึงจุดนั้น, สับวายุใสจะต้องถูกฝึกฝนจนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม
“ในที่สุดข้าก็สําเร็จมัน ดูเหมือนพรสวรรค์ของข้าจะไม่เลว ข้าสามารถฝึกฝนสับวายุใสจนมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นกลางได้ภายในครึ่งเดือน บางทีข้าอาจจะฝึกฝนมันจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมได้ภายในเวลาสิ้นเดือน” เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างเป็นสุข
เซี่ยวเฉินฝึกฝนต่อไป เหมือนที่เป็นมา เมื่อพลังปราณของเขาเหือดแห้ง,เขาจะเริ่มมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องของเขา
“นายน้อยเย่!” เสียงกระซิบบางเบาดังออกมาให้ได้ยิน
เซี่ยวเฉินคุ้นเคยกับเสียงนี้ โดยปกติ เมื่อคนเหมืองและหัวหน้างานพบกับเซี่ยวเฉิน,พวกเขาจะเข้ามาทักทายเช่นนี้ เมื่อเขาหันกลับไป,นั่นเป็นหัวหน้างานที่เขาพบบ่อยๆ
ดูเหมือนว่าเขากําลังรอคอยอยู่ในอุโมงค์มืดมิด เซี่ยวเฉินหยุดเท้าและถามขึ้น “หัวหน้าเชาเจ้าพบข้าได้อย่างไร?”
หัวหน้าเขาพูดเสียงค่อย “ข้ามองหานายน้อยเย่มาพักนึงแล้ว คนเหมืองที่ข้าดูแลอยู่ได้ยินมาว่านายน้อยจะออกมาฝึกกระบี่ตอนกลางคืนเป็นประจํา ดังนั้นข้าจึงมาดักรออยู่ที่
เซี่ยวเฉินพยักหน้า มันไม่ได้เป็นความลับอะไรที่เขาออกมาตอนกลางคืนเพื่อฝึกฝน “เจ้าตามหาข้าทําไม? หรือว่าเจ้าไปเจอพวกซากศพเข้า?”
หัวหน้าเขาไม่ได้พบแสงอาทิตย์มาเป็นเวลานานดังนั้นหลังจากที่เขาล้างหน้าล้างตา,หน้าเขาดูซีดขาวเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับดวงตาที่ขุ่นมัวเขาช่างดูน่าสังเวช “ไม่ใช่เช่นนั้น, ไม่นานมานี้ พี่น้องของพวกเราสองสามคนหายตัวไปอย่างลึกลับ เดิมที,ข้าก็ไม่ได้สังเกตเห็น,มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนหายไปในเหมืองแห่งนี้”
“อย่างไรก็ตาม,ข้าได้ยินมาจากหัวหน้างานคนอื่นว่าคนของพวกเขาก็หายตัวไปเช่นกัน นอกจากนั้น,มันเป็นการหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในครั้งก่อนๆ แม้พวกเขาจะหายตัวไป,พวกเขาก็ยังพบร่างของพวกเขาได้บ้าง ไม่เหมือนในครั้งนี้ พวกเราไม่เจอร่างกายของพวกเขาแม้แต่ร่างเดียว”
เซี่ยวเฉินขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยินคําของหัวหน้าเขา นี่มันเป็นการหายตัวไปที่แปลกประหลาดจริงๆ จะต้องมีใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน หัวหน้างานแต่ละคนต่างสูญเสียคนไปสองสามคน
จํานวนมันอาจจะดูไม่มากแต่เมื่อเอามารวมกัน มันจะเป็นตัวเลขที่น่ากลัว มีหัวหน้างานอย่างน้อยยี่สิบคนและหัวหน้างานแต่ละคนดูแลคนเหมืองกว่าหนึ่งร้อย
หากพวกเขาเสียคนไปคนละหนึ่งหรือสองคนเมื่อเอาจํานวนมารวมกัน,มันอาจจะมากกว่าหนึ่งร้อย อะไรที่ทําให้เหล่าคนเหมืองหายตัวไปอย่าไร้ร่องรอย?
เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและกล่าวกับหัวหน้าเขา “เอาล่ะ,ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว ข้าจะรายงานถึงผู้อาวุโสเย่ในวันพรุ่งนี้”
หัวหน้าเชาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง,สีหน้าของเขาส่งสัญญาณว่า เขากําลังลุกลนกับอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจและกล่าวขึ้น “นายน้อยเย่, ข้ามีพี่น้องสองสามคน ที่กําลังจะทํางานครบห้าปีภายในสิ้นเดือนนี้ ตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้น,พวกเขาทั้งหมดต่างตื่นกลัว พวกเขาอยากจะขอกลับออกไปก่อนกําหนดและยอมแม้กระทั่งได้รับค่าจ้างน้อยลง”
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็มีสีหน้าไม่น่าดู “ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นมาก่อน นอกจากนั้น เรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นคนจัดการ คําของข้าไม่มีน้ําหนักอะไร”
หัวหน้าเขาพูดอย่างกังวล “นายน้อยเย่, ท่านเป็นคนดี,พวกเราทุกคนรู้ถึงเรื่องนี้ ในอดีต,คนคุ้มกันพวกนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเราเหล่าคนเหมือง พวกเขาทั้งหมดส่ง สายตาเย็นชาใส่พวกเรา บางครั้ง,พวกเขาก็ลงมือทุบตีพวกเรา ในตอนที่ท่านมาที่นี่,ท่านไม่เคยทําเช่นนั้น ทุกคนรู้ถึงเรื่องนี้”
เซี่ยวเฉินได้ยินเรื่องที่หัวหน้าเขาพูดมาจากม่าเฉิน ศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์หลายคนที่รับภารกิจนี้มาทําไม่ อาจอดทนต่อความน่าเบื่อภายในเหมืองแห่งนี้ได้ พวกเขามักจะมาระบายอารมณ์กับเหล่าคนเหมือง มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ
เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทําอะไรสักอย่าง,เขาก็ถูกตัดสินให้เป็นคนดีแล้ว คนดีบนโลกใบนี้ช่างน้อยนัก
“นายน้อยเย่,ข้าคุกเข่าขอร้องท่าน ท่านต้องช่วยข้าในเรื่องนี้ คนพวกนี้จะสิ้นสุดงานภายในสิ้นเดือน หากว่ามันเกิดอะไรขึ้น,ที่พวกเขาทํามาทั้งหมดจะสูญเปล่า”
มองดูเซี่ยวเฉินที่กําลังพึมพํากับตัวเอง,หัวหน้าเขาทิ้งตัวรุกเข่าต่อหน้าเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินตกตะลึงและรีบช่วยดึง หัวหน้าเขาลุกขึ้นมา เขาพูดขึ้น “ข้าสามารถช่วยพูดกับลุงเย่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม,ข้าไม่อาจรับรองอะไรได้”
หัวหน้าเขาพูดอย่างซาบซึ้ง “สิ่งที่ข้าต้องการก็เพียงให้ท่านช่วยพูดอะไรสักอย่าง ขอบคุณนายน้อยเยล่วงหน้า ข้าขอตัวก่อน”
ขณะที่เซี่ยวเฉินมองดูหัวหน้าเขาเดินจากไป,เซี่ยวเฉินจมลงไปในความคิด เขาคอยสอดส่องการกระทําของมู่ซินหยาอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม,หลังจากวันนี้ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติยิ่งขึ้นไปอีก
เช้าวันต่อมา เซี่ยวเฉินไปไล่ถามเหล่าหัวหน้างานอย่างลับๆ เขาถามถึงเกี่ยวกับสถานการณ์ วิธีการของเซี่ยวเฉินจะระมัดระวังอยู่เสมอ เรื่องที่หัวหน้าเขาพูดมามันค่อนข้างร้ายแรง
ไม่ว่าเขาจะโกหกหรือไม่,เขาไม่มีทางเข้าใจถึงความจริง โดยการฟังความจากคนคนเดียว
ในที่สุดเซี่ยวเฉินก็ไล่ถามหัวหน้างานเสร็จไปทั้งหมดยี่สิบกว่าคน เป็นแท้จริง,มันเป็นไปตามที่หัวหน้าเขากล่าว:หัวหน้างานทุกคนมีคนเหมืองที่หายตัวไปอย่างลึกลับ
มีบางคนที่เสียลูกน้องไปถึงห้าหรือหกคนและอย่างน้อยที่สุด,พวกเขาเสียไปหนึ่งหรือสองคน หลังจากครุ่นคิดมานาน,เขาก็ไปหาหัวหน้าลี่กับคนเหมืองของเขาลับหลังมู่ซินหยาและม่าเฉิน
“โอ้! นายน้อยเย่ ทําไมถึงได้มาคนเดียวในวันนี้? นายน้อยหญิงและนายน้อยอีกคนไปที่ไหน?” เหมือนปกติ,เมื่อหัวหน้าสี่เห็นเซี่ยวเฉิน,เขาจะทักทายอย่างอบอุ่น
เซี่ยวเฉินพยักหน้ารับรู้และก็พูดขึ้น “หัวหน้า,คนงานของเจ้าเคยหายตัวไปอย่างลึกลับบ้างหรือไม่?”
หัวหน้าสี่พยายามนึกย้อนดูก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน คนของข้าทั้งหมดไม่ได้หายตัวไป เกิดอะไรขึ้น? นายน้อย,หรือจะมีอะไรเกิดขึ้น?”
ขณะที่หัวหน้าลี่พูด,เซี่ยวเฉินสังเกตสีหน้าของเขาอย่างละเอียด เหมือนกับก่อนหน้านี้เขาไม่พบอะไรผิดปกติ เซี่ยวเฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไร แค่ถามทั่วไป ข้าขอตัวก่อน”
เซี่ยวเฉินเดินไปหลบที่มุม เขาเปลี่ยนสัมผัสวิญญาณของเขาให้เป็นเส้นสายและสังเกตการณ์หัวหน้าลี่ต่อไป ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะปกปิดตัวตนไปได้ตลอด
“หัวหน้าลี่,คนคุ้มกันมาถามอะไร?” คนเหมืองสองสามคนเข้ามาถามเขา
หัวหน้าสี่โบกมือและพูดขึ้น “ทํางานของเจ้าไป อย่ามาถามเยอะ”
หลังจากสังเกตการณ์มาเป็นเวลานาน,หัวหน้าลีก็ทําอย่างที่เขาเคยทํา เขานํากลุ่มคนเหมืองและทํางานขุดเจาะอย่างจริงจัง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขา ไม่มีอะไรเปลี่ยนจากคําถามของเซี่ยวเฉิน
เป็นไปได้ว่าคนที่อยู่กับมู่ซินหยาจะไม่ใช่หัวหน้าลี่? เซี่ยวเฉินมีข้อสงสัยนี้ขณะที่เขาครุ่นคิด,คนธรรมดาทั่วไปจะปิดซ่อนตัวตนได้ลึกเช่นนี้ได้อย่างไร?
เซี่ยวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมาและส่ายหัว มันเป็นสิ่งที่เขายังคิดไม่ตก
หลังจากที่เซี่ยวเฉินจากไปไกล,หัวหน้าสี่โยนจอบทิ้งไปด้านข้าง สายตาของเขาดูเหมือนกับว่าสามารถมองทะลุกําแพง และมองเห็นเซี่ยวเฉินที่กําลังเดินจากไป ดวงตาของเขาเผยความโหดเหี้ยมออกมา
เมื่อเซี่ยวเฉินมาถึงกองบัญชาการของชั้นนี้ เขาตัดสินใจเข้าพบเย่เหวิน เขารีบตรงไปรายงานทุกอย่างที่เขาสืบสวนให้เย่เหวินฟัง เมื่อเขากล่าวจบ,เขาบอกเย่เหวินถึงคําขอของหัวหน้าเขา
หลังจากที่เยาเหวินได้ยินดังนั้น,เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เอาล่ะ,ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว เจ้ากลับไปได้”
เซี่ยวเฉินเห็นว่าเย่เหวินไม่ได้ใส่ใจ,เขาก็พูดขึ้นอย่าง เป็นกังวล “ลุงเย่,คนพวกนี้ก็กําลังจะสิ้นสุดงานอยู่แล้ว มันไม่น่าจะมีปัญหาหากจะหักค่าจ้างของพวกเขาและให้พวกเขากลับออกไปก่อนใช่หรือไม่?”
เย่เหวินดูเหมือนกําลังยุ่งพร้อมกับเตรียมตัวที่จะออกไป เมื่อได้ยินคําของเซี่ยวเฉิน,เขาก็หยุดเท้าและพูดขึ้น “เจ้ามองเห็นปัญหาจากมุมมองของเจ้าเท่านั้น ไม่มีปัญหา หากคนเหมืองห้าสิบคนออกไป ถึงอย่างไร,พวกเขาก็จะจบงานอยู่แล้ว”
“อย่างไรก็ตามเจ้าเคยถึงถึงมุมนี้หรือไม่? มีคนเหมืองกว่าหนึ่งพันคนในชั้นนี้ ในตอนนี้ มีความกังวลอยู่เต็มหัวใจของทุกคน หากมีคนเหมืองกลุ่มใหญ่กลับออกจากเหมืองไปในตอนนี้เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา?”
หากในจังหวะเช่นนี้ มีคนกลุ่มใหญ่กลับออกไป,มันจะต้องสร้างความตื่นกลัวให้กับคนเหมืองที่เหลือ หลังจากนั้น,สถานการณ์อาจจะวุ่นวายไปถึงจุดที่ไม่อาจแก้ไขได้
เซี่ยวเฉันคิดถึงฉากนั้นในทันที แม้ว่ามันจะเป็นไปตามหลักการ,เซี่ยวเฉินยังคงรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
“เจ้าควรออกไปก่อน,พวกเรารู้ถึงสถานการณ์แล้ว ข้าจะจัดการภายในสองสามวัน” เย่เหวินเซี่ยวเฉินเฉินเมื่อเห็นว่าเขานิ่งเงียบไป
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “ลุงเย่,รอก่อน ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องรายงาน”
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐานใดๆ เซี่ยวเฉินก็ยังติดสินใจบอกเย่เหวินเกี่ยวกับมู่ซินหยาและหัวหน้าลี่
หลังจากที่เย่เหวินได้ยินดังนั้น,สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง “พวกเราคือนิกายเดียวกัน หากไม่มีหลักฐาน,ก็อย่าได้มารายงาน”
เซี่ยวเฉินรู้สึกอึกอักพร้อมกับพูดขึ้น “ลุงเย่,ข้า…”
เย่เหวินขัดขึ้นในวันที่ “ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว กลับไปให้เร็ว หากเจ้ามารายงานโดยไม่มีหลักฐานอีก, ข้าจะไม่แสดงความปราณีอีกต่อไป”
ในคืนเดียวกันนั้นเอง,ที่ชั้นแปดของเหมือง,ภายในอุโมงค์ตัน
หัวหน้าลี่พูดกับมู่ซินหยา “เจ้าหมอนั้นที่มากับเจ้าดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มันพยายามจะทดสอบข้าในวันนี้”
มู่ซินหยาไม่ได้ประหลาดใจ “ไม่มีปัญหา เขาไม่มีหลักฐาน นอกจากนั้นเขาก็ไม่ใช่พวกตัวน่ารําคาญ”
หัวหน้าสี่ยังคงรู้สึกกับวล “พวกเราควรจะปิดปากเขาซะ? ข้ายังเตรียมตัวไม่พร้อมตอนนี้ หากเจ้าหมอนั้นมันมาขัดขาเรา,นั่นจะมีปัญหา
มู่ซินหยาส่ายหัว “ไม่จําเป็น เราจะทําตามแผนของเราในวันพรุ่งนี้ นั้นคือทั้งหมดที่เราจะทํา”
เมื่อหัวหน้าสี่ได้ยินเช่นนั้นเขาสีหน้าเปลี่ยน เขากล่าวอย่างตกใจ “พวกเราจะลงมือพรุ่งนี้? นั้นมันเร็วเกินไป ยิ่งข้ากลั่นสิ่งนั้นนานเท่าไหร,มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น มันจะปลอดภัยกว่าหากว่าเราลงมือในตอนสิ้นเดือน”
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation 188 รู้สึกตื่นกลัว
ตอนที่ 188 รู้สึกตื่นกลัว
เซี่ยวเฉินรู้สึกขอบคุณเย่เหวิน หากไม่ใช่เพราะเย่เหวิน,เขาคงต้องไปเจอกับราชันย์ซากศพ ใครจะรู้เขาอาจจะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งศพอยู่ในเหมืองแห่งนี้แล้วก็ได้
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักในหลายวันต่อมา เซี่ยวเฉินยังคงเดินลาดตะเวนในตอนกลางวันและฝึกฝนในตอนกลางคืน สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือพวกเขามีอยู่กันสามคนแล้วตอนนี้ วันเวลาไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่เคยเป็นมา,พวกเขาทั้งสามคนพูดคุยกันเยอะมาก
มู่ซินหยายังคงออกไปในเวลากลางคืน ทุกอย่างที่นางทํา ยังเป็นเหมือนที่ผ่านมาและบางครั้งนางก็ออกไปพบหัวหน้าลี่ เซี่ยวเฉินก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนพูดคุยอะไรกันดังนั้น เขาจึงทําอะไรไม่ได้นอกจากระวังตัวเอาไว้
“ชัว!”
ภายในอุโมงค์ตัน,เซี่ยวเฉินลอยอยู่ในอากาศ ก่อนที่เขาจะได้ชักกระบี่ออกมา,มีสายลมเย็นพัดผ่านออกมาแล้ว หลังจากที่กระบี่แสงจันทร์ถูกชักออกมา,มีกระบี่แสงบางเบาท่ามกลางสายลมเย็น
ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไปในทันที หลังจากที่เซี่ยวเฉินลงถึงพื้น,มีสีหน้าความสุขบนใบหน้าของเขา ในที่สุดเขาก็สําเร็จในการใช้ออกขั้นตอนที่สองของสับวายุใส
มันมีทั้งหมดสามขั้นตอนสําหรับสับวายุใส ขั้นตอนแรกคือบิดซ่อนพลังฉีฆ่าฟันของเขาเพื่อที่จะลบเจตนาฆ่าฟันบนร่างกายของเขาและทําให้คนอื่นสัมผัสไม่ได้ถึงจังหวะที่เขาเริ่มลงมือ
สับวายุใส,สับวายุใส,สายลมใสออกมาก่อนหรือสับออกมาก่อน? หากสายลมใสมาก่อนกระบี,มันก็ควรจะเป็นสายลมใสที่มาก่อนสับ อย่างไรก็ตาม,หากเขาไม่สามารถชักกระบี่ออกมาและสร้างลมหมุนได้ มันจะเกิดสายลมเย็นได้อย่างไร?
ดังนั้น ขั้นตอนที่สองของสับวายุใสคือการฝึกฝนถึงจุดที่สายลมออกมาก่อนกระบี่ หลังจากที่ฝึกหนักอยู่เป็นเวลาครึ่งเดือนเซี่ยวเฉินในที่สุดก็สําเร็จในการใช้ออกขั้นตอนที่สอง
เขากําลังจะเริ่มในขั้นตอนที่สาม นี่เป็นขั้นตอนที่ฝึกฝน การโจมตีให้สมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม เพื่อที่จะเผยให้เห็นเพียงสายลมใสมิใช่กระบี่
หากเขาฝึกฝนจนเขาสามารถปิดซ่อนกระบีไว้ท่ามกลางสายลมใสได้อย่างสมบูรณ์,คู่ต่อสู้จะไม่สามารถพบทิศทางกระบี่ของเขาได้ เพื่อถึงจุดนั้น, สับวายุใสจะต้องถูกฝึกฝนจนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม
“ในที่สุดข้าก็สําเร็จมัน ดูเหมือนพรสวรรค์ของข้าจะไม่เลว ข้าสามารถฝึกฝนสับวายุใสจนมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นกลางได้ภายในครึ่งเดือน บางทีข้าอาจจะฝึกฝนมันจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมได้ภายในเวลาสิ้นเดือน” เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างเป็นสุข
เซี่ยวเฉินฝึกฝนต่อไป เหมือนที่เป็นมา เมื่อพลังปราณของเขาเหือดแห้ง,เขาจะเริ่มมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องของเขา
“นายน้อยเย่!” เสียงกระซิบบางเบาดังออกมาให้ได้ยิน
เซี่ยวเฉินคุ้นเคยกับเสียงนี้ โดยปกติ เมื่อคนเหมืองและหัวหน้างานพบกับเซี่ยวเฉิน,พวกเขาจะเข้ามาทักทายเช่นนี้ เมื่อเขาหันกลับไป,นั่นเป็นหัวหน้างานที่เขาพบบ่อยๆ
ดูเหมือนว่าเขากําลังรอคอยอยู่ในอุโมงค์มืดมิด เซี่ยวเฉินหยุดเท้าและถามขึ้น “หัวหน้าเชาเจ้าพบข้าได้อย่างไร?”
หัวหน้าเขาพูดเสียงค่อย “ข้ามองหานายน้อยเย่มาพักนึงแล้ว คนเหมืองที่ข้าดูแลอยู่ได้ยินมาว่านายน้อยจะออกมาฝึกกระบี่ตอนกลางคืนเป็นประจํา ดังนั้นข้าจึงมาดักรออยู่ที่
เซี่ยวเฉินพยักหน้า มันไม่ได้เป็นความลับอะไรที่เขาออกมาตอนกลางคืนเพื่อฝึกฝน “เจ้าตามหาข้าทําไม? หรือว่าเจ้าไปเจอพวกซากศพเข้า?”
หัวหน้าเขาไม่ได้พบแสงอาทิตย์มาเป็นเวลานานดังนั้นหลังจากที่เขาล้างหน้าล้างตา,หน้าเขาดูซีดขาวเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับดวงตาที่ขุ่นมัวเขาช่างดูน่าสังเวช “ไม่ใช่เช่นนั้น, ไม่นานมานี้ พี่น้องของพวกเราสองสามคนหายตัวไปอย่างลึกลับ เดิมที,ข้าก็ไม่ได้สังเกตเห็น,มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนหายไปในเหมืองแห่งนี้”
“อย่างไรก็ตาม,ข้าได้ยินมาจากหัวหน้างานคนอื่นว่าคนของพวกเขาก็หายตัวไปเช่นกัน นอกจากนั้น,มันเป็นการหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในครั้งก่อนๆ แม้พวกเขาจะหายตัวไป,พวกเขาก็ยังพบร่างของพวกเขาได้บ้าง ไม่เหมือนในครั้งนี้ พวกเราไม่เจอร่างกายของพวกเขาแม้แต่ร่างเดียว”
เซี่ยวเฉินขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยินคําของหัวหน้าเขา นี่มันเป็นการหายตัวไปที่แปลกประหลาดจริงๆ จะต้องมีใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน หัวหน้างานแต่ละคนต่างสูญเสียคนไปสองสามคน
จํานวนมันอาจจะดูไม่มากแต่เมื่อเอามารวมกัน มันจะเป็นตัวเลขที่น่ากลัว มีหัวหน้างานอย่างน้อยยี่สิบคนและหัวหน้างานแต่ละคนดูแลคนเหมืองกว่าหนึ่งร้อย
หากพวกเขาเสียคนไปคนละหนึ่งหรือสองคนเมื่อเอาจํานวนมารวมกัน,มันอาจจะมากกว่าหนึ่งร้อย อะไรที่ทําให้เหล่าคนเหมืองหายตัวไปอย่าไร้ร่องรอย?
เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและกล่าวกับหัวหน้าเขา “เอาล่ะ,ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว ข้าจะรายงานถึงผู้อาวุโสเย่ในวันพรุ่งนี้”
หัวหน้าเชาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง,สีหน้าของเขาส่งสัญญาณว่า เขากําลังลุกลนกับอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจและกล่าวขึ้น “นายน้อยเย่, ข้ามีพี่น้องสองสามคน ที่กําลังจะทํางานครบห้าปีภายในสิ้นเดือนนี้ ตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้น,พวกเขาทั้งหมดต่างตื่นกลัว พวกเขาอยากจะขอกลับออกไปก่อนกําหนดและยอมแม้กระทั่งได้รับค่าจ้างน้อยลง”
เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็มีสีหน้าไม่น่าดู “ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นมาก่อน นอกจากนั้น เรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นคนจัดการ คําของข้าไม่มีน้ําหนักอะไร”
หัวหน้าเขาพูดอย่างกังวล “นายน้อยเย่, ท่านเป็นคนดี,พวกเราทุกคนรู้ถึงเรื่องนี้ ในอดีต,คนคุ้มกันพวกนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเราเหล่าคนเหมือง พวกเขาทั้งหมดส่ง สายตาเย็นชาใส่พวกเรา บางครั้ง,พวกเขาก็ลงมือทุบตีพวกเรา ในตอนที่ท่านมาที่นี่,ท่านไม่เคยทําเช่นนั้น ทุกคนรู้ถึงเรื่องนี้”
เซี่ยวเฉินได้ยินเรื่องที่หัวหน้าเขาพูดมาจากม่าเฉิน ศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์หลายคนที่รับภารกิจนี้มาทําไม่ อาจอดทนต่อความน่าเบื่อภายในเหมืองแห่งนี้ได้ พวกเขามักจะมาระบายอารมณ์กับเหล่าคนเหมือง มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ
เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทําอะไรสักอย่าง,เขาก็ถูกตัดสินให้เป็นคนดีแล้ว คนดีบนโลกใบนี้ช่างน้อยนัก
“นายน้อยเย่,ข้าคุกเข่าขอร้องท่าน ท่านต้องช่วยข้าในเรื่องนี้ คนพวกนี้จะสิ้นสุดงานภายในสิ้นเดือน หากว่ามันเกิดอะไรขึ้น,ที่พวกเขาทํามาทั้งหมดจะสูญเปล่า”
มองดูเซี่ยวเฉินที่กําลังพึมพํากับตัวเอง,หัวหน้าเขาทิ้งตัวรุกเข่าต่อหน้าเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินตกตะลึงและรีบช่วยดึง หัวหน้าเขาลุกขึ้นมา เขาพูดขึ้น “ข้าสามารถช่วยพูดกับลุงเย่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม,ข้าไม่อาจรับรองอะไรได้”
หัวหน้าเขาพูดอย่างซาบซึ้ง “สิ่งที่ข้าต้องการก็เพียงให้ท่านช่วยพูดอะไรสักอย่าง ขอบคุณนายน้อยเยล่วงหน้า ข้าขอตัวก่อน”
ขณะที่เซี่ยวเฉินมองดูหัวหน้าเขาเดินจากไป,เซี่ยวเฉินจมลงไปในความคิด เขาคอยสอดส่องการกระทําของมู่ซินหยาอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม,หลังจากวันนี้ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติยิ่งขึ้นไปอีก
เช้าวันต่อมา เซี่ยวเฉินไปไล่ถามเหล่าหัวหน้างานอย่างลับๆ เขาถามถึงเกี่ยวกับสถานการณ์ วิธีการของเซี่ยวเฉินจะระมัดระวังอยู่เสมอ เรื่องที่หัวหน้าเขาพูดมามันค่อนข้างร้ายแรง
ไม่ว่าเขาจะโกหกหรือไม่,เขาไม่มีทางเข้าใจถึงความจริง โดยการฟังความจากคนคนเดียว
ในที่สุดเซี่ยวเฉินก็ไล่ถามหัวหน้างานเสร็จไปทั้งหมดยี่สิบกว่าคน เป็นแท้จริง,มันเป็นไปตามที่หัวหน้าเขากล่าว:หัวหน้างานทุกคนมีคนเหมืองที่หายตัวไปอย่างลึกลับ
มีบางคนที่เสียลูกน้องไปถึงห้าหรือหกคนและอย่างน้อยที่สุด,พวกเขาเสียไปหนึ่งหรือสองคน หลังจากครุ่นคิดมานาน,เขาก็ไปหาหัวหน้าลี่กับคนเหมืองของเขาลับหลังมู่ซินหยาและม่าเฉิน
“โอ้! นายน้อยเย่ ทําไมถึงได้มาคนเดียวในวันนี้? นายน้อยหญิงและนายน้อยอีกคนไปที่ไหน?” เหมือนปกติ,เมื่อหัวหน้าสี่เห็นเซี่ยวเฉิน,เขาจะทักทายอย่างอบอุ่น
เซี่ยวเฉินพยักหน้ารับรู้และก็พูดขึ้น “หัวหน้า,คนงานของเจ้าเคยหายตัวไปอย่างลึกลับบ้างหรือไม่?”
หัวหน้าสี่พยายามนึกย้อนดูก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน คนของข้าทั้งหมดไม่ได้หายตัวไป เกิดอะไรขึ้น? นายน้อย,หรือจะมีอะไรเกิดขึ้น?”
ขณะที่หัวหน้าลี่พูด,เซี่ยวเฉินสังเกตสีหน้าของเขาอย่างละเอียด เหมือนกับก่อนหน้านี้เขาไม่พบอะไรผิดปกติ เซี่ยวเฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไร แค่ถามทั่วไป ข้าขอตัวก่อน”
เซี่ยวเฉินเดินไปหลบที่มุม เขาเปลี่ยนสัมผัสวิญญาณของเขาให้เป็นเส้นสายและสังเกตการณ์หัวหน้าลี่ต่อไป ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะปกปิดตัวตนไปได้ตลอด
“หัวหน้าลี่,คนคุ้มกันมาถามอะไร?” คนเหมืองสองสามคนเข้ามาถามเขา
หัวหน้าสี่โบกมือและพูดขึ้น “ทํางานของเจ้าไป อย่ามาถามเยอะ”
หลังจากสังเกตการณ์มาเป็นเวลานาน,หัวหน้าลีก็ทําอย่างที่เขาเคยทํา เขานํากลุ่มคนเหมืองและทํางานขุดเจาะอย่างจริงจัง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขา ไม่มีอะไรเปลี่ยนจากคําถามของเซี่ยวเฉิน
เป็นไปได้ว่าคนที่อยู่กับมู่ซินหยาจะไม่ใช่หัวหน้าลี่? เซี่ยวเฉินมีข้อสงสัยนี้ขณะที่เขาครุ่นคิด,คนธรรมดาทั่วไปจะปิดซ่อนตัวตนได้ลึกเช่นนี้ได้อย่างไร?
เซี่ยวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมาและส่ายหัว มันเป็นสิ่งที่เขายังคิดไม่ตก
หลังจากที่เซี่ยวเฉินจากไปไกล,หัวหน้าสี่โยนจอบทิ้งไปด้านข้าง สายตาของเขาดูเหมือนกับว่าสามารถมองทะลุกําแพง และมองเห็นเซี่ยวเฉินที่กําลังเดินจากไป ดวงตาของเขาเผยความโหดเหี้ยมออกมา
เมื่อเซี่ยวเฉินมาถึงกองบัญชาการของชั้นนี้ เขาตัดสินใจเข้าพบเย่เหวิน เขารีบตรงไปรายงานทุกอย่างที่เขาสืบสวนให้เย่เหวินฟัง เมื่อเขากล่าวจบ,เขาบอกเย่เหวินถึงคําขอของหัวหน้าเขา
หลังจากที่เยาเหวินได้ยินดังนั้น,เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เอาล่ะ,ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว เจ้ากลับไปได้”
เซี่ยวเฉินเห็นว่าเย่เหวินไม่ได้ใส่ใจ,เขาก็พูดขึ้นอย่าง เป็นกังวล “ลุงเย่,คนพวกนี้ก็กําลังจะสิ้นสุดงานอยู่แล้ว มันไม่น่าจะมีปัญหาหากจะหักค่าจ้างของพวกเขาและให้พวกเขากลับออกไปก่อนใช่หรือไม่?”
เย่เหวินดูเหมือนกําลังยุ่งพร้อมกับเตรียมตัวที่จะออกไป เมื่อได้ยินคําของเซี่ยวเฉิน,เขาก็หยุดเท้าและพูดขึ้น “เจ้ามองเห็นปัญหาจากมุมมองของเจ้าเท่านั้น ไม่มีปัญหา หากคนเหมืองห้าสิบคนออกไป ถึงอย่างไร,พวกเขาก็จะจบงานอยู่แล้ว”
“อย่างไรก็ตามเจ้าเคยถึงถึงมุมนี้หรือไม่? มีคนเหมืองกว่าหนึ่งพันคนในชั้นนี้ ในตอนนี้ มีความกังวลอยู่เต็มหัวใจของทุกคน หากมีคนเหมืองกลุ่มใหญ่กลับออกจากเหมืองไปในตอนนี้เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา?”
หากในจังหวะเช่นนี้ มีคนกลุ่มใหญ่กลับออกไป,มันจะต้องสร้างความตื่นกลัวให้กับคนเหมืองที่เหลือ หลังจากนั้น,สถานการณ์อาจจะวุ่นวายไปถึงจุดที่ไม่อาจแก้ไขได้
เซี่ยวเฉันคิดถึงฉากนั้นในทันที แม้ว่ามันจะเป็นไปตามหลักการ,เซี่ยวเฉินยังคงรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
“เจ้าควรออกไปก่อน,พวกเรารู้ถึงสถานการณ์แล้ว ข้าจะจัดการภายในสองสามวัน” เย่เหวินเซี่ยวเฉินเฉินเมื่อเห็นว่าเขานิ่งเงียบไป
เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “ลุงเย่,รอก่อน ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องรายงาน”
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐานใดๆ เซี่ยวเฉินก็ยังติดสินใจบอกเย่เหวินเกี่ยวกับมู่ซินหยาและหัวหน้าลี่
หลังจากที่เย่เหวินได้ยินดังนั้น,สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง “พวกเราคือนิกายเดียวกัน หากไม่มีหลักฐาน,ก็อย่าได้มารายงาน”
เซี่ยวเฉินรู้สึกอึกอักพร้อมกับพูดขึ้น “ลุงเย่,ข้า…”
เย่เหวินขัดขึ้นในวันที่ “ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว กลับไปให้เร็ว หากเจ้ามารายงานโดยไม่มีหลักฐานอีก, ข้าจะไม่แสดงความปราณีอีกต่อไป”
ในคืนเดียวกันนั้นเอง,ที่ชั้นแปดของเหมือง,ภายในอุโมงค์ตัน
หัวหน้าลี่พูดกับมู่ซินหยา “เจ้าหมอนั้นที่มากับเจ้าดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มันพยายามจะทดสอบข้าในวันนี้”
มู่ซินหยาไม่ได้ประหลาดใจ “ไม่มีปัญหา เขาไม่มีหลักฐาน นอกจากนั้นเขาก็ไม่ใช่พวกตัวน่ารําคาญ”
หัวหน้าสี่ยังคงรู้สึกกับวล “พวกเราควรจะปิดปากเขาซะ? ข้ายังเตรียมตัวไม่พร้อมตอนนี้ หากเจ้าหมอนั้นมันมาขัดขาเรา,นั่นจะมีปัญหา
มู่ซินหยาส่ายหัว “ไม่จําเป็น เราจะทําตามแผนของเราในวันพรุ่งนี้ นั้นคือทั้งหมดที่เราจะทํา”
เมื่อหัวหน้าสี่ได้ยินเช่นนั้นเขาสีหน้าเปลี่ยน เขากล่าวอย่างตกใจ “พวกเราจะลงมือพรุ่งนี้? นั้นมันเร็วเกินไป ยิ่งข้ากลั่นสิ่งนั้นนานเท่าไหร,มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น มันจะปลอดภัยกว่าหากว่าเราลงมือในตอนสิ้นเดือน”
Comments