Immortal and Martial Dual Cultivation 189 เหตุร้ายแรง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 189 เหตุร้ายแรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 189 เหตุร้ายแรง

 

มู่ซินหยาพูดอย่างเฉยเมย “พวกเรามีราชันย์ซากศพกลายพันธุ์อยู่สองตัวรวมถึงตัวที่เพิ่งค้นพบ นั้นก็มีราชันย์ซากศพอยู่สามตัวแล้ว ราชันย์ซากศพแต่ละตัวมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับยอดกษัตริย์ยุทธ”

 

“ตามข้อตกลงเจ้าต้องเพิ่มเงินให้ข้าอีกครึ่งหนึ่ง ข้าอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้วและใช้ชีวิตอย่างน่าอดสู ข้าเหลืออดกับมันแล้ว” ขณะที่หัวหน้าลี่พูด,เขาเผยสีหน้ากระวนกระวาย

 

มู่ซินหยาคอ้วขมวดเล็กน้อย “เผ่าพันธุ์ของข้าได้เตรียมการนี้มาเป็นเวลานับร้อยปี ความพยายามสิบปีของเจ้าจะมาเทียบได้อย่างไร? เมื่อมาถึงช่วงสําคัญเจ้าก็เริ่มกลับคําพูด

 

หัวหน้าลี่หัวเราะคิกๆ “เจ้าจะพูดอะไรก็พูดไป,หากเจ้าไม่ทําอย่างที่ข้าพูดเจ้าก็ลืมสิ่งนี้ไปได้เลย”

 

พลังฉีเฉียบคมวูบผ่านดวงตาของนางพร้อมกับกระแสพลังของนางเร่งสูงขึ้นในทันที มันราวกับว่านางกําลังจะจู่โจมได้ทุกเวลา หัวหน้าลี่ยิ้มอย่างไม่แยแสและเดินตรงเข้ามาอย่างไร้ความหวาดกลัว

 

ในที่สุด,มู่ซินหยาก็ยอมถอย นางพูดอย่างเย็นชา “ตามที่เจ้าขอ ข้าจะเพิ่มหินวิญญาณระดับกลางที่เข้าจะได้รับเป็นสามพันก้อน”

 

อุโมงค์อีกแห่งหนึ่ง,เซี่ยวเฉินอยู่ในสภาวะไม่สงบ เขาฝึกฝนทักษะกระบุอย่างยุ่งเหยิง,สร้างสายลมรุนแรงขึ้นในอุโมงค์ที่สว่างไปด้วยไข่มุกราตรี กระบี่แสงวูบผ่านและมีเสียงติโกนไปในอากาศ

 

เซี่ยวเฉินฝึกฝนชุดวิชากระบี่ เมื่อกระแสพลังของเขาถูกเร่งถึงขีดสุด,เขาระเบิดเสียงตะโกนออกมา เขาขว้างกระบี่เงาจันทร์อย่างรุนแรง กระบีเรืองแสงพร้อมกับแทงเข้าไปบนกําแพงหิน

 

“ชัว ชัว!”

 

หินสีดําร่วงหล่นลงมาจากกําแพง กระบี่เงาจันทร์ฝังลงไปมิดบนกําแพง ความหงุดหงิดและเกรี้ยวกราดของเซียวเฉินปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

 

กล่าวได้ว่าเซี่ยวเฉินพยายามอย่างมากในการรวบรวมข่าวสารมา เขาไม่ได้คาดหวังรางวัลอะไรแม้แต่น้อย,เขาแค่อย่างจะให้เย่เหวินให้ความสนใจสักหน่อย ใครจะรู้ว่าเย่เหวินจะมาหาว่าเขาเป็นพวกขี้ฟ้อง

 

มันยิ่งทําให้เซี่ยวเฉินเศร้าอย่างมาก เขาสูดหายใจเข้าลึกสองสามครั้งก่อนที่จะสงบใจลง ดูเหมือนว่าเรื่องของหัวหน้าเขาจะไม่ได้ตอบรับ,เขาไม่รู้ว่าจะไปพบเขาในวันพรุ่งนี้อย่างไร

 

ไม่เป็นไร เดียวทุกอย่างก็คลี่คลายไปของมันเอง,เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง มันไม่เป็นไรหากว่าไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นจนถึงสิ้นเดือน

 

เป็นแค่หญิงสาวและคนเหมืองธรรมดา ข้าควรจะระวังยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาใหญ่หลวงอะไรขึ้นมาได้

 

ในเช้าวันต่อมา เซียวเฉินก็ทําตัวปกติเหมือนที่เคยทํามา,ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาออกไปลาดตะเวนพร้อมกับมู่ซินหยาและม่าเฉิน

 

ช่วงเช้าผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันทําให้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ไม่ต้องพูดถึงพวกซากศพ แม้แต่หนอนสูบวิญญาณที่พวกเขามักจะพบเห็นก็ถูกลบหายไปไร้ร่องรอย

 

เหมืองแลดูสงบสุขอย่างน่ากลัว ขณะที่เซี่ยวเฉินพบว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล,ทันใดนั้นมาเฉินก็พูดขึ้น “วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ข้ารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ”

 

เซี่ยวเฉินแลกเปลี่ยนสายตากับเขา เขาพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “เจ้าก็รู้สึกเช่นกัน? ข้าคิดว่ามีแค่ข้าที่รู้สึกไปคนเดีย

 

ม่าเฉินทําภารกิจในเหมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง สัญชาตญาณของเขาน่าเชื่อถือ เซี่ยวเฉินต้องระวังตัวอย่างช่วยไม่ได้

 

ตลอดการลาดตะเวนช่วงบ่าย เซียวเฉินระมัดระวังสภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นพิเศษ เขาเฝ้าระวังมู่ซินหยาด้วยเช่นกัน

 

หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น มันจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับมู่ซินหยา ตราบใดที่ข้าจับตาดูนางเอาไว้,ข้าก็สามารถรับมือกันมันได้

 

เมื่อพวกเขามาถึงทางแยก,ที่พวกเขาต้องแวะเวียน,เซียวเฉินเมินอุโมงค์ทางตันทั้งสองทางไปและมุ่งหน้าไปทางอุโมงค์ที่มีแสงสว่างด้านซ้าย

 

“นายน้อยเย่,ท่านใช่หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินยังไปได้ไม่ไกลก็มีเสียงอ่อนแรงดังออกมาจากอุโมงค์ทางต้นทางหนึ่ง เขาหยุดฝีเท้าลงและมุ่งหน้าไปหาอุโมงค์ตันทางนั้นโดยทันที

 

เขาขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปและพบร่างคนปรากฏขึ้น เซี่ยวเฉินตกตะลึงนั้นคือหัวหน้างานที่ได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน

 

“ใครอยู่ตรงนั้น?” ม่าเฉินถามอย่างสงสัย

 

เซี่ยวเฉินตอบกลับ “เขาคือหัวหน้าหวังที่ข้าเคยบอกเจ้าคราวก่อน เขาได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน ข้าไม่คาดคิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่”

 

“นายน้อยเย่,ท่านใช่หรือไม่?” เสียงอ่อนแรงลอยออกมาอีกครั้ง มันฟังดูราวกับลอดผ่านฟันที่กัดแน่นออกมา เสียงมันทําให้ขนหัวลุก,ทําให้พวกเขารู้สึกไม่สบายตัว

 

ม่าเฉินได้ดึงกระบี่ออกมาเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในสภาพตื่นตัวเต็มที่ เขาพูดกับเซียวเฉิน “น้องชายเย่,พวกเราควรเข้าไปหรือไม่?”

 

เซียวเฉินพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง,ทําเป็นครุ่นคิด แท้จริง,เขากําลังใช้สัมผัสวิญญาณของเขาสังเกตการณ์หัวหน้างานคนนั้น เขาพบว่านอกจากพลังชีวิตของเขาจะอ่อนแออย่างมาก เขาก็ไม่พบอะไรผิดปกติอีก

 

ถึงกระนั้น,คนผู้นี้ได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน จู่ๆมาปรากฏตัวเช่นนี้มันแปลกประหลาด;พวกเขาไม่กล้าประมาท

 

“พวกเราควรเข้าไปตรวจดูแค่ต้องตื่นตัวเอาไว้” เซี่ยวเฉินจับด้ามกระบี่เงาจันทร์พร้อมกับนํามาเฉินเข้าไปในอุโมงค์

 

เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้,พวกเขาพบว่าหัวหน้าหวังกําลังนอนอยู่กับพื้น เขาพิงอยู่กับกําแพงอย่างอ่อนแรงและโอดโอยออกมาอย่างจะขาดใจ เมื่อเซียวเฉินเห็นเช่นนั้น

 

เขาก็ลดการป้องกันลง

 

เซียวเฉินหยิบเอาขวดน้ำออกมาและส่งมันให้กับเขา หัวหน้าหวังเผยสีหน้าเป็นสุขเขายืนมืออกมารับขวดน้ำเอาไว้

 

“ฟู่ ฟิ่ว!”

 

“แคร้ง! แช้ง!”

 

เซียวเฉินไม่พบอะไรผิดปกติ อย่างไรก็ตามเขายื่นขวดน้ำออกไปได้ครึ่งทางก่อนที่ม่าเฉินที่อยู่ด้านข้างได้ฟันกระบี่ของเขาออกมา กระบี่ของเขาวาดผ่านอากาศ,มันรวดเร็วและไม่อาจหลบได้

 

คมกระบี่ฟันลงไปที่แขนของหัวหน้าหวังแต่ก็เรื่องเรื่องประหลาดเกิดขึ้น มือของหัวหน้าหวังไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด,กลับส่งเสียงเหล็กกระทบกันออกมา

 

เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยนและรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว หัวหน้าหวัง,ผู้ที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

เขาเลิกเสแสร้งและมีกลิ่นศพเน่าเหม็นลอยออกมาจากร่างของเขา เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด,เผยให้เห็นเนื้อหนังสีดํา

 

“เจ้าพบความผิดปกติได้อย่างไร?” เซียวเฉินถามมาเฉิน

 

ม่าเฉินรีบตอบกลับ “นิ้วของเขาเป็นสีดําทั้งหมด เสียรูปลักษณ์ของมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง”

 

เป็นเช่นนั้นนี้เองเซี่ยวเฉินมองไปที่หัวหน้าหวังอย่างตกตะลึง หลังจากไม่ได้พบเจอเขาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน,หัวหน้าหวังเปลี่ยนเป็นซากศพไปเสียแล้ว

 

“คัก! คัก! คัก! คัก!”

 

เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากปากของหัวหน้าหวัง เขาพูดเสียงชัด “ตอนแรกข้าจะหลอกให้ประหลาดใจเสีย ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสังเกตเห็น”

 

ม่าเฉินหน้าซีดพร้อมกับพูดขึ้นเสียงเบา “มีอะไรไม่ชอบมาพากล,เขายังมีสติอยู่ได้อย่างไร? หลังจากที่ติดพิษจากซากศพ,เขาควรจะกลายเป็นซากศพที่ไร้ความคิด”

 

เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย,เขาคิดไม่ออกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มนุษย์กลายไปเป็นซากศพมันเคยเกิดขึ้นมาก่อน ถึงอย่างไรก็ตาม,คนธรรมดาที่ติดพิษจากซากศพควรจะกลายเป็นซากศพที่ไร้ความคิด

 

ซากศพที่ไร้ความคิดมันไม่มีพลังต่อสู้มากนัก แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย

 

หัวหน้าหวังหัวเราะอย่างแปลกประหลาดอีกสองสามครั้งก่อนที่จะพูดขึ้น “เอาข้าไปเทียบกับซากศพไร้สติพวกนั้น? ข้าคือยอดราชันซากศพ ข้าคือผู้ที่เดินสายทางซากศพคือยอดราชันของซากศพนับพัน”

 

“ฟู่!” เขากวาดกรงเล็บไปในอากาศและผ้าคลุมสีทองก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า เขาสวมมันลงบนร่างกายของเขาและก็สวมมงกุฏสีทองไว้บนหัว

 

ซากศพตัวซีดแห้งแต่งกายด้วยชุดเช่นนี้ช่างดูประหลาดตา

 

“ใครสนว่าเจ้าจะเป็นใคร,ข้าจะฟันเจ้าให้ตายด้วยกระบี่ของข้า!”

 

“สับแยกภูผา!”

 

ม่าเฉินตะโกนอย่างเย็นชาและกระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในอากาศ:เขาได้ฝึกฝนสับแยกภูผานี้ไปจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

 

ภูผาใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขามันดูราวกับแบกพลังไว้นับพันกิโลกรัม,พลังของมันไร้ขอบเขตและยิ่งใหญ่

 

หัวหน้าหวัง,หรือยอดราชันซากศพ,หัวเราะอย่างเย็นชา เขาชี้นิ้วไปที่พื้นดินและทันใดนั้นมันก็แยกออก ซากศพทะลวงผ่านพื้นดินขึ้นมากระโดดเข้าใส่ม่าเฉิน

 

“สับ!”

 

ม่าเฉินมองดูกรงเล็บของซากศพที่ลอยมาในอากาศ สายตาเหยียดหยามปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาตะโกนอย่างเย็นชาและกระบี่ที่แบกพลังกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมสับลงไปที่ซากศพตัวนั้น

 

ทันใดนั้น,เซี่ยวเฉินพลว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เขารีบมองไปที่ซากศพในอากาศ แสงสีม่วงวูบไหวในดวงตาของเขาและทําให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

เขาสามารถเห็นแสงสีดํานับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ในเส้นโลหิตของมัน มีพลังสีดําวนเวียนอยู่ในจุดตันเที่ยนของมัน,หมุนวนไปราวกับพายุหมุน

 

เซียวเฉินตกตะลึงเห็นชัดว่าซากศพตัวนี้มันเป็นระเบิดเวลา พลังฉีสีดําที่ไหลเวียนอยู่ที่ตันเที่ยนก็คือตัวจุดระเบิดเมื่อพวกมันถูกทําลาย มันก็จะระเบิดออก

 

นอกจากนั้น, พลังของมันก็ไม่ใช่เล็กน้อย หากม่าเฉินไม่ได้เตรียมรับมือเขาจะเสียเปรียบอย่างหนัก

 

“แส้หางมังกรฟ้า!”

 

เซียวเฉินตะโกนออกมาและพลังปราณอันไร้ขอบเขตรวมตัวกันที่เท้าของเขา เขากระทบลงพื้นสันสะเทือนเล็กน้อย

 

ทันใดนั้นเชียวเฉินก็ราวกับถูกห่อหุ้มด้วยภาพลวงตาของมังกรฟ้า มันราวกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นมังกร หางของมังกรหมุนในอากาศและเกิดเป็นละลอกเคลื่อน พื้นที่เริ่มสั่นไหว

 

ต่อมาทันใดนั้น,ร่างของเซียวเฉินก็ก่อเกิดเป็นประกายแสงในอากาศ เขาเข้ามาถึงตัวม่าเฉินในทันทีและใช้ออกมโนภาพสามกระแสเมฆา

 

เซี่ยวเฉินกลายไปเป็นมหาสมุทรไร้ขอบเขตและซัดใส่ซากศพด้วยฝักกระบี่ของเขา คลื่นรุนแรงระเบิดออกจากมหาสมุทรและส่งซากศพลอยตรงไปหายอดราชันซากศพ

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฉินใช้ทักษะระดับสูงจากทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน หลังจากที่พลังแท้จริงของทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมา,ความเร็วของเขาถูกเร่งจนถึงขีดสุด ไม่ใช่เพียงแค่ม่าเฉินจะตอบสนองไม่ทัน,ยอดราชันซากศพก็ตอบสนองไม่ทันเช่นกัน

 

ซากศพร่างนั้นลอยไปครึ่งทางก่อนที่จักรพรรดิซากศพจะตอบสนอง ใบหน้าที่เที่ยวแห้งของมันเผยรอยยิ้มประหลาดพร้อมกับดีดนิ้วของมัน

 

“บูม!”

 

ซากศพร่างนั้นระเบิดขึ้นกลางอากาศ,กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันกลายเป็นลูกบอลพลังฉีสีดํา,ขยายออกไปยังพื้นที่โดยรอบ

 

สับแยกภูผาของม่าเฉินซัดลงไปที่ลูกบอลพลังฉี,ดูเหมือนพลังของพวกมันจะที่ดเทียมกัน เขาตีลังกากลางอากาศก่อนที่จะลงถึงพื้นอย่างมั่นคง

 

“น้ำไหลไร้ลักษณ์!”

 

เซี่ยวเฉินยังคงลอยอยู่ในอากาศและใช้ออกทักษะจากมโนภาพสามกระแสเมฆา ฝักกระบี่เลื่อนไหลไปอย่างนิ่มนวลราวกับสายน้ำ,กวาดลูกบอลฉีสีดําออกไปอย่างไร้ร่องรอย

 

เมื่อลูกบอลฉีสีดํากระจายออกไป,เซี่ยวเฉินและม่าเฉินมองไปที่จักรพรรดิซากศพอย่างระวังแม้ว่ามันจะเรียกตัวเองว่าจักรพรรดิซากศพ,ความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ได้ถึงระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ:พลังของมันเทียบเท่ามนุษย์ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

 

ถึงกระนั้น,ขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่ใช่อะไรที่ทั้งสองจะรับมือได้ นอกจากนั้น,มันยังเป็นสัตว์ประหลาดและแปลกประหลาดอย่างที่สุด มันแข็งแกร่งกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั่วไปเป็นอย่างมาก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 189 เหตุร้ายแรง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 189 เหตุร้ายแรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 189 เหตุร้ายแรง

 

มู่ซินหยาพูดอย่างเฉยเมย “พวกเรามีราชันย์ซากศพกลายพันธุ์อยู่สองตัวรวมถึงตัวที่เพิ่งค้นพบ นั้นก็มีราชันย์ซากศพอยู่สามตัวแล้ว ราชันย์ซากศพแต่ละตัวมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับยอดกษัตริย์ยุทธ”

 

“ตามข้อตกลงเจ้าต้องเพิ่มเงินให้ข้าอีกครึ่งหนึ่ง ข้าอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้วและใช้ชีวิตอย่างน่าอดสู ข้าเหลืออดกับมันแล้ว” ขณะที่หัวหน้าลี่พูด,เขาเผยสีหน้ากระวนกระวาย

 

มู่ซินหยาคอ้วขมวดเล็กน้อย “เผ่าพันธุ์ของข้าได้เตรียมการนี้มาเป็นเวลานับร้อยปี ความพยายามสิบปีของเจ้าจะมาเทียบได้อย่างไร? เมื่อมาถึงช่วงสําคัญเจ้าก็เริ่มกลับคําพูด

 

หัวหน้าลี่หัวเราะคิกๆ “เจ้าจะพูดอะไรก็พูดไป,หากเจ้าไม่ทําอย่างที่ข้าพูดเจ้าก็ลืมสิ่งนี้ไปได้เลย”

 

พลังฉีเฉียบคมวูบผ่านดวงตาของนางพร้อมกับกระแสพลังของนางเร่งสูงขึ้นในทันที มันราวกับว่านางกําลังจะจู่โจมได้ทุกเวลา หัวหน้าลี่ยิ้มอย่างไม่แยแสและเดินตรงเข้ามาอย่างไร้ความหวาดกลัว

 

ในที่สุด,มู่ซินหยาก็ยอมถอย นางพูดอย่างเย็นชา “ตามที่เจ้าขอ ข้าจะเพิ่มหินวิญญาณระดับกลางที่เข้าจะได้รับเป็นสามพันก้อน”

 

อุโมงค์อีกแห่งหนึ่ง,เซี่ยวเฉินอยู่ในสภาวะไม่สงบ เขาฝึกฝนทักษะกระบุอย่างยุ่งเหยิง,สร้างสายลมรุนแรงขึ้นในอุโมงค์ที่สว่างไปด้วยไข่มุกราตรี กระบี่แสงวูบผ่านและมีเสียงติโกนไปในอากาศ

 

เซี่ยวเฉินฝึกฝนชุดวิชากระบี่ เมื่อกระแสพลังของเขาถูกเร่งถึงขีดสุด,เขาระเบิดเสียงตะโกนออกมา เขาขว้างกระบี่เงาจันทร์อย่างรุนแรง กระบีเรืองแสงพร้อมกับแทงเข้าไปบนกําแพงหิน

 

“ชัว ชัว!”

 

หินสีดําร่วงหล่นลงมาจากกําแพง กระบี่เงาจันทร์ฝังลงไปมิดบนกําแพง ความหงุดหงิดและเกรี้ยวกราดของเซียวเฉินปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

 

กล่าวได้ว่าเซี่ยวเฉินพยายามอย่างมากในการรวบรวมข่าวสารมา เขาไม่ได้คาดหวังรางวัลอะไรแม้แต่น้อย,เขาแค่อย่างจะให้เย่เหวินให้ความสนใจสักหน่อย ใครจะรู้ว่าเย่เหวินจะมาหาว่าเขาเป็นพวกขี้ฟ้อง

 

มันยิ่งทําให้เซี่ยวเฉินเศร้าอย่างมาก เขาสูดหายใจเข้าลึกสองสามครั้งก่อนที่จะสงบใจลง ดูเหมือนว่าเรื่องของหัวหน้าเขาจะไม่ได้ตอบรับ,เขาไม่รู้ว่าจะไปพบเขาในวันพรุ่งนี้อย่างไร

 

ไม่เป็นไร เดียวทุกอย่างก็คลี่คลายไปของมันเอง,เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง มันไม่เป็นไรหากว่าไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นจนถึงสิ้นเดือน

 

เป็นแค่หญิงสาวและคนเหมืองธรรมดา ข้าควรจะระวังยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาใหญ่หลวงอะไรขึ้นมาได้

 

ในเช้าวันต่อมา เซียวเฉินก็ทําตัวปกติเหมือนที่เคยทํามา,ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาออกไปลาดตะเวนพร้อมกับมู่ซินหยาและม่าเฉิน

 

ช่วงเช้าผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันทําให้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ไม่ต้องพูดถึงพวกซากศพ แม้แต่หนอนสูบวิญญาณที่พวกเขามักจะพบเห็นก็ถูกลบหายไปไร้ร่องรอย

 

เหมืองแลดูสงบสุขอย่างน่ากลัว ขณะที่เซี่ยวเฉินพบว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล,ทันใดนั้นมาเฉินก็พูดขึ้น “วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ข้ารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ”

 

เซี่ยวเฉินแลกเปลี่ยนสายตากับเขา เขาพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “เจ้าก็รู้สึกเช่นกัน? ข้าคิดว่ามีแค่ข้าที่รู้สึกไปคนเดีย

 

ม่าเฉินทําภารกิจในเหมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง สัญชาตญาณของเขาน่าเชื่อถือ เซี่ยวเฉินต้องระวังตัวอย่างช่วยไม่ได้

 

ตลอดการลาดตะเวนช่วงบ่าย เซียวเฉินระมัดระวังสภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นพิเศษ เขาเฝ้าระวังมู่ซินหยาด้วยเช่นกัน

 

หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น มันจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับมู่ซินหยา ตราบใดที่ข้าจับตาดูนางเอาไว้,ข้าก็สามารถรับมือกันมันได้

 

เมื่อพวกเขามาถึงทางแยก,ที่พวกเขาต้องแวะเวียน,เซียวเฉินเมินอุโมงค์ทางตันทั้งสองทางไปและมุ่งหน้าไปทางอุโมงค์ที่มีแสงสว่างด้านซ้าย

 

“นายน้อยเย่,ท่านใช่หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินยังไปได้ไม่ไกลก็มีเสียงอ่อนแรงดังออกมาจากอุโมงค์ทางต้นทางหนึ่ง เขาหยุดฝีเท้าลงและมุ่งหน้าไปหาอุโมงค์ตันทางนั้นโดยทันที

 

เขาขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปและพบร่างคนปรากฏขึ้น เซี่ยวเฉินตกตะลึงนั้นคือหัวหน้างานที่ได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน

 

“ใครอยู่ตรงนั้น?” ม่าเฉินถามอย่างสงสัย

 

เซี่ยวเฉินตอบกลับ “เขาคือหัวหน้าหวังที่ข้าเคยบอกเจ้าคราวก่อน เขาได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน ข้าไม่คาดคิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่”

 

“นายน้อยเย่,ท่านใช่หรือไม่?” เสียงอ่อนแรงลอยออกมาอีกครั้ง มันฟังดูราวกับลอดผ่านฟันที่กัดแน่นออกมา เสียงมันทําให้ขนหัวลุก,ทําให้พวกเขารู้สึกไม่สบายตัว

 

ม่าเฉินได้ดึงกระบี่ออกมาเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในสภาพตื่นตัวเต็มที่ เขาพูดกับเซียวเฉิน “น้องชายเย่,พวกเราควรเข้าไปหรือไม่?”

 

เซียวเฉินพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง,ทําเป็นครุ่นคิด แท้จริง,เขากําลังใช้สัมผัสวิญญาณของเขาสังเกตการณ์หัวหน้างานคนนั้น เขาพบว่านอกจากพลังชีวิตของเขาจะอ่อนแออย่างมาก เขาก็ไม่พบอะไรผิดปกติอีก

 

ถึงกระนั้น,คนผู้นี้ได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน จู่ๆมาปรากฏตัวเช่นนี้มันแปลกประหลาด;พวกเขาไม่กล้าประมาท

 

“พวกเราควรเข้าไปตรวจดูแค่ต้องตื่นตัวเอาไว้” เซี่ยวเฉินจับด้ามกระบี่เงาจันทร์พร้อมกับนํามาเฉินเข้าไปในอุโมงค์

 

เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้,พวกเขาพบว่าหัวหน้าหวังกําลังนอนอยู่กับพื้น เขาพิงอยู่กับกําแพงอย่างอ่อนแรงและโอดโอยออกมาอย่างจะขาดใจ เมื่อเซียวเฉินเห็นเช่นนั้น

 

เขาก็ลดการป้องกันลง

 

เซียวเฉินหยิบเอาขวดน้ำออกมาและส่งมันให้กับเขา หัวหน้าหวังเผยสีหน้าเป็นสุขเขายืนมืออกมารับขวดน้ำเอาไว้

 

“ฟู่ ฟิ่ว!”

 

“แคร้ง! แช้ง!”

 

เซียวเฉินไม่พบอะไรผิดปกติ อย่างไรก็ตามเขายื่นขวดน้ำออกไปได้ครึ่งทางก่อนที่ม่าเฉินที่อยู่ด้านข้างได้ฟันกระบี่ของเขาออกมา กระบี่ของเขาวาดผ่านอากาศ,มันรวดเร็วและไม่อาจหลบได้

 

คมกระบี่ฟันลงไปที่แขนของหัวหน้าหวังแต่ก็เรื่องเรื่องประหลาดเกิดขึ้น มือของหัวหน้าหวังไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด,กลับส่งเสียงเหล็กกระทบกันออกมา

 

เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยนและรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว หัวหน้าหวัง,ผู้ที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

เขาเลิกเสแสร้งและมีกลิ่นศพเน่าเหม็นลอยออกมาจากร่างของเขา เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด,เผยให้เห็นเนื้อหนังสีดํา

 

“เจ้าพบความผิดปกติได้อย่างไร?” เซียวเฉินถามมาเฉิน

 

ม่าเฉินรีบตอบกลับ “นิ้วของเขาเป็นสีดําทั้งหมด เสียรูปลักษณ์ของมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง”

 

เป็นเช่นนั้นนี้เองเซี่ยวเฉินมองไปที่หัวหน้าหวังอย่างตกตะลึง หลังจากไม่ได้พบเจอเขาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน,หัวหน้าหวังเปลี่ยนเป็นซากศพไปเสียแล้ว

 

“คัก! คัก! คัก! คัก!”

 

เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากปากของหัวหน้าหวัง เขาพูดเสียงชัด “ตอนแรกข้าจะหลอกให้ประหลาดใจเสีย ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสังเกตเห็น”

 

ม่าเฉินหน้าซีดพร้อมกับพูดขึ้นเสียงเบา “มีอะไรไม่ชอบมาพากล,เขายังมีสติอยู่ได้อย่างไร? หลังจากที่ติดพิษจากซากศพ,เขาควรจะกลายเป็นซากศพที่ไร้ความคิด”

 

เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย,เขาคิดไม่ออกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มนุษย์กลายไปเป็นซากศพมันเคยเกิดขึ้นมาก่อน ถึงอย่างไรก็ตาม,คนธรรมดาที่ติดพิษจากซากศพควรจะกลายเป็นซากศพที่ไร้ความคิด

 

ซากศพที่ไร้ความคิดมันไม่มีพลังต่อสู้มากนัก แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย

 

หัวหน้าหวังหัวเราะอย่างแปลกประหลาดอีกสองสามครั้งก่อนที่จะพูดขึ้น “เอาข้าไปเทียบกับซากศพไร้สติพวกนั้น? ข้าคือยอดราชันซากศพ ข้าคือผู้ที่เดินสายทางซากศพคือยอดราชันของซากศพนับพัน”

 

“ฟู่!” เขากวาดกรงเล็บไปในอากาศและผ้าคลุมสีทองก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า เขาสวมมันลงบนร่างกายของเขาและก็สวมมงกุฏสีทองไว้บนหัว

 

ซากศพตัวซีดแห้งแต่งกายด้วยชุดเช่นนี้ช่างดูประหลาดตา

 

“ใครสนว่าเจ้าจะเป็นใคร,ข้าจะฟันเจ้าให้ตายด้วยกระบี่ของข้า!”

 

“สับแยกภูผา!”

 

ม่าเฉินตะโกนอย่างเย็นชาและกระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในอากาศ:เขาได้ฝึกฝนสับแยกภูผานี้ไปจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

 

ภูผาใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขามันดูราวกับแบกพลังไว้นับพันกิโลกรัม,พลังของมันไร้ขอบเขตและยิ่งใหญ่

 

หัวหน้าหวัง,หรือยอดราชันซากศพ,หัวเราะอย่างเย็นชา เขาชี้นิ้วไปที่พื้นดินและทันใดนั้นมันก็แยกออก ซากศพทะลวงผ่านพื้นดินขึ้นมากระโดดเข้าใส่ม่าเฉิน

 

“สับ!”

 

ม่าเฉินมองดูกรงเล็บของซากศพที่ลอยมาในอากาศ สายตาเหยียดหยามปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาตะโกนอย่างเย็นชาและกระบี่ที่แบกพลังกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมสับลงไปที่ซากศพตัวนั้น

 

ทันใดนั้น,เซี่ยวเฉินพลว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เขารีบมองไปที่ซากศพในอากาศ แสงสีม่วงวูบไหวในดวงตาของเขาและทําให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

เขาสามารถเห็นแสงสีดํานับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ในเส้นโลหิตของมัน มีพลังสีดําวนเวียนอยู่ในจุดตันเที่ยนของมัน,หมุนวนไปราวกับพายุหมุน

 

เซียวเฉินตกตะลึงเห็นชัดว่าซากศพตัวนี้มันเป็นระเบิดเวลา พลังฉีสีดําที่ไหลเวียนอยู่ที่ตันเที่ยนก็คือตัวจุดระเบิดเมื่อพวกมันถูกทําลาย มันก็จะระเบิดออก

 

นอกจากนั้น, พลังของมันก็ไม่ใช่เล็กน้อย หากม่าเฉินไม่ได้เตรียมรับมือเขาจะเสียเปรียบอย่างหนัก

 

“แส้หางมังกรฟ้า!”

 

เซียวเฉินตะโกนออกมาและพลังปราณอันไร้ขอบเขตรวมตัวกันที่เท้าของเขา เขากระทบลงพื้นสันสะเทือนเล็กน้อย

 

ทันใดนั้นเชียวเฉินก็ราวกับถูกห่อหุ้มด้วยภาพลวงตาของมังกรฟ้า มันราวกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นมังกร หางของมังกรหมุนในอากาศและเกิดเป็นละลอกเคลื่อน พื้นที่เริ่มสั่นไหว

 

ต่อมาทันใดนั้น,ร่างของเซียวเฉินก็ก่อเกิดเป็นประกายแสงในอากาศ เขาเข้ามาถึงตัวม่าเฉินในทันทีและใช้ออกมโนภาพสามกระแสเมฆา

 

เซี่ยวเฉินกลายไปเป็นมหาสมุทรไร้ขอบเขตและซัดใส่ซากศพด้วยฝักกระบี่ของเขา คลื่นรุนแรงระเบิดออกจากมหาสมุทรและส่งซากศพลอยตรงไปหายอดราชันซากศพ

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฉินใช้ทักษะระดับสูงจากทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน หลังจากที่พลังแท้จริงของทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมา,ความเร็วของเขาถูกเร่งจนถึงขีดสุด ไม่ใช่เพียงแค่ม่าเฉินจะตอบสนองไม่ทัน,ยอดราชันซากศพก็ตอบสนองไม่ทันเช่นกัน

 

ซากศพร่างนั้นลอยไปครึ่งทางก่อนที่จักรพรรดิซากศพจะตอบสนอง ใบหน้าที่เที่ยวแห้งของมันเผยรอยยิ้มประหลาดพร้อมกับดีดนิ้วของมัน

 

“บูม!”

 

ซากศพร่างนั้นระเบิดขึ้นกลางอากาศ,กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันกลายเป็นลูกบอลพลังฉีสีดํา,ขยายออกไปยังพื้นที่โดยรอบ

 

สับแยกภูผาของม่าเฉินซัดลงไปที่ลูกบอลพลังฉี,ดูเหมือนพลังของพวกมันจะที่ดเทียมกัน เขาตีลังกากลางอากาศก่อนที่จะลงถึงพื้นอย่างมั่นคง

 

“น้ำไหลไร้ลักษณ์!”

 

เซี่ยวเฉินยังคงลอยอยู่ในอากาศและใช้ออกทักษะจากมโนภาพสามกระแสเมฆา ฝักกระบี่เลื่อนไหลไปอย่างนิ่มนวลราวกับสายน้ำ,กวาดลูกบอลฉีสีดําออกไปอย่างไร้ร่องรอย

 

เมื่อลูกบอลฉีสีดํากระจายออกไป,เซี่ยวเฉินและม่าเฉินมองไปที่จักรพรรดิซากศพอย่างระวังแม้ว่ามันจะเรียกตัวเองว่าจักรพรรดิซากศพ,ความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ได้ถึงระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ:พลังของมันเทียบเท่ามนุษย์ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ

 

ถึงกระนั้น,ขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่ใช่อะไรที่ทั้งสองจะรับมือได้ นอกจากนั้น,มันยังเป็นสัตว์ประหลาดและแปลกประหลาดอย่างที่สุด มันแข็งแกร่งกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั่วไปเป็นอย่างมาก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+