Immortal and Martial Dual Cultivation 192 ผู้สืบทอดนิกายซากศพเลือนไหล
Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 192 ผู้สืบทอดนิกายซากศพเลือนไหล
มีระดับนักบุญของศาลากระบี่สวรรค์ประมาณ 200 คน จํานวนต่างจากพวกซากศพแบบเทียบไม่ได้ พวกเขาพยายามอย่างหนัก,ป้องกันอย่างอดทน
อย่างไรก็ตาม,กําลังหลักของทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด มือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของหินที่ผนึกมารอสูรเอาไว้ พลังฉีฆ่าฟันของพวกเขาสงวนเอาไว้ขณะที่จับกระบี่เอาไว้แน่น พวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะลงมือ
เซี่ยวเฉินเฝ้าดูอยู่นาน,แต่เขาไม่พบระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์แม้แต่คนเดียวคอยนําการรบ มีเพียงผู้อาวุโสขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่ยืนอยู่ในระยะไกล,ค่อยสังเกตสถานการณ์
ท่ามกลางหมู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ, เซี่ยวเฉินพบเห็นเย่เหวิน เย่เหวินเป็นเหมือนเดิมไม่สามารถค้นพบว่าเขาคิดอะไรอยู่จากการมองดูสีหน้าของเขา เขานิ่งสงบอย่างมาก,ราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
ทางด้านนิกายซากศพเลื่อนไหล ไม่มีซากศพที่แข็งแกร่งกําลังต่อสู้ มีสามซากศพร่างใหญ่กําลังยืนอยู่ตรงกลาง ซากศพวกนั้นสูงกว่าห้าเมตร สีผิวของพวกมันดําสนิท มีพลังฉีสีดําหนาแน่นไหลออกมาจากร่างของพวกมัน
บางครั้ง,พวกมันก็ร้องคํารามเสียงแหบแห้ง เซี่ยวเฉินเพียงมองดูจากระยะห่างออกไป แต่เขายังคงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล,ทําให้เขาสั่นเทาด้วยความกลัว
หรือสามตัวนั้นจะเป็นราชันซากศพ? เซี่ยวเฉินสงสัยอย่างเกรงกลัว สําหรับซากศพที่ได้กลายเป็นราชันซากศพ,เขามันจะต้องเป็นอย่างน้อยระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังยากที่พวกเขาตายและกลายเป็นซากศพ,พวกเขาสามารถเก็บใช้ทักษะต่อสู้และประสบการณ์ต่อสู้เมื่อก่อนหน้าได้
ภายใต้การควบคุมของนิกายซากศพเลื่อนไหล,พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธทั่วไปอย่างมาก นี่เป็นเพราะร่างที่ไม่มีวันตายของพวกเขา,ไร้ซึ่งความกลัว และร่างที่ราวกับเหล็กที่ไม่สามารถทําลายได้ด้วยน้ำหรือไฟ
ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม,มีซากศพสูงสองเมตรนับร้อยตัว ทั่วทั้งร่างของมันปลดปล่อยพลังฉีสีดําออกมา พวกมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และมันเห็นชัดว่ากระแสพลังของพวกเขาต่างจากซากศพตัวอื่นๆ
พวกเขาจะต้องเป็นซากศพกลายพันธ์ที่เป็นรองเพียงราชันซากศพ พวกมันสามารถยืนหยัดต่อสู้ประมือกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธได้
ด้านหลังของราชันซากศพ,มีคนประมาณสิบคนที่แต่งตัวด้วยชุดสีดํา พวกเขาทั้งหมดซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของราชันซากศพ เซี่ยวเฉินพบหัวหน้าสี่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น
มองดูข้างหลังไปอีก,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินยังพบสิบซากศพยอดกษัตริย์ยุทธที่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว พวกนั้นเป็นผู้สืบทอดของนิกายซากศพเลื่อนไหลฝ่ายที่เดินเส้นทางแห่งซากศพ
เปลี่ยนตัวเองให้กลายไปเป็นสภาพกึ่งเป็นกิ่งตาย เทียบกับซากศพทั่วไป,พวกเขายังมีสตินึกคิดแบบคนธรรมดา พวกเขารับมือได้ยากมากราชันซากศพทั่วไปเทียบไม่ติด
เซี่ยวเฉินกําลังรู้สึกงุนงง นิกายซากศพเลื่อนไหลมีระดับสูงที่แข็งแกร่ง,ศาลากระบี่สวรรค์สามารถยืนหยัดไว้ได้เยี่ยงไร? พวกเขามีเพียงสิบขอบเขตกษัตริย์ยุทธอยู่ที่นี่ในตอนนี้
แม้ว่ามือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยพลังฉีอสูรที่น่าหวาดกลัวสุดขีดออกมา,ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขาก็อยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุณขั้นกลางถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง แม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์สู้รบโชกโชน, พวกเขาก็ยังเทียบไม่ได้กับราชันซากศพ
การต่อสีในแม่น้ำเริ่มเอนเอียงไปทางนิกายซากศพเลื่อนไหล ระดับขอบเขตนักบุญของศาลากระบี่สวรรค์กําลังพ่ายแพ้ลงอย่างช้าๆ ซากศพจํานวนมากพุ่งไปด้านตรงข้ามของฝั่งแม่น้ำ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกซากศพจะได้ขึ้นไปไดล,พลังงานอันแข็งแกร่งถูกยิงออกมาสลายผิวหนังที่แข็งรางกับเหล็กของพวกมัน ต่อหน้าพลังงานนี้,พวกมันราวกับเป็นเต้าหู้นุ่มนิ่ม
เซี่ยวเฉินสังเกตการณ์อย่างละเอียดและพบว่าเป็นพลังงานที่มาจากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธพวกนั้น มันมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างขอบเขตกษัตริย์ยุทธกับขอบเขตนักบุญ เพียงครั้งเดียวสามารถสลายเหล่าซากศพที่ปรับแต่งพิเศษไปได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธลงมือ,การต่อสู้ที่เริ่มโอนเอียงไปทางนิกายซากศพเลื่อนไหลก็กลับมาสมดุลอีกครั้ง
“ฟู่!”
ทันใดนั้น,ร่างสีเงินก็ลอยผ่านมาในอากาศ ผมสีเงินของคนผู้นั้นเป็นประกายระยิบระยับ ร่างอันงดงามของนาง จากนั้นก็ลงจอดอย่างมั่นคง,ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม
หัวหน้าสี่คิ้วขมวดเล็กน้อยและกล่าวอย่างเฉยเมย “องค์หญิงมู่,ทําไมท่านเพิ่งถึงมาปรากฏตัวตอนนี้?”
มู่ซินหยามองดูสถานการณ์และพูดอย่างเฉยเมย “ข้ามีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการ ไม่จําเป็นต้องไปใส่ใจ บอกข้าถึงสถานการณ์ในตอนนี้”
หัวหน้าสี่ตอบกลับ “ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่ผู้อาวุโสระดับสูงของศาลากระบีสวรรค์ยังไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าไม่มั่นใจ,ดังนั้นข้าจึงไม่ได้บุกเต็มกําลัง”
มู่ซินหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน แค่บุกเต็มกําลังไปซะ เมื่อบรรพบุรุษมารอสูรถูกปลดปล่อยออกมาไม่ว่าจะมีผู้อาวุโสระดับสูงสักกี่คน,มันก็ไร้ประโยชน์”
หัวหน้าสี่พูด “ท่านแน่ใจ? หากพวกเราล้มเหลว,ความพยายามกว่าหนึ่งร้อยปีของนิกายซากศพเลื่อนไหลจะเปล่าประโยชน์”
มู่ซินฟยาหยิบเอาลูกศรที่เรืองแสงสีดําออกมา “นี่คืออาวุธต้องห้ามของเผ่าพันธุ์ของข้า มันได้ถูกส่งต่อมาตั้งแต่ยุคโบราณ;จากนั้นก็ได้ถูกปรับแต่งมานับร้อยปี”
“ตราบใดที่ข้าสามารถเข้าไปยังค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารได้,ข้ามั่นใจว่าจะสามารถทําลายหินที่ผนึกราชันมารอสูรเอาไว้ จากนั้น,ขอบเขตที่อยู่ภายในเหมืองวิญญาณแห่งนี้ทั้งหมดจะถูกทําลาย,หินวิญญาณทั้งหมดจะกลายเป็นได้เจ้าของ”
“มีหินวิญญาณมากมาย พวกมันเพียงพอที่จะให้เจ้าใช้ฟื้นฟูนิกายซากศพเลื่อนไหล”
หลังจากที่หัวหน้าได้ยินดังนั้นเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หารือกับผู้คนที่อยู่ด้านหลัง ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจ “บุกเต็มกําลัง!”
ชายชุดดําสิบคนที่กําลังควบคุมซากศพเปลี่ยนท่วงท่ามือของพวกเขา ซากศพทั้งหมดกระทืบพื้นและดีดตัวขึ้นไปในอากาศ
ภายในถ้ำแห่งนี้ มีเสียง “ปะ ปะ ปะ” ดังขึ้นมาจากกําแพงทั่วทุกทิศ ราวกับดอกไม้ที่กําลังผลิบาน,ซากศพปืนออกมาจากกําแพง
พวกซากศพทั้งหมดดูบ้าคลั่งความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาในทันที นิกายซากศพเลื่อนไหตอนนี้ชิงความได้เปรียบ
ก่อนที่พวกเขาจะสามารถถอยกลับไป,ระดับขอบเขตนักบุญกว่าร้อยคนที่เหลืออยู่ในแม่น้ำทั้งหมดถูกกลืนหายไปในฝูงซากศพ
สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นพวกเขาก็ใช้ออกทักษะเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ไปยังด้านหลังของถ้ำอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ซากศพที่บ้าคลั่งรุดขึ้นหน้ามา
“ฆ่า!”
ในจังหวะนั้นเองเมือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในที่สุดก็ลงมือ พวกเขาทั้งหมดตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน ทําให้ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือน
ฉีฆ่าฟันปะทุออกมาโดยไม่มีกักเอาไว้ พวกเขากลายเป็นผืนสมุทร:พลังฉีชั่วร้ายได้ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร
พลังนี่ชั่วร้ายได้แทรกซึมไปถึงกระดูกของพวกเขา แม้แต่เหล่าากศพที่ได้ตายไปแล้ว ด้วยสัญชาตญาณของร่างกาย, พวกมันอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ่ม
“ปัง!ปัง!ปัง!”
พวกเขาทั้งหมดชักกระบี่ออกมาพร้อมกัน เสียงกระบี่นับร้อยเล่มที่ถูกชักออกมาพร้อมกันดังสะท้อนไปมาภายในถ้ำ กระบี่ยาวประมาณ 1 เมตรและหนาประมาณ 5 เซนติเมตร,มีสีแดงกําเรื่องอยู่บนคมกระบี มองแวบเดียว ก็เห็นชัดว่าพวกมันไม่ใช่กระบี่ทั่วไป
กระบี่พวกนี้รู้จักกระในชื่อกระบี่สูบโลหิต เมื่อพวกมันถูกแทงเข้าไปในร่างของคนที่มีชีวิตและใช้ด้วยทักษะบ่มเพาะพลังพิเศษ,พวกมันสามารถสูบเลือดของคนผู้นั้นให้เดือดแห้งได้ในทันที มันเป็นหนึ่งในขุมพลังของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่สามารถดูดเลือดของฝ่ายตรงข้ามให้เดือดแห้งภายในกระบวณท่าเดียว
วิธีการหลอมกระบี่พวกนี้ได้สูญหายไปแล้ว มีเพียงหนึ่งพันเล่มที่ตกทอดมาในค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ที่ไม่ได้มาจากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์, ต่อให้เป็นศิษย์แก่นกลางเก็ไม่สามารถได้รับพวกมันไป
หลังจากที่มือกระบี่หนึ่งร้อยคนจากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ลงมือ,สถานการณ์พลิกกลับในทันที
ต่อหน้าของศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ซากศพที่ระดับขอบเขตนักบุญยังรับมือได้ลําบากก็ถูกดูดจนเดือดแห้งภายในกระบี่จังหวะเดียว หลังจากที่ซากศพล้มลง,พวกมันกลายเป็นสายความคับแค้นใจและลอยเข้าไปในกระบี่
ยิ่งพวกเขาสังหารซากศพไปมากเท่าไหร,กระบี่สูบโลหิตก็กักเก็บความคับแค้นใจมากขึ้นเท่านั้น ศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับปีศาจที่ขึ้นมาจากนรก,พวกเขาสีหน้าท่าทางดุเดือด
พวกเขาดูราวกับปีศาจและสัตว์ประหลาด,น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าพวกซากศพ ยิ่งพวกเขากักเก็บความคับแค้นใจมากขึ้นเท่าไหร,พวกเขายิ่งปลดปล่อยฉีชั่วร้ายออกมามากขึ้นเท่านั้น ความเร็วและความแข็งแกร่งของกระบี่ของพวกเขาระเบิดเพิ่มขึ้น
เส้นทางแห่งการฆ่าฟัน,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอย่างตกตะลึง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทําไมครั้งแรกที่ข้าเห็นศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ถึงได้มีเจตนาโหดเหี้ยมปะทุออกมาจากจิตใจของเขา
เขาไม่คาดคิดว่าจะมีทักษะบ่มเพาะพลังที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ภายในศาลากระบี่สวรรค์ พวกเขาสําเร็จเส้นทางยุทธของพวกเขาด้วยการดื่มไปกับความสนุกในการฆ่าฟัน ทักษะต่อสู้ทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่การฆ่าฟัน
ทักษะบ่มเพาะพลังเช่นนี้น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าเส้นทางแห่งซากศพ ผู้บ่มเพาะพลังที่เดินสายเส้นทางแห่งการฆ่าฟันจะต้องสังหารผู้บ่มเพาะพลังไปมากกว่าหนึ่งพันคนในชีวิตของเขา
นอกจากนั้น ผู้คนที่พวกเขาสังหารระดับการบ่มเพาะพลังจะต้องไม่ต่ำไปกว่าของพวกเขา มิฉะนั้นมันจะไร้ประโยชน์
สําหรับการบ่มเพาะพลังนี้ พวกเขาสามารถกักเก็บความคับแค้นใจหลังจากที่สังหารคู่ต่อสู่และใช้มันเพื่อยกระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขา:มันช่างน่าหวาดกลัว
ผู้บ่มเพาะพลังเส้นทางแห่งการฆ่าฟันจะสามารถยืนหยัดเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่มีขอบเขตการบ่มเพาะพลังสูงกว่าพวกเขาได้ หากฝ่ายตรงข้ามประมาท,มันอาจจะสังหารฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือคนพวกนี้ไม่เกรงกลัวความตาย ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ความตายมากเท่าไหร,พวกเขายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
มันมีเพียงมือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งร้อยคน,แต่พวกเขาสามารถป้องกันค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารได้อย่างมั่นคงไม่ปล่อยให้มีอะไรเล็ดลอดเข้าไปได้ พวกเขาสังหารซากศพทุกคัวที่เข้าใกล้ในทันที
ภายใต้การควบคุมของชายชุดดํา,เหล่าซากศพพุ่งตัวขึ้นหน้าต่อไป ในตอนนี้ เสียงฆ่าฟันสั่นสะเทือนพื้นที่:เสียงโห่ร้องราวกับฟ้าคําราม ทั่วทั้งถ้ำใต้ดินดูราวกับกลายเป็นนรกบนดิน มันโหดเหี้ยมเป็นอย่างมากเลือดที่ไหลรินมันมากพอที่จะไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำ
ไม่นานนัก,มือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้สังหารซากศพปรับแต่งไปมากกว่าหนึ่งพัน อย่างไรก็ตาม ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีใครตกตายไปแม้แต่คนเดียว
ความคับแค้นใจอันไร้ขอบเขตล้อมรอบกระบี่ของพวกเขา เมื่อสังเกตดูอย่างละเอียด, จะพบว่ามีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดของดวงวิญญาณดังออกมาจากพวกมัน คนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเหนื่อยล้า,ภายใต้การกระตุ้นของความคับแค้นใจ,พวกเขากลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
หัวหน้าสี่ตกตะลึง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่ง,เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะน่าหวาดกลัวถึงระดับนี้ สังหารซากศพปรับแต่งพวกนั้นได้ง่ายดายราวกับหุ้นผัก
มู่ซินหยากล่าวอย่างเฉยเมย “อย่าได้ตื่นกลัว พวกเขาเพียงใช้ทักษะลับพิเศษ ในการเสริมความแข็งแกร่งของตัวเอง,ซากศพที่ไม่มีจิตวิญญาณสติปัญญาไม่สามารถทําอะไรพวกเขาได้ ปลดปล่อยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้วก็ใช้ซากศพกลายพันธุ์ออกมาซะ”
หัวหน้าลี่พยักหน้าและโบกมือของเขา ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม,ซากศพกลายพันธุ์หนึ่งร้อยกว่าตัวปลดปล่อยฉีสีดํากระโดดออกมา
ซากศพกลายพันธุ์พวกนี้มีจิตวิญญาณสติปัญญาเล็กน้อย พวกมันมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งในตอนที่มีชีวิตอยู่ ด้วยคําสั่งเดียว,พวกมันพุ่งขึ้นหน้าโจมตีโดยอัตโนมัติ
นอกจากนั้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของมันยังสูงมาก ในตอนที่มีชีวิตพวกมันเป็นอย่างน้อยกระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หลังจากที่พวกมันได้รับคําสั่ง, พวกมันก็เคลื่อนไปราวกับลูกศรอันรวดเร็ว,กระโดดผ่านแม่น้ำกว้างร้อยเมตร;พวกมันได้มาถึงด้านหน้าของมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในทันที
“ฆ่า!”
จํานวนของซากศพกลายพันธุ์พอๆกับจํานวนของมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเขามาพบกัน,การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้น เปรียบเทียบกับซากศพปรับแต่ง,ที่สร้างขึ้นมาจากร่างของคนเหมืองธรรมดา ซากศพกลายพันธุ์แข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถสังหารพวกมันได้ภายในทันที เมื่อกระบี่สูบโลหิตในมือของพวกเขาซัดเข้าที่ซากศพกลายพันธุ์,พวกมันเกิดเป็นเสียงเหล็กกระทบออกมา
ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเหลือไว้บนร่างของซ่กศพกลายพันธุ์ พวกมันส่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาด “คัก คัก” ออกมาพร้อมกับใช้ออกทักษะต่อสู้ที่พวกมันเรียนรู้มาจากตอนที่ยังมีชีวิต
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation 192 ผู้สืบทอดนิกายซากศพเลือนไหล
Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 192 ผู้สืบทอดนิกายซากศพเลือนไหล
มีระดับนักบุญของศาลากระบี่สวรรค์ประมาณ 200 คน จํานวนต่างจากพวกซากศพแบบเทียบไม่ได้ พวกเขาพยายามอย่างหนัก,ป้องกันอย่างอดทน
อย่างไรก็ตาม,กําลังหลักของทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด มือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของหินที่ผนึกมารอสูรเอาไว้ พลังฉีฆ่าฟันของพวกเขาสงวนเอาไว้ขณะที่จับกระบี่เอาไว้แน่น พวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะลงมือ
เซี่ยวเฉินเฝ้าดูอยู่นาน,แต่เขาไม่พบระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์แม้แต่คนเดียวคอยนําการรบ มีเพียงผู้อาวุโสขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่ยืนอยู่ในระยะไกล,ค่อยสังเกตสถานการณ์
ท่ามกลางหมู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ, เซี่ยวเฉินพบเห็นเย่เหวิน เย่เหวินเป็นเหมือนเดิมไม่สามารถค้นพบว่าเขาคิดอะไรอยู่จากการมองดูสีหน้าของเขา เขานิ่งสงบอย่างมาก,ราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
ทางด้านนิกายซากศพเลื่อนไหล ไม่มีซากศพที่แข็งแกร่งกําลังต่อสู้ มีสามซากศพร่างใหญ่กําลังยืนอยู่ตรงกลาง ซากศพวกนั้นสูงกว่าห้าเมตร สีผิวของพวกมันดําสนิท มีพลังฉีสีดําหนาแน่นไหลออกมาจากร่างของพวกมัน
บางครั้ง,พวกมันก็ร้องคํารามเสียงแหบแห้ง เซี่ยวเฉินเพียงมองดูจากระยะห่างออกไป แต่เขายังคงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล,ทําให้เขาสั่นเทาด้วยความกลัว
หรือสามตัวนั้นจะเป็นราชันซากศพ? เซี่ยวเฉินสงสัยอย่างเกรงกลัว สําหรับซากศพที่ได้กลายเป็นราชันซากศพ,เขามันจะต้องเป็นอย่างน้อยระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังยากที่พวกเขาตายและกลายเป็นซากศพ,พวกเขาสามารถเก็บใช้ทักษะต่อสู้และประสบการณ์ต่อสู้เมื่อก่อนหน้าได้
ภายใต้การควบคุมของนิกายซากศพเลื่อนไหล,พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธทั่วไปอย่างมาก นี่เป็นเพราะร่างที่ไม่มีวันตายของพวกเขา,ไร้ซึ่งความกลัว และร่างที่ราวกับเหล็กที่ไม่สามารถทําลายได้ด้วยน้ำหรือไฟ
ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม,มีซากศพสูงสองเมตรนับร้อยตัว ทั่วทั้งร่างของมันปลดปล่อยพลังฉีสีดําออกมา พวกมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และมันเห็นชัดว่ากระแสพลังของพวกเขาต่างจากซากศพตัวอื่นๆ
พวกเขาจะต้องเป็นซากศพกลายพันธ์ที่เป็นรองเพียงราชันซากศพ พวกมันสามารถยืนหยัดต่อสู้ประมือกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธได้
ด้านหลังของราชันซากศพ,มีคนประมาณสิบคนที่แต่งตัวด้วยชุดสีดํา พวกเขาทั้งหมดซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของราชันซากศพ เซี่ยวเฉินพบหัวหน้าสี่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น
มองดูข้างหลังไปอีก,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินยังพบสิบซากศพยอดกษัตริย์ยุทธที่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว พวกนั้นเป็นผู้สืบทอดของนิกายซากศพเลื่อนไหลฝ่ายที่เดินเส้นทางแห่งซากศพ
เปลี่ยนตัวเองให้กลายไปเป็นสภาพกึ่งเป็นกิ่งตาย เทียบกับซากศพทั่วไป,พวกเขายังมีสตินึกคิดแบบคนธรรมดา พวกเขารับมือได้ยากมากราชันซากศพทั่วไปเทียบไม่ติด
เซี่ยวเฉินกําลังรู้สึกงุนงง นิกายซากศพเลื่อนไหลมีระดับสูงที่แข็งแกร่ง,ศาลากระบี่สวรรค์สามารถยืนหยัดไว้ได้เยี่ยงไร? พวกเขามีเพียงสิบขอบเขตกษัตริย์ยุทธอยู่ที่นี่ในตอนนี้
แม้ว่ามือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยพลังฉีอสูรที่น่าหวาดกลัวสุดขีดออกมา,ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขาก็อยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุณขั้นกลางถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง แม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์สู้รบโชกโชน, พวกเขาก็ยังเทียบไม่ได้กับราชันซากศพ
การต่อสีในแม่น้ำเริ่มเอนเอียงไปทางนิกายซากศพเลื่อนไหล ระดับขอบเขตนักบุญของศาลากระบี่สวรรค์กําลังพ่ายแพ้ลงอย่างช้าๆ ซากศพจํานวนมากพุ่งไปด้านตรงข้ามของฝั่งแม่น้ำ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกซากศพจะได้ขึ้นไปไดล,พลังงานอันแข็งแกร่งถูกยิงออกมาสลายผิวหนังที่แข็งรางกับเหล็กของพวกมัน ต่อหน้าพลังงานนี้,พวกมันราวกับเป็นเต้าหู้นุ่มนิ่ม
เซี่ยวเฉินสังเกตการณ์อย่างละเอียดและพบว่าเป็นพลังงานที่มาจากระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธพวกนั้น มันมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างขอบเขตกษัตริย์ยุทธกับขอบเขตนักบุญ เพียงครั้งเดียวสามารถสลายเหล่าซากศพที่ปรับแต่งพิเศษไปได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธลงมือ,การต่อสู้ที่เริ่มโอนเอียงไปทางนิกายซากศพเลื่อนไหลก็กลับมาสมดุลอีกครั้ง
“ฟู่!”
ทันใดนั้น,ร่างสีเงินก็ลอยผ่านมาในอากาศ ผมสีเงินของคนผู้นั้นเป็นประกายระยิบระยับ ร่างอันงดงามของนาง จากนั้นก็ลงจอดอย่างมั่นคง,ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม
หัวหน้าสี่คิ้วขมวดเล็กน้อยและกล่าวอย่างเฉยเมย “องค์หญิงมู่,ทําไมท่านเพิ่งถึงมาปรากฏตัวตอนนี้?”
มู่ซินหยามองดูสถานการณ์และพูดอย่างเฉยเมย “ข้ามีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการ ไม่จําเป็นต้องไปใส่ใจ บอกข้าถึงสถานการณ์ในตอนนี้”
หัวหน้าสี่ตอบกลับ “ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่ผู้อาวุโสระดับสูงของศาลากระบีสวรรค์ยังไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าไม่มั่นใจ,ดังนั้นข้าจึงไม่ได้บุกเต็มกําลัง”
มู่ซินหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน แค่บุกเต็มกําลังไปซะ เมื่อบรรพบุรุษมารอสูรถูกปลดปล่อยออกมาไม่ว่าจะมีผู้อาวุโสระดับสูงสักกี่คน,มันก็ไร้ประโยชน์”
หัวหน้าสี่พูด “ท่านแน่ใจ? หากพวกเราล้มเหลว,ความพยายามกว่าหนึ่งร้อยปีของนิกายซากศพเลื่อนไหลจะเปล่าประโยชน์”
มู่ซินฟยาหยิบเอาลูกศรที่เรืองแสงสีดําออกมา “นี่คืออาวุธต้องห้ามของเผ่าพันธุ์ของข้า มันได้ถูกส่งต่อมาตั้งแต่ยุคโบราณ;จากนั้นก็ได้ถูกปรับแต่งมานับร้อยปี”
“ตราบใดที่ข้าสามารถเข้าไปยังค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารได้,ข้ามั่นใจว่าจะสามารถทําลายหินที่ผนึกราชันมารอสูรเอาไว้ จากนั้น,ขอบเขตที่อยู่ภายในเหมืองวิญญาณแห่งนี้ทั้งหมดจะถูกทําลาย,หินวิญญาณทั้งหมดจะกลายเป็นได้เจ้าของ”
“มีหินวิญญาณมากมาย พวกมันเพียงพอที่จะให้เจ้าใช้ฟื้นฟูนิกายซากศพเลื่อนไหล”
หลังจากที่หัวหน้าได้ยินดังนั้นเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หารือกับผู้คนที่อยู่ด้านหลัง ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจ “บุกเต็มกําลัง!”
ชายชุดดําสิบคนที่กําลังควบคุมซากศพเปลี่ยนท่วงท่ามือของพวกเขา ซากศพทั้งหมดกระทืบพื้นและดีดตัวขึ้นไปในอากาศ
ภายในถ้ำแห่งนี้ มีเสียง “ปะ ปะ ปะ” ดังขึ้นมาจากกําแพงทั่วทุกทิศ ราวกับดอกไม้ที่กําลังผลิบาน,ซากศพปืนออกมาจากกําแพง
พวกซากศพทั้งหมดดูบ้าคลั่งความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาในทันที นิกายซากศพเลื่อนไหตอนนี้ชิงความได้เปรียบ
ก่อนที่พวกเขาจะสามารถถอยกลับไป,ระดับขอบเขตนักบุญกว่าร้อยคนที่เหลืออยู่ในแม่น้ำทั้งหมดถูกกลืนหายไปในฝูงซากศพ
สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นพวกเขาก็ใช้ออกทักษะเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ไปยังด้านหลังของถ้ำอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ซากศพที่บ้าคลั่งรุดขึ้นหน้ามา
“ฆ่า!”
ในจังหวะนั้นเองเมือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในที่สุดก็ลงมือ พวกเขาทั้งหมดตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน ทําให้ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือน
ฉีฆ่าฟันปะทุออกมาโดยไม่มีกักเอาไว้ พวกเขากลายเป็นผืนสมุทร:พลังฉีชั่วร้ายได้ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร
พลังนี่ชั่วร้ายได้แทรกซึมไปถึงกระดูกของพวกเขา แม้แต่เหล่าากศพที่ได้ตายไปแล้ว ด้วยสัญชาตญาณของร่างกาย, พวกมันอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ่ม
“ปัง!ปัง!ปัง!”
พวกเขาทั้งหมดชักกระบี่ออกมาพร้อมกัน เสียงกระบี่นับร้อยเล่มที่ถูกชักออกมาพร้อมกันดังสะท้อนไปมาภายในถ้ำ กระบี่ยาวประมาณ 1 เมตรและหนาประมาณ 5 เซนติเมตร,มีสีแดงกําเรื่องอยู่บนคมกระบี มองแวบเดียว ก็เห็นชัดว่าพวกมันไม่ใช่กระบี่ทั่วไป
กระบี่พวกนี้รู้จักกระในชื่อกระบี่สูบโลหิต เมื่อพวกมันถูกแทงเข้าไปในร่างของคนที่มีชีวิตและใช้ด้วยทักษะบ่มเพาะพลังพิเศษ,พวกมันสามารถสูบเลือดของคนผู้นั้นให้เดือดแห้งได้ในทันที มันเป็นหนึ่งในขุมพลังของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่สามารถดูดเลือดของฝ่ายตรงข้ามให้เดือดแห้งภายในกระบวณท่าเดียว
วิธีการหลอมกระบี่พวกนี้ได้สูญหายไปแล้ว มีเพียงหนึ่งพันเล่มที่ตกทอดมาในค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ที่ไม่ได้มาจากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์, ต่อให้เป็นศิษย์แก่นกลางเก็ไม่สามารถได้รับพวกมันไป
หลังจากที่มือกระบี่หนึ่งร้อยคนจากค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ลงมือ,สถานการณ์พลิกกลับในทันที
ต่อหน้าของศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ซากศพที่ระดับขอบเขตนักบุญยังรับมือได้ลําบากก็ถูกดูดจนเดือดแห้งภายในกระบี่จังหวะเดียว หลังจากที่ซากศพล้มลง,พวกมันกลายเป็นสายความคับแค้นใจและลอยเข้าไปในกระบี่
ยิ่งพวกเขาสังหารซากศพไปมากเท่าไหร,กระบี่สูบโลหิตก็กักเก็บความคับแค้นใจมากขึ้นเท่านั้น ศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับปีศาจที่ขึ้นมาจากนรก,พวกเขาสีหน้าท่าทางดุเดือด
พวกเขาดูราวกับปีศาจและสัตว์ประหลาด,น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าพวกซากศพ ยิ่งพวกเขากักเก็บความคับแค้นใจมากขึ้นเท่าไหร,พวกเขายิ่งปลดปล่อยฉีชั่วร้ายออกมามากขึ้นเท่านั้น ความเร็วและความแข็งแกร่งของกระบี่ของพวกเขาระเบิดเพิ่มขึ้น
เส้นทางแห่งการฆ่าฟัน,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอย่างตกตะลึง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทําไมครั้งแรกที่ข้าเห็นศิษย์ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ถึงได้มีเจตนาโหดเหี้ยมปะทุออกมาจากจิตใจของเขา
เขาไม่คาดคิดว่าจะมีทักษะบ่มเพาะพลังที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ภายในศาลากระบี่สวรรค์ พวกเขาสําเร็จเส้นทางยุทธของพวกเขาด้วยการดื่มไปกับความสนุกในการฆ่าฟัน ทักษะต่อสู้ทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่การฆ่าฟัน
ทักษะบ่มเพาะพลังเช่นนี้น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าเส้นทางแห่งซากศพ ผู้บ่มเพาะพลังที่เดินสายเส้นทางแห่งการฆ่าฟันจะต้องสังหารผู้บ่มเพาะพลังไปมากกว่าหนึ่งพันคนในชีวิตของเขา
นอกจากนั้น ผู้คนที่พวกเขาสังหารระดับการบ่มเพาะพลังจะต้องไม่ต่ำไปกว่าของพวกเขา มิฉะนั้นมันจะไร้ประโยชน์
สําหรับการบ่มเพาะพลังนี้ พวกเขาสามารถกักเก็บความคับแค้นใจหลังจากที่สังหารคู่ต่อสู่และใช้มันเพื่อยกระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขา:มันช่างน่าหวาดกลัว
ผู้บ่มเพาะพลังเส้นทางแห่งการฆ่าฟันจะสามารถยืนหยัดเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่มีขอบเขตการบ่มเพาะพลังสูงกว่าพวกเขาได้ หากฝ่ายตรงข้ามประมาท,มันอาจจะสังหารฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือคนพวกนี้ไม่เกรงกลัวความตาย ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ความตายมากเท่าไหร,พวกเขายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
มันมีเพียงมือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งร้อยคน,แต่พวกเขาสามารถป้องกันค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารได้อย่างมั่นคงไม่ปล่อยให้มีอะไรเล็ดลอดเข้าไปได้ พวกเขาสังหารซากศพทุกคัวที่เข้าใกล้ในทันที
ภายใต้การควบคุมของชายชุดดํา,เหล่าซากศพพุ่งตัวขึ้นหน้าต่อไป ในตอนนี้ เสียงฆ่าฟันสั่นสะเทือนพื้นที่:เสียงโห่ร้องราวกับฟ้าคําราม ทั่วทั้งถ้ำใต้ดินดูราวกับกลายเป็นนรกบนดิน มันโหดเหี้ยมเป็นอย่างมากเลือดที่ไหลรินมันมากพอที่จะไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำ
ไม่นานนัก,มือกระบี่ของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้สังหารซากศพปรับแต่งไปมากกว่าหนึ่งพัน อย่างไรก็ตาม ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีใครตกตายไปแม้แต่คนเดียว
ความคับแค้นใจอันไร้ขอบเขตล้อมรอบกระบี่ของพวกเขา เมื่อสังเกตดูอย่างละเอียด, จะพบว่ามีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดของดวงวิญญาณดังออกมาจากพวกมัน คนของค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเหนื่อยล้า,ภายใต้การกระตุ้นของความคับแค้นใจ,พวกเขากลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
หัวหน้าสี่ตกตะลึง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่ง,เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะน่าหวาดกลัวถึงระดับนี้ สังหารซากศพปรับแต่งพวกนั้นได้ง่ายดายราวกับหุ้นผัก
มู่ซินหยากล่าวอย่างเฉยเมย “อย่าได้ตื่นกลัว พวกเขาเพียงใช้ทักษะลับพิเศษ ในการเสริมความแข็งแกร่งของตัวเอง,ซากศพที่ไม่มีจิตวิญญาณสติปัญญาไม่สามารถทําอะไรพวกเขาได้ ปลดปล่อยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้วก็ใช้ซากศพกลายพันธุ์ออกมาซะ”
หัวหน้าลี่พยักหน้าและโบกมือของเขา ด้านข้างของราชันซากศพทั้งสาม,ซากศพกลายพันธุ์หนึ่งร้อยกว่าตัวปลดปล่อยฉีสีดํากระโดดออกมา
ซากศพกลายพันธุ์พวกนี้มีจิตวิญญาณสติปัญญาเล็กน้อย พวกมันมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งในตอนที่มีชีวิตอยู่ ด้วยคําสั่งเดียว,พวกมันพุ่งขึ้นหน้าโจมตีโดยอัตโนมัติ
นอกจากนั้น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของมันยังสูงมาก ในตอนที่มีชีวิตพวกมันเป็นอย่างน้อยกระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หลังจากที่พวกมันได้รับคําสั่ง, พวกมันก็เคลื่อนไปราวกับลูกศรอันรวดเร็ว,กระโดดผ่านแม่น้ำกว้างร้อยเมตร;พวกมันได้มาถึงด้านหน้าของมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในทันที
“ฆ่า!”
จํานวนของซากศพกลายพันธุ์พอๆกับจํานวนของมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเขามาพบกัน,การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้น เปรียบเทียบกับซากศพปรับแต่ง,ที่สร้างขึ้นมาจากร่างของคนเหมืองธรรมดา ซากศพกลายพันธุ์แข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถสังหารพวกมันได้ภายในทันที เมื่อกระบี่สูบโลหิตในมือของพวกเขาซัดเข้าที่ซากศพกลายพันธุ์,พวกมันเกิดเป็นเสียงเหล็กกระทบออกมา
ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเหลือไว้บนร่างของซ่กศพกลายพันธุ์ พวกมันส่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาด “คัก คัก” ออกมาพร้อมกับใช้ออกทักษะต่อสู้ที่พวกมันเรียนรู้มาจากตอนที่ยังมีชีวิต
Comments