Immortal and Martial Dual Cultivation 194 ตราประทับราชันซากศพ : ตื่นกลัว

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 194 ตราประทับราชันซากศพ : ตื่นกลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 194 ตราประทับราชันซากศพ : ตื่นกลัว

“คัก! คัก! คัก! น่าสนใจ ยังคงเหลือนักบ่มเพาะพลังที่ฝึกฝนพลังกายเป็นพิเศษในยุคนี้ ร่างกายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เหมาะที่จะนํามาปรับแต่งซากศพทองคําโบราณ

“ข้าจะส่งเจ้าให้กับศิษย์พี่ของข้าทีหลัง เขาจะปรับแต่งขัดเกลาเจ้าให้เป็นซากศพที่ไร้เทียมทาน เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะไร้พ่ายในใต้หล้าคิดถึงความรุ่งเรืองของเจ้า”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินว่ายอดราชันซากศพอยากจะปรับแต่ง เขาให้เป็นซากศพ.เซี่ยวเฉินตกตะลึง อย่างไรก็ตามเขากําลังถูกจับคอยกลอย มือที่จับเอาไว้แน่นหนาราวกับคีมหนีบไม่ว่าเขาจะดิ้นรนถึงเพียงใด เขาก็หลุดออกไปไม่ได้

เซี่ยวเฉินไม่อาจใช้พลังปราณได้เช่นกันไพร่ที่เขามี ทั้งหมดในมือไม่อาจหยิบมาใช้ได้ เขาไม่อาจทําอะไรได้เลย

ยอดราชันซากศะยิ้มอย่างเย็นชา เขาชกไปที่บริเวณจุดตันเที่ยนของเขาและดึงกลับ เส้นสายพลังฉีสีดําลอยออกมาและเข้าไปในร่างของเซี่ยวเฉินอย่างช้าๆ

เซียวเฉินสัมผัสได้ถึงพลังฉีสีดําที่กําลังปรากฏขึ้นมาในจุดตันเถียนของเขา กําลังเปลี่ยนกลายเป็นกรงขังที่น่ากลัว มันผนึกจิตวิญญาณยุทธของเขาเอาไว้

พลังปราณในร่างของเขาทั้งหมดถูกลบหายไป เซี่ยวเฉินรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเขาตัดขาดกับมังกรฟ้า,พลังปราณในร่างของเขาทั้งหมดหายไป:เขาไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดา

“ไม่ต้องคิดที่จะหนี ตราประทับราชาซากศพนี้เป็นทั้งป้องกันและโจมตี มันเหลือเชื่อที่จะรับมือกับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นเช่นเจ้า เพียงนึกคิด, ข้าก็สามารถเบิดร่างของเจ้าได้”

หลังจากที่ยอดราชันซากศพพูดจบ,เขาก็แบกเซียนเฉินกลับไปที่ถ้ํา จากนั้นเขาก็โยนเซี่ยวเฉินให้กับหัวหน้าลี่

หัวหน้าสี่รับร่างของเซียวเฉินมาอย่างงุนงง หลังจากเห็นชัดว่าเป็นใคร,เขาก็ยิ้มขึ้น “นายน้อยเย่นั่นเอง ทําไมสภาพถึงได้น่าอดสูเช่นนี้?”

เซี่ยวเฉินยังคงปั้นหน้าไร้สีและนิ่งเงียบต่อไป เขารวบรวมสัมผัสวิญญาณขึ้นที่จุดตันเทียนของเขาและก็สํารวจตราประทับราชาซากศพอย่างละเอียด,มองหาทางทําลายมัน

มีกรงขังสีดําอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า มีพลังฉีสีดําขยายออกมาจากด้านบน ร่างศพสีดํากําลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดของกรงขัง

เขาสามารถเห็นสายแม่น้ําพลุ่งพล่านและมังกรฟ้าตัวน้อยกําลังโจมตีใส่กรงสีดําอย่างต่อเนื่อง

ก่อนที่สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินจะได้เข้าไปใกล้ราชาซากศพที่นั่งอยู่บนกรงขังทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น มันยิงลําแสงออกมาและทําลายจุดสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉิน

สัมผัสวิญญาณสามารถถูกทําลายได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เชี่ยวเฉินประสบพบเหตุการณ์เช่นนี้ ตราประทับราชาซากศพนั้นอุกอาจอย่างแท้จริง

“ศิษย์พี่ลี่,มองดูร่างกายของเจ้าหมอนี่ มันเป็นไปได้ที่จะปรับแต่งมันให้เป็นซากศพโบราณทองคํา”

เมื่อหัวหน้าไยินดังนั้นเขาเผยสีหน้าตกตะลึง เขาสํารวจร่างกายของเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,สีหน้าเขากลายเป็นสุข,เป็นสุขที่ถูกลบหายหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

“นี่มันไม่ใช่ร่างกายศักดิ์สิทธิ์โดยกําเนิดเขาฝึกฝนร่างกายขึ้นมาทีหลัง มันขาดข้อกําหนดเล็กน้อยที่จะนํามาปรับแต่งซากศพทองคําโบราณ อย่างไรก็ตาม,มันก็เป็นร่างกายที่ยอดเยี่ยม พวกเราจะเก็บเขาเอาไว้ก่อน ไม่มีปัญหาที่จะปรับแต่งเขาให้เป็นซากศพทองแดงโบราณหลังจากที่ข้าชุบเขาด้วยน้ําจัน

“บึ้ม…!”

ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุย แสงแวววาวทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นบนค่ายกลเก้าผนึกกระบี่เวทที่ตรงข้ามแม่น้ํา นอกจากยอดเขาฉิงหยุน,ท่าเจ้ายอดเขาอื่นๆอีกหกยอดเขาก็ได้มาถึงแล้ว

ด้านหลังของท่านเจ้ายอดเขาทั้งหกคน,มีชายชราหกคนกําลังยืนเงียบสงบ เซี่ยวเฉินมองเห็นเฉินม่านจวิน ท่ามกลางคนเหล่านั้น คนพวกนี้คือผู้อาวุโสระดับสูงแห่งศาลากระบี่สวรรค์:พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ

เมื่อราชันมารอสูรเห็นพวกเขาปรากฏตัว,เขามีความเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เพียงแค่หนึ่งร้อยปีศาลากระบี่สวรรค์ก็ตกต่ําลงไปถึงเพียงนี้ ไม่มีแม้กระทั่งขอบเขตปราชญ์ยุทธ ดูเหมือนข้าจะสามารถยกระดับศาลากระบี่สวรรค์ขึ้นได้ในวันนี้”

มีคนเดินออกมาจากกลุ่ม:เขาคือท่านเจ้ายอดเขาที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งศาลากระบี่สวรรค์, ท่านเจ้ายอดเขา เทียนเยว่เหลิงเทียนเจิ้ง

เขามองดูไปที่ราชันมารอสูรที่สูงกว่าห้าสิบเมตรและยิ้มขึ้นบางเบา “แม้แต่วินาทีแห่งความตาย,เจ้ายังหัวเราะออกมาได้ พวกข้ารอคอยเวลานี้มานับร้อยปี เจ้าคิดว่าหากพวกเราไม่ยินยอมแล้วหินผนึกมารจะสามารถถูกทําลายด้วยน้ํามือของเด็กสาวตัวน้อย?!”

มู่ซินหยาสีหน้าซีด เขาตกหลุมพลางของพวกเขาได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้น,ข้าก็จะกลายเป็นตราบาปของเผ่าพันธุ์

“ฟู ฟิว!”

ลําแสงฉายลงบนร่างของราชันหมาปาสวรรค์ กระดูกทุกชิ้นในร่างของเขาส่งเสียงกรอบ “ปุ ปะ ปุปะ ผ่า นไปครู่หนึ่ง เขากลายไปเป็นชายร่างสูงประมาณสองเมตร

เขาสะบัดเส้นผมสีเงินของเขาไปด้านหลังและกล้ามเนื้อของเขาเผยให้เห็น เขามองไปที่ฝูงชนและเผยรอยยิ้ม “ไม่ว่าเจ้าจะมีลูกเล่นอะไร,พวกมันล้วนไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังเบ็ดเสร็จ ตายซะ!”

“บูม!”

ทันทีที่เขาพูดจบ,เหลิงเทียนเจิ้งเข้าแลกหมัดกับราชันหมาปาสวรรค์ คลื่นกระแทกอันแข็งแกร่งทลายพื้นที่,ก่อเกิดรอยแยกสีดํา

รอยแยกขยายไปไม่หยุดยั้งมันดูราวกับหนวดสีดํา ซากศพและมือกระบี่โดยรอบที่วิ่งหนีไม่ทันถูกดึงเข้าไปในรอยแยกในทันที

“ลอยขึ้น!” พลังแข็งแกร่ง,ทั้งยังอ่อนโยนห่อหุ้มมู่ซินหยา โยนร่างของนางไปอยู่ที่ด้านข้างแม่น้ําอย่างนิ่มนวล

เหลิงเทียนเจอ้งม้วนตัวในอากาศและลงถึงพื้นอย่างมั่นคง เขากล่าวด้วยเสียงลึก “ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร,สะบัดหัวและคว้าจับแก่นกลางมารอสูรช่วยให้ข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ”

อาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าลอยเข้าไปในมือของทั้งเก้าคน ที่เหลืออีกสามคนตรึงห่วงโซวิญญาณเอาไว้และปิดผนึกพื้นที่โดยรอบ

เขตแดนเล็กปรากฏขึ้นในพื้นที่นั้น ทุกคนมองเห็นเพียงภาพห่วงโซ่เลือนลางรอบพื้นที่

“ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารอสูร,สังหาร!”

ในพื้นที่ที่ถูกผนึกโดยห่วงโซ่วิญญาณเสียงติโกนลั่นไปในอากาศ มองเห็นร่างทั้งเก้าเลือนลางกวัดแกว่งอาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แสงระยิบระยับ

พวกเขาเคลื่อนย้ายตําแหน่งอย่างต่อเนื่อง,ยู่อค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารอสูรและดักจับราชันหมาปาสวรรค์ ความเกรี้ยวกราด,เสียงคํารามคลั่งดังออกมา จากค่ายกลไม่หยุด

มันชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของราชันหมาปาสวรรค์ถูกค่ายกลกดเอาไว้ตอนนี้เขาเสียเปรียบหนัก

ซินหยายืนขึ้นและเดินไปทางมู่ซินหยาอย่างเป็นกังวล “ผู้นํานิกายลี่, ข้าจะจ่ายเพิ่มให้อีกครั้งเท่า โปรดไปช่วยโดยเร็ว มิฉะนั้น,ทุกอย่างมันจะสูญเปล่า”

ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารอสูร,ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกปีศาจ,และค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ คือค่ายกลชั้นยอดแห่งศาลากระบี่สวรรค์:พวกมันต้องการคนเก้าคนเพื่อใช้ออกมาพร้อมกัน

ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกปีศาจใช้สําหรับกดศูตรูโดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับหินผนึกมาร มันสามารถผนึกได้แม้กระทั่งระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ ตราบใดที่หินผนึกมารยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์,คนด้านในไม่มีทางหลบหนีออกมาได้

ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารใช้สําหรับลงทัณฑ์ศัตรู มันเป็นค่ายกลที่ให้ทั้งเก้าคนรวมพลังกัน พวกเขาสามารถสังหารศัตรูที่ขอบเขตพลังมากกว่าได้ถึงสองขอบเขต

ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ มันคือค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาค่ายกลทั้งสาม อย่างไรก็ตาม,มันต้องการระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธเก้าคนเพื่อใช้ออกมาในเวลาเดียวกัน ตามตํานาน,หลังจากที่ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ถูกใช้ออกมา,มันสามารถทลายสวรรค์กวาดล้างปฐพี,สังหารพระเจ้าและล้างบางมารอสูร

อย่างไรก็ตาม,ค่ายกลนี้ความต้องการในขอบเขตพลังสูงเกินไป ในประวัติศาสตร์ศาลากระบี่สวรรค์,ไม่เคยมีระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธในเวลาเดียวกัน ดังนั้น,ค่ายกลนี้จึงไม่เคยถูกใช้มาก่อน

ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ถึงเรื่องนี้

หัวหน้าลี่มองเห็นพลังอํานาจของค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารและเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน เขาเห็นว่าสถานการณ์ช่างเลวร้ายและไม่กล้าที่จะประมาท “ศิษย์พี่,นิกายซากศพเลื่อนไหลของพวกเราจะรุ่งเรืองขึ้นมาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสงครามครั้งนี้ ชัยชนะคือชีวิต,และความพ่ายแพ้หมายถึงความตาย!”

หลังจากที่เขาพูดจบเขานําชายชุดดําควบคุมราชันซากศพที่สูงกว่าห้าเมตรและสิบยอดราชันซากศพมุ่งหน้าข้ามแม่น้ําไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องการที่จะทําลายค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารจากด้านนอก

ที่ด้านหลังของถ้ํา,ระยไกลออกไปสิ่งที่เย่เหวินและคนที่เหลือกําลังอัญเชิญโดยใช้เปลือกหยกกําลังปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

มันคือกล่องไม้ธรรมดาที่สูงประมาณหนึ่งเมตรและกว้างประมาณห้าเซนติเมตร ภายนอกสีดําทําให้มันดูธรรมดา ที่ด้านหน้าของกล่องมีอักษะประดิษฐ์ที่เขียนเอาไว้ว่า “เฉกเช่นจักรพรรดิเสด็จมาเอง”

เหวินหยิบกล่องสีดําขึ้นมาและก้าวเดินขึ้นหน้า เขานํากลุ่มระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธและเดินผ่านค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร,ปิดกั้นหัวหน้าสี่และกลุ่มของเขา

หัวหน้าสี่หัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าจะขัดขวางพวกข้าด้วย ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเพียงสิบ?”

หัวหน้าลี่มีพลังมากพอที่จะกล่าวออกมาเช่นนี้ ราชันซากศพทั้งสามมีความแข็งแกร่งระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ:พร้อมกับยอดราชันซากศพที่ได้เดินเส้นทางแห่งซากศพ,แม้แต่สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสิบคนก็ไม่เพียงพอที่จะจัดการพวกเขาลงได้เย่เหวินยิ้มอย่างบางเบา และปลดปล่อยกล่องไม้ออกมา,ทิ้งมันลงกับพื้นอย่างรุนแรง เขามองดูเหล่าฝูงคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน;เขาไม่ได้ใส่ใจกับกลุ่มของหัวหน้าลี่แม้แต่น้อย

หัวหน้าลี่มองเห็นอักษร “เฉกเช่นจักรพรรดิเสด็จมาเอง เขาได้นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง,จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ก็แค่กล่องไม้ เจ้าคิดว่าเพียงเขียนคําว่า “เฉกเช่น…จักรพรรดิ… เส็ดจมาเอง…” แล้วเจ้าจะกลายไปเป็นขอบเขตจักรพรรดิยุทธ? แม้จะมีขอบเขตจักรพรรดิเสด็จมา,ข้าก็จะจับทําเป็นซากศพให้”

“กลุ่มก้อนเศษคน,ทั้งมีชีวิตและตกตายไปแล้ว,ช่างอวดดี!” เย่เหวินมีความเย้ยหยันบนสีหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงนุ่ม “เฉกเช่น…จักรพรรดิเส็ดจ…มาเอง…!”

ขณะที่เย่เหวินร่ายกล่าวออกมาทีละคํา,ตัวอักษรบนกล่องก็ส่องแสงสีทองออกมาระยิบระยับและรุ่งโรจน์ หลังจากที่เขาร่ายครบทั้งสี่คน,กระแสพลังของเขาพุ่งสูงขึ้นแบบไม่หยุดหย่อน

แสงสีทองโอบล้อมทั่วทั้งร่างของเยู่เหวิน เส้นผมของเขาทุกเส้น,ทุกระเบียดนิ้วทั่วร่างของเขา,พวกมันให้แสงสีทองบริสุทธิ์ออกมา

เขาดูราวกับเทพที่เสด็จลงมาบนโลกกระแสพลังของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุด มันราวกับว่าระดับขอบเขตจักรพรรดิได้เสด็จมาถึง

ร่างสีทองลอยออกมาจากกล่องไม้ กําลังถือกระบุไว้ในมือ

ในตอนนั้นเอง, ประกายแสงสีทองรุ่งโรจน์สว่างไปทั่วทั้งถ้ําระยิบระยับ มันเสียดแทงเข้าไปจนไม่มีผู้ใดอาจลืมตาขึ้นได้พวกเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ดวงตา

ร่างของแสงสีทองพุ่งผ่านและสามราชันซากศพก็ถูกฟันขาดครึ่ง เลือดสีดําเต็มเต็มไปในอากาศ

มู่ซินหยาเผยความเจ็บปวดออกมาจากใบหน้าของนางพร้อมกับมองดูไปที่แสงสีทองรุ่งโรจน์ นางพึมพํา “พวกเราเสร็จมันแล้ว นั้นคืออาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ความหวังหลายร้อยปีของเผ่าหมาปาสวรรค์ดับสลาย”

อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์! เซียวเฉินตกตะลึงสุดขีด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นกล่องไม้ใบนั้น กล่องไม้ที่เขาเห็นในร้านค้าด้านนอกไม้กระบี่ รวมถึงกล่องที่เขาเห็นที่จีนเขายอดเขาฉิงหยุน,พวกมันทั้งหมดจะต้องเป็นกล่องใบเดียวกัน

มีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่เพียงสิบชิ้นในโลก อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครรู้ได้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบอยู่ที่ไหน ไม่ว่ามันจะเป็นกระบี่, หอก,ดาบ,ขวานหรือมันอาจจะเป็นท่อนไม้ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่อาจล่วงรู้

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอาวุธศักดิ์สิ ทธิ์นั้นไร้ข้อกังขา คําพูดเช่น “ผ่าภูเขา” “พลิกสมุทรสวนแม่น้ํา” “ผ่าทะลุช่องว่าง” “ทลายสวรรค์ล้างปฐพี” ไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์

ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น,จักรพรรดิอัสนี้ได้ออกตาม หาสมบัติทุกประเภทในโลก แต่เขาก็ทําได้เพียงสร้างอาวุธยิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดาบไม้อัสนี้ขึ้นมา เขาค้นหาไปทั่วทักมุมโลก,ค้นหาต้นกําเนิดปัญญายุทธเพื่อที่เขาจะสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ช่างโชคร้าย,เขาไม่อาจทําได้สําเร็จและตกตายไปเสียก่อน

หากว่ากล่องไม้ใบนั้นคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง มันก็น่าตกตะลึงอย่างมาก ต้องเข้าใจว่าในตอนที่เขาเห็นกล่องใบนี้ที่นอกเมืองกระบี่มันถูกครอบครองโดยชายชราที่ไร้จิตวิญญาณยุทธ

หากเขาต้องการมัน,มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะได้รับมันมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 194 ตราประทับราชันซากศพ : ตื่นกลัว

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 194 ตราประทับราชันซากศพ : ตื่นกลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 194 ตราประทับราชันซากศพ : ตื่นกลัว

“คัก! คัก! คัก! น่าสนใจ ยังคงเหลือนักบ่มเพาะพลังที่ฝึกฝนพลังกายเป็นพิเศษในยุคนี้ ร่างกายที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เหมาะที่จะนํามาปรับแต่งซากศพทองคําโบราณ

“ข้าจะส่งเจ้าให้กับศิษย์พี่ของข้าทีหลัง เขาจะปรับแต่งขัดเกลาเจ้าให้เป็นซากศพที่ไร้เทียมทาน เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะไร้พ่ายในใต้หล้าคิดถึงความรุ่งเรืองของเจ้า”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินว่ายอดราชันซากศพอยากจะปรับแต่ง เขาให้เป็นซากศพ.เซี่ยวเฉินตกตะลึง อย่างไรก็ตามเขากําลังถูกจับคอยกลอย มือที่จับเอาไว้แน่นหนาราวกับคีมหนีบไม่ว่าเขาจะดิ้นรนถึงเพียงใด เขาก็หลุดออกไปไม่ได้

เซี่ยวเฉินไม่อาจใช้พลังปราณได้เช่นกันไพร่ที่เขามี ทั้งหมดในมือไม่อาจหยิบมาใช้ได้ เขาไม่อาจทําอะไรได้เลย

ยอดราชันซากศะยิ้มอย่างเย็นชา เขาชกไปที่บริเวณจุดตันเที่ยนของเขาและดึงกลับ เส้นสายพลังฉีสีดําลอยออกมาและเข้าไปในร่างของเซี่ยวเฉินอย่างช้าๆ

เซียวเฉินสัมผัสได้ถึงพลังฉีสีดําที่กําลังปรากฏขึ้นมาในจุดตันเถียนของเขา กําลังเปลี่ยนกลายเป็นกรงขังที่น่ากลัว มันผนึกจิตวิญญาณยุทธของเขาเอาไว้

พลังปราณในร่างของเขาทั้งหมดถูกลบหายไป เซี่ยวเฉินรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเขาตัดขาดกับมังกรฟ้า,พลังปราณในร่างของเขาทั้งหมดหายไป:เขาไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดา

“ไม่ต้องคิดที่จะหนี ตราประทับราชาซากศพนี้เป็นทั้งป้องกันและโจมตี มันเหลือเชื่อที่จะรับมือกับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นเช่นเจ้า เพียงนึกคิด, ข้าก็สามารถเบิดร่างของเจ้าได้”

หลังจากที่ยอดราชันซากศพพูดจบ,เขาก็แบกเซียนเฉินกลับไปที่ถ้ํา จากนั้นเขาก็โยนเซี่ยวเฉินให้กับหัวหน้าลี่

หัวหน้าสี่รับร่างของเซียวเฉินมาอย่างงุนงง หลังจากเห็นชัดว่าเป็นใคร,เขาก็ยิ้มขึ้น “นายน้อยเย่นั่นเอง ทําไมสภาพถึงได้น่าอดสูเช่นนี้?”

เซี่ยวเฉินยังคงปั้นหน้าไร้สีและนิ่งเงียบต่อไป เขารวบรวมสัมผัสวิญญาณขึ้นที่จุดตันเทียนของเขาและก็สํารวจตราประทับราชาซากศพอย่างละเอียด,มองหาทางทําลายมัน

มีกรงขังสีดําอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า มีพลังฉีสีดําขยายออกมาจากด้านบน ร่างศพสีดํากําลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดของกรงขัง

เขาสามารถเห็นสายแม่น้ําพลุ่งพล่านและมังกรฟ้าตัวน้อยกําลังโจมตีใส่กรงสีดําอย่างต่อเนื่อง

ก่อนที่สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินจะได้เข้าไปใกล้ราชาซากศพที่นั่งอยู่บนกรงขังทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น มันยิงลําแสงออกมาและทําลายจุดสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉิน

สัมผัสวิญญาณสามารถถูกทําลายได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เชี่ยวเฉินประสบพบเหตุการณ์เช่นนี้ ตราประทับราชาซากศพนั้นอุกอาจอย่างแท้จริง

“ศิษย์พี่ลี่,มองดูร่างกายของเจ้าหมอนี่ มันเป็นไปได้ที่จะปรับแต่งมันให้เป็นซากศพโบราณทองคํา”

เมื่อหัวหน้าไยินดังนั้นเขาเผยสีหน้าตกตะลึง เขาสํารวจร่างกายของเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,สีหน้าเขากลายเป็นสุข,เป็นสุขที่ถูกลบหายหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

“นี่มันไม่ใช่ร่างกายศักดิ์สิทธิ์โดยกําเนิดเขาฝึกฝนร่างกายขึ้นมาทีหลัง มันขาดข้อกําหนดเล็กน้อยที่จะนํามาปรับแต่งซากศพทองคําโบราณ อย่างไรก็ตาม,มันก็เป็นร่างกายที่ยอดเยี่ยม พวกเราจะเก็บเขาเอาไว้ก่อน ไม่มีปัญหาที่จะปรับแต่งเขาให้เป็นซากศพทองแดงโบราณหลังจากที่ข้าชุบเขาด้วยน้ําจัน

“บึ้ม…!”

ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุย แสงแวววาวทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นบนค่ายกลเก้าผนึกกระบี่เวทที่ตรงข้ามแม่น้ํา นอกจากยอดเขาฉิงหยุน,ท่าเจ้ายอดเขาอื่นๆอีกหกยอดเขาก็ได้มาถึงแล้ว

ด้านหลังของท่านเจ้ายอดเขาทั้งหกคน,มีชายชราหกคนกําลังยืนเงียบสงบ เซี่ยวเฉินมองเห็นเฉินม่านจวิน ท่ามกลางคนเหล่านั้น คนพวกนี้คือผู้อาวุโสระดับสูงแห่งศาลากระบี่สวรรค์:พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ

เมื่อราชันมารอสูรเห็นพวกเขาปรากฏตัว,เขามีความเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เพียงแค่หนึ่งร้อยปีศาลากระบี่สวรรค์ก็ตกต่ําลงไปถึงเพียงนี้ ไม่มีแม้กระทั่งขอบเขตปราชญ์ยุทธ ดูเหมือนข้าจะสามารถยกระดับศาลากระบี่สวรรค์ขึ้นได้ในวันนี้”

มีคนเดินออกมาจากกลุ่ม:เขาคือท่านเจ้ายอดเขาที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งศาลากระบี่สวรรค์, ท่านเจ้ายอดเขา เทียนเยว่เหลิงเทียนเจิ้ง

เขามองดูไปที่ราชันมารอสูรที่สูงกว่าห้าสิบเมตรและยิ้มขึ้นบางเบา “แม้แต่วินาทีแห่งความตาย,เจ้ายังหัวเราะออกมาได้ พวกข้ารอคอยเวลานี้มานับร้อยปี เจ้าคิดว่าหากพวกเราไม่ยินยอมแล้วหินผนึกมารจะสามารถถูกทําลายด้วยน้ํามือของเด็กสาวตัวน้อย?!”

มู่ซินหยาสีหน้าซีด เขาตกหลุมพลางของพวกเขาได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้น,ข้าก็จะกลายเป็นตราบาปของเผ่าพันธุ์

“ฟู ฟิว!”

ลําแสงฉายลงบนร่างของราชันหมาปาสวรรค์ กระดูกทุกชิ้นในร่างของเขาส่งเสียงกรอบ “ปุ ปะ ปุปะ ผ่า นไปครู่หนึ่ง เขากลายไปเป็นชายร่างสูงประมาณสองเมตร

เขาสะบัดเส้นผมสีเงินของเขาไปด้านหลังและกล้ามเนื้อของเขาเผยให้เห็น เขามองไปที่ฝูงชนและเผยรอยยิ้ม “ไม่ว่าเจ้าจะมีลูกเล่นอะไร,พวกมันล้วนไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังเบ็ดเสร็จ ตายซะ!”

“บูม!”

ทันทีที่เขาพูดจบ,เหลิงเทียนเจิ้งเข้าแลกหมัดกับราชันหมาปาสวรรค์ คลื่นกระแทกอันแข็งแกร่งทลายพื้นที่,ก่อเกิดรอยแยกสีดํา

รอยแยกขยายไปไม่หยุดยั้งมันดูราวกับหนวดสีดํา ซากศพและมือกระบี่โดยรอบที่วิ่งหนีไม่ทันถูกดึงเข้าไปในรอยแยกในทันที

“ลอยขึ้น!” พลังแข็งแกร่ง,ทั้งยังอ่อนโยนห่อหุ้มมู่ซินหยา โยนร่างของนางไปอยู่ที่ด้านข้างแม่น้ําอย่างนิ่มนวล

เหลิงเทียนเจอ้งม้วนตัวในอากาศและลงถึงพื้นอย่างมั่นคง เขากล่าวด้วยเสียงลึก “ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร,สะบัดหัวและคว้าจับแก่นกลางมารอสูรช่วยให้ข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ”

อาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าลอยเข้าไปในมือของทั้งเก้าคน ที่เหลืออีกสามคนตรึงห่วงโซวิญญาณเอาไว้และปิดผนึกพื้นที่โดยรอบ

เขตแดนเล็กปรากฏขึ้นในพื้นที่นั้น ทุกคนมองเห็นเพียงภาพห่วงโซ่เลือนลางรอบพื้นที่

“ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารอสูร,สังหาร!”

ในพื้นที่ที่ถูกผนึกโดยห่วงโซ่วิญญาณเสียงติโกนลั่นไปในอากาศ มองเห็นร่างทั้งเก้าเลือนลางกวัดแกว่งอาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แสงระยิบระยับ

พวกเขาเคลื่อนย้ายตําแหน่งอย่างต่อเนื่อง,ยู่อค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมารอสูรและดักจับราชันหมาปาสวรรค์ ความเกรี้ยวกราด,เสียงคํารามคลั่งดังออกมา จากค่ายกลไม่หยุด

มันชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของราชันหมาปาสวรรค์ถูกค่ายกลกดเอาไว้ตอนนี้เขาเสียเปรียบหนัก

ซินหยายืนขึ้นและเดินไปทางมู่ซินหยาอย่างเป็นกังวล “ผู้นํานิกายลี่, ข้าจะจ่ายเพิ่มให้อีกครั้งเท่า โปรดไปช่วยโดยเร็ว มิฉะนั้น,ทุกอย่างมันจะสูญเปล่า”

ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารอสูร,ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกปีศาจ,และค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ คือค่ายกลชั้นยอดแห่งศาลากระบี่สวรรค์:พวกมันต้องการคนเก้าคนเพื่อใช้ออกมาพร้อมกัน

ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกปีศาจใช้สําหรับกดศูตรูโดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับหินผนึกมาร มันสามารถผนึกได้แม้กระทั่งระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ ตราบใดที่หินผนึกมารยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์,คนด้านในไม่มีทางหลบหนีออกมาได้

ค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารใช้สําหรับลงทัณฑ์ศัตรู มันเป็นค่ายกลที่ให้ทั้งเก้าคนรวมพลังกัน พวกเขาสามารถสังหารศัตรูที่ขอบเขตพลังมากกว่าได้ถึงสองขอบเขต

ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ มันคือค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาค่ายกลทั้งสาม อย่างไรก็ตาม,มันต้องการระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธเก้าคนเพื่อใช้ออกมาในเวลาเดียวกัน ตามตํานาน,หลังจากที่ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์ถูกใช้ออกมา,มันสามารถทลายสวรรค์กวาดล้างปฐพี,สังหารพระเจ้าและล้างบางมารอสูร

อย่างไรก็ตาม,ค่ายกลนี้ความต้องการในขอบเขตพลังสูงเกินไป ในประวัติศาสตร์ศาลากระบี่สวรรค์,ไม่เคยมีระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธในเวลาเดียวกัน ดังนั้น,ค่ายกลนี้จึงไม่เคยถูกใช้มาก่อน

ค่ายกลเก้ากระบี่ล้างสวรรค์นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ถึงเรื่องนี้

หัวหน้าลี่มองเห็นพลังอํานาจของค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารและเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน เขาเห็นว่าสถานการณ์ช่างเลวร้ายและไม่กล้าที่จะประมาท “ศิษย์พี่,นิกายซากศพเลื่อนไหลของพวกเราจะรุ่งเรืองขึ้นมาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสงครามครั้งนี้ ชัยชนะคือชีวิต,และความพ่ายแพ้หมายถึงความตาย!”

หลังจากที่เขาพูดจบเขานําชายชุดดําควบคุมราชันซากศพที่สูงกว่าห้าเมตรและสิบยอดราชันซากศพมุ่งหน้าข้ามแม่น้ําไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องการที่จะทําลายค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มารจากด้านนอก

ที่ด้านหลังของถ้ํา,ระยไกลออกไปสิ่งที่เย่เหวินและคนที่เหลือกําลังอัญเชิญโดยใช้เปลือกหยกกําลังปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

มันคือกล่องไม้ธรรมดาที่สูงประมาณหนึ่งเมตรและกว้างประมาณห้าเซนติเมตร ภายนอกสีดําทําให้มันดูธรรมดา ที่ด้านหน้าของกล่องมีอักษะประดิษฐ์ที่เขียนเอาไว้ว่า “เฉกเช่นจักรพรรดิเสด็จมาเอง”

เหวินหยิบกล่องสีดําขึ้นมาและก้าวเดินขึ้นหน้า เขานํากลุ่มระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธและเดินผ่านค่ายกลเก้ากระบี่ลงทัณฑ์มาร,ปิดกั้นหัวหน้าสี่และกลุ่มของเขา

หัวหน้าสี่หัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าจะขัดขวางพวกข้าด้วย ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเพียงสิบ?”

หัวหน้าลี่มีพลังมากพอที่จะกล่าวออกมาเช่นนี้ ราชันซากศพทั้งสามมีความแข็งแกร่งระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ:พร้อมกับยอดราชันซากศพที่ได้เดินเส้นทางแห่งซากศพ,แม้แต่สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสิบคนก็ไม่เพียงพอที่จะจัดการพวกเขาลงได้เย่เหวินยิ้มอย่างบางเบา และปลดปล่อยกล่องไม้ออกมา,ทิ้งมันลงกับพื้นอย่างรุนแรง เขามองดูเหล่าฝูงคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน;เขาไม่ได้ใส่ใจกับกลุ่มของหัวหน้าลี่แม้แต่น้อย

หัวหน้าลี่มองเห็นอักษร “เฉกเช่นจักรพรรดิเสด็จมาเอง เขาได้นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง,จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ก็แค่กล่องไม้ เจ้าคิดว่าเพียงเขียนคําว่า “เฉกเช่น…จักรพรรดิ… เส็ดจมาเอง…” แล้วเจ้าจะกลายไปเป็นขอบเขตจักรพรรดิยุทธ? แม้จะมีขอบเขตจักรพรรดิเสด็จมา,ข้าก็จะจับทําเป็นซากศพให้”

“กลุ่มก้อนเศษคน,ทั้งมีชีวิตและตกตายไปแล้ว,ช่างอวดดี!” เย่เหวินมีความเย้ยหยันบนสีหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงนุ่ม “เฉกเช่น…จักรพรรดิเส็ดจ…มาเอง…!”

ขณะที่เย่เหวินร่ายกล่าวออกมาทีละคํา,ตัวอักษรบนกล่องก็ส่องแสงสีทองออกมาระยิบระยับและรุ่งโรจน์ หลังจากที่เขาร่ายครบทั้งสี่คน,กระแสพลังของเขาพุ่งสูงขึ้นแบบไม่หยุดหย่อน

แสงสีทองโอบล้อมทั่วทั้งร่างของเยู่เหวิน เส้นผมของเขาทุกเส้น,ทุกระเบียดนิ้วทั่วร่างของเขา,พวกมันให้แสงสีทองบริสุทธิ์ออกมา

เขาดูราวกับเทพที่เสด็จลงมาบนโลกกระแสพลังของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุด มันราวกับว่าระดับขอบเขตจักรพรรดิได้เสด็จมาถึง

ร่างสีทองลอยออกมาจากกล่องไม้ กําลังถือกระบุไว้ในมือ

ในตอนนั้นเอง, ประกายแสงสีทองรุ่งโรจน์สว่างไปทั่วทั้งถ้ําระยิบระยับ มันเสียดแทงเข้าไปจนไม่มีผู้ใดอาจลืมตาขึ้นได้พวกเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ดวงตา

ร่างของแสงสีทองพุ่งผ่านและสามราชันซากศพก็ถูกฟันขาดครึ่ง เลือดสีดําเต็มเต็มไปในอากาศ

มู่ซินหยาเผยความเจ็บปวดออกมาจากใบหน้าของนางพร้อมกับมองดูไปที่แสงสีทองรุ่งโรจน์ นางพึมพํา “พวกเราเสร็จมันแล้ว นั้นคืออาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ความหวังหลายร้อยปีของเผ่าหมาปาสวรรค์ดับสลาย”

อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์! เซียวเฉินตกตะลึงสุดขีด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นกล่องไม้ใบนั้น กล่องไม้ที่เขาเห็นในร้านค้าด้านนอกไม้กระบี่ รวมถึงกล่องที่เขาเห็นที่จีนเขายอดเขาฉิงหยุน,พวกมันทั้งหมดจะต้องเป็นกล่องใบเดียวกัน

มีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่เพียงสิบชิ้นในโลก อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครรู้ได้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบอยู่ที่ไหน ไม่ว่ามันจะเป็นกระบี่, หอก,ดาบ,ขวานหรือมันอาจจะเป็นท่อนไม้ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่อาจล่วงรู้

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอาวุธศักดิ์สิ ทธิ์นั้นไร้ข้อกังขา คําพูดเช่น “ผ่าภูเขา” “พลิกสมุทรสวนแม่น้ํา” “ผ่าทะลุช่องว่าง” “ทลายสวรรค์ล้างปฐพี” ไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์

ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น,จักรพรรดิอัสนี้ได้ออกตาม หาสมบัติทุกประเภทในโลก แต่เขาก็ทําได้เพียงสร้างอาวุธยิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดาบไม้อัสนี้ขึ้นมา เขาค้นหาไปทั่วทักมุมโลก,ค้นหาต้นกําเนิดปัญญายุทธเพื่อที่เขาจะสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ช่างโชคร้าย,เขาไม่อาจทําได้สําเร็จและตกตายไปเสียก่อน

หากว่ากล่องไม้ใบนั้นคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง มันก็น่าตกตะลึงอย่างมาก ต้องเข้าใจว่าในตอนที่เขาเห็นกล่องใบนี้ที่นอกเมืองกระบี่มันถูกครอบครองโดยชายชราที่ไร้จิตวิญญาณยุทธ

หากเขาต้องการมัน,มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะได้รับมันมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+