Immortal and Martial Dual Cultivation 202 สลักร่างพยัคฆ์มังกร
ตอนที่ 202 สลักร่างพยัคฆ์มังกร
เซี่ยวเฉินคาดเดาเมื่อเขาเห็นกองขี้เถ้า อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่อาจแน่ใจ เขายื่นมืออกไปและจุ่มนิ้วลงไปในกองขี้เถ้า
จากนั้นเขาก็เอานิ้วมาที่จมูก เซี่ยวเฉินมั่นใจแล้ว กองขี้เถ้านี้คือเศษซากของนักบ่มเพาะพลังที่เข้าสู่สภาวะพลังฉีแตกคลั่งก่อนที่ถูกเผาไหม้จนตกตาย
สภาวะเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของนักบ่มเพาะพลังที่ขอบเขตพลังสูง ยิ่งพวกเขาบ่มเพาะพลังขึ้นไปสูงมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่จะเข้าสู่สภาวะพลังฉีแตกคลั่งก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ผลที่ตามมาก็น่ากลัวยิ่ง
แม้ว่าทุกคนจะรู้ถึงอันตรายนี้ แต่พวกเขาก็ไม่อาจหยุดลงได้ ยิ่งพวกเขาเดินตามเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังไปมากเท่าไหร ยิ่งพวกเขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย พวกเขายิ่งไม่อยากยอมแพ้
“ฟู่!”
เซี่ยวเฉินส่งฝ่ามือของเขาออกไปเปากองขี้เถ้า เขาพบแหวน,แวววาวไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณ วางอยู่บนเสือสวดภาวนา มีชื่อสลักอยู่ด้านในของแหวน – เหิ่นเทียน
“เหิ่นเทียน…ฉีเหิ่นเทียน…เป็นเขานั้นเอง” ความสงสัยในใจของเซียวเฉินพลันกระจาง
ฉีเหิ่นเทียนคือหนึ่งในท่านเจ้าศาลากระบี่สวรรค์ เขามีความสามารถที่โดดเด่นและได้กลายมาเป็นระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยพรสวรรค์ของเขา เขาถูกจัดให้เป็นอันดับต้นๆในประวัติศาสตร์ของศาลากระบี่สวรรค์
ตามที่เลื่องลือ หลังจากที่เขาส่งต่อตําแหน่งทานเจ้าศาลากระบี่สวรรค์ เขาก็มาอยู่อย่างสันโดษ ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ใด ในช่วงเวลานั้น ขอบเขตพลังของเขาได้มาถึงขอบเขตปราชญ์ยุทธขั้นสูงสุด
เช่นนั้นเขาได้มาที่นี่เพื่อบ่มเพาะพลังอย่างสันโดษ เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง ไม่สงสัยเลยว่าทําไมถึงไม่มีใครพบตัวเขา สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ปิดซ่อนเพียงแค่ระดับปกติ
เขาได้แขวนภาพวาดของจักรพรรดิกระบี่ไว้ที่กําแพง เขาจะต้องใช้จักรพรรดิกระบี่เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจ หวังว่าเขานั้นจะสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธได้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวพันธ์กับเซี่ยวเฉินสิ่งที่เขาเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือจะมีอะไรอยู่ในอหวนห้วงมิติของขอบเขตปราชญ์ยุทธมันจะต้องมีสมบัติมากมายอยู่ ในนั้น
เมื่อเซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณเข้าไปในแหวนห้วงมิติ เขาพบตําราลับสามเล่มและอาวุธวิญญาณเป็นอาวุธกระบี่วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นต่ำ
ยังมีกองหินวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วนอีกด้วย เซี่ยวเฉินมองอย่างละเอียดและพบว่าพวกมันทั้งหมดเป็นหินวิญญาณระดับกลาง
แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะเคยเห็นหินวิญญาณกองใหญ่ที่กองบัญชาการของเหมือง แต่นี่ก็ยังน่าตื่นตาตื่นใจ
ในกองบัญชาการเหมืองวิญญาณ หินวิญญาณส่วนใหญ่เป็นระดับต่ำ นอกจากนั้น ที่เขาทําได้ก็เพียง แค่จ้องมอง หินวิญญาณในแหวนห้วงมิติวงนี้ทั้งหมดเป็นหินวิญญาณระดับกลาง
ที่สําคัญยิ่งกว่านั้นก็คือมันไม่มีเจ้าของ เซี่ยวเฉินร่ำรวยแล้วตอนนี้
พยายามระงับความดีใจของเขาเอาไว้เซี่ยวเฉินหยิบเอา ตําราลับทั้งสามและกระบี่ออกมาเขาวางกระบี่ไว้ด้า นข้างก่อนที่จะเปิดตําราเล่มแรกอ่าน
“สลักร่างพยัคฆ์มังกร!”
เซี่ยวเฉินอ่านออกเสียงอย่างช้าๆ นี่คือทักษะเสริมร่างกายระดับปฐพีขั้นกลาง มันใช้เสริมสร้างร่างกายโดยเฉพาะ สลักกระดูก เสริมแกร่งร่างกาย เร่งพลังฉีและโลหิต
ทักษะระดับปฐพีขั้นกลางนั้นหายากเป็นอย่างมาก ยากที่จะเจอสักเล่ม แม้แต่ในศาลากระบี่สวรรค์
นอกจากทักษะบ่มเพาะพลังระดับสวรรค์ ทักษะบ่มเพาะพลังระดับปฐพีคือแข็งแกร่งที่สุด นอกจานั้น ทักษะบ่มเพาะพลังมันหายากยิ่งกว่าทักษะต่อสู้เสียอีก ถึงอย่างไร ทั่วทั้งทวีปเทียนหวี่ที่ขาดแคลนน้อยที่สุดก็คือที่กษะต่อสู้
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน สลักร่างพยัคฆ์มังกรก็คือตําราทักษะที่ล้ําค่า
สลักร่างพยัคฆ์มังกรสามารถแบ่งออกได้เป็นเจ็ดชั้น
ชั้นแรกคือร่างแกร่งทรงพลัง เพิ่มฉีและเลือดโลหิตขึ้นอย่างมาก
ชั้นที่สองคือก่อเกิดพลังศักดิ์สิทธิ์ ตัดภูเขาสะบั้นหินผา
ชั้นที่สามคือพยัคฆ์คํารามสะเทือนไพร อํานาจเหนือสัตว์อสูรนับร้อย
ชั้นที่สี่คือมังกรคํารามคลุมนภา ทะยานทะลุท้องฟ้า
ชั้นที่ห้าคือกระดูกพยัคฆ์เอ็นมังกร ดึงภูผาชักแม่น้ํา
เซี่ยวเฉินมองไปที่คําโปรยและรู้สึกเป็นสุข เขายิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น “ยอดเยี่ยม สลักร่างพยัคฆ์มังกรเล่มนี้ราวกับชุดสั่งตัดมาเพื่อข้าโดยเฉพาะ นอกจานั้น,มันยังส่งต่อมา จากมือของขอบเขตปราชญ์ยุทธ นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าแนวทางการบ่มเพาะของข้าหาได้ผิดไม่”
ตั้งแต่เดิม,ร่างกายของเซี่ยวเฉินก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้นํามันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เขาสามารถใช้กําลังดุร้ายเข้าจู่โจม,แต่เผชิญหน้ากับผู้ใช้พลังปราณ,มันไม่มีข้อได้เปรียบอะไร
เซี่ยวเฉินสามารถใช้กําลังของเขาผ่าแยกก้อนหิน,แต่คนอื่นก็สามารถใช้พลังปราณทําได้เช่นกันไม่ได้มีความต่างชั้นกันมากเท่าไหร
อย่างไรก็ตาม,ด้วยสลักร่างพยัคฆ์มังกรเล่มนี้,สถานการณ์เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาจะเปลี่ยนไป เขาจะสามารถใช้ข้อได้เรียบด้านพลังกายของเขาด้วยทักษะที่มากขึ้น
ในการต่อสู้ มันสามารถบรรลุผลที่คาดไม่ถึงเขาสามารถระเบิดพลังให้คู่ต่อสู้ตกตะลึง
ที่สําคัญที่สุดก็คือสลักร่างพยัคฆ์มังกรเล่มนี้ส่งต่อมาจากมือของระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธขั้นสูงสุด นอกจากนั้น มันยังเป็นหนึ่งในสามตําราลับที่เขาได้นํามาบ่มเพาะพลังอย่างสันโดษ
เป็นข้อพิสูจน์ว่าในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาผู้อาวุโสท่านนี้ตระหนักถึงความสําคัญของพลังกาย เพื่อที่จะทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ การพัฒนาร่างกายจะเพิ่มความสามารถในการบ่มเพาะพลัง
เป็นข้อพิสูจน์ว่าเส้นทางการฝึกฝนของเซี่ยวเฉินได้เดินมาถูกทางแล้ว ทั้งพลังร่างกายและขอบเขตบ่มเพาะพลังล้วนสําคัญ ไม่มีฝั่งไหนมากน้อยไปกว่ากัน มิฉะนั้น ก็อาจจะติดอยู่ที่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ
เซี่ยวเฉินเก็บตําราสลักร่างพยัคฆ์มังกรอย่างระวังก่อนที่จะหยิบตําราเล่มที่สองมาดู นี่เป็นทักษะหมัดที่เรียกว่าหมัดพยัคฆ์มังกร
ชื่อคล้ายคลึงกับสลักร่างพยัคฆ์มังกรมันน่าจะเป็นหนึ่งในทักษะชุด มีทั้งหมดสี่กระบวณท่า
กระบวณท่าแรกคือพยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา
กระบวณท่าที่สองคือพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน
กระบวณท่าที่สามคือพยัคฆ์คํารามมังกรข่ม
กระบวณท่าที่สี่คือพยัคฆ์เหินมังกรทะยาน
หมายเหตุ:โปรดระลึกไว้ ทักษะหมัดนี้สามารถฝึกฝนได้หลังจากที่บ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกรถึงชั้นที่สาม
มันมาเป็นชุดกับสลักร่างพยัคฆ์มังกรอย่างแน่นอน มันมาพร้อมกับทักษะต่อสู้ เซี่ยวเฉินยิ้มพร้อมกับเก็บมันเข้าไปจากนั้น เขาก็เปิดตําราเล่มที่สาม
ตําราลับเล่มที่สามค่อนข้างแปลก มันเป็นตําราทักษะดาบมันเรียกว่าดาบจักรวาลบํารุงใจ,มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับปฐพีเช่นกัน
เซี่ยวเฉินมองกวดผ่านๆอย่าวรวดเร็ว เขาไม่ได้สนใจมันมากนัก ปัจจุบันเขาไม่มีความตั้งใจที่จะฝึกฝนทักษะดาบ
เซี่ยวเฉินมองไปที่ตําราลับทั้งสามและรู้สึกงุนงง เขากล่าวขึ้น “น่าแปลก…เขาเป็นถึงท่านเจ้าศาลากระบี่สวรรค์ ทว่าสามตําราทักษะสุดท้ายที่เขาทิ้งเอาไว้กลับไม่ ได้เกี่ยวข้องกับกระบี่แม้แต่น้อย”
ที่แปลกที่สุดเลยก็คือเขาเริ่มฝึกฝนทักษะดาบ เซี่ยวเฉินครุ่นคิดเกี่ยวกับมันและรู้สึกว่ามีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น
ฉีเหิ่นเทียนเป็นอัจฉริยะกระบี่เขาได้ทุ่มเททั้งชีวิตค้นคว้าเกี่ยวกับกระบี่และได้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่สามารถทะลวงสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธได้
ความเป็นไปได้ที่เขารู้สึกนั้น,แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์กระบี่โดดเด่น,เขาไม่สามารถสร้างก้าวหน้าด้วยทักษะกระบี่อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงพึ่งพาวิธีทางอื่นๆที่จะช่วยให้เขาก้าวห น้า
การฝึกฝนทักษะดาบก็คือหนึ่งในการพยายามของเขา
เซียวเฉินรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าขบขัน ผู้คนจากศาลากระบี่สวรรค์ล้วนเกลียดชังดาบ
หากมีนักบ่มเพาะพลังที่อ่อนแอแบกดาบขึ้นหลังและอยากจะเข้าร่วมศาลากระบี่สวรรค์,เขาคงจะถูกทุบจนตายก่อนที่จะได้คลานเข้ามาในเมืองกระบี่เสียอีก
ตั้งแต่สมัยโบราณ,ดาบและกระบี่เป็นปรปักษ์ต่อกัน เซี่ยวเฉินสงสัยว่าทุกคนจะทําสีหน้าเช่นไรหากพวกเขาพบเข้าว่าหนึ่งในท่านเจ้าศาลามากพรสวรรค์ของพวกเขา ได้ค้นคว้าทักษะดาบ
ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ตั้งแต่ที่นี่เหิ่นเทียน ร่ำเรียนทักษะดาบ,เขาจะต้องมีดาบไว้ฝึกฝนดาบที่นี่ เหินเทียนครอบครองจะต้องไม่ใช้ดาบธรรมดา เมื่อมันไม่ ได้อยู่ในแหวนห้วงมิติ มันก็น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในบ้านไม้หลังนี้
เซี่ยวเฉินเริ่มมองไปทั่วทุกที่แต่ก็ไม่พบอะไรหลังจากมองหามาเป็นเวลานาน ขณะที่เชี่ยวเฉินกําลังจะยอมแพ้ เขาก็บังเอิญไปเห็นกิ่งไม้แหลมอันหนึ่ง
ขณะที่เซี่ยวเฉินถือกิ่งไม้อันนั้นไว้ในมือ เขาอดที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความเข้าใจในดาบของฉีเหิ่นเทียนยังไม่ถึงจุดที่กวัดแกว่งทุกอย่างได้ราวกับดาบ นี่แสดงให้เห็นว่าเขายังมีอคติกับดาบอยู่ในก้นบึงของหัวใจ
หัวใจที่เย่อหยิ่งของเขาที่มองลงไปที่ดาบ แม้แต่ของที่เขาใช้ฝึกฝนดาบยังเป็นเพียงกิ่งไม้แหลมธรรมดา
ที่กิ่งไม้ไม่มีอะไรพิเศษ,เซี่ยวเฉินจึงโยนมันทิ้งไปด้านข้างหลังจากนั้นเซี่ยวเฉินก็ถือกระบี่ล้ําค่าเล่มนั้น ไว้ในมือและตรวจสอบมัน มีมังกรเหินสองตัวอยู่บนฝักกระบี่ที่ดูธรรมดา
ด้ามของกระบี่ค่อนข้างยาวและมีคําว่า ‘มังกรคํารน’ สลักอยู่ ที่คั่นดาบเหมือนเป็นมังกรเหินสองตัวที่คาบไข่มุกไว้ในปาก
เซี่ยวเฉินจับไปที่ด้ามกระบี่แน่นและชักกระบี่มังกรคํารนอดกมาพร้อมกับเสียง ‘ชะแว้ง’ ตัวกระบี่ยาวประมาณ 2.4 เมตรและมีคมกระบี่ที่เรียวบางมันเปล่งประกายด้วยแสงเย็น
ในทันทีที่กระบี่มังกรคํารนถูกชักออกมา,เขาเชื่อมต่อกับบ่อน้ําฉีที่จุดตันเที่ยนของเซี่ยวเฉิน มันราวกับว่ามีเส้นปราณที่ไม่มีตัวตนกําลังส่งพลังปราณของเซี่ยวเฉินไปที่กระบี่อย่างต่อเนื่อง
“ฉัวะ!”
กระบี่ฉีพุ่งออกมาจากคมกระบี่,พุ่งตรงเข้าฟาดฟันภาพวาดจักรพรรดิกระบี่ขาดเป็นสอง
ความสามารถในการยิงกระบี่ฉีได้ด้วยตัวเองนับเป็นความสามารถที่สําคัญของอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ มันสามารถทําให้ผู้ที่ยังไม่ขึ้นถึงระดับขอบเขตนักบุญยิงกระบี่ ฉีออกมาได้หากผู้ถือครองได้ขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ กระบี่ฉีก็จะหนาแน่นยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันก็เผาผลาญพลังปราณอย่างรวดเร็ว เซี่ยวเฉินถือกระบี่ไว้ได้เพียงครู่เดียว,เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังปราณของเขาถูกเผาผลาญออกไปมหาศาล ดังนั้นเขาจึง รีบเก็บมังกรคํารนกลับเข้าฝึก
เซี่ยวเฉินคิดกลับไปที่กระบี่เงาจันทร์ของเขา เดิมทีมันเป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด อ๋าวเจียวได้ผนึกมันเอาไว้เพราะมีเหตุผล ด้วยระดับขอบเขตพลังในอดีตของเขา เขาไม่มีแม้แต่พลังที่จะดึงกระบี่ออกมา
เซี่ยวเฉินได้กําไรมหาศาลจากรูบนต้นไม้แห่งนี้ หลังจากที่เซี่ยวเฉินสํารวจอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาก็ไม่พบอะไรอีกดังนั้น เขาจึงเตรียมตัวที่จะจากไป ขณะที่เขากําลังจะหันหลัง,เสื้อสวดภาวนาทรงกลมนั้นก็เตะตาของเขา
“เสือสวดภาวนาที่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธขั้นสูงสุดใช้จะต้องไม่ใช้สิ่งที่จะนําเสื้อข้างถนนไปเปรียบเทียบได้ ข้าควรจะลองดู มันคงจะน่าเสียดายหากข้าพลาดสมบัติอะไรไป” เซี่ยวเฉินกล่าวพร้อมกับตรงไปที่เสื่อสวดภาวนา
เซี่ยวเฉินเพียงนั่งขัดสมาธิลงบนเสื่อและพลังงานอันน่ากลัวจากใต้ผืนเสื่อก็ไหลออกมา พลังพลุ่งพล่านกระแทกเซี่ยวเฉินออกไป เป็นผลให้เขากระแทกเข้ากับกําแพงไม่อย่างแรง
“ปัง!”
เซี่ยวเฉินกระอักเลือดออกมาคําใหญ่พร้อมกับร่วงลงไปที่พื้น อย่างไรก็ตาม,พลังยังไม่ได้สลายไป ร่างของเขากระเด้งบนพื้นอีกหลายครั้ง ทุกครั้งที่เขากระเด้ง,เขาก็จะกระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งคํา
“จิ! จิ! จิ! จิ! จิ! จิ!”
เซี่ยวเฉินกระอักเลือดออกมาเก้าคนก่อนที่จะหยุดลง เขาเผยสีหน้าหวาดกลัวพร้อมกับจ้องมองไปที่เสื่อสวดภาวนาที่ดูจืดชืดเรียบง่าย
เซี่ยวเฉินกลืนเม็ดยาหวนคืนโลหิตก่อนที่จะใช้คาถาแรงโน้มถ่วงเพื่อบินขึ้นไป เขากระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่ลงบนพื้นอย่างมั่นคงก่อนที่จะพักผ่อน แม้ว่ามันจะใช้เวลา เพียงชั่วครู่,เซี่ยวเฉินก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว
ทันทีที่เซี่ยวเฉินนั่งลงบนเสื้อสวดภาวนา,เขารู้สึกราวกับว่าเขาสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรของเส้นโลหิตวิญญาณทั่วทั้งเทือกเขาหลิงหยุน เขาเห็นลูกบอลแสงสีแดงที่กําลังเต้นเหมือนกับหัวใจของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่อะไรที่เซียวเฉินจะนําไปใช้ได้ด้วย ระดับขอบเขตพลังในปัจจุบันของเขา เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทนต่อพลังงานธรรมชาตินั้น
บางที่มีเพียงปราชญ์ยุทธเท่านั้นที่จะใช้เสื่อผืนนั้นบ่มเพาะพลังและไม่ถูกโยนกระเด็นออกมา
เซี่ยวเฉินใช้เวลาทั้งคืนโดยปราศจากคําพูดใดๆ เขาค่อยๆฟื้นคืนอาการบาดเจ็บภายในตลอดทั้งคืน เขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง,ทําให้เขาฟื้นตัวได้เลรวดเร็วกว่าคนทั่วไปขณะที่ฟ้าสว่าง,เขาก็ฟื้นคืนกลับมาได้จนเกือบสมบูรณ์
เซี่ยวเฉินหยิบเอาสลักร่างพยัคฆ์มังกรออกมาเปิดอ่านอย่างละเอียด เขาพักแผนดั้งเดิมของเขาที่จะออกไปค้นหาสมุนไพรอายุสองร้อยปีไว้ชั่วคราว
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation 202 สลักร่างพยัคฆ์มังกร
ตอนที่ 202 สลักร่างพยัคฆ์มังกร
เซี่ยวเฉินคาดเดาเมื่อเขาเห็นกองขี้เถ้า อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่อาจแน่ใจ เขายื่นมืออกไปและจุ่มนิ้วลงไปในกองขี้เถ้า
จากนั้นเขาก็เอานิ้วมาที่จมูก เซี่ยวเฉินมั่นใจแล้ว กองขี้เถ้านี้คือเศษซากของนักบ่มเพาะพลังที่เข้าสู่สภาวะพลังฉีแตกคลั่งก่อนที่ถูกเผาไหม้จนตกตาย
สภาวะเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของนักบ่มเพาะพลังที่ขอบเขตพลังสูง ยิ่งพวกเขาบ่มเพาะพลังขึ้นไปสูงมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่จะเข้าสู่สภาวะพลังฉีแตกคลั่งก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ผลที่ตามมาก็น่ากลัวยิ่ง
แม้ว่าทุกคนจะรู้ถึงอันตรายนี้ แต่พวกเขาก็ไม่อาจหยุดลงได้ ยิ่งพวกเขาเดินตามเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังไปมากเท่าไหร ยิ่งพวกเขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย พวกเขายิ่งไม่อยากยอมแพ้
“ฟู่!”
เซี่ยวเฉินส่งฝ่ามือของเขาออกไปเปากองขี้เถ้า เขาพบแหวน,แวววาวไปด้วยพลังงานจิตวิญญาณ วางอยู่บนเสือสวดภาวนา มีชื่อสลักอยู่ด้านในของแหวน – เหิ่นเทียน
“เหิ่นเทียน…ฉีเหิ่นเทียน…เป็นเขานั้นเอง” ความสงสัยในใจของเซียวเฉินพลันกระจาง
ฉีเหิ่นเทียนคือหนึ่งในท่านเจ้าศาลากระบี่สวรรค์ เขามีความสามารถที่โดดเด่นและได้กลายมาเป็นระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยพรสวรรค์ของเขา เขาถูกจัดให้เป็นอันดับต้นๆในประวัติศาสตร์ของศาลากระบี่สวรรค์
ตามที่เลื่องลือ หลังจากที่เขาส่งต่อตําแหน่งทานเจ้าศาลากระบี่สวรรค์ เขาก็มาอยู่อย่างสันโดษ ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ใด ในช่วงเวลานั้น ขอบเขตพลังของเขาได้มาถึงขอบเขตปราชญ์ยุทธขั้นสูงสุด
เช่นนั้นเขาได้มาที่นี่เพื่อบ่มเพาะพลังอย่างสันโดษ เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง ไม่สงสัยเลยว่าทําไมถึงไม่มีใครพบตัวเขา สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ปิดซ่อนเพียงแค่ระดับปกติ
เขาได้แขวนภาพวาดของจักรพรรดิกระบี่ไว้ที่กําแพง เขาจะต้องใช้จักรพรรดิกระบี่เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจ หวังว่าเขานั้นจะสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธได้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวพันธ์กับเซี่ยวเฉินสิ่งที่เขาเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือจะมีอะไรอยู่ในอหวนห้วงมิติของขอบเขตปราชญ์ยุทธมันจะต้องมีสมบัติมากมายอยู่ ในนั้น
เมื่อเซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณเข้าไปในแหวนห้วงมิติ เขาพบตําราลับสามเล่มและอาวุธวิญญาณเป็นอาวุธกระบี่วิญญาณระดับสวรรค์ขั้นต่ำ
ยังมีกองหินวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วนอีกด้วย เซี่ยวเฉินมองอย่างละเอียดและพบว่าพวกมันทั้งหมดเป็นหินวิญญาณระดับกลาง
แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะเคยเห็นหินวิญญาณกองใหญ่ที่กองบัญชาการของเหมือง แต่นี่ก็ยังน่าตื่นตาตื่นใจ
ในกองบัญชาการเหมืองวิญญาณ หินวิญญาณส่วนใหญ่เป็นระดับต่ำ นอกจากนั้น ที่เขาทําได้ก็เพียง แค่จ้องมอง หินวิญญาณในแหวนห้วงมิติวงนี้ทั้งหมดเป็นหินวิญญาณระดับกลาง
ที่สําคัญยิ่งกว่านั้นก็คือมันไม่มีเจ้าของ เซี่ยวเฉินร่ำรวยแล้วตอนนี้
พยายามระงับความดีใจของเขาเอาไว้เซี่ยวเฉินหยิบเอา ตําราลับทั้งสามและกระบี่ออกมาเขาวางกระบี่ไว้ด้า นข้างก่อนที่จะเปิดตําราเล่มแรกอ่าน
“สลักร่างพยัคฆ์มังกร!”
เซี่ยวเฉินอ่านออกเสียงอย่างช้าๆ นี่คือทักษะเสริมร่างกายระดับปฐพีขั้นกลาง มันใช้เสริมสร้างร่างกายโดยเฉพาะ สลักกระดูก เสริมแกร่งร่างกาย เร่งพลังฉีและโลหิต
ทักษะระดับปฐพีขั้นกลางนั้นหายากเป็นอย่างมาก ยากที่จะเจอสักเล่ม แม้แต่ในศาลากระบี่สวรรค์
นอกจากทักษะบ่มเพาะพลังระดับสวรรค์ ทักษะบ่มเพาะพลังระดับปฐพีคือแข็งแกร่งที่สุด นอกจานั้น ทักษะบ่มเพาะพลังมันหายากยิ่งกว่าทักษะต่อสู้เสียอีก ถึงอย่างไร ทั่วทั้งทวีปเทียนหวี่ที่ขาดแคลนน้อยที่สุดก็คือที่กษะต่อสู้
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน สลักร่างพยัคฆ์มังกรก็คือตําราทักษะที่ล้ําค่า
สลักร่างพยัคฆ์มังกรสามารถแบ่งออกได้เป็นเจ็ดชั้น
ชั้นแรกคือร่างแกร่งทรงพลัง เพิ่มฉีและเลือดโลหิตขึ้นอย่างมาก
ชั้นที่สองคือก่อเกิดพลังศักดิ์สิทธิ์ ตัดภูเขาสะบั้นหินผา
ชั้นที่สามคือพยัคฆ์คํารามสะเทือนไพร อํานาจเหนือสัตว์อสูรนับร้อย
ชั้นที่สี่คือมังกรคํารามคลุมนภา ทะยานทะลุท้องฟ้า
ชั้นที่ห้าคือกระดูกพยัคฆ์เอ็นมังกร ดึงภูผาชักแม่น้ํา
เซี่ยวเฉินมองไปที่คําโปรยและรู้สึกเป็นสุข เขายิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น “ยอดเยี่ยม สลักร่างพยัคฆ์มังกรเล่มนี้ราวกับชุดสั่งตัดมาเพื่อข้าโดยเฉพาะ นอกจานั้น,มันยังส่งต่อมา จากมือของขอบเขตปราชญ์ยุทธ นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าแนวทางการบ่มเพาะของข้าหาได้ผิดไม่”
ตั้งแต่เดิม,ร่างกายของเซี่ยวเฉินก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้นํามันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เขาสามารถใช้กําลังดุร้ายเข้าจู่โจม,แต่เผชิญหน้ากับผู้ใช้พลังปราณ,มันไม่มีข้อได้เปรียบอะไร
เซี่ยวเฉินสามารถใช้กําลังของเขาผ่าแยกก้อนหิน,แต่คนอื่นก็สามารถใช้พลังปราณทําได้เช่นกันไม่ได้มีความต่างชั้นกันมากเท่าไหร
อย่างไรก็ตาม,ด้วยสลักร่างพยัคฆ์มังกรเล่มนี้,สถานการณ์เปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาจะเปลี่ยนไป เขาจะสามารถใช้ข้อได้เรียบด้านพลังกายของเขาด้วยทักษะที่มากขึ้น
ในการต่อสู้ มันสามารถบรรลุผลที่คาดไม่ถึงเขาสามารถระเบิดพลังให้คู่ต่อสู้ตกตะลึง
ที่สําคัญที่สุดก็คือสลักร่างพยัคฆ์มังกรเล่มนี้ส่งต่อมาจากมือของระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธขั้นสูงสุด นอกจากนั้น มันยังเป็นหนึ่งในสามตําราลับที่เขาได้นํามาบ่มเพาะพลังอย่างสันโดษ
เป็นข้อพิสูจน์ว่าในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาผู้อาวุโสท่านนี้ตระหนักถึงความสําคัญของพลังกาย เพื่อที่จะทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ การพัฒนาร่างกายจะเพิ่มความสามารถในการบ่มเพาะพลัง
เป็นข้อพิสูจน์ว่าเส้นทางการฝึกฝนของเซี่ยวเฉินได้เดินมาถูกทางแล้ว ทั้งพลังร่างกายและขอบเขตบ่มเพาะพลังล้วนสําคัญ ไม่มีฝั่งไหนมากน้อยไปกว่ากัน มิฉะนั้น ก็อาจจะติดอยู่ที่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ
เซี่ยวเฉินเก็บตําราสลักร่างพยัคฆ์มังกรอย่างระวังก่อนที่จะหยิบตําราเล่มที่สองมาดู นี่เป็นทักษะหมัดที่เรียกว่าหมัดพยัคฆ์มังกร
ชื่อคล้ายคลึงกับสลักร่างพยัคฆ์มังกรมันน่าจะเป็นหนึ่งในทักษะชุด มีทั้งหมดสี่กระบวณท่า
กระบวณท่าแรกคือพยัคฆ์ร้ายทะลวงภูผา
กระบวณท่าที่สองคือพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน
กระบวณท่าที่สามคือพยัคฆ์คํารามมังกรข่ม
กระบวณท่าที่สี่คือพยัคฆ์เหินมังกรทะยาน
หมายเหตุ:โปรดระลึกไว้ ทักษะหมัดนี้สามารถฝึกฝนได้หลังจากที่บ่มเพาะสลักร่างพยัคฆ์มังกรถึงชั้นที่สาม
มันมาเป็นชุดกับสลักร่างพยัคฆ์มังกรอย่างแน่นอน มันมาพร้อมกับทักษะต่อสู้ เซี่ยวเฉินยิ้มพร้อมกับเก็บมันเข้าไปจากนั้น เขาก็เปิดตําราเล่มที่สาม
ตําราลับเล่มที่สามค่อนข้างแปลก มันเป็นตําราทักษะดาบมันเรียกว่าดาบจักรวาลบํารุงใจ,มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับปฐพีเช่นกัน
เซี่ยวเฉินมองกวดผ่านๆอย่าวรวดเร็ว เขาไม่ได้สนใจมันมากนัก ปัจจุบันเขาไม่มีความตั้งใจที่จะฝึกฝนทักษะดาบ
เซี่ยวเฉินมองไปที่ตําราลับทั้งสามและรู้สึกงุนงง เขากล่าวขึ้น “น่าแปลก…เขาเป็นถึงท่านเจ้าศาลากระบี่สวรรค์ ทว่าสามตําราทักษะสุดท้ายที่เขาทิ้งเอาไว้กลับไม่ ได้เกี่ยวข้องกับกระบี่แม้แต่น้อย”
ที่แปลกที่สุดเลยก็คือเขาเริ่มฝึกฝนทักษะดาบ เซี่ยวเฉินครุ่นคิดเกี่ยวกับมันและรู้สึกว่ามีเพียงความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น
ฉีเหิ่นเทียนเป็นอัจฉริยะกระบี่เขาได้ทุ่มเททั้งชีวิตค้นคว้าเกี่ยวกับกระบี่และได้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่สามารถทะลวงสู่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธได้
ความเป็นไปได้ที่เขารู้สึกนั้น,แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์กระบี่โดดเด่น,เขาไม่สามารถสร้างก้าวหน้าด้วยทักษะกระบี่อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงพึ่งพาวิธีทางอื่นๆที่จะช่วยให้เขาก้าวห น้า
การฝึกฝนทักษะดาบก็คือหนึ่งในการพยายามของเขา
เซียวเฉินรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าขบขัน ผู้คนจากศาลากระบี่สวรรค์ล้วนเกลียดชังดาบ
หากมีนักบ่มเพาะพลังที่อ่อนแอแบกดาบขึ้นหลังและอยากจะเข้าร่วมศาลากระบี่สวรรค์,เขาคงจะถูกทุบจนตายก่อนที่จะได้คลานเข้ามาในเมืองกระบี่เสียอีก
ตั้งแต่สมัยโบราณ,ดาบและกระบี่เป็นปรปักษ์ต่อกัน เซี่ยวเฉินสงสัยว่าทุกคนจะทําสีหน้าเช่นไรหากพวกเขาพบเข้าว่าหนึ่งในท่านเจ้าศาลามากพรสวรรค์ของพวกเขา ได้ค้นคว้าทักษะดาบ
ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ตั้งแต่ที่นี่เหิ่นเทียน ร่ำเรียนทักษะดาบ,เขาจะต้องมีดาบไว้ฝึกฝนดาบที่นี่ เหินเทียนครอบครองจะต้องไม่ใช้ดาบธรรมดา เมื่อมันไม่ ได้อยู่ในแหวนห้วงมิติ มันก็น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในบ้านไม้หลังนี้
เซี่ยวเฉินเริ่มมองไปทั่วทุกที่แต่ก็ไม่พบอะไรหลังจากมองหามาเป็นเวลานาน ขณะที่เชี่ยวเฉินกําลังจะยอมแพ้ เขาก็บังเอิญไปเห็นกิ่งไม้แหลมอันหนึ่ง
ขณะที่เซี่ยวเฉินถือกิ่งไม้อันนั้นไว้ในมือ เขาอดที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความเข้าใจในดาบของฉีเหิ่นเทียนยังไม่ถึงจุดที่กวัดแกว่งทุกอย่างได้ราวกับดาบ นี่แสดงให้เห็นว่าเขายังมีอคติกับดาบอยู่ในก้นบึงของหัวใจ
หัวใจที่เย่อหยิ่งของเขาที่มองลงไปที่ดาบ แม้แต่ของที่เขาใช้ฝึกฝนดาบยังเป็นเพียงกิ่งไม้แหลมธรรมดา
ที่กิ่งไม้ไม่มีอะไรพิเศษ,เซี่ยวเฉินจึงโยนมันทิ้งไปด้านข้างหลังจากนั้นเซี่ยวเฉินก็ถือกระบี่ล้ําค่าเล่มนั้น ไว้ในมือและตรวจสอบมัน มีมังกรเหินสองตัวอยู่บนฝักกระบี่ที่ดูธรรมดา
ด้ามของกระบี่ค่อนข้างยาวและมีคําว่า ‘มังกรคํารน’ สลักอยู่ ที่คั่นดาบเหมือนเป็นมังกรเหินสองตัวที่คาบไข่มุกไว้ในปาก
เซี่ยวเฉินจับไปที่ด้ามกระบี่แน่นและชักกระบี่มังกรคํารนอดกมาพร้อมกับเสียง ‘ชะแว้ง’ ตัวกระบี่ยาวประมาณ 2.4 เมตรและมีคมกระบี่ที่เรียวบางมันเปล่งประกายด้วยแสงเย็น
ในทันทีที่กระบี่มังกรคํารนถูกชักออกมา,เขาเชื่อมต่อกับบ่อน้ําฉีที่จุดตันเที่ยนของเซี่ยวเฉิน มันราวกับว่ามีเส้นปราณที่ไม่มีตัวตนกําลังส่งพลังปราณของเซี่ยวเฉินไปที่กระบี่อย่างต่อเนื่อง
“ฉัวะ!”
กระบี่ฉีพุ่งออกมาจากคมกระบี่,พุ่งตรงเข้าฟาดฟันภาพวาดจักรพรรดิกระบี่ขาดเป็นสอง
ความสามารถในการยิงกระบี่ฉีได้ด้วยตัวเองนับเป็นความสามารถที่สําคัญของอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ มันสามารถทําให้ผู้ที่ยังไม่ขึ้นถึงระดับขอบเขตนักบุญยิงกระบี่ ฉีออกมาได้หากผู้ถือครองได้ขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ กระบี่ฉีก็จะหนาแน่นยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันก็เผาผลาญพลังปราณอย่างรวดเร็ว เซี่ยวเฉินถือกระบี่ไว้ได้เพียงครู่เดียว,เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังปราณของเขาถูกเผาผลาญออกไปมหาศาล ดังนั้นเขาจึง รีบเก็บมังกรคํารนกลับเข้าฝึก
เซี่ยวเฉินคิดกลับไปที่กระบี่เงาจันทร์ของเขา เดิมทีมันเป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด อ๋าวเจียวได้ผนึกมันเอาไว้เพราะมีเหตุผล ด้วยระดับขอบเขตพลังในอดีตของเขา เขาไม่มีแม้แต่พลังที่จะดึงกระบี่ออกมา
เซี่ยวเฉินได้กําไรมหาศาลจากรูบนต้นไม้แห่งนี้ หลังจากที่เซี่ยวเฉินสํารวจอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาก็ไม่พบอะไรอีกดังนั้น เขาจึงเตรียมตัวที่จะจากไป ขณะที่เขากําลังจะหันหลัง,เสื้อสวดภาวนาทรงกลมนั้นก็เตะตาของเขา
“เสือสวดภาวนาที่ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธขั้นสูงสุดใช้จะต้องไม่ใช้สิ่งที่จะนําเสื้อข้างถนนไปเปรียบเทียบได้ ข้าควรจะลองดู มันคงจะน่าเสียดายหากข้าพลาดสมบัติอะไรไป” เซี่ยวเฉินกล่าวพร้อมกับตรงไปที่เสื่อสวดภาวนา
เซี่ยวเฉินเพียงนั่งขัดสมาธิลงบนเสื่อและพลังงานอันน่ากลัวจากใต้ผืนเสื่อก็ไหลออกมา พลังพลุ่งพล่านกระแทกเซี่ยวเฉินออกไป เป็นผลให้เขากระแทกเข้ากับกําแพงไม่อย่างแรง
“ปัง!”
เซี่ยวเฉินกระอักเลือดออกมาคําใหญ่พร้อมกับร่วงลงไปที่พื้น อย่างไรก็ตาม,พลังยังไม่ได้สลายไป ร่างของเขากระเด้งบนพื้นอีกหลายครั้ง ทุกครั้งที่เขากระเด้ง,เขาก็จะกระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งคํา
“จิ! จิ! จิ! จิ! จิ! จิ!”
เซี่ยวเฉินกระอักเลือดออกมาเก้าคนก่อนที่จะหยุดลง เขาเผยสีหน้าหวาดกลัวพร้อมกับจ้องมองไปที่เสื่อสวดภาวนาที่ดูจืดชืดเรียบง่าย
เซี่ยวเฉินกลืนเม็ดยาหวนคืนโลหิตก่อนที่จะใช้คาถาแรงโน้มถ่วงเพื่อบินขึ้นไป เขากระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่ลงบนพื้นอย่างมั่นคงก่อนที่จะพักผ่อน แม้ว่ามันจะใช้เวลา เพียงชั่วครู่,เซี่ยวเฉินก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว
ทันทีที่เซี่ยวเฉินนั่งลงบนเสื้อสวดภาวนา,เขารู้สึกราวกับว่าเขาสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรของเส้นโลหิตวิญญาณทั่วทั้งเทือกเขาหลิงหยุน เขาเห็นลูกบอลแสงสีแดงที่กําลังเต้นเหมือนกับหัวใจของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่อะไรที่เซียวเฉินจะนําไปใช้ได้ด้วย ระดับขอบเขตพลังในปัจจุบันของเขา เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทนต่อพลังงานธรรมชาตินั้น
บางที่มีเพียงปราชญ์ยุทธเท่านั้นที่จะใช้เสื่อผืนนั้นบ่มเพาะพลังและไม่ถูกโยนกระเด็นออกมา
เซี่ยวเฉินใช้เวลาทั้งคืนโดยปราศจากคําพูดใดๆ เขาค่อยๆฟื้นคืนอาการบาดเจ็บภายในตลอดทั้งคืน เขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง,ทําให้เขาฟื้นตัวได้เลรวดเร็วกว่าคนทั่วไปขณะที่ฟ้าสว่าง,เขาก็ฟื้นคืนกลับมาได้จนเกือบสมบูรณ์
เซี่ยวเฉินหยิบเอาสลักร่างพยัคฆ์มังกรออกมาเปิดอ่านอย่างละเอียด เขาพักแผนดั้งเดิมของเขาที่จะออกไปค้นหาสมุนไพรอายุสองร้อยปีไว้ชั่วคราว
Comments