Immortal and Martial Dual Cultivation 221 มู่เหิงแห่งยอดเขาเปยเฉิน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 221 มู่เหิงแห่งยอดเขาเปยเฉิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 221 มู่เหิงแห่งยอดเขาเปยเฉิน

 

เมื่อข่าวใหม่นี้กระจายออกไป,ทั่วลานฝึกฝนตกลงสู่ความโกลาหล ทุกคนล้วนรู้ว่าก้อนศิลาสีดํานี้ไม่ใช่ของธรรมดา มันแข็งแกร่งกว่าก้อนศิลาทั่วไปหลายเท่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทําได้ง่ายดาย

 

ทุกคนล้วนรู้สึกเป็นกังวลอยู่ก่อนแล้วและพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าทักษะต่อสู้ของพวกเขาจะถูกห้ามใช้อีก มันไม่ใช่เพียงสานุศิษย์ชั้นในที่เข้ารับการทดสอบเท่านั้นที่รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ผู้คุมสอบสองคนที่อยู่ด้านข้างหัวหน้าผู้คุมสอบก็มีสีหน้า ตกตะลึง

 

พวกเขารู้เกี่ยวกับศิลาสีดําพวกนี้เป็นอย่างดี แม้แต่พวกเขาเองหากจะฟันก้อนศิลานี้ให้ขาดครึ่ง,พวกเขาต้องใช้กําลังถึงหนึ่งในสี่

 

หัวหน้าผู้คุมสอบมีสีหน้าไม่น่ามองพร้อมกับกล่าวขึ้นเดียวเสียงลึก “เงียบ! พวกเขาจะดําเนินการทดสอบต่อไปหากพวกเจ้ายังส่งเสียงไม่เลิก, ข้าจะใช้วิธีของข้าทําให้มันเงียบเอง”

 

แม้ว่ายังจะมีคนที่ไม่พอใจอยู่บ้างก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออก มาภายใต้อํานาจของหัวหน้าผู้คุมสอบผู้เข้ารับการสอบหมายเลข 2 เดินออกมาสีหน้าเคร่งเครียด

 

คนผู้นี้ฉลาดกว่าหน่อย หลังจากที่เขาเดินไปรอบๆก้อนศิลาสีดํา,เขาก็ถามหัวหน้าผู้คุมสอบ “ข้าขอแตะมันได้หรือไม่?”

 

หัวหน้าผู้คุมพยักหน้า “ได้ แต่ห้ามใช้พลังปราณ อีกทั้งอย่าให้มันนานไปนัก”

 

คนผู้นี้รีบลูบไปที่พื้นผิวของศิลาเขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาถอนมือกลับมาและค่อยๆชักกระบี่

 

“แคร้ง!”

 

เขาตัดสินใจลงมือในอึดใจเดียวไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย พร้อมกับเสียง ‘ฉัวะ’ คมกระบี่ตัดจากบนผ่านลงล่างพร้อมกับเสียง ‘ซี่ซี่’

 

คนผู้นี้เผยรอยยิ้มปริมสุขพร้อมกับเพิ่มกําลังใส่ลงไปอีก ‘ปะปะ’ ขณะที่คมกระบี่ห่างหนึ่งในสี่ก่อนที่จะถึงด้านล่างมันก็ติดขัด

 

“ปัง!”

 

หัวหน้าผู้คุมสอบส่งฝามือผ่าอากาศออกมาอีกครั้ง เกิดเสียงบูม และก้อนซิลาขนาดเท่าตัวคนก็แตกสลายกลายเป็นเศษ

 

เมื่อคมกระบี่ของคนผู้นั้นคลายตัวออกมา เขาไม่ได้ตั้งตัวและเสกลับหลังไปสองสามก้าวก่อนที่จะตั้งตัวได้

 

“หมายเลข 2…สอบตก! หมายเลข 3,มาต่อ!” หัวหน้าผู้คุมสอบกล่าวอย่างไม่รีบร้อนท่ามกลางความไม่พอใจของศิษย์ผู้นั้น

 

“เขาค่อนข้างโชคร้าย เขาตัดศิลาสีดําผ่าครึ่งลงไปได้ ถึงกระนั้น ก็ยังเหลืออีกเพียงเล็กน้อยู่ท้ายที่สุดเขาก็ทําไม่สําเร็จ

 

เซี่ยวเฉินเห็นผู้เข้ารับการสอบหมายเลข 2 เดินคอตกออกมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นจริงจังทําไมการสอบถึงได้เข้มงวดนัก? คนผู้นั้นอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูง

 

หากไม่สามารถใช้ทักษะต่อสู้ได้เช่นนั้นคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ก็น่าจะจบลงที่ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน พวกเขาจะสอบตกตั้งแต่รอบแรก

 

เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่ฐานสูง มีชายชราที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาดูชราแต่กระแสพลังพลุ่งพล่านจากระยะไกล,เขายังสามารถสัมผัสได้ ถึงความแข็งแกร่งและพลังชีวิต

 

คนผู้นั้นคือผู้อาวุโสหนึ่งแห่งสภาสูงของศาลากระบี่สวรรค์ เจียงชื่อ เขาคือผู้ที่มีตําแหน่งสูงที่สุดภายในศาลากระบี่สวรรค์ ลูกดอกซัดเมื่อก่อนหน้านี้ก็ถูกปาลงมาโดยเขา สายตาของเซียวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง ชายชราท่านี้กําลังคิดอะไรอยู่?

 

ด่านแรกก็ยากเย็นถึงเพียงนี้แล้ว,หรือเขาพยายามอยากจะปรับตกเสียทุกคน?

 

“ผู้อาวุโสหนึ่งกําลังคิดอะไรอยู่? ทําไมถึงเพิ่มระดับความยากขึ้นไปถึงเพียงนี้?” ท่านเจ้ายอดเจาว่านเหรินรู้สึกสงสัยพร้อมกับพูดขึ้นที่อยู่ด้านหนึ่งของฐานสูง

 

“ยากระดับนี้ เลือกศิษย์แก่นกลางมาได้จะถึงสิบคนหรือเปล่า”

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พี่เหลิ่ง,ท่านมีความสัมผัสอันดีกับผู้อาวุโสหนึ่ง เจ้ารู้ข่าวภายในมาบ้างหรือไม่?

 

การทดสอบศิษย์แก่นกลางรอบนี้มีกลิ่นแปลกๆ แม้แต่ท่านเจ้ายอดเขาก็ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ล่วงหน้า

 

เหลิงเทียนเพิ่งคิ้วขมวดไปที่ผู้อาวุโสหนึ่งเจียงซื้อและส่งสายตาเหล่มอง เขาพึมพํากับตัวเองด้วยเสียงเบา “หรือว่ามันจะเป็นเพราะเรื่องนั้น? ดูเหมือนว่าข้าจะต้อขไปเตรียมตัวล่วงหน้าหลังจากที่การทดสอบจบลง”

 

เมื่อท่านเจ้ายอดเขาสตรีหยก,คู่เซียนอขึ้นเห็นเหลิงเทียนเจิ้งพึมพํากับตัวเอง,นางก็กล่าวขึ้น “พี่ใหญ่เหลิ่ง,หรือว่าเจ้าจะรู้อะไรมาจริงๆ? แบ่งปันกับพวกเรา”

 

เหลิ่งเทียนเฉิงยิ้มและสายหัวของเขา “อย่าไปคิดมาก ข้าจะไปมีข้อมูลวงในอะไรได้? เพียงดูชมกันต่อไปเถอะ”

 

ทุกคนเห็นชัดว่าไม่เชื่อแต่เมื่อเหลิ่งเทียนเจิ้งไม่ยินยอมที่จะเปิดปาก,พวกเขาก็ไม่อาจไปบังคับได้ทุกคนที่นั่งอยู่จรงนี้ล้วนที่สถานะเท่าเทียบกัน พวกเขาจะไปบีบบังคับกันได้อย่างไร

 

ใบหน้าอันงดงามของหลิวหรูเยว่ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย,นางไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางทอดสายตาไปไกลและมองดูเซี่ยวเฉิน,ผู้ที่อยู่บนลานฝึกฝน นางพึมพํากับตัวเอง “หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

 

ดวงอาทิตย์แผดเผาลงมาจากท้องฟ้า มีเสียงตอกดังออกมาจาก ลานฝึกฝนเป็นบางครั้ง ด่านแรกของการทดสอบผ่านไประยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามจํานวนคนที่ผ่านนับได้เพียงสิบ

 

นอกจากนั้น,คนทั้งสิบล้วนอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด พวกเขามีรากฐานแข็งแกร่งและแยกก้อนศิลาเป็นสองซีกได้ในอดใจ

 

“ หมายเลข 100,ยอดเขาเทียนเยว่,จางเลี่ย!” หัวหน้าผู้คุมสอบอ่านชื่อออกมาเสียงดัง

 

“นั่นจางเลี่ย,จางเลี่ยกําลังจะออกไปแล้ว ข้าได้ยินชื่อนี้มากพักหนึ่งแล้ว เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วภายในยอดเขาเทียนเยว”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเขาคือบุตรชายของผู้นําตระกูลจาง เป็นตระกูลชั้นแนวหน้าของเมืองหยุนหยาง เขามีภูมิหลังที่ดีและมากพรสวรรค์ ทั้งหมดที่เขาต้องทําก็คือทุมเทความพยายามและเขาจะต้องกลายเป็นแข็งแกร่งอย่างแน่นอน”

 

“เขาแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว,ยอดเขาเทียนเยวมีการจัดการแข่งขันกันทุกเดือน ศิษย์ชั้นในของยอดเขาเทียนเยวไม่พอมือของเขาอีกต่อไปแล้ว”

 

“เขาได้รับฉายาศิษย์ชั้นในอันดับหนึ่งแห่งศาลากระบี่สวรรค์ มันเกือบจะแน่นอนแล้วว่าเขาจะได้รับอันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้”

 

“ฮ่าฮ่า,มันเร็วไปหน่อยที่จะกล่าวเช่นนั้น รอให้เขาผ่านด่านแรก นี้ไปก่อน หากเขาผ่านด่านแรกนี้ไปไม่ได้ เขาจะไม่แม้แต่จะได้รับสถานะศิษย์แก่นกลาง

 

ในจังหวะที่จางเลี่ยก้าวออกไป,เขาดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที ศิษย์ชั้นในที่อยู่บนที่นั่งผู้ชมทั้งหมดเริ่มพูดคุยกัน

 

ในอัฒจรรย์ที่ไดลออกไป,มีกลุ่มของสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์ ที่มีเส้นสีมองสามเส้นบนปกคอเสื้อของพวกเขา พวกเขาให้ความสนใจไปบนลานฝึกฝน

 

สานุศิษย์เหล่านี้คือห้าสิบอันดับสุดท้ายของศิษย์แก่นกลาง หลังจากที่จางเลี่ยและคนที่เหลือผ่านด่านที่หนึ่งและที่สองไป,พวกเขาจะสามารถเลือกคู่ต่อสู้ของพงกเขาเข้ามาประลองด้วยสถานะศิษย์ แก่นกลางของพวกเขากําลังแขวนอยู่บนเส้นดาย

 

“จางเลี่ย…ข้าหวังว่าเขาจะไม่ใช่คู่มือของข้า” ศิษย์แก่นกลางยอดเขาเปยเฉินผู้หนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลพร้อมกับจ้องมองไปที่จางเลี่ย

 

สานุศิษย์แก่นกลางคนอื่นพูดเป็นเสียงเดียวกัน “เป็นการดีหาก ว่าเขาสอบตกไปเสียตั้งแต่ด่านแรก เช่นนั้น พวกเราทั้งหมดจะไม่ต้องเป็นกังวล

 

ใบหน้าของสานุศิษย์แก่นกลางทั้งห้าสิบเต็มไปด้วยความกังวล ถึงอย่างไร,พวกเขาเป็นสุขไปกับสิทธิพิเศษของศิษย์แก่นกลาง หากพวกเขากลับไปเป็นศิษย์ชั้นใน,พวกเขาจะพบว่ามันยากที่จะยอ มรับในการดูแลที่ต่างออกไป

 

มีเพียงคนเดียวที่สีหน้านิ่งสงบดวงตาของเขาปิดพร้อมกับกระบี่ ที่ถือไว้ในมือ,กอดเอาไว้บนอกของเขา

 

เขาเพิกเฉยต่อเสียงรอบข้างโดยสมบูรณ์,มันราวกับว่าไม่มีอะไร มากระตุ้นเขาได้ เขาตัดขาดและนิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อ

 

จางเลี่ยค่อยๆเดินไปที่ศิลาสีดํา กระแสพลังของเขาถูกสงวนเอาไว้ไม่มีปลดปล่อยออกมา สายตาของเขาเยือกเย็น ผ่านไปครู่หนึ่ง,กระแสพลังของเขาทันใดนั้นก็เฉียบคมขึ้น

 

แสงวาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา,ราวกับกระบี่ที่ถูกดึงออกมาจากฝัก,เผยให้เห็นคมของมัน

 

“ปะ ปะ!”

 

ก่อนศิลาด้านหน้าของจางเลี่ยทันใดนั้นก็ระเบิดออกและกลาย เป็นเศษเล็กเศษน้อยลอยไปในอากาศ

 

จางเลี่ยโบกมือของเขา,ส่งสายลมออกจากฝ่ามืออย่างเรียบง่าย สายลมรุนแรงเปาออกด้านหน้าของเขาเศษศิลาที่ลอยมาทางเขา ทันใดนั้นก็ร่วงลงพื้น

 

“เกิดอะไรขึ้น? ศิลาระเบิดออกได้อย่างไร?” ผู้เข้าร่วมการ ทดสอบคนอื่นๆทั้งหมดล้วนตกตะลึงพวกเขาไม่เห็นที่จางเลี่ยลงมือ

ܩܐ

 

เซี่ยวเฉินดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน เกิดอะไรขึ้น? เขาแน่ใจว่าจางเลี่ยไม่ได้ชักกระบี่ออกมาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม,ก้อนศิลาได้ระเบิดออก

เจตนารมณ์กระบี่!

 

ทันใดนั้น คําสองคนได้ปรากฏขึ้นในใจของเซี่ยนเฉิน นี่เป็นหนึ่งในสภาวะกระบี่อย่างแน่นอน นอกจากนั้น, จางเลี่ยได้บรรลุเจตนารมณ์กระบี่ของเขาไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น

 

“ยินดีด้วย,พี่เหลิ่ง ท่านได้รับศิษย์ที่มากพรสวรรค์เข้ามาอีกคน เขาได้บรรลุถึงเจตนารมณ์กระบี่ของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยอนาคตของเขาไร้ขีดจํากัด

 

“ยอดเขาเทียนเยว่เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ น่าอิจฉายิ่ง! เจตนารมณ์กระบี่ระดับสมบูรณ์ขั้นต้น.ศาลากระบี่สวรรค์ไม่ได้มีอัจฉริยะ เช่นนี้มานับร้อยปีแล้ว”

 

รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลิ่งเทียนเยวพร้อมกับตอบกลับท่านเจ้ายอดเขาอื่นๆ ถึงอย่างไร เขาก็สุนงง เขารู้ถึงจางเลี่ย ที่บรรลุเจตนารมณ์กระบี่

 

แต่ถึงกระนั้น,เหลิ่งเทียนเพิ่งแต่เดิมคิดว่าเขาคงจะเก็บเอาไว้เป็น ไพ่ตาย เขาไม่คาดคิดว่าจะใช้ออกมาเร็วตั้งแต่เริ่มเช่นนี้ ทําไม? ด้วย นิสัยของจางเลี่ย,เขาไม่น่าจะสะเพร่าเช่นนี้

 

กลับไปที่ลานฝึกฝน,จางเลี่ยมันใดนั้นก็หันหัวไปรอบๆ มีแสงวาวสว่างในดวงตาของเขา ในที่สุดเขาก็พบสายตาเฉียบคมที่มองมาก่อนหน้านี้ ใบหน้าสามัญที่ตราตรึงอยู่ในดวงตาของเขา

 

มู่เหิงค่อยๆเผยสีหน้าตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขายิ้มไปที่จางเลี่ยก่อนที่จะถอนสายตากลับมา,กลืนหายไปกับฝูงชน

 

จางเลี่ยตีตราภาพมเพิ่งลงในใจของเขาพร้อมกับคิดกับตัวเอง ในที่สุดข้าก็เจอเข้า ข้าไม่ได้เผยไพ่ตายออกมาอย่างเปล่าประโยชน์ ความกดดันที่เจ้าใช้กับข้า,ข้าก็กดดันคืนให้กับเจ้าได้เช่นกัน

 

มันไม่ได้ยากเย็นสําหรับจางเลี่ยที่จะผ่าครึ่งศิลาสีดําโดยไม่ใช้ทักษะต่อสู้ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไป,เขาก็นึกถึงสายตา เฉียบคมที่มองมานั่น

 

แม้ว่าเขาจะบอกกับตัวเองให้ลืมสายตานั้นไปเสีย,แต่มันไม่มีอะ ไรที่จะเอามาสลัดสายตานั้นออกไปจากเขาได้,สายตานั้นได้ตีตราลงในใจของเขาไปแล้ว

 

หากเขาไม่แก้ไขมันให้กระจ่าง,มันมีอโอกาสที่ปีศาจในใจของเขา จะโผล่ออกมาและรบกวนเขาตอนต่อสู้ ดังนั้น, จางเสี่ยเลือกที่จะเปิดไพ่ตายของเขา เขาเดิมพันว่ามู่เพิ่งจะต้องเผลอจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ตั้งใจ

 

สถานการณ์เป็นไปตามที่จางเลี่ยคาดเดิมไว้

 

“ หมายเลข 100,จางเลี่ย,ผ่าน! ต่อไป!”

 

การสอบดําเนินต่อไปและจํานวนผู้สอบตกที่เพิ่มสูงขึ้น จํานวนผู้ที่สอบตกในด่านแรกเลยผ่านจํานวนของการสอบครั้งเกินไปไกลแล้ว ทุกคนล้วนประหลาดใจที่มันกลายเป็นเช่นนี้

 

ขณะที่ถึงหมายเลข 200,จํานวนคนที่ผ่าก้อนศิลาได้สําเร็จนับได้ เพียงหกสิบอัตราการสอบตกสูงลิบ,สูงจนต้องตะลึง

 

“ หมายเลข 220,ยอดเขาเปยเฉิน,มู่เพิ่ง!” หัวหน้าผู้คุมสอบอ่า นรายชื่อต่อไป

 

มู่เฟิงเดินแหวกฝูงชนและค่อยๆขึ้นไปข้างหน้า เขาราวกับเป็นต้นหญ้าสามัญ,ไม่มีใครให้ความสนใจกับเขาในตอนแรก เพียงเมื่อตอนที่เขาเดินขึ้นไปข้างหน้า,ทุกคนก็จับจ้องไปที่เขา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 221 มู่เหิงแห่งยอดเขาเปยเฉิน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 221 มู่เหิงแห่งยอดเขาเปยเฉิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 221 มู่เหิงแห่งยอดเขาเปยเฉิน

 

เมื่อข่าวใหม่นี้กระจายออกไป,ทั่วลานฝึกฝนตกลงสู่ความโกลาหล ทุกคนล้วนรู้ว่าก้อนศิลาสีดํานี้ไม่ใช่ของธรรมดา มันแข็งแกร่งกว่าก้อนศิลาทั่วไปหลายเท่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทําได้ง่ายดาย

 

ทุกคนล้วนรู้สึกเป็นกังวลอยู่ก่อนแล้วและพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าทักษะต่อสู้ของพวกเขาจะถูกห้ามใช้อีก มันไม่ใช่เพียงสานุศิษย์ชั้นในที่เข้ารับการทดสอบเท่านั้นที่รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ผู้คุมสอบสองคนที่อยู่ด้านข้างหัวหน้าผู้คุมสอบก็มีสีหน้า ตกตะลึง

 

พวกเขารู้เกี่ยวกับศิลาสีดําพวกนี้เป็นอย่างดี แม้แต่พวกเขาเองหากจะฟันก้อนศิลานี้ให้ขาดครึ่ง,พวกเขาต้องใช้กําลังถึงหนึ่งในสี่

 

หัวหน้าผู้คุมสอบมีสีหน้าไม่น่ามองพร้อมกับกล่าวขึ้นเดียวเสียงลึก “เงียบ! พวกเขาจะดําเนินการทดสอบต่อไปหากพวกเจ้ายังส่งเสียงไม่เลิก, ข้าจะใช้วิธีของข้าทําให้มันเงียบเอง”

 

แม้ว่ายังจะมีคนที่ไม่พอใจอยู่บ้างก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออก มาภายใต้อํานาจของหัวหน้าผู้คุมสอบผู้เข้ารับการสอบหมายเลข 2 เดินออกมาสีหน้าเคร่งเครียด

 

คนผู้นี้ฉลาดกว่าหน่อย หลังจากที่เขาเดินไปรอบๆก้อนศิลาสีดํา,เขาก็ถามหัวหน้าผู้คุมสอบ “ข้าขอแตะมันได้หรือไม่?”

 

หัวหน้าผู้คุมพยักหน้า “ได้ แต่ห้ามใช้พลังปราณ อีกทั้งอย่าให้มันนานไปนัก”

 

คนผู้นี้รีบลูบไปที่พื้นผิวของศิลาเขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาถอนมือกลับมาและค่อยๆชักกระบี่

 

“แคร้ง!”

 

เขาตัดสินใจลงมือในอึดใจเดียวไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย พร้อมกับเสียง ‘ฉัวะ’ คมกระบี่ตัดจากบนผ่านลงล่างพร้อมกับเสียง ‘ซี่ซี่’

 

คนผู้นี้เผยรอยยิ้มปริมสุขพร้อมกับเพิ่มกําลังใส่ลงไปอีก ‘ปะปะ’ ขณะที่คมกระบี่ห่างหนึ่งในสี่ก่อนที่จะถึงด้านล่างมันก็ติดขัด

 

“ปัง!”

 

หัวหน้าผู้คุมสอบส่งฝามือผ่าอากาศออกมาอีกครั้ง เกิดเสียงบูม และก้อนซิลาขนาดเท่าตัวคนก็แตกสลายกลายเป็นเศษ

 

เมื่อคมกระบี่ของคนผู้นั้นคลายตัวออกมา เขาไม่ได้ตั้งตัวและเสกลับหลังไปสองสามก้าวก่อนที่จะตั้งตัวได้

 

“หมายเลข 2…สอบตก! หมายเลข 3,มาต่อ!” หัวหน้าผู้คุมสอบกล่าวอย่างไม่รีบร้อนท่ามกลางความไม่พอใจของศิษย์ผู้นั้น

 

“เขาค่อนข้างโชคร้าย เขาตัดศิลาสีดําผ่าครึ่งลงไปได้ ถึงกระนั้น ก็ยังเหลืออีกเพียงเล็กน้อยู่ท้ายที่สุดเขาก็ทําไม่สําเร็จ

 

เซี่ยวเฉินเห็นผู้เข้ารับการสอบหมายเลข 2 เดินคอตกออกมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นจริงจังทําไมการสอบถึงได้เข้มงวดนัก? คนผู้นั้นอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูง

 

หากไม่สามารถใช้ทักษะต่อสู้ได้เช่นนั้นคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ก็น่าจะจบลงที่ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน พวกเขาจะสอบตกตั้งแต่รอบแรก

 

เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่ฐานสูง มีชายชราที่นั่งอยู่ตรงกลาง เขาดูชราแต่กระแสพลังพลุ่งพล่านจากระยะไกล,เขายังสามารถสัมผัสได้ ถึงความแข็งแกร่งและพลังชีวิต

 

คนผู้นั้นคือผู้อาวุโสหนึ่งแห่งสภาสูงของศาลากระบี่สวรรค์ เจียงชื่อ เขาคือผู้ที่มีตําแหน่งสูงที่สุดภายในศาลากระบี่สวรรค์ ลูกดอกซัดเมื่อก่อนหน้านี้ก็ถูกปาลงมาโดยเขา สายตาของเซียวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง ชายชราท่านี้กําลังคิดอะไรอยู่?

 

ด่านแรกก็ยากเย็นถึงเพียงนี้แล้ว,หรือเขาพยายามอยากจะปรับตกเสียทุกคน?

 

“ผู้อาวุโสหนึ่งกําลังคิดอะไรอยู่? ทําไมถึงเพิ่มระดับความยากขึ้นไปถึงเพียงนี้?” ท่านเจ้ายอดเจาว่านเหรินรู้สึกสงสัยพร้อมกับพูดขึ้นที่อยู่ด้านหนึ่งของฐานสูง

 

“ยากระดับนี้ เลือกศิษย์แก่นกลางมาได้จะถึงสิบคนหรือเปล่า”

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พี่เหลิ่ง,ท่านมีความสัมผัสอันดีกับผู้อาวุโสหนึ่ง เจ้ารู้ข่าวภายในมาบ้างหรือไม่?

 

การทดสอบศิษย์แก่นกลางรอบนี้มีกลิ่นแปลกๆ แม้แต่ท่านเจ้ายอดเขาก็ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ล่วงหน้า

 

เหลิงเทียนเพิ่งคิ้วขมวดไปที่ผู้อาวุโสหนึ่งเจียงซื้อและส่งสายตาเหล่มอง เขาพึมพํากับตัวเองด้วยเสียงเบา “หรือว่ามันจะเป็นเพราะเรื่องนั้น? ดูเหมือนว่าข้าจะต้อขไปเตรียมตัวล่วงหน้าหลังจากที่การทดสอบจบลง”

 

เมื่อท่านเจ้ายอดเขาสตรีหยก,คู่เซียนอขึ้นเห็นเหลิงเทียนเจิ้งพึมพํากับตัวเอง,นางก็กล่าวขึ้น “พี่ใหญ่เหลิ่ง,หรือว่าเจ้าจะรู้อะไรมาจริงๆ? แบ่งปันกับพวกเรา”

 

เหลิ่งเทียนเฉิงยิ้มและสายหัวของเขา “อย่าไปคิดมาก ข้าจะไปมีข้อมูลวงในอะไรได้? เพียงดูชมกันต่อไปเถอะ”

 

ทุกคนเห็นชัดว่าไม่เชื่อแต่เมื่อเหลิ่งเทียนเจิ้งไม่ยินยอมที่จะเปิดปาก,พวกเขาก็ไม่อาจไปบังคับได้ทุกคนที่นั่งอยู่จรงนี้ล้วนที่สถานะเท่าเทียบกัน พวกเขาจะไปบีบบังคับกันได้อย่างไร

 

ใบหน้าอันงดงามของหลิวหรูเยว่ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย,นางไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางทอดสายตาไปไกลและมองดูเซี่ยวเฉิน,ผู้ที่อยู่บนลานฝึกฝน นางพึมพํากับตัวเอง “หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

 

ดวงอาทิตย์แผดเผาลงมาจากท้องฟ้า มีเสียงตอกดังออกมาจาก ลานฝึกฝนเป็นบางครั้ง ด่านแรกของการทดสอบผ่านไประยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามจํานวนคนที่ผ่านนับได้เพียงสิบ

 

นอกจากนั้น,คนทั้งสิบล้วนอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด พวกเขามีรากฐานแข็งแกร่งและแยกก้อนศิลาเป็นสองซีกได้ในอดใจ

 

“ หมายเลข 100,ยอดเขาเทียนเยว่,จางเลี่ย!” หัวหน้าผู้คุมสอบอ่านชื่อออกมาเสียงดัง

 

“นั่นจางเลี่ย,จางเลี่ยกําลังจะออกไปแล้ว ข้าได้ยินชื่อนี้มากพักหนึ่งแล้ว เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วภายในยอดเขาเทียนเยว”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเขาคือบุตรชายของผู้นําตระกูลจาง เป็นตระกูลชั้นแนวหน้าของเมืองหยุนหยาง เขามีภูมิหลังที่ดีและมากพรสวรรค์ ทั้งหมดที่เขาต้องทําก็คือทุมเทความพยายามและเขาจะต้องกลายเป็นแข็งแกร่งอย่างแน่นอน”

 

“เขาแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว,ยอดเขาเทียนเยวมีการจัดการแข่งขันกันทุกเดือน ศิษย์ชั้นในของยอดเขาเทียนเยวไม่พอมือของเขาอีกต่อไปแล้ว”

 

“เขาได้รับฉายาศิษย์ชั้นในอันดับหนึ่งแห่งศาลากระบี่สวรรค์ มันเกือบจะแน่นอนแล้วว่าเขาจะได้รับอันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้”

 

“ฮ่าฮ่า,มันเร็วไปหน่อยที่จะกล่าวเช่นนั้น รอให้เขาผ่านด่านแรก นี้ไปก่อน หากเขาผ่านด่านแรกนี้ไปไม่ได้ เขาจะไม่แม้แต่จะได้รับสถานะศิษย์แก่นกลาง

 

ในจังหวะที่จางเลี่ยก้าวออกไป,เขาดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที ศิษย์ชั้นในที่อยู่บนที่นั่งผู้ชมทั้งหมดเริ่มพูดคุยกัน

 

ในอัฒจรรย์ที่ไดลออกไป,มีกลุ่มของสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์ ที่มีเส้นสีมองสามเส้นบนปกคอเสื้อของพวกเขา พวกเขาให้ความสนใจไปบนลานฝึกฝน

 

สานุศิษย์เหล่านี้คือห้าสิบอันดับสุดท้ายของศิษย์แก่นกลาง หลังจากที่จางเลี่ยและคนที่เหลือผ่านด่านที่หนึ่งและที่สองไป,พวกเขาจะสามารถเลือกคู่ต่อสู้ของพงกเขาเข้ามาประลองด้วยสถานะศิษย์ แก่นกลางของพวกเขากําลังแขวนอยู่บนเส้นดาย

 

“จางเลี่ย…ข้าหวังว่าเขาจะไม่ใช่คู่มือของข้า” ศิษย์แก่นกลางยอดเขาเปยเฉินผู้หนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลพร้อมกับจ้องมองไปที่จางเลี่ย

 

สานุศิษย์แก่นกลางคนอื่นพูดเป็นเสียงเดียวกัน “เป็นการดีหาก ว่าเขาสอบตกไปเสียตั้งแต่ด่านแรก เช่นนั้น พวกเราทั้งหมดจะไม่ต้องเป็นกังวล

 

ใบหน้าของสานุศิษย์แก่นกลางทั้งห้าสิบเต็มไปด้วยความกังวล ถึงอย่างไร,พวกเขาเป็นสุขไปกับสิทธิพิเศษของศิษย์แก่นกลาง หากพวกเขากลับไปเป็นศิษย์ชั้นใน,พวกเขาจะพบว่ามันยากที่จะยอ มรับในการดูแลที่ต่างออกไป

 

มีเพียงคนเดียวที่สีหน้านิ่งสงบดวงตาของเขาปิดพร้อมกับกระบี่ ที่ถือไว้ในมือ,กอดเอาไว้บนอกของเขา

 

เขาเพิกเฉยต่อเสียงรอบข้างโดยสมบูรณ์,มันราวกับว่าไม่มีอะไร มากระตุ้นเขาได้ เขาตัดขาดและนิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อ

 

จางเลี่ยค่อยๆเดินไปที่ศิลาสีดํา กระแสพลังของเขาถูกสงวนเอาไว้ไม่มีปลดปล่อยออกมา สายตาของเขาเยือกเย็น ผ่านไปครู่หนึ่ง,กระแสพลังของเขาทันใดนั้นก็เฉียบคมขึ้น

 

แสงวาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา,ราวกับกระบี่ที่ถูกดึงออกมาจากฝัก,เผยให้เห็นคมของมัน

 

“ปะ ปะ!”

 

ก่อนศิลาด้านหน้าของจางเลี่ยทันใดนั้นก็ระเบิดออกและกลาย เป็นเศษเล็กเศษน้อยลอยไปในอากาศ

 

จางเลี่ยโบกมือของเขา,ส่งสายลมออกจากฝ่ามืออย่างเรียบง่าย สายลมรุนแรงเปาออกด้านหน้าของเขาเศษศิลาที่ลอยมาทางเขา ทันใดนั้นก็ร่วงลงพื้น

 

“เกิดอะไรขึ้น? ศิลาระเบิดออกได้อย่างไร?” ผู้เข้าร่วมการ ทดสอบคนอื่นๆทั้งหมดล้วนตกตะลึงพวกเขาไม่เห็นที่จางเลี่ยลงมือ

ܩܐ

 

เซี่ยวเฉินดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน เกิดอะไรขึ้น? เขาแน่ใจว่าจางเลี่ยไม่ได้ชักกระบี่ออกมาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม,ก้อนศิลาได้ระเบิดออก

เจตนารมณ์กระบี่!

 

ทันใดนั้น คําสองคนได้ปรากฏขึ้นในใจของเซี่ยนเฉิน นี่เป็นหนึ่งในสภาวะกระบี่อย่างแน่นอน นอกจากนั้น, จางเลี่ยได้บรรลุเจตนารมณ์กระบี่ของเขาไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น

 

“ยินดีด้วย,พี่เหลิ่ง ท่านได้รับศิษย์ที่มากพรสวรรค์เข้ามาอีกคน เขาได้บรรลุถึงเจตนารมณ์กระบี่ของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยอนาคตของเขาไร้ขีดจํากัด

 

“ยอดเขาเทียนเยว่เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ น่าอิจฉายิ่ง! เจตนารมณ์กระบี่ระดับสมบูรณ์ขั้นต้น.ศาลากระบี่สวรรค์ไม่ได้มีอัจฉริยะ เช่นนี้มานับร้อยปีแล้ว”

 

รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลิ่งเทียนเยวพร้อมกับตอบกลับท่านเจ้ายอดเขาอื่นๆ ถึงอย่างไร เขาก็สุนงง เขารู้ถึงจางเลี่ย ที่บรรลุเจตนารมณ์กระบี่

 

แต่ถึงกระนั้น,เหลิ่งเทียนเพิ่งแต่เดิมคิดว่าเขาคงจะเก็บเอาไว้เป็น ไพ่ตาย เขาไม่คาดคิดว่าจะใช้ออกมาเร็วตั้งแต่เริ่มเช่นนี้ ทําไม? ด้วย นิสัยของจางเลี่ย,เขาไม่น่าจะสะเพร่าเช่นนี้

 

กลับไปที่ลานฝึกฝน,จางเลี่ยมันใดนั้นก็หันหัวไปรอบๆ มีแสงวาวสว่างในดวงตาของเขา ในที่สุดเขาก็พบสายตาเฉียบคมที่มองมาก่อนหน้านี้ ใบหน้าสามัญที่ตราตรึงอยู่ในดวงตาของเขา

 

มู่เหิงค่อยๆเผยสีหน้าตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขายิ้มไปที่จางเลี่ยก่อนที่จะถอนสายตากลับมา,กลืนหายไปกับฝูงชน

 

จางเลี่ยตีตราภาพมเพิ่งลงในใจของเขาพร้อมกับคิดกับตัวเอง ในที่สุดข้าก็เจอเข้า ข้าไม่ได้เผยไพ่ตายออกมาอย่างเปล่าประโยชน์ ความกดดันที่เจ้าใช้กับข้า,ข้าก็กดดันคืนให้กับเจ้าได้เช่นกัน

 

มันไม่ได้ยากเย็นสําหรับจางเลี่ยที่จะผ่าครึ่งศิลาสีดําโดยไม่ใช้ทักษะต่อสู้ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไป,เขาก็นึกถึงสายตา เฉียบคมที่มองมานั่น

 

แม้ว่าเขาจะบอกกับตัวเองให้ลืมสายตานั้นไปเสีย,แต่มันไม่มีอะ ไรที่จะเอามาสลัดสายตานั้นออกไปจากเขาได้,สายตานั้นได้ตีตราลงในใจของเขาไปแล้ว

 

หากเขาไม่แก้ไขมันให้กระจ่าง,มันมีอโอกาสที่ปีศาจในใจของเขา จะโผล่ออกมาและรบกวนเขาตอนต่อสู้ ดังนั้น, จางเสี่ยเลือกที่จะเปิดไพ่ตายของเขา เขาเดิมพันว่ามู่เพิ่งจะต้องเผลอจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ตั้งใจ

 

สถานการณ์เป็นไปตามที่จางเลี่ยคาดเดิมไว้

 

“ หมายเลข 100,จางเลี่ย,ผ่าน! ต่อไป!”

 

การสอบดําเนินต่อไปและจํานวนผู้สอบตกที่เพิ่มสูงขึ้น จํานวนผู้ที่สอบตกในด่านแรกเลยผ่านจํานวนของการสอบครั้งเกินไปไกลแล้ว ทุกคนล้วนประหลาดใจที่มันกลายเป็นเช่นนี้

 

ขณะที่ถึงหมายเลข 200,จํานวนคนที่ผ่าก้อนศิลาได้สําเร็จนับได้ เพียงหกสิบอัตราการสอบตกสูงลิบ,สูงจนต้องตะลึง

 

“ หมายเลข 220,ยอดเขาเปยเฉิน,มู่เพิ่ง!” หัวหน้าผู้คุมสอบอ่า นรายชื่อต่อไป

 

มู่เฟิงเดินแหวกฝูงชนและค่อยๆขึ้นไปข้างหน้า เขาราวกับเป็นต้นหญ้าสามัญ,ไม่มีใครให้ความสนใจกับเขาในตอนแรก เพียงเมื่อตอนที่เขาเดินขึ้นไปข้างหน้า,ทุกคนก็จับจ้องไปที่เขา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+