Immortal and Martial Dual Cultivation 227 มีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 227 มีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 227 มีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง

แม้ว่าตําแหน่งศิษย์แก่นกลางจะน่าดึงดูดอย่างมาก แต่การแข่งขันที่ดุเดือดเลือดสาดเช่นนี้ทําให้พวกเขาหวาดกลัว

 

“ฟู ฟิว!”

ทันใดนั้นเกิดสายรุนรุนแรงขึ้น,ทําให้ฝุ่นควันลอยขึ้นไปในอากาศ ธงสีดําห้าผืนลอยเข้ามาจากระยะไกล,มุ่งหน้าตรงมาที่ค่ายกลหอก

เมื่อพวกเขารู้ถึงจํานวนธง,ทั้งเจ็ดคนช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล มีธงเพียงห้าผืนนั้นหมายความว่าในหมู่พวกเขา, จะมีสองคนที่จะถูกคัดออก

เกาหยางขมวดคิ้วหนัก;เขาได้อายุสิบเก้าแล้ว หากเขาทําไม่สําเร็จในรอบนี้ เขาจะไม่มีโอกาสในการขึ้นเป็นศิษย์แก่นกลางอีกต่อไป เขาจะเสียโอกาสนี้ไปไม่ได้

มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะพุ่งไปฉวยธงสิบห้าผืนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าด้วยความแข็วแกร่งของเขา,หากเขาลงมือก่อน,เขาจะถูกโจมตีใส่อย่างรุนแรง

 

แม้ว่าเขาจะคว้าเอาธงมาได้ แต่คงไม่พ้นที่เขาต้องเผยไฟตายออกมามันไม่เป็นเรื่องดีสําหรับด่านสนามประลองหลังจากนี้

“โซว!”

 

ศิษย์ยอดเขาสตรีหยกที่เหลืออยู่,หวังเม่ย,เคลื่อนไหวเป็นคนแรก เรือนร่างอันงดงามของนางทิ้งภาพเงาสีขาวไว้ในอากาศด้านหลัง นางคว้าจับธงในทันทีและมุ่งหน้าออกไปที่พื้น

 

“ศิษย์พี่หวัง,ต้องขอล่วงเกินแล้ว” ศิษย์ยอดเขากางอวี่ที่เหลืออยู่จ้าวเหิง,กล่าวกับหวังเม่ย เขาลอยตัวตรงไปข้างหน้าและคว้าเอาธงผืนเดียวกัน

ทั้งสองคนไม่เสียเวลาพูดคุยไร้สาระ:พวกเขาเริ่มต่อสู้กันกลางอากาศขณะที่จับผืนธงไว้คนละมุม

เซี่ยวเฉินไม่ได้ไปมองสองคนนั้นเขาไม่แม้แต่ชายตามองธงที่ลอยอยู่กลางอากาศ เขาวูบไหวไปในอากาศและพุ่งตรงไปที่ศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นคนสุดท้ายที่อยู่บนค่ายกลหอก

“เมฆาโอบยอดเขา!”

 

เขาดึงกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากฝกพร้อมกับเสียง “เช้ง” คมกระบี่สีขาวหิมะบรรจุเจตนารมณ์แห่งทักษะกระบี่หลิงหยุน มันเป็นเหมือนยอดเขาโดดเดี่ยวที่แทงทะลุเมฆหมอกขึ้นมา,ชี้ไปบนท้องฟ้าอย่างเดือดดาล

แม้ว่ากระบี่นี้จะไม่ได้สร้างปรากฏการณ์ลึกลับขึ้นมา, พลังของมันก็หาที่เปรียบได้ไม่ เมื่อเทียบกับของที่จางเลี่ยใช้ออกมา,เทียบกันเรื่องพลังอย่างเดียว,มันแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม,กระแสพลังของเขาค่อนข้างอ่อนกว่า

 

“ตัดภูผาผ่าศิลา!”

 

ตรงกับที่เซี่ยวเฉินคาดการณ์เอาไว้,หลิวจุนไม่เลือกที่จะหลบหลีกกระบี่อันทรงพลังของเซี่ยวเฉิน กลับกัน,เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน

“ปัง!”

กระบี่ปะทะ:กระบี่แสงรุ่งโรจน์ทั้งสองเกิดระเบิดอย่างรุนแรง เมื่ออาวุธเข้าปะทะ,อากาศสั่นสะเทือน

 

พลังมหาศาลไหลผ่านตัวกระบี่ส่งเข้าไปในร่างของทั้งพวกเขาทั้งสอง พวกเขาแต่ละคนถอยกลับ,เคลื่อนไปบนปลายหอกอีกเล่ม,และรักษาสมดุลร่างกายของพวกเขา:พวกเขาทั้งสองเสียหายไปทัดเทียมกัน

หากว่าสังเกตอย่างละเอียด,กระบี่จู่โจมของเซี่ยวเฉินได้เปรียบกว่าเล็กน้อย ระดับของเมฆาโอบยอดเขาสูงกว่าตัดภูผาผ่าศิลา,กระนั้น,เขายังสามารถทําได้เพียงเสมอกัน

 

หลิวจุนเผยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง “เจ้าคาดไม่ถึง,ใช่หรือไม่? ข้าบ่มเพาะทักษะหยางแท้เที่ยงธรรม; มันเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นสูงสุด ในแง่ของระดับและความหนาแน่นของพลังปราณ,ไม่มีใครในระดับขอบเขตพลังเดียวกันที่เทียบเคียงข้าได้”

“ข้าจะล้มเจ้าลงซึ่งหน้า ตายไปซะ! มโนภาพสามกระแสเมฆา!”

ร่างของหลิวจุนสั่น,และภาพร่างทั้งสามของเขาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน แต่ละภาพร่างส่งกระบี่โจมตีเข้ามา กระบี่แสงพุ่งเข้ามาเรื่อยๆ ราวกับแม่น้ําเชี่ยวกราดกวาดผ่านเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “เจ้าเพิ่มระดับความเข้าใจในมโนภาพสามกระแสเมฆา นอกจากนั้นเจ้ายังเชื่อมต่อพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ เจ้ามีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง!”

“ภูผาเคลื่อนขับเมฆา!”

ภาพลวงตาภูเขาปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและภูเขานั้นก็ผสานเข้ากับร่างกายของเขา ทันใดนั้น,กระแสพลังของเขาก็เปลี่ยนไป,เขาราวกับภูเขาที่พุ่งสูงขึ้นจากพื้นดิน,ทะลุทะลวงท้องฟ้า

 

เซี่ยวเฉินพลิกตัวเข้าด้านข้างและกระบี่เงาจันทร์เคลื่อนจากบนลงล่าง,ส่งสายลมรุนแรงออกมา มันทําให้ภาพร่างทั้งสามที่หลิวจุนสร้างขึ้นมาถูกเปากระเด็น

ในจังหวะที่เซี่ยวเฉินพลิกตัวเข้าด้านข้างสําเร็จ,บาดแผลน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของหลิวจุน เลือดโลหิตประทุออกมาจากแผลของเขา

 

หลิวจุนมองไปที่บาดแผลอย่างไม่เชื่อสายตา เขาชี้ไปที่เซี่ยวเฉิน และกล่าวขึ้น,อย่างเจ็บปวด “เจ้า…”

 

“ปัง!” เซี่ยวเฉินกวาดขาของเขา และเกิดเป็นเสียงลมหนาแน่น เขาเตะหลิวจุนออกไปอย่างน่าเวทนา “เสียใจด้วย,บางครั้งมีพลังปราณมากล้นเหลือก็ไม่ทําให้ได้ชัยชนะ”

 

ไม่ไกลนัก, จางเลี่ยกําลังมองดูพวกเขาทั้งสองอยู่อย่างตื่นตะลึง มันราวกับมีระเบิดเกิดขึ้นในใจของเขา,ทักษะกระบี่หลิงหยุนสามารถใช้ออกมาได้เช่นนี้

ทักษะกระบีหลิงหยุนของข้าแสดงปรากฏการณ์ลึกลับออกมาภายนอก และเสริมพลังให้กับทักษะต่อสู้ของข้า อย่างไรก็ตาม,ปรากฎการณ์ลึกลับของมันถูกถอนกลับ,สะสมเอาไว้ในร่างกายโดยไม่ปลดปล่อยออกมา,มุ่งไปที่ความแข็งแกร่งของมัน

 

หนึ่งคือกักเก็บไว้ภานใน อีกหนึ่งคือปลดปล่อยออกมา อย่างไรก็ตาม,ด้วยวิธีที่แตกต่างแต่จบลงที่เส้นทางเดียวกัน มันไม่มีความแตกต่างว่าแบบไหนจะแข็งแกร่งหรืออ่อนกว่า สิ่งที่สําคัญที่สุดคือความเข้าใจของตัวพวกเขา,จางเลี่ยครุ่นคิดกับตัวเอง;หลากหลาย ความคิดวูบผ่านในใจของเขา

 

อย่างไรก็ตาม,ข้าเข้าใจถึงเจตนารมณ์แห่งกระบี่ ข้าไม่ได้ใส่เจตนารมณ์แห่งกระบี่ลงไปในการโจมตีก่อนหน้านี้ เมื่อข้าใส่เจตนารมณ์กระบี่ของข้าลงไป,พลังจะต้องแข็งแกร่งกว่าของมันอย่างแน่นอน

หลังจากที่เซี่ยวเฉินจัดการกับศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นคนสุดท้าย เขาก็โบกมือ,ตั้งใจจะดึงธงสีดําเข้ามาหาเขา

 

“ซี่! ซี่!”

อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่เซี่ยวเฉินจะคว้าธงเอาไว้ได้,กระบี่ฉีสองสามเส้นปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและฟันธงสีดําหนึ่งในห้าผืนสุดท้าย,ทําลายมัน

 

ใบหน้าของเซี่ยวเฉินก้มต่ําลง และเขามองไปยังจางเลี่ยที่อยู่ห่างจากเขาไปสองร้อยเมตร เขาไม่คาดคิดว่าคู่ต่อสู่จะโหดเหี้ยมเช่นนี้ พอคิดว่าเขากล้าที่จะทําลายธงห้าผืนสุดท้าย

 

เมื่อจางเลี่ยรู้สึกถึงสายตาของเซี่ยวเฉิน,เขาหัวเราะออกมาอย่างมั่นใจ “ข้าจะจัดการกับเจ้าในการทดสอบรอบนี้ มาดูกันว่าทักษะกระบี่หลิงหยุนของใครจะเหนือกว่ากัน”

 

“จางเลี่ยทําลายธงจริงๆ เขาทําบ้าอะไร!”

 

“เจ้าหมอนี้มันมันใจเกินไป มีเจ็ดคนกําลังแย่งชิงธงห้าผืน มันก็ไม่พออยู่แล้ว แต่เขายังทําลายไปอีกหนึ่ง”

สานุศิษย์ชั้นในส่วนใหญ่บนที่นั่งผู้ชมไม่เข้าใจถึงการกระทําของจางเลี่ย นี่เป็นเพราะมันไม่จําเป็นที่จะดันตัวเองเข้าไปในการต่อสู้ที่ดุเดือดก่อนที่จะถึงด่านสุดท้าย

“ปัง!”

ขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เซี่ยวเฉินกับจางเลี่ย,เกาหยางที่นิ่งเงียบเมื่อก่อนหน้านี้ทันใดนั้นก็ลงมือ กระบี่แสงเสียดแทงดวงตาจุดขึ้นบนกระบี่ยักษ์,ยาวสองเมตรของเขาในทันที

 

“มังกรคลั่งเดือดพล่าน!”

 

เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับเกิดระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใต้เท้าของเขา ทุกครั้งที่เกิดระเบิด,ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น หลังจากการระเบิดห้าครั้ง,ความรวดเร็วของเขาก็ไปถึงระเบิดที่คาดไม่ถึง

 

นอกจากนั้น เป้าหมายการโจมตีของเขายังน่าประหลาดใจ มันเป็นหวังเม่ยกับจ้าวเหิงผู้ที่กําลังยื้อแย่งกันดุเดือด นี่เป็นจังหวะสําคัญในการต่อสู้ของพวกเขาพวกเขาไม่อาจหลบได้

“ข้าจะขอรับธงผืนนี้ไป!” เกาหยางหัวเราะ เขาใช้กระบี่ยักษ์ของเขากวาดผ่านอากาศ และพลังอันมหาศาลซัดเข้าที่หวังเมียและจ้าวเหิงอย่าไร้ความปราณี

พวกเขาทั้งสองกระอักเลือดออกมาและตกลงไปที่พื้น พวกเขาจองมองไปที่เกาหยางด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุดและสาปด่าออกมา “เกาหยาง! เจ้ามันไร้ยางอาย!”

“โซว!”

เกาหยาบคว้าธงสีดําและเมินคําสาปแช่งของทั้งสอง เขาเผยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับกล่าวขึ้น “ทุกคน,ข้าขอตัวก่อน พวกเจ้าใช้เวลาสนุกกันตามสบาย!”

เกาหยางกระโดดผ่านหอกหลายเล่ม,ผลของมังกรคลั่งเดือดพล่านยังไม่จบลง หลังจากเกิดระเบิดสองสามครั้งเขาก็ห่าสงออกไป หลายร้อยเมตรแล้วอีกเพียงครึ่งก้าวก่อนจะถึงพื้น

ในจังหวะนั้นเอง,มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขา คนผู้นั้นเผยรอยยิ้มบางเบาพร้อมกับปัดทางของเกาหยางเอาไว้ จ้องมองเขาอย่างนิ่งเงียบ

 

“มู่เหิงเจ้ากําลังจะทําอะไร? ยังมีธงอีกสามผืนลอยอยู่ตรงโน่น,เพียงพอสําหรับพวกเจ้า มีเรื่องอะไรต้องมาขัดขวางข้า?” เกาห ยางถามด้วยสีหน้ามืดมัว

 

มู่เหิงไม่เสียเวลากล่าวไร้สาระและตรงเข้าเรื่องในทันที “วางธงเอาไว้แล้วไสหัวไปซะ!”

 

“ในความฝันเจ้าโน่น!”

 

เกาหยางคําราม,และเกิดระเบิดขึ้นใต้เท้าของเขาอีกครั้ง ความเร็วของเขาในตอนนี้รวดเร็วจนภาพติดตายังมองไม่เห็นอีกต่อไป เขาเข้าใกล้ความเร็วเสียง

สีหน้าของมู่เหิงไม่เปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นแสงสีม่วงก็ล้อม

 

รอบทั่วทั้งร่างของเขาเอาไว้กล้ามเนื้อของเขาราวกับหยก มันรู้สีกเหมือนโปร่งแสง

 

ทันใดนั้น,เกาหยางก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของมู่เหิง กระบี่ยักษ์ของเขาแบกพลังมหาศาลพร้อมกับฟันอย่างแรงลงไปที่มู่เหิง ผู้ที่ไม่ขยับแม้แต่น้อย

ทุกคนที่เห็นเช่นนี้รู้สึกราวกับหัวใจของพวกเขาเต้นขึ้นมาอยู่ตรงคอ ทักษะต่อสู้ของยอดเขาเขียนตัวนขึ้นชื่อในเรื่องคลุ้มคลั่ง และดุดัน ในเรื่องของความแข็งแกร่งทางกายภาพ, พวกเขาไม่ผู้ใดเทียบจากทั้งเจ็ดยอดเขา

 

หากกระบี่นี้เข้าถึงตัว,ถึงแม้อาจจะไม่ถึงกับตัวขาดครึ่งเขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน เขาจะต้องนอนเป็นผักไปอย่างน้อยครึ่งปี สําหรับนักบ่มเพาะพลังเสียเวลาเปล่าไปถึงครึ่งปีไม่ใช่เรื่องที่จะรับได้

 

“เค้ง!”

 

มีเสียงโลหะดังกราว แสงสีม่วงบนหลังของมู่เหิงสั่นสะเทือน เขารับกระบี่นี้เอาไว้โดยปราศจากการบาดเจ็บ

 

เกาหยางตกตะลึง:มู่เหิงรีบหันตุวของเขาและเคลื่อนไหวมือขวา เขาจับไปที่กระบี่ยักษ์ของเกาหยางที่พยายามจะดึงกลับ อย่างไรก็ตาม,ด้วยความแข็งแกร่งของเกาหยาง,เขาไม่สามารถเอาชนะมือขวาของมู่เหิงได้

 

“ความรวดเร็วของมังกรคลั่งเดือดดาลน่าตกตะลึงก็จริง น่าเสีย ดายเจ้าไม่อาจทะลวงผ่านก็ป้องกันของข้าได้ ทุกสิ่งไร้ความหมาย” มู่เหิงกล่าวอย่างเฉยเมยพร้อมกับจ้องมองไปที่เกาหยาง,ที่หน้าผาก เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

 

ข้าติดกับเข้าแล้ว หากว่าข้าโจมตีใส่เขาอย่างต่อเนื่องตั้ง แต่เริ่ม,เขาคงจะไม่มีทางไล่ความเร็วของข้าได้ทัน ก่อนที่มังกรคลั่งเดือดดาลของข้าจะจบลง,ข้าอาจจะสามารถทะลวงผ่านการป้องกันของเขาไปได้

บางครั้ง,ช่วงเวลาที่เกิดความลังเลจะหมายถึงผลแพ้ชนะ

 

“ช่างน่ารังเกียจ!” เกาหยางตะโกนอย่างเดือดดาล เขาปล่อยกระบี่ของเขาไปและถอยกลับอย่างรวดเร็ว.ใช้มังกรคลั่งเดือดดาลอีกสองสามครั้งในขณะที่เขายังมีพลังปราณเหลือเพื่อใช้มัน

“ปะ ปะ!”

 

มู่เหิงทําลายกระบี่ของเกาหยางอย่างง่ายดาย กระบี่ขนาดยักษ์แตกหักเป็นชิ้นโลหะนับไม่ถ้วนราวกับมันช่างบอบบาง,ตกลงสู่เสียง ส่งเสียง เค้ง เค้ง เค้ง”

 

เมื่อมู่เหิงเห็นเกาหยางหนีไป เขายิ้มขึ้นบางเบา ร่างของเขาหายลับไปในอากาศและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าของเกาหยาง เขากล่าวอย่างเฉยเมย “จบแล้ว”

 

ฝามือขวาของเขาวูบไหวด้วยแสงสีม่วงพร้อมกับเขาใช้มันฟันไป ที่หน้าอกของเกาหยาง ฝ่ามือนี้ช่างดูแสนธรรมดา แต่แท้จริง,มันแฝงไปด้วยพลังกายภาพอันน่ากลัวะมันไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกําลังของเซี่ยวเฉิน

“ปะ ปะ ปะ!”

 

สามารถได้ยินถึงเสียงกระดูกซี่โครงของเกาหยางที่แตกหัก จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเกาหยางบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เขาชี้นิ้วไปที่มู่เหิงอย่างเดือดดาลและกล่าวหา “เจ้าหลอกข้า!”

 

“ปัง!”

มู่เหิงเตะไปที่ไหล่ของเกาหยางเขาใช้กําลังจากลูกเตะนี้ส่งตัวเอง กลับขึ้นไปบนค่ายกลหอก เขาถือธงเอาไว้และมองดูเกาหยาง,ผู้ที่นอนกองอยู่กับพื้น เขาหัวเราะอย่างเลือดเย็น “ใช่แล้ว ข้าแค่หลอกเล่นกับเจ้า”

 

เกาหยางเป็นคนฉลาดเล่ห์เหลี่ยมจัด อย่างไรก็ตาม,ท้ายที่สุด,ไม่เพียงแค่เขาจะเสียสิทธิ์ในการทดสอบ,แต่เขายังถูกคนอื่นปั่นหัวเล่น เขาเกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก,ตัวเขาสั่นเทิ้ม เขาไม่อาจยอมรับและหมดสติไป

“กระบวณท่าที่มู่เหิงใช้ออกมาเมื่อครู่คือทักษะลับของยอดเขา เปยเฉิน เจ็ดดาราโยกย้าย มันเป็นการเคลื่อนที่ในระยะทางสั้นอย่างฉับพลัน”

 

“เกาหยางมันสมควรแล้วเขาลอบกัดหลายต่อหลายครั้ง ท้ายที่สุด,เขาก็ถูกปั่นหัวเล่นไปเช่นนั้น สมควรแล้ว”

“เจ้าก็ไม่อาจกล่าวได้เช่นนั้นการแข่งขันรอบนี้มันโหดร้ายเกินไป เล่นเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยมันไม่ได้ช่วยอะไร! ความสามารถของเขาไม่ถึงเอง!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 227 มีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 227 มีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 227 มีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง

แม้ว่าตําแหน่งศิษย์แก่นกลางจะน่าดึงดูดอย่างมาก แต่การแข่งขันที่ดุเดือดเลือดสาดเช่นนี้ทําให้พวกเขาหวาดกลัว

 

“ฟู ฟิว!”

ทันใดนั้นเกิดสายรุนรุนแรงขึ้น,ทําให้ฝุ่นควันลอยขึ้นไปในอากาศ ธงสีดําห้าผืนลอยเข้ามาจากระยะไกล,มุ่งหน้าตรงมาที่ค่ายกลหอก

เมื่อพวกเขารู้ถึงจํานวนธง,ทั้งเจ็ดคนช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล มีธงเพียงห้าผืนนั้นหมายความว่าในหมู่พวกเขา, จะมีสองคนที่จะถูกคัดออก

เกาหยางขมวดคิ้วหนัก;เขาได้อายุสิบเก้าแล้ว หากเขาทําไม่สําเร็จในรอบนี้ เขาจะไม่มีโอกาสในการขึ้นเป็นศิษย์แก่นกลางอีกต่อไป เขาจะเสียโอกาสนี้ไปไม่ได้

มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะพุ่งไปฉวยธงสิบห้าผืนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าด้วยความแข็วแกร่งของเขา,หากเขาลงมือก่อน,เขาจะถูกโจมตีใส่อย่างรุนแรง

 

แม้ว่าเขาจะคว้าเอาธงมาได้ แต่คงไม่พ้นที่เขาต้องเผยไฟตายออกมามันไม่เป็นเรื่องดีสําหรับด่านสนามประลองหลังจากนี้

“โซว!”

 

ศิษย์ยอดเขาสตรีหยกที่เหลืออยู่,หวังเม่ย,เคลื่อนไหวเป็นคนแรก เรือนร่างอันงดงามของนางทิ้งภาพเงาสีขาวไว้ในอากาศด้านหลัง นางคว้าจับธงในทันทีและมุ่งหน้าออกไปที่พื้น

 

“ศิษย์พี่หวัง,ต้องขอล่วงเกินแล้ว” ศิษย์ยอดเขากางอวี่ที่เหลืออยู่จ้าวเหิง,กล่าวกับหวังเม่ย เขาลอยตัวตรงไปข้างหน้าและคว้าเอาธงผืนเดียวกัน

ทั้งสองคนไม่เสียเวลาพูดคุยไร้สาระ:พวกเขาเริ่มต่อสู้กันกลางอากาศขณะที่จับผืนธงไว้คนละมุม

เซี่ยวเฉินไม่ได้ไปมองสองคนนั้นเขาไม่แม้แต่ชายตามองธงที่ลอยอยู่กลางอากาศ เขาวูบไหวไปในอากาศและพุ่งตรงไปที่ศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นคนสุดท้ายที่อยู่บนค่ายกลหอก

“เมฆาโอบยอดเขา!”

 

เขาดึงกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากฝกพร้อมกับเสียง “เช้ง” คมกระบี่สีขาวหิมะบรรจุเจตนารมณ์แห่งทักษะกระบี่หลิงหยุน มันเป็นเหมือนยอดเขาโดดเดี่ยวที่แทงทะลุเมฆหมอกขึ้นมา,ชี้ไปบนท้องฟ้าอย่างเดือดดาล

แม้ว่ากระบี่นี้จะไม่ได้สร้างปรากฏการณ์ลึกลับขึ้นมา, พลังของมันก็หาที่เปรียบได้ไม่ เมื่อเทียบกับของที่จางเลี่ยใช้ออกมา,เทียบกันเรื่องพลังอย่างเดียว,มันแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม,กระแสพลังของเขาค่อนข้างอ่อนกว่า

 

“ตัดภูผาผ่าศิลา!”

 

ตรงกับที่เซี่ยวเฉินคาดการณ์เอาไว้,หลิวจุนไม่เลือกที่จะหลบหลีกกระบี่อันทรงพลังของเซี่ยวเฉิน กลับกัน,เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน

“ปัง!”

กระบี่ปะทะ:กระบี่แสงรุ่งโรจน์ทั้งสองเกิดระเบิดอย่างรุนแรง เมื่ออาวุธเข้าปะทะ,อากาศสั่นสะเทือน

 

พลังมหาศาลไหลผ่านตัวกระบี่ส่งเข้าไปในร่างของทั้งพวกเขาทั้งสอง พวกเขาแต่ละคนถอยกลับ,เคลื่อนไปบนปลายหอกอีกเล่ม,และรักษาสมดุลร่างกายของพวกเขา:พวกเขาทั้งสองเสียหายไปทัดเทียมกัน

หากว่าสังเกตอย่างละเอียด,กระบี่จู่โจมของเซี่ยวเฉินได้เปรียบกว่าเล็กน้อย ระดับของเมฆาโอบยอดเขาสูงกว่าตัดภูผาผ่าศิลา,กระนั้น,เขายังสามารถทําได้เพียงเสมอกัน

 

หลิวจุนเผยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง “เจ้าคาดไม่ถึง,ใช่หรือไม่? ข้าบ่มเพาะทักษะหยางแท้เที่ยงธรรม; มันเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นสูงสุด ในแง่ของระดับและความหนาแน่นของพลังปราณ,ไม่มีใครในระดับขอบเขตพลังเดียวกันที่เทียบเคียงข้าได้”

“ข้าจะล้มเจ้าลงซึ่งหน้า ตายไปซะ! มโนภาพสามกระแสเมฆา!”

ร่างของหลิวจุนสั่น,และภาพร่างทั้งสามของเขาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน แต่ละภาพร่างส่งกระบี่โจมตีเข้ามา กระบี่แสงพุ่งเข้ามาเรื่อยๆ ราวกับแม่น้ําเชี่ยวกราดกวาดผ่านเซี่ยวเฉิน

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “เจ้าเพิ่มระดับความเข้าใจในมโนภาพสามกระแสเมฆา นอกจากนั้นเจ้ายังเชื่อมต่อพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ เจ้ามีดีพอที่จะเย่อหยิ่ง!”

“ภูผาเคลื่อนขับเมฆา!”

ภาพลวงตาภูเขาปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและภูเขานั้นก็ผสานเข้ากับร่างกายของเขา ทันใดนั้น,กระแสพลังของเขาก็เปลี่ยนไป,เขาราวกับภูเขาที่พุ่งสูงขึ้นจากพื้นดิน,ทะลุทะลวงท้องฟ้า

 

เซี่ยวเฉินพลิกตัวเข้าด้านข้างและกระบี่เงาจันทร์เคลื่อนจากบนลงล่าง,ส่งสายลมรุนแรงออกมา มันทําให้ภาพร่างทั้งสามที่หลิวจุนสร้างขึ้นมาถูกเปากระเด็น

ในจังหวะที่เซี่ยวเฉินพลิกตัวเข้าด้านข้างสําเร็จ,บาดแผลน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของหลิวจุน เลือดโลหิตประทุออกมาจากแผลของเขา

 

หลิวจุนมองไปที่บาดแผลอย่างไม่เชื่อสายตา เขาชี้ไปที่เซี่ยวเฉิน และกล่าวขึ้น,อย่างเจ็บปวด “เจ้า…”

 

“ปัง!” เซี่ยวเฉินกวาดขาของเขา และเกิดเป็นเสียงลมหนาแน่น เขาเตะหลิวจุนออกไปอย่างน่าเวทนา “เสียใจด้วย,บางครั้งมีพลังปราณมากล้นเหลือก็ไม่ทําให้ได้ชัยชนะ”

 

ไม่ไกลนัก, จางเลี่ยกําลังมองดูพวกเขาทั้งสองอยู่อย่างตื่นตะลึง มันราวกับมีระเบิดเกิดขึ้นในใจของเขา,ทักษะกระบี่หลิงหยุนสามารถใช้ออกมาได้เช่นนี้

ทักษะกระบีหลิงหยุนของข้าแสดงปรากฏการณ์ลึกลับออกมาภายนอก และเสริมพลังให้กับทักษะต่อสู้ของข้า อย่างไรก็ตาม,ปรากฎการณ์ลึกลับของมันถูกถอนกลับ,สะสมเอาไว้ในร่างกายโดยไม่ปลดปล่อยออกมา,มุ่งไปที่ความแข็งแกร่งของมัน

 

หนึ่งคือกักเก็บไว้ภานใน อีกหนึ่งคือปลดปล่อยออกมา อย่างไรก็ตาม,ด้วยวิธีที่แตกต่างแต่จบลงที่เส้นทางเดียวกัน มันไม่มีความแตกต่างว่าแบบไหนจะแข็งแกร่งหรืออ่อนกว่า สิ่งที่สําคัญที่สุดคือความเข้าใจของตัวพวกเขา,จางเลี่ยครุ่นคิดกับตัวเอง;หลากหลาย ความคิดวูบผ่านในใจของเขา

 

อย่างไรก็ตาม,ข้าเข้าใจถึงเจตนารมณ์แห่งกระบี่ ข้าไม่ได้ใส่เจตนารมณ์แห่งกระบี่ลงไปในการโจมตีก่อนหน้านี้ เมื่อข้าใส่เจตนารมณ์กระบี่ของข้าลงไป,พลังจะต้องแข็งแกร่งกว่าของมันอย่างแน่นอน

หลังจากที่เซี่ยวเฉินจัดการกับศิษย์ยอดเขาปี้อวิ๋นคนสุดท้าย เขาก็โบกมือ,ตั้งใจจะดึงธงสีดําเข้ามาหาเขา

 

“ซี่! ซี่!”

อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่เซี่ยวเฉินจะคว้าธงเอาไว้ได้,กระบี่ฉีสองสามเส้นปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและฟันธงสีดําหนึ่งในห้าผืนสุดท้าย,ทําลายมัน

 

ใบหน้าของเซี่ยวเฉินก้มต่ําลง และเขามองไปยังจางเลี่ยที่อยู่ห่างจากเขาไปสองร้อยเมตร เขาไม่คาดคิดว่าคู่ต่อสู่จะโหดเหี้ยมเช่นนี้ พอคิดว่าเขากล้าที่จะทําลายธงห้าผืนสุดท้าย

 

เมื่อจางเลี่ยรู้สึกถึงสายตาของเซี่ยวเฉิน,เขาหัวเราะออกมาอย่างมั่นใจ “ข้าจะจัดการกับเจ้าในการทดสอบรอบนี้ มาดูกันว่าทักษะกระบี่หลิงหยุนของใครจะเหนือกว่ากัน”

 

“จางเลี่ยทําลายธงจริงๆ เขาทําบ้าอะไร!”

 

“เจ้าหมอนี้มันมันใจเกินไป มีเจ็ดคนกําลังแย่งชิงธงห้าผืน มันก็ไม่พออยู่แล้ว แต่เขายังทําลายไปอีกหนึ่ง”

สานุศิษย์ชั้นในส่วนใหญ่บนที่นั่งผู้ชมไม่เข้าใจถึงการกระทําของจางเลี่ย นี่เป็นเพราะมันไม่จําเป็นที่จะดันตัวเองเข้าไปในการต่อสู้ที่ดุเดือดก่อนที่จะถึงด่านสุดท้าย

“ปัง!”

ขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เซี่ยวเฉินกับจางเลี่ย,เกาหยางที่นิ่งเงียบเมื่อก่อนหน้านี้ทันใดนั้นก็ลงมือ กระบี่แสงเสียดแทงดวงตาจุดขึ้นบนกระบี่ยักษ์,ยาวสองเมตรของเขาในทันที

 

“มังกรคลั่งเดือดพล่าน!”

 

เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับเกิดระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใต้เท้าของเขา ทุกครั้งที่เกิดระเบิด,ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น หลังจากการระเบิดห้าครั้ง,ความรวดเร็วของเขาก็ไปถึงระเบิดที่คาดไม่ถึง

 

นอกจากนั้น เป้าหมายการโจมตีของเขายังน่าประหลาดใจ มันเป็นหวังเม่ยกับจ้าวเหิงผู้ที่กําลังยื้อแย่งกันดุเดือด นี่เป็นจังหวะสําคัญในการต่อสู้ของพวกเขาพวกเขาไม่อาจหลบได้

“ข้าจะขอรับธงผืนนี้ไป!” เกาหยางหัวเราะ เขาใช้กระบี่ยักษ์ของเขากวาดผ่านอากาศ และพลังอันมหาศาลซัดเข้าที่หวังเมียและจ้าวเหิงอย่าไร้ความปราณี

พวกเขาทั้งสองกระอักเลือดออกมาและตกลงไปที่พื้น พวกเขาจองมองไปที่เกาหยางด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุดและสาปด่าออกมา “เกาหยาง! เจ้ามันไร้ยางอาย!”

“โซว!”

เกาหยาบคว้าธงสีดําและเมินคําสาปแช่งของทั้งสอง เขาเผยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับกล่าวขึ้น “ทุกคน,ข้าขอตัวก่อน พวกเจ้าใช้เวลาสนุกกันตามสบาย!”

เกาหยางกระโดดผ่านหอกหลายเล่ม,ผลของมังกรคลั่งเดือดพล่านยังไม่จบลง หลังจากเกิดระเบิดสองสามครั้งเขาก็ห่าสงออกไป หลายร้อยเมตรแล้วอีกเพียงครึ่งก้าวก่อนจะถึงพื้น

ในจังหวะนั้นเอง,มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขา คนผู้นั้นเผยรอยยิ้มบางเบาพร้อมกับปัดทางของเกาหยางเอาไว้ จ้องมองเขาอย่างนิ่งเงียบ

 

“มู่เหิงเจ้ากําลังจะทําอะไร? ยังมีธงอีกสามผืนลอยอยู่ตรงโน่น,เพียงพอสําหรับพวกเจ้า มีเรื่องอะไรต้องมาขัดขวางข้า?” เกาห ยางถามด้วยสีหน้ามืดมัว

 

มู่เหิงไม่เสียเวลากล่าวไร้สาระและตรงเข้าเรื่องในทันที “วางธงเอาไว้แล้วไสหัวไปซะ!”

 

“ในความฝันเจ้าโน่น!”

 

เกาหยางคําราม,และเกิดระเบิดขึ้นใต้เท้าของเขาอีกครั้ง ความเร็วของเขาในตอนนี้รวดเร็วจนภาพติดตายังมองไม่เห็นอีกต่อไป เขาเข้าใกล้ความเร็วเสียง

สีหน้าของมู่เหิงไม่เปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นแสงสีม่วงก็ล้อม

 

รอบทั่วทั้งร่างของเขาเอาไว้กล้ามเนื้อของเขาราวกับหยก มันรู้สีกเหมือนโปร่งแสง

 

ทันใดนั้น,เกาหยางก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของมู่เหิง กระบี่ยักษ์ของเขาแบกพลังมหาศาลพร้อมกับฟันอย่างแรงลงไปที่มู่เหิง ผู้ที่ไม่ขยับแม้แต่น้อย

ทุกคนที่เห็นเช่นนี้รู้สึกราวกับหัวใจของพวกเขาเต้นขึ้นมาอยู่ตรงคอ ทักษะต่อสู้ของยอดเขาเขียนตัวนขึ้นชื่อในเรื่องคลุ้มคลั่ง และดุดัน ในเรื่องของความแข็งแกร่งทางกายภาพ, พวกเขาไม่ผู้ใดเทียบจากทั้งเจ็ดยอดเขา

 

หากกระบี่นี้เข้าถึงตัว,ถึงแม้อาจจะไม่ถึงกับตัวขาดครึ่งเขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน เขาจะต้องนอนเป็นผักไปอย่างน้อยครึ่งปี สําหรับนักบ่มเพาะพลังเสียเวลาเปล่าไปถึงครึ่งปีไม่ใช่เรื่องที่จะรับได้

 

“เค้ง!”

 

มีเสียงโลหะดังกราว แสงสีม่วงบนหลังของมู่เหิงสั่นสะเทือน เขารับกระบี่นี้เอาไว้โดยปราศจากการบาดเจ็บ

 

เกาหยางตกตะลึง:มู่เหิงรีบหันตุวของเขาและเคลื่อนไหวมือขวา เขาจับไปที่กระบี่ยักษ์ของเกาหยางที่พยายามจะดึงกลับ อย่างไรก็ตาม,ด้วยความแข็งแกร่งของเกาหยาง,เขาไม่สามารถเอาชนะมือขวาของมู่เหิงได้

 

“ความรวดเร็วของมังกรคลั่งเดือดดาลน่าตกตะลึงก็จริง น่าเสีย ดายเจ้าไม่อาจทะลวงผ่านก็ป้องกันของข้าได้ ทุกสิ่งไร้ความหมาย” มู่เหิงกล่าวอย่างเฉยเมยพร้อมกับจ้องมองไปที่เกาหยาง,ที่หน้าผาก เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

 

ข้าติดกับเข้าแล้ว หากว่าข้าโจมตีใส่เขาอย่างต่อเนื่องตั้ง แต่เริ่ม,เขาคงจะไม่มีทางไล่ความเร็วของข้าได้ทัน ก่อนที่มังกรคลั่งเดือดดาลของข้าจะจบลง,ข้าอาจจะสามารถทะลวงผ่านการป้องกันของเขาไปได้

บางครั้ง,ช่วงเวลาที่เกิดความลังเลจะหมายถึงผลแพ้ชนะ

 

“ช่างน่ารังเกียจ!” เกาหยางตะโกนอย่างเดือดดาล เขาปล่อยกระบี่ของเขาไปและถอยกลับอย่างรวดเร็ว.ใช้มังกรคลั่งเดือดดาลอีกสองสามครั้งในขณะที่เขายังมีพลังปราณเหลือเพื่อใช้มัน

“ปะ ปะ!”

 

มู่เหิงทําลายกระบี่ของเกาหยางอย่างง่ายดาย กระบี่ขนาดยักษ์แตกหักเป็นชิ้นโลหะนับไม่ถ้วนราวกับมันช่างบอบบาง,ตกลงสู่เสียง ส่งเสียง เค้ง เค้ง เค้ง”

 

เมื่อมู่เหิงเห็นเกาหยางหนีไป เขายิ้มขึ้นบางเบา ร่างของเขาหายลับไปในอากาศและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าของเกาหยาง เขากล่าวอย่างเฉยเมย “จบแล้ว”

 

ฝามือขวาของเขาวูบไหวด้วยแสงสีม่วงพร้อมกับเขาใช้มันฟันไป ที่หน้าอกของเกาหยาง ฝ่ามือนี้ช่างดูแสนธรรมดา แต่แท้จริง,มันแฝงไปด้วยพลังกายภาพอันน่ากลัวะมันไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกําลังของเซี่ยวเฉิน

“ปะ ปะ ปะ!”

 

สามารถได้ยินถึงเสียงกระดูกซี่โครงของเกาหยางที่แตกหัก จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเกาหยางบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เขาชี้นิ้วไปที่มู่เหิงอย่างเดือดดาลและกล่าวหา “เจ้าหลอกข้า!”

 

“ปัง!”

มู่เหิงเตะไปที่ไหล่ของเกาหยางเขาใช้กําลังจากลูกเตะนี้ส่งตัวเอง กลับขึ้นไปบนค่ายกลหอก เขาถือธงเอาไว้และมองดูเกาหยาง,ผู้ที่นอนกองอยู่กับพื้น เขาหัวเราะอย่างเลือดเย็น “ใช่แล้ว ข้าแค่หลอกเล่นกับเจ้า”

 

เกาหยางเป็นคนฉลาดเล่ห์เหลี่ยมจัด อย่างไรก็ตาม,ท้ายที่สุด,ไม่เพียงแค่เขาจะเสียสิทธิ์ในการทดสอบ,แต่เขายังถูกคนอื่นปั่นหัวเล่น เขาเกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก,ตัวเขาสั่นเทิ้ม เขาไม่อาจยอมรับและหมดสติไป

“กระบวณท่าที่มู่เหิงใช้ออกมาเมื่อครู่คือทักษะลับของยอดเขา เปยเฉิน เจ็ดดาราโยกย้าย มันเป็นการเคลื่อนที่ในระยะทางสั้นอย่างฉับพลัน”

 

“เกาหยางมันสมควรแล้วเขาลอบกัดหลายต่อหลายครั้ง ท้ายที่สุด,เขาก็ถูกปั่นหัวเล่นไปเช่นนั้น สมควรแล้ว”

“เจ้าก็ไม่อาจกล่าวได้เช่นนั้นการแข่งขันรอบนี้มันโหดร้ายเกินไป เล่นเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยมันไม่ได้ช่วยอะไร! ความสามารถของเขาไม่ถึงเอง!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+