Immortal and Martial Dual Cultivation 233 แข่งขันการประลอง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 233 แข่งขันการประลอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 233 แข่งขันการประลอง

“แว้ง!”

เสียงโซนิคบูมขยายจากสนามประลองไปทั่วทั้งลานฝึกฝน ภายใต้อิทธิพลของคลื่นเสียงที่กังศึกก้อง,ฝูงชนบนที่นั่งคนดูทั้งหมดรู้สึกว่าแก้วหูของพวกเขาสั่นสะเทือน ทําให้พวกเขาวิงเวียน

 

เซี่ยวเฉินตะลึง ช่างเป็นเสียงที่น่ากลัว แม้ว่าข้างจะอยู่ห่างจากสนามประลองมากว่าหนึ่งพันเมตร,แต่ผลของมันก็ยังแข็งแกร่ง

 

หยานเฟิง,ผู้ที่อยู่ใจกลางของโซนิคบูม.ถูกซัดเข้าทันทีและหูกลายเป็นหนวก โลหิตและฉีในร่างของเขาพลุ่งพล่าน เขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาคําใหญ่

 

“บูม!”

 

มือขวาของหยุนเข่อชินวูบไหวและคมกระบี่ที่ดึงออกมาเล็กน้อยก็กลับเข้าฝึกตามเดิม คลื่นเสียงที่แตกกระจายไปทั่วทุกที่ ปรากฏเป็นละลอกคลื่นและก่อเป็นวังวนขนาดใหญ่ จากนั้น,พวกมันก็หวนกลับสู่กระบี่ของนาง

 

ในทันทีที่คมกระบี่กลับเข้าฝักอย่างสมบูรณ์ คลื่นเสียงที่มารวมตัวกันระเบิดออก เกิดเป็นเสียงดังกังวาลใสไพเราะยิ่งกว่าเมื่อก่อนหนาน

 

แม้ว่าเสียงของมันจะดังและใสยิ่งกว่า,สานุศิษย์ชั้นในบนที่นั่งคน ดูกลับไม่รู้สึกอะไร นี่เป็นเพราะคลื่นเสียงได้มารวมตัวกันเป็นเส้นและทั้งหมดซัดเข้าใส่ร่างของหยานเฟิง

 

หยานเฟิงตกเลือดออกมาจากทุกรูขุมขน ใบหน้าของเขาซีดเซียวอย่างน่ากลัว เขาล้มเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมเสียง “ตุบ” ขณะที่มองดูอาภรสีขาวของหยุนเข่อซินลอยลงมา

หยางเฟิงยิ้มขมขึ้น “หยุนเข่อซินเป็นช่วงเวลาเพียงครึ่งปีและข้าไม่มีค่าพอที่จะทําให้เจ้าชักกระบี่ออกมา เป็นไปได้ว่าในครั้งหน้าที่พวกเราพบกัน,ข้าจะไม่คู่ควรแม้แต่จะได้เห็นฝักกระบี่ของเจ้า?”

 

เสื้อผ้าสีขาวของหยุนเข่อซินพริวไหว ไม่ซึ่งการเปลี่ยนสีหน้านางกล่าว “สําหรับมือกระบี่,มันไม่สําคัญว่ากระบี่จะถูกชักออกมาหรือไม่ อย่าไปใส่ใจกับผิวเผินมากเกินไป มิฉะนั้น,มันจะเป็นการยากที่เจ้าจะเข้าใจถึงเจตนารมณ์กระบี่ของตัวเอง”

 

“หยุนเข่อซินได้รับชัยชนะ!” ผู้ตัดสินบนสนามประลองขานออกมา

 

ขณะที่หยานเฟิงมองดูแผ่นหลังของหยุนเข่อซิน,เขารู้สึกเจ็บใจ เมื่อไม่นานมานี้เขายังอยู่ในระดับเท่าเทียมกับนาง ตอนนี้เขาทําได้ เพียงวิ่งไล่ตามนางไป”

 

“ทักษะกระบี่ทํานองสวรรค์น่าหลาดกลัวอย่างแท้จริง หยุนเข่อ

อดีตที่ผ่านมา ทําให้ฝูงคนตื่นตะลึงอยู่เสมอ”

 

“หยานเฟิงก็พ่ายแพ้อย่างดูไม่ได้ เขาจดจ่อไปที่ว่าคู่ต่อสู้ไม่ได้ชักกระบี่ออกมา เขายังมีไพ่ตายที่ยังไม่ได้เผยออกมาอีก”

 

“นี่เป็นผลจากการที่จิตใจของเขาเริ่มอ่อนแอ ถึงอย่างไร,หยุนเข่อซินก็เคยอันดับน้อยกว่าเขาบนรายชื่อเมฆาล่องลอย ตอนนี้นางอยู่เหนือเขา เขารู้สึกว่ามันไม่อาจยอมรับ”

 

“เจ้าก็กล่าวเช่นนั้นไม่ได้ สภาวะจิตใจของผู้บ่มเพาะพลังสําคัญยิ่งกว่าทักษะบ่มเพาะพลังหรือทักษะต่อสู้ มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่สร้างความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะพลัง”

 

การประลองรอบนี้แสนสั้น,ฝูงชนยังไม่พอใจ,พวกเขาอยากที่จะให้มันดําเนินต่อไปอีก แต่ถึงอย่างไร มันก็ไม่กระทบกับคุณภาพของการประลอง ฝูงชนยังถกเถียงกันไม่หยุดหย่อน

 

จางเลี่ยมองดูหยุนเข่อซินที่อยู่ห่างออกไป ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาพร้อมกับเขาพึมพํา “แม่นางผู้นี้ไม่ธรรมดา ทักษะกรทํานองสวรรค์ของนางเกือบจะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาเห็นด้วยอย่างเงียบๆ ทักษะต่อสู้นั้นประกอบเข้าด้วยส่วนต่างๆะการหมุนเวียนเส้นทางพลังปราณในร่างกาย,การเคลื่อนไหลร่างทางกายภาพ,และและสภาวะจิตใจที่มีอยู่ในทักษะต่อสู้

 

ตัวอย่างเช่น,สภาวะของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันรือสภาวะ สายฟ้าอัสนี สําหรับทักษะกระบี่หลิงหยุน,จะมีสองสภาวะ คือสภาวะขุนเขาและเมฆา

 

มีเพียงการผสานส่วนประกอบทั้งสามเข้าด้วยกันจึงจะสามารถเข้าถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม,ความเข้าใจในสภาวะต้องการความสามารถในการเข้าใจและความอดทนมันเป็นการยากอย่างไม่น่าเชื่อที่จะเขาใจถึงสภาวะแห่งจิตใจ

หากมุ่งมั่นไปกับการไล่ตามสภาวะนี้ มันอาจจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ และกลับกันอาจจะทดถอยลงด้วยซ้ํา ดังนั้น ผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่จะไม่ไล่ตามสภาวะจิตใจก่อนที่จะขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง

 

สําหรับหยุนเข่อซินที่สามารถเข้าใกล้ความเข้าใจถึงสภาวะทักษะกระบี่ทํานองสวรรค์ได้เกือบจะดันเข้าสู่ระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,พิสูจน์ได้ว่าแม่นางผู้นี้ทั้งความสามารถในการเข้าใจ, พรสวรรค์ และโชคชะตาทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไป ไม่อาจเข้าถึงได้

 

จางเลี่ยเหลียวมองไปทางมู่เหิง,จากนั้นก็เหี่ยวเฉิน เขายิ้มและกล่าว “ตอนนี้เจ้าคิดว่าเยู่เฉินยังจะสามารถทะลวงเข้าสิบอันดับแร กของสานุศิษย์แก่นกลางได้อยู่อีกหรือไม่? ไม่ต้องพูดถึงความต่างชั้นของระดับการบ่มเพาะพลัง,ทุกคนที่สามารถเข้าไปยืนในสิบอันดับนั้นได้ล้วนเป็นหนึ่งในหมื่นอัจฉริยะ ภายในศาลากระบี่สวรรค์ที่เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปโดยปราศจากฝีมืออย่างแท้จริง”

 

มู่เชิงพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง “หยุนเข่อซินนั้นแข็งแกร่ง,แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตาม,นางก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของเยู่เฉิน”

 

เซี่ยวเฉินมองไปที่มู่เหิงอย่างประหลาดใจ เอ็งได้ความมั่นใจแต่ใดมา ถึงแม้ข้าจะไม่กลัวหยุนเข่อซิน,แต่หลังจากมองดูการประลองเมื่อครู่ ตัวข้าเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะล้มนางลงได้

 

“หยุดพูดจาใหญ่โต หยุนเข่อซินสามารถล้มอะนดับที่สิบหกหยานเฟิงได้ภายในครึ่งกระบวณท่า นางยังมีไพ่ตายอีกมากมายเก็บเอาไว้ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่านางไม่ใช่คู่มือของเยู่เฉิน?”

 

“สําหรับระดับการบ่มเพาะพลัง,เย่เฉินอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด แต่ในแง่ของสภาวะความเข้าใจ,ทักษะกระบี่ ทํานองสวรรค์ของหยุนเข่อซินเกือบจะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอด เยี่ยมมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าทักษะกระบี่หลิงหยุนของเยู่เฉิน ไม่มีทางที่จะบอกได้เต็มปากว่าใครแข็งใครอ่อนกว่ากัน”

 

ครั้งนี้ ก่อนที่จางเล่ยจะได้กล่าวอะไร.ศิษย์แก่นกลางหน้าใหม่อีก คนหนึ่งก็ส่งเสียงคีดค้านออกมา นอกจากนั้น,มันยังเป็นความจริง,ไม่มีทางจะไปโต้แย้งได้

 

มู่เหิงยิ้มบางเบา “พูดไปก็ไม่ได้อะไร ในอนาคต,เจ้าจะรู้ได้เองว่าที่ข้าพูดไปเป็นเรื่องจริงหรือไม่”

 

หลิวสุยเฟิงโน้มตัวมาหาเซี่ยวเฉินและถามด้วยเสียงค่อย “เย่เฉิน,หากเจ้าเผชิญหน้ากับหยุนเข่อซินจริงๆ เจ้ามั่นใจว่าจะชนะได้หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว “น่าจะประมาณครึ่งต่อครึ่ง หากความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางอยู่เพียงระดับนี้ เช่นนั้นก็จะเป็นหกต่อสี่”

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาตกตะลึงอย่างไม่มีอะไรเปรียบ เขาคุ้นเคยกับนิสัยของเซี่ยวเฉินเป็นอย่างดี เขาไม่เคยคุยโว หากเขาว่าครึ่งต่อครึ่ง,มันก็จะมีแต่สูงกว่าไม่มีน้อยลง ครึ่งต่อครึ่งเป็นขั้นต่ํา!

 

การประลองบนสนามดําเนินต่อไป,สานุศิษย์สิบอันดับต้นบนรายชื่อเมฆาล่องลอนทยอยออกมาทีละคน ฝูงชนไม่ผิดหวังกับความแข็งแรก่งของพวกเขา

 

“อันดับที่ห้าหลี่ยู่เจือใช้เพียงสามกระบวณท่าเพื่อจัดการกับอันดับที่สิบห้าเหลียนหยุน ความเร็วของของเขาช่างโดดเด่น”

 

“อันดับที่สี่หยุนเฟยโม่ เขาล้มอันดับที่ยี่สิบด้วยกระบี่จู่โจมเพียงครั้งเดียว มันดูเหมือนว่าทักษะบ่มเพาะพลังเขาได้มาถึงชั้นที่สิบแล้ว”

 

“อันดับที่แปดเหลิ่งอ้าวชวงใช้เพียงสามกระบวณท่าในการจัดการกับคู่ต่อสู้”

อย่างที่จางเลี่ยกล่าว,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นไม่ได้อ่อน พวกเขาแข็งแกร่งกว่าสานุศิษย์คนอื่นอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดจัดการกับคู่ต่อสู้ได้ภายในห้ากระบวณท่า

 

จนถึงตอนนี้ นอกจากอันดับหนึ่งมู่หลงชง,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นอีกเก้าคนที่เหลือล้วนออกมาแสดงคงามแข็งแกร่งของพวกเขาหมดแล้ว

 

เซี่ยวเฉินก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะสภาอาวุโสหรือไม่ แต่สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นทั้งสิบคนไม่ได้เจอกันเองเลยในการประลองไม่มีศึกดุเดือดระหว่างยักษ์กับยักษ์

 

ในความเห็นของเซี่ยวเฉิน,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นแข็งแกร่งกว่าที่เหลือเป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่จะชนะได้

 

“ถึงตาของมู่หลงชงแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาคืออันดับที่สิบเอ็ดหยานชื่อฮัว ในปีก่อน,เขาเคยเป็นหนึ่งในสิบอันดับต้น คู่ต่อสู้ทั้งหมดที่ประมือกับเขารับไม่ได้เกินกว่าสิบกระบวณท่า”

 

“หยานชื่อฮัวนั้นแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเขาดันไปพบกับมู่หลงชง เขาพ่ายแพ้เป็นแน่นอน,ขึ้นอยู่เพียงว่าเขาจะยืนหยัดอยู่ได้ นานขนาดไหน”

 

“ข้าไม่เห็นกระบวณท่าของมู่หลงชงมานานแล้ว,ช่างน่าตื่นตา! ปีก่อน,มู่หลงชงปรากฏตัวออกมาเพียงระยะเวลาสั้นๆ เขาไม่ค่อยปรากฏตัวภายในศาลากระบี่สวรรค์”

 

“จอมกระบีผู้นี้ทุ่มเทเวลาไปกับการฝึกฝน หากไม่ใช่เพราะคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ เขาคงไม่กลับมาอย่างแน่นอน”

 

หยานชื่อฮัวได้ยินทุกคําถกเถียงกันของผู้คน สีหน้าของเขาเปลี่ยน,เขารู้สึกไม่ดีนัก เขามองไปที่มู่หลงชงในชุดสีฟ้าดูภาคภูมิ “ไม่ว่าคนอื่นจะว่าเช่นไร,ข้ามีเพียงจุดประสงค์เดียวจึงมายืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ว่าข้าจะทนได้กี่กระบวณท่า แต่เป็นข้าที่จะล้มเจ้าลง!”

 

มู่หลงชงหัวเราะเย็นชา “ก่อนที่ปากจะขยับ,ชะโงกดูเงาของตัวเองซะก่อน”

 

“พวกเจ้าทั้งสองคํานับ! เตรียมตัว! เริ่ม!”

 

หลังจากที่ผู้ตัดสินกล่าวจบ,มีสายลมเย็นพัดผ่านสนามประลอง มีเสียงลมไหลไพเราะ, นี่คือเสียงของกระบี่ที่ถูกชักออกมาจากฝัก

 

หน้าอกของหยานชื่อฮัวบีบรัด เขาไม่คาดคิดว่ามู่หลงชงจะไม่สนใจสถานะของเขาจะชิงลงมือก่อน เขาตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่โชคดีที่เขามีสภาวะจิตใจที่มั่นคง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาสงบลงและเตรียมรับมือการจู่โจมของมู่หลงชง

อย่างไรก็ตาม เมื่อหยานชื่อฮัวมองดูตรงหน้าของเขา เขากลับไม่พบมู่หลงชง เขากวาดสายตามองรอบเป็นวงกลม,แต่นอกจากสายลมเย็นหมุนวน,เขาไม่พบอะไรอื่น

“เขาหายไปไหน?”

 

เวลานี้,หยานชื่อฮัวตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์ คนผู้นี้หายไปจากสายตาของข้าได้เช่นไร? น่าแปลกเกินไปแล้ว

 

อย่าตื่นกลัว,เขาไม่อาจออกจากสนามประลองไปได้ เมื่อเขาชิงลงมือก่อน,เขาจะต้องเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาอย่างแน่นอน ตราบใด ที่ข้าจับทิศทางของเจตนาฆ่าฟันได้,ข้าก็จะสามารถป้องกันการโจ มตีของเขาได้

 

หยาบชื่อตัวทองกับตัวเองซ้ําแล้วซ้ําเล่า เขาขยายการรับรู้ของ

เขาและเคลื่อนที่ไปรอบๆ เขาไม่กล้าที่จะลดการป้องกันลง

 

“ฟู ฟิว!”

 

ทันใดนั้นบาดแผลยาวปรากฏขึ้นบนหน้าอกของหยานชื่อฮัว:สายเลือดสาดทะลักออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง,มีความไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ข้าได้รับบาดเจ็บได้เช่นไร?

 

“ซี่! ซี่!”

 

ทันใดนั้นสายลมเย็นบนสนามประลองก็หยุดลง อากาศในสนามประลองกลายเป็นหยุดนิ่ง ใบหน้าอันหล่อเหลามู่หลงชงปรากฏขึ้นตรงหน้าของหยานชื่อฮัว เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม

ดวงตาของมู่หลงชงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันไร้ขอบเขต ทันใดนั้นเขาก็ดีดตัวออกราวกับแม่น้ําไหลพุ่ง “ไสหัวไป!”

 

มู่หลงชงถอนกระบี่กลับและเตะเข้าที่หน้าอกของหยานชื่อฮัว,เตะเขาร่วงออกจากสนามประลอง

 

ข้าไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันได้เช่นไร? เกิดบ้าอะไรขึ้น? เขาล้มกลิ้งลงไปกับพื้นสองสามตลบ เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้ตัดสินเห็นดังนั้น เขาประกาศออกมา “มู่หลงชงได้รับชัยชนะ!”

หยานชื่อฮัวหน้าซีด เมื่อเขาคืนสติกลับมา,เขาตะโกน “มันเป็นไปไม่ได้เข้าพ่ายแพ้ได้เช่นไร? ข้ายังไม่ได้งัดไฟตายที่ฝึกฝนมานานปีออกมา!”

 

“มู่หลงชง,เจ้ากล้าเผชิญหน้ากับข้าหรือไม่? กล้าหรือไม่กล้า!”

 

มู่หลงชงไม่แม้แต่จะเหลียวตาไปมองหยานชื่อฮัวที่อยู่บนพื้น เขา กล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าโง่,เจ้าต้องใช้ออกมาให้ได้เสียก่อนถึงจะนับ เป็นกระบวณท่าสังหาร เจ้าไม่แม้แต่จะงัดมันออกมาใช้ได้ เจ้ายังไม่ อับอายที่ตะโกนร้องแหกปากออกมาเช่นนี้”

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดลึกขณะที่เขามองดูมู่หลงชง ช่างเป็นสับวายุใส่ที่น่าหวาดกลัว! เดิมที,ข้าคิดว่าสับวายุใสระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมของข้าจะเพียงพอที่จะเป็นกระบวณท่าสังหาร ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่เพียงพอ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 233 แข่งขันการประลอง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 233 แข่งขันการประลอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 233 แข่งขันการประลอง

“แว้ง!”

เสียงโซนิคบูมขยายจากสนามประลองไปทั่วทั้งลานฝึกฝน ภายใต้อิทธิพลของคลื่นเสียงที่กังศึกก้อง,ฝูงชนบนที่นั่งคนดูทั้งหมดรู้สึกว่าแก้วหูของพวกเขาสั่นสะเทือน ทําให้พวกเขาวิงเวียน

 

เซี่ยวเฉินตะลึง ช่างเป็นเสียงที่น่ากลัว แม้ว่าข้างจะอยู่ห่างจากสนามประลองมากว่าหนึ่งพันเมตร,แต่ผลของมันก็ยังแข็งแกร่ง

 

หยานเฟิง,ผู้ที่อยู่ใจกลางของโซนิคบูม.ถูกซัดเข้าทันทีและหูกลายเป็นหนวก โลหิตและฉีในร่างของเขาพลุ่งพล่าน เขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาคําใหญ่

 

“บูม!”

 

มือขวาของหยุนเข่อชินวูบไหวและคมกระบี่ที่ดึงออกมาเล็กน้อยก็กลับเข้าฝึกตามเดิม คลื่นเสียงที่แตกกระจายไปทั่วทุกที่ ปรากฏเป็นละลอกคลื่นและก่อเป็นวังวนขนาดใหญ่ จากนั้น,พวกมันก็หวนกลับสู่กระบี่ของนาง

 

ในทันทีที่คมกระบี่กลับเข้าฝักอย่างสมบูรณ์ คลื่นเสียงที่มารวมตัวกันระเบิดออก เกิดเป็นเสียงดังกังวาลใสไพเราะยิ่งกว่าเมื่อก่อนหนาน

 

แม้ว่าเสียงของมันจะดังและใสยิ่งกว่า,สานุศิษย์ชั้นในบนที่นั่งคน ดูกลับไม่รู้สึกอะไร นี่เป็นเพราะคลื่นเสียงได้มารวมตัวกันเป็นเส้นและทั้งหมดซัดเข้าใส่ร่างของหยานเฟิง

 

หยานเฟิงตกเลือดออกมาจากทุกรูขุมขน ใบหน้าของเขาซีดเซียวอย่างน่ากลัว เขาล้มเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมเสียง “ตุบ” ขณะที่มองดูอาภรสีขาวของหยุนเข่อซินลอยลงมา

หยางเฟิงยิ้มขมขึ้น “หยุนเข่อซินเป็นช่วงเวลาเพียงครึ่งปีและข้าไม่มีค่าพอที่จะทําให้เจ้าชักกระบี่ออกมา เป็นไปได้ว่าในครั้งหน้าที่พวกเราพบกัน,ข้าจะไม่คู่ควรแม้แต่จะได้เห็นฝักกระบี่ของเจ้า?”

 

เสื้อผ้าสีขาวของหยุนเข่อซินพริวไหว ไม่ซึ่งการเปลี่ยนสีหน้านางกล่าว “สําหรับมือกระบี่,มันไม่สําคัญว่ากระบี่จะถูกชักออกมาหรือไม่ อย่าไปใส่ใจกับผิวเผินมากเกินไป มิฉะนั้น,มันจะเป็นการยากที่เจ้าจะเข้าใจถึงเจตนารมณ์กระบี่ของตัวเอง”

 

“หยุนเข่อซินได้รับชัยชนะ!” ผู้ตัดสินบนสนามประลองขานออกมา

 

ขณะที่หยานเฟิงมองดูแผ่นหลังของหยุนเข่อซิน,เขารู้สึกเจ็บใจ เมื่อไม่นานมานี้เขายังอยู่ในระดับเท่าเทียมกับนาง ตอนนี้เขาทําได้ เพียงวิ่งไล่ตามนางไป”

 

“ทักษะกระบี่ทํานองสวรรค์น่าหลาดกลัวอย่างแท้จริง หยุนเข่อ

อดีตที่ผ่านมา ทําให้ฝูงคนตื่นตะลึงอยู่เสมอ”

 

“หยานเฟิงก็พ่ายแพ้อย่างดูไม่ได้ เขาจดจ่อไปที่ว่าคู่ต่อสู้ไม่ได้ชักกระบี่ออกมา เขายังมีไพ่ตายที่ยังไม่ได้เผยออกมาอีก”

 

“นี่เป็นผลจากการที่จิตใจของเขาเริ่มอ่อนแอ ถึงอย่างไร,หยุนเข่อซินก็เคยอันดับน้อยกว่าเขาบนรายชื่อเมฆาล่องลอย ตอนนี้นางอยู่เหนือเขา เขารู้สึกว่ามันไม่อาจยอมรับ”

 

“เจ้าก็กล่าวเช่นนั้นไม่ได้ สภาวะจิตใจของผู้บ่มเพาะพลังสําคัญยิ่งกว่าทักษะบ่มเพาะพลังหรือทักษะต่อสู้ มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่สร้างความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะพลัง”

 

การประลองรอบนี้แสนสั้น,ฝูงชนยังไม่พอใจ,พวกเขาอยากที่จะให้มันดําเนินต่อไปอีก แต่ถึงอย่างไร มันก็ไม่กระทบกับคุณภาพของการประลอง ฝูงชนยังถกเถียงกันไม่หยุดหย่อน

 

จางเลี่ยมองดูหยุนเข่อซินที่อยู่ห่างออกไป ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาพร้อมกับเขาพึมพํา “แม่นางผู้นี้ไม่ธรรมดา ทักษะกรทํานองสวรรค์ของนางเกือบจะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม”

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาเห็นด้วยอย่างเงียบๆ ทักษะต่อสู้นั้นประกอบเข้าด้วยส่วนต่างๆะการหมุนเวียนเส้นทางพลังปราณในร่างกาย,การเคลื่อนไหลร่างทางกายภาพ,และและสภาวะจิตใจที่มีอยู่ในทักษะต่อสู้

 

ตัวอย่างเช่น,สภาวะของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันรือสภาวะ สายฟ้าอัสนี สําหรับทักษะกระบี่หลิงหยุน,จะมีสองสภาวะ คือสภาวะขุนเขาและเมฆา

 

มีเพียงการผสานส่วนประกอบทั้งสามเข้าด้วยกันจึงจะสามารถเข้าถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม,ความเข้าใจในสภาวะต้องการความสามารถในการเข้าใจและความอดทนมันเป็นการยากอย่างไม่น่าเชื่อที่จะเขาใจถึงสภาวะแห่งจิตใจ

หากมุ่งมั่นไปกับการไล่ตามสภาวะนี้ มันอาจจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ และกลับกันอาจจะทดถอยลงด้วยซ้ํา ดังนั้น ผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่จะไม่ไล่ตามสภาวะจิตใจก่อนที่จะขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง

 

สําหรับหยุนเข่อซินที่สามารถเข้าใกล้ความเข้าใจถึงสภาวะทักษะกระบี่ทํานองสวรรค์ได้เกือบจะดันเข้าสู่ระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,พิสูจน์ได้ว่าแม่นางผู้นี้ทั้งความสามารถในการเข้าใจ, พรสวรรค์ และโชคชะตาทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไป ไม่อาจเข้าถึงได้

 

จางเลี่ยเหลียวมองไปทางมู่เหิง,จากนั้นก็เหี่ยวเฉิน เขายิ้มและกล่าว “ตอนนี้เจ้าคิดว่าเยู่เฉินยังจะสามารถทะลวงเข้าสิบอันดับแร กของสานุศิษย์แก่นกลางได้อยู่อีกหรือไม่? ไม่ต้องพูดถึงความต่างชั้นของระดับการบ่มเพาะพลัง,ทุกคนที่สามารถเข้าไปยืนในสิบอันดับนั้นได้ล้วนเป็นหนึ่งในหมื่นอัจฉริยะ ภายในศาลากระบี่สวรรค์ที่เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปโดยปราศจากฝีมืออย่างแท้จริง”

 

มู่เชิงพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง “หยุนเข่อซินนั้นแข็งแกร่ง,แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตาม,นางก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของเยู่เฉิน”

 

เซี่ยวเฉินมองไปที่มู่เหิงอย่างประหลาดใจ เอ็งได้ความมั่นใจแต่ใดมา ถึงแม้ข้าจะไม่กลัวหยุนเข่อซิน,แต่หลังจากมองดูการประลองเมื่อครู่ ตัวข้าเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะล้มนางลงได้

 

“หยุดพูดจาใหญ่โต หยุนเข่อซินสามารถล้มอะนดับที่สิบหกหยานเฟิงได้ภายในครึ่งกระบวณท่า นางยังมีไพ่ตายอีกมากมายเก็บเอาไว้ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่านางไม่ใช่คู่มือของเยู่เฉิน?”

 

“สําหรับระดับการบ่มเพาะพลัง,เย่เฉินอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงสุด แต่ในแง่ของสภาวะความเข้าใจ,ทักษะกระบี่ ทํานองสวรรค์ของหยุนเข่อซินเกือบจะถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอด เยี่ยมมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าทักษะกระบี่หลิงหยุนของเยู่เฉิน ไม่มีทางที่จะบอกได้เต็มปากว่าใครแข็งใครอ่อนกว่ากัน”

 

ครั้งนี้ ก่อนที่จางเล่ยจะได้กล่าวอะไร.ศิษย์แก่นกลางหน้าใหม่อีก คนหนึ่งก็ส่งเสียงคีดค้านออกมา นอกจากนั้น,มันยังเป็นความจริง,ไม่มีทางจะไปโต้แย้งได้

 

มู่เหิงยิ้มบางเบา “พูดไปก็ไม่ได้อะไร ในอนาคต,เจ้าจะรู้ได้เองว่าที่ข้าพูดไปเป็นเรื่องจริงหรือไม่”

 

หลิวสุยเฟิงโน้มตัวมาหาเซี่ยวเฉินและถามด้วยเสียงค่อย “เย่เฉิน,หากเจ้าเผชิญหน้ากับหยุนเข่อซินจริงๆ เจ้ามั่นใจว่าจะชนะได้หรือไม่?”

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว “น่าจะประมาณครึ่งต่อครึ่ง หากความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางอยู่เพียงระดับนี้ เช่นนั้นก็จะเป็นหกต่อสี่”

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาตกตะลึงอย่างไม่มีอะไรเปรียบ เขาคุ้นเคยกับนิสัยของเซี่ยวเฉินเป็นอย่างดี เขาไม่เคยคุยโว หากเขาว่าครึ่งต่อครึ่ง,มันก็จะมีแต่สูงกว่าไม่มีน้อยลง ครึ่งต่อครึ่งเป็นขั้นต่ํา!

 

การประลองบนสนามดําเนินต่อไป,สานุศิษย์สิบอันดับต้นบนรายชื่อเมฆาล่องลอนทยอยออกมาทีละคน ฝูงชนไม่ผิดหวังกับความแข็งแรก่งของพวกเขา

 

“อันดับที่ห้าหลี่ยู่เจือใช้เพียงสามกระบวณท่าเพื่อจัดการกับอันดับที่สิบห้าเหลียนหยุน ความเร็วของของเขาช่างโดดเด่น”

 

“อันดับที่สี่หยุนเฟยโม่ เขาล้มอันดับที่ยี่สิบด้วยกระบี่จู่โจมเพียงครั้งเดียว มันดูเหมือนว่าทักษะบ่มเพาะพลังเขาได้มาถึงชั้นที่สิบแล้ว”

 

“อันดับที่แปดเหลิ่งอ้าวชวงใช้เพียงสามกระบวณท่าในการจัดการกับคู่ต่อสู้”

อย่างที่จางเลี่ยกล่าว,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นไม่ได้อ่อน พวกเขาแข็งแกร่งกว่าสานุศิษย์คนอื่นอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดจัดการกับคู่ต่อสู้ได้ภายในห้ากระบวณท่า

 

จนถึงตอนนี้ นอกจากอันดับหนึ่งมู่หลงชง,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นอีกเก้าคนที่เหลือล้วนออกมาแสดงคงามแข็งแกร่งของพวกเขาหมดแล้ว

 

เซี่ยวเฉินก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะสภาอาวุโสหรือไม่ แต่สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นทั้งสิบคนไม่ได้เจอกันเองเลยในการประลองไม่มีศึกดุเดือดระหว่างยักษ์กับยักษ์

 

ในความเห็นของเซี่ยวเฉิน,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นแข็งแกร่งกว่าที่เหลือเป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่จะชนะได้

 

“ถึงตาของมู่หลงชงแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาคืออันดับที่สิบเอ็ดหยานชื่อฮัว ในปีก่อน,เขาเคยเป็นหนึ่งในสิบอันดับต้น คู่ต่อสู้ทั้งหมดที่ประมือกับเขารับไม่ได้เกินกว่าสิบกระบวณท่า”

 

“หยานชื่อฮัวนั้นแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเขาดันไปพบกับมู่หลงชง เขาพ่ายแพ้เป็นแน่นอน,ขึ้นอยู่เพียงว่าเขาจะยืนหยัดอยู่ได้ นานขนาดไหน”

 

“ข้าไม่เห็นกระบวณท่าของมู่หลงชงมานานแล้ว,ช่างน่าตื่นตา! ปีก่อน,มู่หลงชงปรากฏตัวออกมาเพียงระยะเวลาสั้นๆ เขาไม่ค่อยปรากฏตัวภายในศาลากระบี่สวรรค์”

 

“จอมกระบีผู้นี้ทุ่มเทเวลาไปกับการฝึกฝน หากไม่ใช่เพราะคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ เขาคงไม่กลับมาอย่างแน่นอน”

 

หยานชื่อฮัวได้ยินทุกคําถกเถียงกันของผู้คน สีหน้าของเขาเปลี่ยน,เขารู้สึกไม่ดีนัก เขามองไปที่มู่หลงชงในชุดสีฟ้าดูภาคภูมิ “ไม่ว่าคนอื่นจะว่าเช่นไร,ข้ามีเพียงจุดประสงค์เดียวจึงมายืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ว่าข้าจะทนได้กี่กระบวณท่า แต่เป็นข้าที่จะล้มเจ้าลง!”

 

มู่หลงชงหัวเราะเย็นชา “ก่อนที่ปากจะขยับ,ชะโงกดูเงาของตัวเองซะก่อน”

 

“พวกเจ้าทั้งสองคํานับ! เตรียมตัว! เริ่ม!”

 

หลังจากที่ผู้ตัดสินกล่าวจบ,มีสายลมเย็นพัดผ่านสนามประลอง มีเสียงลมไหลไพเราะ, นี่คือเสียงของกระบี่ที่ถูกชักออกมาจากฝัก

 

หน้าอกของหยานชื่อฮัวบีบรัด เขาไม่คาดคิดว่ามู่หลงชงจะไม่สนใจสถานะของเขาจะชิงลงมือก่อน เขาตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่โชคดีที่เขามีสภาวะจิตใจที่มั่นคง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาสงบลงและเตรียมรับมือการจู่โจมของมู่หลงชง

อย่างไรก็ตาม เมื่อหยานชื่อฮัวมองดูตรงหน้าของเขา เขากลับไม่พบมู่หลงชง เขากวาดสายตามองรอบเป็นวงกลม,แต่นอกจากสายลมเย็นหมุนวน,เขาไม่พบอะไรอื่น

“เขาหายไปไหน?”

 

เวลานี้,หยานชื่อฮัวตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์ คนผู้นี้หายไปจากสายตาของข้าได้เช่นไร? น่าแปลกเกินไปแล้ว

 

อย่าตื่นกลัว,เขาไม่อาจออกจากสนามประลองไปได้ เมื่อเขาชิงลงมือก่อน,เขาจะต้องเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาอย่างแน่นอน ตราบใด ที่ข้าจับทิศทางของเจตนาฆ่าฟันได้,ข้าก็จะสามารถป้องกันการโจ มตีของเขาได้

 

หยาบชื่อตัวทองกับตัวเองซ้ําแล้วซ้ําเล่า เขาขยายการรับรู้ของ

เขาและเคลื่อนที่ไปรอบๆ เขาไม่กล้าที่จะลดการป้องกันลง

 

“ฟู ฟิว!”

 

ทันใดนั้นบาดแผลยาวปรากฏขึ้นบนหน้าอกของหยานชื่อฮัว:สายเลือดสาดทะลักออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง,มีความไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ข้าได้รับบาดเจ็บได้เช่นไร?

 

“ซี่! ซี่!”

 

ทันใดนั้นสายลมเย็นบนสนามประลองก็หยุดลง อากาศในสนามประลองกลายเป็นหยุดนิ่ง ใบหน้าอันหล่อเหลามู่หลงชงปรากฏขึ้นตรงหน้าของหยานชื่อฮัว เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม

ดวงตาของมู่หลงชงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันไร้ขอบเขต ทันใดนั้นเขาก็ดีดตัวออกราวกับแม่น้ําไหลพุ่ง “ไสหัวไป!”

 

มู่หลงชงถอนกระบี่กลับและเตะเข้าที่หน้าอกของหยานชื่อฮัว,เตะเขาร่วงออกจากสนามประลอง

 

ข้าไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันได้เช่นไร? เกิดบ้าอะไรขึ้น? เขาล้มกลิ้งลงไปกับพื้นสองสามตลบ เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้ตัดสินเห็นดังนั้น เขาประกาศออกมา “มู่หลงชงได้รับชัยชนะ!”

หยานชื่อฮัวหน้าซีด เมื่อเขาคืนสติกลับมา,เขาตะโกน “มันเป็นไปไม่ได้เข้าพ่ายแพ้ได้เช่นไร? ข้ายังไม่ได้งัดไฟตายที่ฝึกฝนมานานปีออกมา!”

 

“มู่หลงชง,เจ้ากล้าเผชิญหน้ากับข้าหรือไม่? กล้าหรือไม่กล้า!”

 

มู่หลงชงไม่แม้แต่จะเหลียวตาไปมองหยานชื่อฮัวที่อยู่บนพื้น เขา กล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าโง่,เจ้าต้องใช้ออกมาให้ได้เสียก่อนถึงจะนับ เป็นกระบวณท่าสังหาร เจ้าไม่แม้แต่จะงัดมันออกมาใช้ได้ เจ้ายังไม่ อับอายที่ตะโกนร้องแหกปากออกมาเช่นนี้”

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดลึกขณะที่เขามองดูมู่หลงชง ช่างเป็นสับวายุใส่ที่น่าหวาดกลัว! เดิมที,ข้าคิดว่าสับวายุใสระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมของข้าจะเพียงพอที่จะเป็นกระบวณท่าสังหาร ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่เพียงพอ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+