Immortal and Martial Dual Cultivation 235 ตบหน้าอีกครั้ง! ปะ! ปะ! ปะ!

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 235 ตบหน้าอีกครั้ง! ปะ! ปะ! ปะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 235 ตบหน้าอีกครั้ง! ปะ! ปะ! ปะ!

 

แสงสว่างจ้าระเบิดออกมาจากคมกระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะ,ควบรวมขึ้นเป็นกระบี่แสงรุ่งโรจน์

 

“บูม!”

 

ทันทีที่อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกัน, เกิดลมหมุนรุนแรงปรากฏขึ้นบนกระบี่ในมือขวาของหลินเฟิง มันได้ดูดกลืนลมวายุและสายฝนกระหน่ําเข้าไปก่อนที่นี้และพุ่งออกมารุนแรงยิ่งกว่า

“ติง! ติง!”

เสียงฝนโหมกระหน่ําเริ่มส่งเสียงที่ข้างหูของเซี่ยวเฉิน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหยาดฝนหยด,พลังงานกระบี่ของหลินเฟิงเพิ่มสูงขึ้น

 

ในตอนท้าย,เสียงสายฝนกลายเป็นรุนแรงยิ่งขึ้น มีหมู่เมฆสรเทาปกคลุมทั่วท้องฟ้า,มันเกิดเป็นฝนตกลงมาจริงๆ

 

นอกจากนั้น พลังงานกระบี่ของหลินเฟิงได้เพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่าหวาดกลัว เซี่ยวเฉินป้องกันพลังงานจากกระบี่อย่างตรึงมือ,และร่างของเขาไม่อาจต้านทานขยับถอยหลัง

 

สายฝนกระหน่ําทําให้เสื้อผ้าหน้าผมของเซี่ยวเฉินเปียกโชก หลินเฟิงเผยสีหน้ายินดี “เจ้ามันโชคดีได้มาเป็นคู่ต่อสู้คนแรก หลังจากที่ทักษะกระบี่สายฝนโหมทะลวงฟ้าของขาขึ้นมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม ข้าถึงกับยอดสละเก้าสิบอันดับแรงลงมา”

 

“ด้วยพลังของกระบวณท่านี้ กลืนพิรุณดูดเมฆา -สามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด ยิ่งเจ้าป้องกันมันเอาไว้ยาวนานเท่าไหร่,มันยิ่งกดดันเจ้ารุนแรงยิ่งขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุด,เจ้ามีแต่จะบาดเจ็บหนักขึ้น ข้าแนะนําให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไปซะ”

เซี่ยวเฉินค่อยๆถอยกลับท่ามกลางสายลมแรงสายฝนกระหน่ํา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อได้ยินคําของหลินเฟิง กลับกัน,เขากลับเผยรอยยิ้มบางเบาออกมา “เติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด? ข้าให้คําไว้ว่าจะให้โอกาสเจ้าห้ากระบวณท่า ก่อนจะจบกระบวณท่าที่ห้า, ข้าจะไม่โจมตีสวนเจ้า!”

ไม่ว่ามันจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับที่สมบูรณ์แบบเช่นไร ก็ไม่มีใครกล้ากล่าวว่าความแข็งแกร่งของเขาเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด แม้แต่ปรากฏการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมก็สามารถถูกทําลายได้ด้วยกําลัง

สามารถสําแดงปรากฏการณ์ลึกลับออกมาได้อย่างสมจริงเช่นนี้ กระบวณท่าของหลินเฟิงน่าตกตะลึงยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม สําหรับเซี่ยวเฉิน,มันเต็มไปด้วยช่องว่างง่ายดายที่จะทําลาย

 

อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินไม่มีเจตนาจะทําเช่นนั้น เซี่ยวเฉินว่างมือซ้ายของเขาลงบนด้ามกระบี่,เปลี่ยนเป็นท่าจับสองมือ เขาหยุดก้าวถอยหลังและตะโกนออกมาทันที “ทิวทัศน์ยอดเขาเดียวดาย!”

 

ภาพลวงตายอดเขาสูงพันเมตรปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเซี่ยวเฉิน จุดยอดล้อมรอบด้วยหมู่เมฆและแทงทะลุผ่านชั้นเมฆสีดําบนท้องฟ้า หลังจากนั้น,มันก็ไหลเข้าไปในร่างของเซี่ยวเฉิน

“ปัง!”

 

ทันทีที่ภูดขาดขเาไปในร่างของเซี่ยวเฉิน,กระแสพลังอันเกรียงไกรไหลออกมาจากภายใน เซี่ยวเฉินยืนตัวตรงบนสนามประลอง,ราวกับตัวเขาค่อยอดเขาสูงตระหง่าน

 

สายลมแผดเสียงคําราม,สายฝนโหมกระหน่ํา,แต่ตัวข้าจะไม่ไหวนิ่ง เติบโตได้ไร้ขีดจํากัด?บ้าบอ ข้าไม่เกรงกลัว,ข้าจักยืนมั่นตรงนี้อย่างผ่าเผย!

 

กระบวณท่านี้คือกระบวณท่าตั้งรับที่แข็งแกร่งที่สุดของทักษะกระบี่หลิงหยุน เมื่อใช้มันออกมา,หลินเฟิงรู้สึกกดดันหนัก,ไม่ว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งถึงเพียงใด เขาก็ไม่สามารถผลักขยับเซี่ยวเฉินได้

ในสายตาของเขา,มันดูราวกับกระบี่ของเขาได้ฟันเข้าใส่ภูเขาที่ตั้งตระหง่านเกรียงไกร ไร้ผลโดยสิ้นเชิง

 

“ถอย!” หลินเฟิงถอนกระบี่ของเขากลับและล่าถอยอย่างเร่งด่วน ปรากฏการณ์ลึกลับในอากาศหายไปในบัดดล กลืนพิรุณดูดเมฆาสามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด แต่อย่างไรก็ตาม,มันต้องใช้พลังปราณมหาศาล

 

คลุมทั่วทั้งสนามประลองด้วยปรากฏการณ์ลึกลับนั้นถึงขีดจํากัดของหลินเฟิงแล้ว หากเขายังคงสภาพมันเอาไว้เป็นเวลานาน,เขาจะต้องพลังปราณเดือดแห้งพ่ายแพ้ไปโดยที่เซี่ยวเฉินยังไม่ทันได้กระดิกนิ้ว

 

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆและสลายพลังงานจากทิวทัศน์ยอดเขาเดียวดาย เขามองดูหลินเฟิงที่กําลังล่าถอยและกล่าว “ยังเหลืออรกสามกระบวณท่า,มีอะไรก็แสดงออกมา”

 

หลินเฟิงเห็นสีหน้าของเซี่ยวที่ราวกับทุกอย่างอยู่ในแผน,กําลังหยอกเล่นกับเขาในกํามือ เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธและฉีกับโลหิตของเขาเดือดระเบิด หลินเฟิงไม่สนที่จะใช้ทักษะต่อสู้อะไรและพุ่งเข้าหาเซี่ยวเฉินอย่างเรียบง่าย

 

“โซว! โซว!”

 

กระบี่เร็วหลินเฟิงถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ออกทักษะต่อสู้อะไร,ความรวดเร็วของเขายิ่งจะเพิ่มขึ้น เส้นกระบี่ฉีวูบมาตรงหน้าของเขา,ทําให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

 

ในจังหวะที่แสงปะทุ เซี่ยวเฉินเคลื่อนตัวกลับหลัง ผมสองเส้นตรงหน้าผากของเขาถูกเฉือน เขาหลบกระบี่ฉีได้อย่างฉิวเฉียด

“อีกสองกระบวณท่า!” เซี่ยวเฉินกดเท้าดีดตัวออกจากพื้นและล่าถอยไปกว่าร้อยเมตร,เพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับหลินเฟิง

 

คําของเซี่ยวเฉินเหมือนกับปีศาจที่ก่อกวนหลินเฟิง,ทําให้เขาหงุดหงิด เขารู้สึกหมดหนทางอย่างที่สุดและไม่รู้ว่าจะโจมตีใส่เซี่ยวเฉินเช่นไร

 

หวังฉินเอี้ยนแห่งยอดเขาว่านเหรินเผยสายตาน่าผิดหวังขณะจ้องมองไปยังหลินเฟิงบนสนามประลอง เขาเบนสายตาไปที่หลัวเค่ออี้ ผู้ที่อยู่ด้านหลังของเขา และกล่าวขึ้น “ไปกันเถอะ,ข้าไม่อยากจะมองอีกแล้ว”

 

หลัวเค่ออี้ได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับตามหลังของหวังฉินเอี้ยนไป,ค่อยๆเดินออกจากศาลา ผลแพ้ชนะเห็นกันตําตา ไม่มีอะไรให้ดูชม

 

“จบแล้วห้ากระบวณท่า,ลงไปได้แล้ว” เซี่ยวเฉินกล่าวเสียงเบา ขณะหลบกระบี่ของหลินเฟิง

 

หลินเฟิงหัวเราะเย็นชาและกล่าว “อย่ากล่าวราวกับว่าเจ้าจะคว่ําข้าได้ทุกเมื่อ เจ้าถูกข้ากดได้เต็มประตู,หยุดหาข้ออ้างได้แล้ว”

 

เซี่ยวเฉินเพียงยิ้มบางเบาไม่ไปต่อล้อต่อเถียง เขาใช้ออกทักษะระดับสูงของมังกรฟ้าเมฆาทะยาน-เก้าร่างมังกรสัญจร เก้าร่างภาพลวงปรากฏขึ้นบนสนามประลอง

 

“ ฟุ ฟิว!”

 

ทั้งเก้าร่างจู่โจมพน้อมกัน,กลายเป็นสายลมเย็น,พัดเปาหลินเฟิง จากทั่วทิศทาง สายลมเย็นพัดไหลอ่อนโยน:ฟื้นคืนความสดชื่น

 

หลินเฟิงไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันแม้แต่น้อย ในจังหวะที่เขารู้สึกถึงบางอย่างไม่ถูกต้องเกิดรูบนหน้าอกของเขาเก้ารู ทันใดนั้น เขาจึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดพร้อมกับสายเลือดที่ไหลทะลัก

ทั้งเก้าร่างผสานกลับบนหนึ่งพร้อมกับกระบี่เงาจันทร์ที่กลับเข้าฝัก เซี่ยวเฉินยืนอยู่ด้านหลังของหลินเฟิงและกล่าวอย่างไม่แยแส “ขออภัย,ใช่แล้ว,จะตอนนี้หรือในอดีต ข้าซัดเจ้าลงไปกองได้ทุกเมื่อ”

 

“ปูทง!” หลินเฟิงทรุดลงกับพื้นและพึมพํา “สับวายุใส่มองเห็นเพียงสายลมเย็นมิใช่คมกระบี่ หนึ่งในเจ็ดทักษะลับแห่งยอดเขาฉิงหยุน ข้าควรจะนึกออกให้เร็วกว่านี้”

 

หัวหน้าผู้คุมสอบปลดเหรียญแสดงตนของหลินเฟิงออกมาสะบัดมือ ทันใดนั้น ก็มีคนออกมาพาร่างของหลินเฟิงลงไปจากสนามประลอง,พาเขาไปรักษาตัว

 

ฝูงชนยังคงนิ่งเงียบเมื่อมองเห็นฉากนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ที่หลินเฟิงจะไม่ใช่คู่มือของเซี่ยวเฉิน, พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะสามารถเล่นกับเขาได้ราวกับดิ้นอยู่ในฝ่ามือ

 

ด้วยเพียงกระบี่เดียว,ศิษย์แก่นกลางอันดับสองแห่งยอดเขาว่าเหรินก็พ่ายแพ้ แสดงพลังออกมาคล้ายกับเหล่าศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้น

 

จากนั้น พวกเขาก็นึกขึ้นมาได้อีกว่าเซี่ยวเฉินอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นยอดเยี่ยม หากเขาทะลวงขึ้นระดับขอบเขตนักบุญ.ชื่อของเขาจะนอนมาบนสิบอันดับต้นในตารางรายชื่อเมฆาล่องลอย

มู่เหิงที่ยืนอยู่ข้างจางเลี่ยกระซิบ “เจ้ายังคิดอยู่อีกว่าเย่เฉินไม่แกร่งพอที่จะติดสิบอันดับต้น?”

 

จางเสี่ยเผยรอยยิ้มขมขึ้น ขณะที่เขาค้นพบว่าเขาไม่สามารถมองออกถึงความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน ดูเหมือนเขาจะมีไพ่ตายเก็บไว้เป็นตับ ตอนแรกก็ทักษะกระบี่หลิงหยุนกระบวณท่าที่สิบเจ็ด ตอนนี้ก็ยังมีหนึ่งในเจ็ดทักษะลับยอดเขาฉิงหยุน

“ข้าขอคืนคําพูดเมื่อก่อนหน้านี้ เขามีความแข็งแกร่งพอที่จะท้าทายสิบอันดับต้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม,ข้าจะต้องเอาชนะเขาในสงครามจัดอันดับสิ้นปี”

 

มู่เหิงหัวเราะและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก ถึงแม่เขาจะรู้สึกว่าจางเลี่ยออกจะไร้เดียสาไปบ้าง

 

ในโลกใบนี้ มีบางคนที่เดินหน้าไปไกลและจะนําหน้าเจ้าอยู่เสมอ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามถึงเพียงใด,ท้ายที่สุดเจ้าก็ไม่มีทางไล่ตามหลังของเขาทัน

ในความคิดเห็ฯของมู่เหิง, เซี่ยวเฉินก็คือคนคนนั้น เขาทั้งไม่หยิ่งยโสหรือใจร้อนมุทะลุ เขาเก็บตัวเงียบอยู่เสมอแต่เมื่อเขาเผยตัวออกมา,แม้แต่สวรรค์ยังสั่นสะเทือน

 

ที่สุดสูงสุดของศาลา,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นนั่งประจําที่ของตัวเอง

มู่หลงชงที่รักษาสีหน้านิ่งสงบมาโดยตลอด เมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินใช้ออกสับวายุใส,เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์เล็กน้อย เขามองไปยังหลิวหรูเยวที่อยู่ห่างออกไปและพึมพํา “สับวายุใส! หรูเยว่เจ้ายังคงไม่ยอมแพ้? ถึงกระนั้น, ข้าจะทําให้เจ้าตระหนักได้ ว่านอกจากข้าไม่มีใครช่วยเจ้าฟื้นฟูยอดเขาฉิงหยุนขึ้นมาได้”

 

หลังจากนั้น,มู่เหิงและจางเล่ยก็บัมคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย การประลองในที่สุดก็จบลง รวมหลินเฟิงเข้าไปด้วย,มีทั้งหมดเจ็ดคนที่สูญเสียสถานะศิษย์แก่นกลางไป

 

หัวหน้าผู้คุมสอบมองไปที่ฝูงชนและกล่าว “เจ้าไปได้ มู่เหิง,เย่เฉิน,จางเลี่ย…รออยู่ก่อน”

หลังจากหัวหน้าผู้คุมสอบนําคนที่เหลือออกไปเขาก็กล่าว “ตามความตั้งใจของเบื้องบน,พวกเจ้าสามคนมีสิทธิ์เข้าร่วมภารกิจ ไม่ต้องถามอะไรข้าเกี่ยวกับมัน,เจ้าจะรู้เองในอีกสามวันให้หลัง”

“สิ่งที่พวกเจ้าต้องทําภายในสามวันนี้ก็คือพยายามอย่างดีที่สุด ในการพัฒนาการตัวเอง”

ทั้งสามคนมองกันไปมา จากสีหน้าของพวกเขามีความประหลาดใจ

พระจันทร์ทรงกลมเต็มดวงลอยสูงบนท้องฟ้า, เรืองแสงอ่อนนุ่มแผ่วเบา เรืองแสงนี้สาดส่องไปทั่วทั้งยอดเขาฉิงหยุน

 

เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิบนเตียงของเขาในบ้าน

 

นี่ถึงเวลาที่จะทะลวงขึ้นชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง มีเวลาอีกสามวัน เขาต้องใช้พวกมันเพื่อพัฒนาทักษะบ่มเพาะพลังและระดับขอบเขตพลังของเขา

วังวนน้ําในร่างของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว,ปราณหมุนเวียนอย่างช้าๆไปตามเส้นปราณในรูปแบบของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ พลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าโดยรอบรวมตัวที่เซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่พลังงานจิตวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่เซี่ยวเฉิน, ปราณในเส้นปราณของเขาค่อยๆเปลี่ยนจากโปรงใสเป็นผลึกโปร่งแสงสีม่วง

ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์มีการก่อตั้งในทุกสามชั้น หลังจากทุกสามชั้น มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะสามชั้นแรกเป็นเพียง รากฐานของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

 

ที่ชั้นที่สี่ไม่เพียงแค่จะสามารถฝึกฝนคาถาระดับสูง, ต้นกําเนิดเพลิงแท้อัสนีม่วงยังถูกยกระดับขึ้นไป

 

ที่สําคัญที่สุดก็คือพลังปราณในร่างของเขาจะสร้างพลังงานธาตุสายฟ้าขึ้น ในอนาคต,กระบวณท่าของเขาจะก่อให้เกิดแสงธาตุสายฟ้าที่ทรงพลัง

เมื่อเขาบ่มเพาะทักษะต่อสู้ธาตุสายฟ้า มันก็จะใช้ความพยายามน้อยลงในการสําเร็จ ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน ซึ่งต้องใช้โชคดวงเพื่อพัฒนา,อาจจะพัฒนายิ่งขึ้น ท้ายที่สุดเขาอาจจะสามารถฝึกฝนกระบวณท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน – อัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสาม

ดังนั้น การทะลวงขึ้นจากชั้นที่สามสู่ชั้นที่สี่จะยากลําบากยิ่งกว่าชั้นก่อนๆ โชคดีที่เซี่ยวเฉินได้เตรียมการไว้เพียงพอ

ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณรุ่งเรืองที่ได้มาจากพิภพใต้ดิน,หรือดอกดาวเรืองแสงไหล,พวกมันเพิ่มอัตราความสําเร็จในการทะลวงขึ้นสู่ชั้นที่สี่

 

เวลาไหลผ่านไปช้าๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก็โคจรครบหนึ่งรอบใหญ่

 

ผลึกปราณสีม่วงใสค่อยๆไหลกลับไปที่วังวนน้ํา เซี่ยวเฉินส่งจิตใต้สํานึกลงไปและเห็นประกายสายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นที่ก้นของวังวน

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่พลังงานที่บรรจุอยู่ทําให้เซี่ยวเฉินตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง,ประกายสายฟ้าควบรวมเป็นของเหลวสีม่วงและค่อยๆหยดลง

เมื่อข้าควบรวมได้ 361 ประกายสายฟ้า,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะสามารถก้าวขึ้นไปสู่ชั้นที่สี่ เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 235 ตบหน้าอีกครั้ง! ปะ! ปะ! ปะ!

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 235 ตบหน้าอีกครั้ง! ปะ! ปะ! ปะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 235 ตบหน้าอีกครั้ง! ปะ! ปะ! ปะ!

 

แสงสว่างจ้าระเบิดออกมาจากคมกระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะ,ควบรวมขึ้นเป็นกระบี่แสงรุ่งโรจน์

 

“บูม!”

 

ทันทีที่อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกัน, เกิดลมหมุนรุนแรงปรากฏขึ้นบนกระบี่ในมือขวาของหลินเฟิง มันได้ดูดกลืนลมวายุและสายฝนกระหน่ําเข้าไปก่อนที่นี้และพุ่งออกมารุนแรงยิ่งกว่า

“ติง! ติง!”

เสียงฝนโหมกระหน่ําเริ่มส่งเสียงที่ข้างหูของเซี่ยวเฉิน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหยาดฝนหยด,พลังงานกระบี่ของหลินเฟิงเพิ่มสูงขึ้น

 

ในตอนท้าย,เสียงสายฝนกลายเป็นรุนแรงยิ่งขึ้น มีหมู่เมฆสรเทาปกคลุมทั่วท้องฟ้า,มันเกิดเป็นฝนตกลงมาจริงๆ

 

นอกจากนั้น พลังงานกระบี่ของหลินเฟิงได้เพิ่มขึ้นถึงระดับที่น่าหวาดกลัว เซี่ยวเฉินป้องกันพลังงานจากกระบี่อย่างตรึงมือ,และร่างของเขาไม่อาจต้านทานขยับถอยหลัง

 

สายฝนกระหน่ําทําให้เสื้อผ้าหน้าผมของเซี่ยวเฉินเปียกโชก หลินเฟิงเผยสีหน้ายินดี “เจ้ามันโชคดีได้มาเป็นคู่ต่อสู้คนแรก หลังจากที่ทักษะกระบี่สายฝนโหมทะลวงฟ้าของขาขึ้นมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม ข้าถึงกับยอดสละเก้าสิบอันดับแรงลงมา”

 

“ด้วยพลังของกระบวณท่านี้ กลืนพิรุณดูดเมฆา -สามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด ยิ่งเจ้าป้องกันมันเอาไว้ยาวนานเท่าไหร่,มันยิ่งกดดันเจ้ารุนแรงยิ่งขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุด,เจ้ามีแต่จะบาดเจ็บหนักขึ้น ข้าแนะนําให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไปซะ”

เซี่ยวเฉินค่อยๆถอยกลับท่ามกลางสายลมแรงสายฝนกระหน่ํา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อได้ยินคําของหลินเฟิง กลับกัน,เขากลับเผยรอยยิ้มบางเบาออกมา “เติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด? ข้าให้คําไว้ว่าจะให้โอกาสเจ้าห้ากระบวณท่า ก่อนจะจบกระบวณท่าที่ห้า, ข้าจะไม่โจมตีสวนเจ้า!”

ไม่ว่ามันจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับที่สมบูรณ์แบบเช่นไร ก็ไม่มีใครกล้ากล่าวว่าความแข็งแกร่งของเขาเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด แม้แต่ปรากฏการณ์ลึกลับระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมก็สามารถถูกทําลายได้ด้วยกําลัง

สามารถสําแดงปรากฏการณ์ลึกลับออกมาได้อย่างสมจริงเช่นนี้ กระบวณท่าของหลินเฟิงน่าตกตะลึงยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม สําหรับเซี่ยวเฉิน,มันเต็มไปด้วยช่องว่างง่ายดายที่จะทําลาย

 

อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินไม่มีเจตนาจะทําเช่นนั้น เซี่ยวเฉินว่างมือซ้ายของเขาลงบนด้ามกระบี่,เปลี่ยนเป็นท่าจับสองมือ เขาหยุดก้าวถอยหลังและตะโกนออกมาทันที “ทิวทัศน์ยอดเขาเดียวดาย!”

 

ภาพลวงตายอดเขาสูงพันเมตรปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเซี่ยวเฉิน จุดยอดล้อมรอบด้วยหมู่เมฆและแทงทะลุผ่านชั้นเมฆสีดําบนท้องฟ้า หลังจากนั้น,มันก็ไหลเข้าไปในร่างของเซี่ยวเฉิน

“ปัง!”

 

ทันทีที่ภูดขาดขเาไปในร่างของเซี่ยวเฉิน,กระแสพลังอันเกรียงไกรไหลออกมาจากภายใน เซี่ยวเฉินยืนตัวตรงบนสนามประลอง,ราวกับตัวเขาค่อยอดเขาสูงตระหง่าน

 

สายลมแผดเสียงคําราม,สายฝนโหมกระหน่ํา,แต่ตัวข้าจะไม่ไหวนิ่ง เติบโตได้ไร้ขีดจํากัด?บ้าบอ ข้าไม่เกรงกลัว,ข้าจักยืนมั่นตรงนี้อย่างผ่าเผย!

 

กระบวณท่านี้คือกระบวณท่าตั้งรับที่แข็งแกร่งที่สุดของทักษะกระบี่หลิงหยุน เมื่อใช้มันออกมา,หลินเฟิงรู้สึกกดดันหนัก,ไม่ว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งถึงเพียงใด เขาก็ไม่สามารถผลักขยับเซี่ยวเฉินได้

ในสายตาของเขา,มันดูราวกับกระบี่ของเขาได้ฟันเข้าใส่ภูเขาที่ตั้งตระหง่านเกรียงไกร ไร้ผลโดยสิ้นเชิง

 

“ถอย!” หลินเฟิงถอนกระบี่ของเขากลับและล่าถอยอย่างเร่งด่วน ปรากฏการณ์ลึกลับในอากาศหายไปในบัดดล กลืนพิรุณดูดเมฆาสามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจํากัด แต่อย่างไรก็ตาม,มันต้องใช้พลังปราณมหาศาล

 

คลุมทั่วทั้งสนามประลองด้วยปรากฏการณ์ลึกลับนั้นถึงขีดจํากัดของหลินเฟิงแล้ว หากเขายังคงสภาพมันเอาไว้เป็นเวลานาน,เขาจะต้องพลังปราณเดือดแห้งพ่ายแพ้ไปโดยที่เซี่ยวเฉินยังไม่ทันได้กระดิกนิ้ว

 

เซี่ยวเฉินยิ้มเบาๆและสลายพลังงานจากทิวทัศน์ยอดเขาเดียวดาย เขามองดูหลินเฟิงที่กําลังล่าถอยและกล่าว “ยังเหลืออรกสามกระบวณท่า,มีอะไรก็แสดงออกมา”

 

หลินเฟิงเห็นสีหน้าของเซี่ยวที่ราวกับทุกอย่างอยู่ในแผน,กําลังหยอกเล่นกับเขาในกํามือ เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธและฉีกับโลหิตของเขาเดือดระเบิด หลินเฟิงไม่สนที่จะใช้ทักษะต่อสู้อะไรและพุ่งเข้าหาเซี่ยวเฉินอย่างเรียบง่าย

 

“โซว! โซว!”

 

กระบี่เร็วหลินเฟิงถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ออกทักษะต่อสู้อะไร,ความรวดเร็วของเขายิ่งจะเพิ่มขึ้น เส้นกระบี่ฉีวูบมาตรงหน้าของเขา,ทําให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

 

ในจังหวะที่แสงปะทุ เซี่ยวเฉินเคลื่อนตัวกลับหลัง ผมสองเส้นตรงหน้าผากของเขาถูกเฉือน เขาหลบกระบี่ฉีได้อย่างฉิวเฉียด

“อีกสองกระบวณท่า!” เซี่ยวเฉินกดเท้าดีดตัวออกจากพื้นและล่าถอยไปกว่าร้อยเมตร,เพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับหลินเฟิง

 

คําของเซี่ยวเฉินเหมือนกับปีศาจที่ก่อกวนหลินเฟิง,ทําให้เขาหงุดหงิด เขารู้สึกหมดหนทางอย่างที่สุดและไม่รู้ว่าจะโจมตีใส่เซี่ยวเฉินเช่นไร

 

หวังฉินเอี้ยนแห่งยอดเขาว่านเหรินเผยสายตาน่าผิดหวังขณะจ้องมองไปยังหลินเฟิงบนสนามประลอง เขาเบนสายตาไปที่หลัวเค่ออี้ ผู้ที่อยู่ด้านหลังของเขา และกล่าวขึ้น “ไปกันเถอะ,ข้าไม่อยากจะมองอีกแล้ว”

 

หลัวเค่ออี้ได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับตามหลังของหวังฉินเอี้ยนไป,ค่อยๆเดินออกจากศาลา ผลแพ้ชนะเห็นกันตําตา ไม่มีอะไรให้ดูชม

 

“จบแล้วห้ากระบวณท่า,ลงไปได้แล้ว” เซี่ยวเฉินกล่าวเสียงเบา ขณะหลบกระบี่ของหลินเฟิง

 

หลินเฟิงหัวเราะเย็นชาและกล่าว “อย่ากล่าวราวกับว่าเจ้าจะคว่ําข้าได้ทุกเมื่อ เจ้าถูกข้ากดได้เต็มประตู,หยุดหาข้ออ้างได้แล้ว”

 

เซี่ยวเฉินเพียงยิ้มบางเบาไม่ไปต่อล้อต่อเถียง เขาใช้ออกทักษะระดับสูงของมังกรฟ้าเมฆาทะยาน-เก้าร่างมังกรสัญจร เก้าร่างภาพลวงปรากฏขึ้นบนสนามประลอง

 

“ ฟุ ฟิว!”

 

ทั้งเก้าร่างจู่โจมพน้อมกัน,กลายเป็นสายลมเย็น,พัดเปาหลินเฟิง จากทั่วทิศทาง สายลมเย็นพัดไหลอ่อนโยน:ฟื้นคืนความสดชื่น

 

หลินเฟิงไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันแม้แต่น้อย ในจังหวะที่เขารู้สึกถึงบางอย่างไม่ถูกต้องเกิดรูบนหน้าอกของเขาเก้ารู ทันใดนั้น เขาจึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดพร้อมกับสายเลือดที่ไหลทะลัก

ทั้งเก้าร่างผสานกลับบนหนึ่งพร้อมกับกระบี่เงาจันทร์ที่กลับเข้าฝัก เซี่ยวเฉินยืนอยู่ด้านหลังของหลินเฟิงและกล่าวอย่างไม่แยแส “ขออภัย,ใช่แล้ว,จะตอนนี้หรือในอดีต ข้าซัดเจ้าลงไปกองได้ทุกเมื่อ”

 

“ปูทง!” หลินเฟิงทรุดลงกับพื้นและพึมพํา “สับวายุใส่มองเห็นเพียงสายลมเย็นมิใช่คมกระบี่ หนึ่งในเจ็ดทักษะลับแห่งยอดเขาฉิงหยุน ข้าควรจะนึกออกให้เร็วกว่านี้”

 

หัวหน้าผู้คุมสอบปลดเหรียญแสดงตนของหลินเฟิงออกมาสะบัดมือ ทันใดนั้น ก็มีคนออกมาพาร่างของหลินเฟิงลงไปจากสนามประลอง,พาเขาไปรักษาตัว

 

ฝูงชนยังคงนิ่งเงียบเมื่อมองเห็นฉากนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ที่หลินเฟิงจะไม่ใช่คู่มือของเซี่ยวเฉิน, พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าเซี่ยวเฉินจะสามารถเล่นกับเขาได้ราวกับดิ้นอยู่ในฝ่ามือ

 

ด้วยเพียงกระบี่เดียว,ศิษย์แก่นกลางอันดับสองแห่งยอดเขาว่าเหรินก็พ่ายแพ้ แสดงพลังออกมาคล้ายกับเหล่าศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้น

 

จากนั้น พวกเขาก็นึกขึ้นมาได้อีกว่าเซี่ยวเฉินอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นยอดเยี่ยม หากเขาทะลวงขึ้นระดับขอบเขตนักบุญ.ชื่อของเขาจะนอนมาบนสิบอันดับต้นในตารางรายชื่อเมฆาล่องลอย

มู่เหิงที่ยืนอยู่ข้างจางเลี่ยกระซิบ “เจ้ายังคิดอยู่อีกว่าเย่เฉินไม่แกร่งพอที่จะติดสิบอันดับต้น?”

 

จางเสี่ยเผยรอยยิ้มขมขึ้น ขณะที่เขาค้นพบว่าเขาไม่สามารถมองออกถึงความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน ดูเหมือนเขาจะมีไพ่ตายเก็บไว้เป็นตับ ตอนแรกก็ทักษะกระบี่หลิงหยุนกระบวณท่าที่สิบเจ็ด ตอนนี้ก็ยังมีหนึ่งในเจ็ดทักษะลับยอดเขาฉิงหยุน

“ข้าขอคืนคําพูดเมื่อก่อนหน้านี้ เขามีความแข็งแกร่งพอที่จะท้าทายสิบอันดับต้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม,ข้าจะต้องเอาชนะเขาในสงครามจัดอันดับสิ้นปี”

 

มู่เหิงหัวเราะและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก ถึงแม่เขาจะรู้สึกว่าจางเลี่ยออกจะไร้เดียสาไปบ้าง

 

ในโลกใบนี้ มีบางคนที่เดินหน้าไปไกลและจะนําหน้าเจ้าอยู่เสมอ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามถึงเพียงใด,ท้ายที่สุดเจ้าก็ไม่มีทางไล่ตามหลังของเขาทัน

ในความคิดเห็ฯของมู่เหิง, เซี่ยวเฉินก็คือคนคนนั้น เขาทั้งไม่หยิ่งยโสหรือใจร้อนมุทะลุ เขาเก็บตัวเงียบอยู่เสมอแต่เมื่อเขาเผยตัวออกมา,แม้แต่สวรรค์ยังสั่นสะเทือน

 

ที่สุดสูงสุดของศาลา,สานุศิษย์แก่นกลางสิบอันดับต้นนั่งประจําที่ของตัวเอง

มู่หลงชงที่รักษาสีหน้านิ่งสงบมาโดยตลอด เมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินใช้ออกสับวายุใส,เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์เล็กน้อย เขามองไปยังหลิวหรูเยวที่อยู่ห่างออกไปและพึมพํา “สับวายุใส! หรูเยว่เจ้ายังคงไม่ยอมแพ้? ถึงกระนั้น, ข้าจะทําให้เจ้าตระหนักได้ ว่านอกจากข้าไม่มีใครช่วยเจ้าฟื้นฟูยอดเขาฉิงหยุนขึ้นมาได้”

 

หลังจากนั้น,มู่เหิงและจางเล่ยก็บัมคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย การประลองในที่สุดก็จบลง รวมหลินเฟิงเข้าไปด้วย,มีทั้งหมดเจ็ดคนที่สูญเสียสถานะศิษย์แก่นกลางไป

 

หัวหน้าผู้คุมสอบมองไปที่ฝูงชนและกล่าว “เจ้าไปได้ มู่เหิง,เย่เฉิน,จางเลี่ย…รออยู่ก่อน”

หลังจากหัวหน้าผู้คุมสอบนําคนที่เหลือออกไปเขาก็กล่าว “ตามความตั้งใจของเบื้องบน,พวกเจ้าสามคนมีสิทธิ์เข้าร่วมภารกิจ ไม่ต้องถามอะไรข้าเกี่ยวกับมัน,เจ้าจะรู้เองในอีกสามวันให้หลัง”

“สิ่งที่พวกเจ้าต้องทําภายในสามวันนี้ก็คือพยายามอย่างดีที่สุด ในการพัฒนาการตัวเอง”

ทั้งสามคนมองกันไปมา จากสีหน้าของพวกเขามีความประหลาดใจ

พระจันทร์ทรงกลมเต็มดวงลอยสูงบนท้องฟ้า, เรืองแสงอ่อนนุ่มแผ่วเบา เรืองแสงนี้สาดส่องไปทั่วทั้งยอดเขาฉิงหยุน

 

เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิบนเตียงของเขาในบ้าน

 

นี่ถึงเวลาที่จะทะลวงขึ้นชั้นที่สี่ของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง มีเวลาอีกสามวัน เขาต้องใช้พวกมันเพื่อพัฒนาทักษะบ่มเพาะพลังและระดับขอบเขตพลังของเขา

วังวนน้ําในร่างของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว,ปราณหมุนเวียนอย่างช้าๆไปตามเส้นปราณในรูปแบบของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ พลังงานจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าโดยรอบรวมตัวที่เซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่พลังงานจิตวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่เซี่ยวเฉิน, ปราณในเส้นปราณของเขาค่อยๆเปลี่ยนจากโปรงใสเป็นผลึกโปร่งแสงสีม่วง

ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์มีการก่อตั้งในทุกสามชั้น หลังจากทุกสามชั้น มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะสามชั้นแรกเป็นเพียง รากฐานของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

 

ที่ชั้นที่สี่ไม่เพียงแค่จะสามารถฝึกฝนคาถาระดับสูง, ต้นกําเนิดเพลิงแท้อัสนีม่วงยังถูกยกระดับขึ้นไป

 

ที่สําคัญที่สุดก็คือพลังปราณในร่างของเขาจะสร้างพลังงานธาตุสายฟ้าขึ้น ในอนาคต,กระบวณท่าของเขาจะก่อให้เกิดแสงธาตุสายฟ้าที่ทรงพลัง

เมื่อเขาบ่มเพาะทักษะต่อสู้ธาตุสายฟ้า มันก็จะใช้ความพยายามน้อยลงในการสําเร็จ ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน ซึ่งต้องใช้โชคดวงเพื่อพัฒนา,อาจจะพัฒนายิ่งขึ้น ท้ายที่สุดเขาอาจจะสามารถฝึกฝนกระบวณท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน – อัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสาม

ดังนั้น การทะลวงขึ้นจากชั้นที่สามสู่ชั้นที่สี่จะยากลําบากยิ่งกว่าชั้นก่อนๆ โชคดีที่เซี่ยวเฉินได้เตรียมการไว้เพียงพอ

ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณรุ่งเรืองที่ได้มาจากพิภพใต้ดิน,หรือดอกดาวเรืองแสงไหล,พวกมันเพิ่มอัตราความสําเร็จในการทะลวงขึ้นสู่ชั้นที่สี่

 

เวลาไหลผ่านไปช้าๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก็โคจรครบหนึ่งรอบใหญ่

 

ผลึกปราณสีม่วงใสค่อยๆไหลกลับไปที่วังวนน้ํา เซี่ยวเฉินส่งจิตใต้สํานึกลงไปและเห็นประกายสายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นที่ก้นของวังวน

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่พลังงานที่บรรจุอยู่ทําให้เซี่ยวเฉินตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง,ประกายสายฟ้าควบรวมเป็นของเหลวสีม่วงและค่อยๆหยดลง

เมื่อข้าควบรวมได้ 361 ประกายสายฟ้า,ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะสามารถก้าวขึ้นไปสู่ชั้นที่สี่ เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+