Immortal and Martial Dual Cultivation 258 ต้นกําเนิดปัญญายุทธรูปแบบพลัง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 258 ต้นกําเนิดปัญญายุทธรูปแบบพลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 258 ต้นกําเนิดปัญญายุทธรูปแบบพลัง

 

เซี่ยวเฉินจัดลําดับความคิดของตัวเองก่อนที่จะกล่าวขึ้น “ข้าเพียงแค่อยากจะรู้…กระบี่สุดท้ายนั้นเป็นสิ่งที่ท่านได้มอบให้กับข้า หรือมันเป็นบางสิ่งที่กระบี่เงาจันทร์ได้สะสมเอาไว้ด้วยตัวมันเอง?”

 

ความแข็งแกร่งของกระบี่สุดท้ายนั้นขึ้นไปถึงระดับที่น่าหวาดกลัว ตลอดมา เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นความแข็งแกร่งของกระบี่เงาจันทร์ กลับกัน,เขากลับเชื่อว่ามันรือสิ่งที่หลิวเทียนยู่ได้ใช้วิธีลับบางอย่างฝังมันลงในกระบี่เงาจันทร์

 

อย่างไรก็ตามในตอนสุดท้ายที่เขาปลดปล่อยกระบี่จู่โจมนั้นออกมา, พลังงานของมันช่างเป็นสัมผัสที่คุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ มันรู้สึกราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นได้ส่งมอบให้มา

 

หลิวเทียนยู่กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าได้บอกเจ้าไว้นานมาแล้วนี้เป็นพลังของกระบี่เงาจันทร์ เพียงแต่ว่าตัวเจ้าในตอนนี้ยังไม่อาจเข้าใจถึงมันได้”

 

เซี่ยวเฉินนึกสงสัย เขาถามขึ้น “ทําไม?”

 

หลิวเทียนยู่ตอบกลับ “ถึงยังไง,กระบี่เงาจันทร์ของเจ้าก็คือดาบไม้อัสนีของจักรพรรดิอัสนี แม้ว่ารูปร่างของมันจะเปลี่ยนไป,มันก็ยังคงบรรจุต้นกําเนิดปัญญายุทธเอาไว้”

 

“ต้นกําเนิดปัญญายุทธได้ถูกแบ่งออกเป็นหกชิ้น แต่ละชิ้นบรรจุทักษะลับเอาไว้ สําหรับตอนนี้เจ้าได้รับมาแล้วสองชิ้น รูปแบบแปรลักษณ์ และรูปแบบพลัง”

 

“จักรพรรดิอัสนี้ได้ส่งต่อรูปแบบแปรลักษณ์ให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นเจ้าจึงได้เข้าใจบางส่วนของมันได้ แต่อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครชี้แนะเจ้าถึงรูปแบบพลัง,ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เจ้าจะบรรลุถึงมันได้”

 

เซี่ยวเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง,และกล่าวขึ้น “ท่านกําลังจะพูดว่ากระบี่จู่โจมอันน่าหวาดกลัวนั้น เป็นผลมาจากต้นกําเนิดปัญญายุทธรูปแบบพลัง?”

 

“ถูกต้อง!”

 

เซี่ยวเฉินถามอย่างงุนงง “ข้าได้รับรูปแบบพลังมาตั้งแต่ตอนไหน? ทําไมข้าไม่เห็นรู้เรื่อง?”

 

หลิวเทียนยู่กางมือของเขาออกและยิ้มอย่างขมขืน “แม้แต่ตัวเจ้าเองยังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร?”

 

คําของเจ้าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่มักตกหล่นรายละเอียดอีกครึ่งหนึ่งอยู่เสมอ ไม่เกิดผลอะไรหากจะจี้ถามเขาไปเรื่อยๆ ข้าอาจจะต้องรอให้อ่าวเจียวตื่นขึ้นมา ข้าจะสามารถถามเอาจากนางได้

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดหนัก เขาค่อนข้างมั่นใจว่าหลิวเทียนยู่รู้ถึงคําตอบ,แต่ไม่ยินยอมที่จะบอก อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อาจไปทําอะไรได้

 

คิดได้ดังนั้น,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปพบปะกับคนผู้นี้มันอันตรายเกินไป ดังนั้นเขาหันกลับและเริ่มมุ่งหน้าลง

 

“เจ้าไม่อยากที่จะรู้ว่าต้นกําเนิดปัญญายุทธชิ้นที่สามอยู่ที่ไหน? กระบี่หักเล่มนี้ถูกทําลายโดยจักรพรรดิอัสนี้ในอดีต หากไม่ใช่เพราะว่าศาลากระบีสวรรค์มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ค่อยปกป้อ งมันอยู่,มันคงถูกเขาฉกฉวยเอาไปแล้ว เจ้าไม่อยากรู้รึ?” เสียงของหลิวเทียนยู่ดังมาจากข้างหลังของเซี่ยวเฉินอย่างไม่เร่งรีบ;เขาพูดอย่างยียวนชวนอยากรู้

 

เซี่ยวเฉินไม่อาจไปวอแวกับเขา เขาเพียงกระโดดลงจากหน้าผาไป เขายอกย้อนกลับ “อยากรู้แม่เจ้า!”

 

“อยากรู้แม่ข้า? อยากจะรู้จักแม่ข้าไปทําไม? นางตกตายไปตั้งนานแล้ว” เมื่อเขาได้ยินที่เซี่ยวเฉินตอบกลับมาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรวามงงงวย เขาไม่เข้าใจว่าทําไมเซี่ยวเฉินถึงได้ปฏิเสธ

 

แน่นอนว่าเซี่ยวเฉินอยากที่จะรู้ว่ากระบี่หักที่บรรจุต้นกําเนิดปัญญายุทธชิ้นที่สามอยู่ที่ไหน แต่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะทุบตีเขาให้ตายเข้าก็ไม่ยินยอมพอใจที่จะสนทนากับหลิวเทียนยู่ต่อ

 

ไม่เคยมีเรื่องดีเมื่อเขารับอะไรบางอย่างมาจากหลิวเทียนยู่ แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะสามารถกลับออกมาจากมิติย่อยได้ เขาผลาญพลังปราณและจิตวิญญาณไปหมดสิ้นอย่างสมบูรณ์

 

หากไม่มีเวลาสักหนึ่งสัปดาห์เพื่อที่จะพักผ่อนและบํารุงร่างกาย,เขาไม่อาจที่จะฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเต็มร้อยได้

 

ดังนั้น เมื่อหลิวเทียนหยู่พยายามจะล่อลวงเขาอีกครั้ง เขาอดที่จะสาปด่าออกมาไม่ได้

 

สายลมพัดผ่านใบหูของเซี่ยวเฉินพร้อมกับเขาใช้คาถาแรงโน้มถ่วงบินกลับไปที่ลานบ้านของเขา

 

โดยที่ไม่ได้มีพลังปราณเต็มเปี่ยม,เซี่ยวเฉินไม่กล้าที่จะใช้ความเร็วสูงสุด หลังจากบินมาได้หนึ่งชั่วโมง,เขาค่อยๆลงจอดที่ตรงกลางของลานบ้าน

 

เมื่อเซี่ยวเฉินกลับมาที่ห้องนอนของเขา เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะห้ามไม่ให้หัวทิ่มลงหมอน เขานั่งขัดสมาธิบนเตียงของเขา และค่อยๆหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์และเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง

 

“ปู ปะ!”

 

เสี่ยวไปกระโดดออกจากหยกวิญญาณสีเลือดและพุ่งออกจากหน้าต่างไป เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ว่ามันกําลังจะไปที่ไหน และไม่ได้ไปเป็นกังวล มีคนอื่นๆที่อยู่ในมิติย่อยดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะปล่อยมันออกมา

 

ตอนนี้พวกเขาอยู่บนยอดเขาฉิงหยุนเขาปล่อยให้มันออกไปเล่นสนุก ถึงอย่างไรมันก็ไม่มีอันตรายโดยรอบ

 

วังวนฉีสีม่วงค่อยๆหมุนวนที่จุดต้นเทียนของเขา พลังจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ในอากาศไหลเข้าสู่ร่างของเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เขายกระดับขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ,เซี่ยวเฉินพบว่าในตอนที่เขาบ่มเพาะพลังเขาจะซึมซับเพียงพลังจิตวิญญาณธาตุสายฟ้า ถึงแม้ว่าเขาเลือกที่จะดูดซับพลังจิตวิญญาณธาตุอื่น

 

นี่มันทําให้เซี่ยวเฉินปวดหัว ด้วยพลังงานธาตุวายฟ้าบริสุทธิ์ นี่,ทําให้ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันทรงพลังมากขึ้นกว่าปกติ

 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นอุปสรรคในอตนที่เขาจะฝึกฝนทักษะต่อสู้อื่นๆ เช่นทักษะกระบี่หลิงหยุน สภาวะสายฟ้ามันยากที่จะผสานเข้ากับสภาวะขุนเขา มันทําให้สภาวะขุนเขายากที่จะพัฒนาขึ้น

 

สิ่งที่ทําให้เขาประหลาดใจก็คือสภาวะสายฟ้าและสภาวะ เมฆาผสานเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม เป็นผลให้สภาวะเมฆาของทักษะกระบี่หลิงหยุนของเขาพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

มันเป็นทั้งผลดีและผลเสีย การเพิ่มระดับสภาวะเป็นสิ่งที่ใฝ่หา,แต่ยากที่จะได้รับ แต่อย่างไรก็ตาม,ทักษะกระบี่หลิงหยุนแสวงหาความสุมดลกันระหว่างขุนเขาและเมฆา หากสภาวะเมฆาของเขาพัฒนารวดเร็วเกินไป,มันจะส่งผลให้ความสมดุลพังทลายในอนาคต

 

เมื่อถึงตอนนั้น,นอกจากทักษะกระบี่หลิงหยุนจะไม่พัฒนา,พลังของมันอาจจะลดลงด้วยซ้ําตอนที่เขาใช้ออกมา

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินบ่มเพาะพลัง,เขาก็ครุ่นคิดถึงปัญหานี้ หากมันเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ และข้าไม่อาจหาหนทางแก้ไขได้,ข้าจะทําได้เพียงค้นหาทักษะกระบี่ธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม,ทักษะกระบี่ระดับปฐพีทั่วไปไม่อยู่ในสายตา ของเซี่ยวเฉินอีกต่อไป มันจะต้องเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นสูง,เป็นอย่างน้อย

 

ครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่ที่ห้องสมุด,ข้าไม่พบทักษะกระบี่ธาตุสายฟ้าแม้แต่เล่มเดียว มีเพียงทักษกระบี่ธาตุคู่วายุและสายฟ้า ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาโอกาสลงจากเขา

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไป, หยดของเหลวสีม่วงผลึกหยดลงจากวังวนอย่างรวดเร็ว พลังปราณที่เดือดแห้งของเซี่ยวเฉินค่อยๆฟื้นคืนกลับมา

 

“ฟุบ! ฟุบ!”

 

เซี่ยวเฉินได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกของลานบ้าน เสียงเท้าที่มาพร้อมกับกระแสพลังที่แข็งแกร่ง

 

ยอดฝีมือ!

 

เซี่ยวเฉินรีบหมุนหมุนเวียนพลังปราณของเขาและแสงสีม่วงวูบไหวในดวงตาของเขา สัมผัสวิญญาณของเขาบินออกไปราวกับลูกศร,เขามองเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนได้อย่างชัดเจน

 

หรือจะเป็นนาง? เมื่อเซี่ยวเฉินมองเห็นรูปร่างของคนผู้นั้น เขาตกตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก พร้อมกับเขารับลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก คนผู้นั้นกําลังมุ่งหน้ามาที่ห้องนอนอย่างรวดเร็ว

 

“ฟีด!”

 

กระตูเปิดออกและหยิงเยว่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับชุดเกราะหญิงสีทอง มีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าอันงดงามของนางพร้อมกับจ้องมองมาที่เซี่ยวเฉิน

 

เมื่อหยิงเยว่เปิดอ้าปาก,เสียงของนางก้องดังไพเราะ “มันก็นานมาแล้วนะ ข้าไม่คาดคิดว่าระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธตัวน้อยในตอนนั้น จะก้าวขึ้นมาถึงระดับขอบเขตนักบุญแล้ว”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้เห็นใบหน้าของหยิงเยว่อีกครั้ง เกิดแรงกระเพื่อมในหัวใจของเขา แม่นางผู้นี้จะงดงามเกินไปแล้ว:วลีที่ว่า “สวยสังหาร” นับได้ว่าใช้อธิบายถึงตัวอย่างได้อย่างลงตัว

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเซี่ยวเฉินจําได้ว่าเขาได้ทําบางอย่างที่หยาบคายกับเรือร่างของนาง

 

นอกจากนั้น,หยิงเยว่จะต้องไม่มาตามหาเขาโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เหมือนจะมีปัญหาแล้ว

 

แม้ว่าเขาจะตื่นตระหนกในใจ,ท่าทางของเซี่ยวเฉินก็ยังคงสงบ ถึงอย่างไร,เขามั่นใจในคาถาเปลี่ยนลักษณ์ของเขาเป็นอย่างมาก

 

เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าวขึ้น “ข้าว่าข้าไม่ได้รู้จักเจ้า?”

 

หยิงเยว่เหลียวมองไปที่เซี่ยวเฉินโดยไม่ได้กล่าวอะไร จากนั้น,นางหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปที่ลานบ้าน เขี้ยวเฉินรีบตามนางไปอย่างระวัง

 

หลังจากที่หยิงเยว่นั่งลงที่โต๊ะหิน,นางยิ้มบางเบา “เจ้ายังจะทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้? จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าเซี่ยวเฉินหรือเย่เฉิน? เจ้าอยากใช้ชื่อไหน?”

 

น้ําเสียงของหยิงเยวรแสนธรรมดา กล่าวได้ว่าค่อนข้างเป็นกันเอง แต่อย่างไรก็ตาม สําหรับผู้อื่น มันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นกระแสพลังของผู้ปกครองที่กําเนิดจากตระกูลราชวงศ์ ไม่ว่าพวกเขาจะปกปิดเช่นไร,พวกเขาก็ปลดปล่อยมันออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

ดูเหมือนหยิงเยว่ได้รู้ถึงทุกสิ่งอย่าง มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ด้วยอํานาจที่นางมี,ทุกสองอย่างภายในอาณาจักรต้าฉันอยู่ในการควบคุมของนาง

หากหยิงเยว่อยากจะสืบหาใครสักคน แม้ว่าพวกเขาจะได้เปลี่ยนรูปร่างหน้าตา,นางก็จะตามหาจนพบ หากนางออกแรงสักหน่อยมันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

 

เซี่ยวเฉินนั่งลงตรงข้ามกับหยิงเยวและกล่าวขึ้น “ในเมื่อเจ้าก็รู้อยู่แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดซ่อนอีกต่อไป แค่กล่าวมา, ทําไมเจ้าถึงได้ตามหาข้า? หากเป็นเรื่องขุนนางกุยยี่,ข้าไม่มีอะไรจะพูด”

หยิงเยว่หยิบเอารูปสลักผู้หญิงที่ทําจากไม่ออกมา ผู้หญิงนางนั้นสวมชุดเกราะสีทองใบหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ การแกะสลักที่แสนประณีตทําให้มันราวกับเป็นคนจริงๆ ราวกับว่ามันเป็นหยิงเยวตัวเล็ก

 

เซี่ยวเฉินเหงื่อตกในใจ เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่เขากลัว หยิงเยวมาเพราะเรื่องนี้จริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม หากเป็นแต่เรื่องรูปสลักเซี่ยวเฉินไม่น้องเกรงกลัว

 

“เป็นรูปสลักที่แสนประณีต.ดูราวกับเป็นคนจริงๆ ข้าสงสัยว่าใครกันที่แกะสลักมันขึ้นมา นี่มันดูเหมือนเจ้าจริงๆ” เซี่ยวเฉินเริ่มกล่าววิจารณ์รูปสลัก,ราวกับว่ามันไม่ได้มีความเชื่อมโยงอะไรกับตัวเขา

 

หยิงเยว่หยิบมันขึ้นมาและโยกมันเล่นไปมา นางยิ้มขึ้นพร้อมกับกล่าว “ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าใครเป็นคนแกะสลักมันขี้นมา พวกชนชั้นสูงที่เมืองหลวงมีกันทุกบ้าน ทุกคนดูเหมือนจะมีคนละหนึ่งอัน ข้าต้องไปจ่ายไปตั้งหนึ่งร้อยหินวิญญาณ เพื่อรูปสลักหนึ่งตัว”

 

“ข้าไม่คาดคิดว่ามันจะมีราคาถึงเพียงนี้ หากข้าเงินขาดมือในอนาคต,ข้าสามารถเอามันไปขายยังได้”

 

แพงฉิบหาย! หินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งร้อยก้อน ให้ตาย,ดูเหมือนข้าจะโดนไอ้หมูเวรนนั้นเอาเปรียบ,สีหน้าของเซี่ยวเฉินเปลี่ยนสีเล็กน้อย พร้อมกับสาปด่าจินต้าเปาอยู่ในใจ

 

“เจ้าเป็นอะไรไป? สีหน้าเจ้าดูไม่ดี” หยิงเยว่ยิ้มอ่อน

 

เซี่ยวเฉินรีบดึงสีหน้ากลับและหัวเราะขึ้น “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกหดหูเล็กน้อย”

 

“ปะ!”

 

ทันใดนั้น,หยิงเยวาตบฝามือของนางลงบนโต๊ะหิน กระแสพลังอันน่ากลัวของนางถูกปลดปล่อยออกมา เมื่อกระแสพลังและน้ําเสียงของนางผสานเข้าด้วยกัน,เซี่ยวเฉินขวัญกระเจิง

 

“เจ้าจะทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกนานไหม? เจ้ายังไม่ยอมรับมันอีก” สีหน้าของหยิงเยวพลันเปลี่ยนและนางหยิบเอารูปสลักออกมาอีกหนึ่งตัว

 

ใบหน้าของรูปสลักเหมือนกันกับรูปสลักตัวก่อน แต่อย่างไรก็ตาม,ตัวนี้มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นลงมันมีเพียงชุดชั้นในบางๆ

 

อย่างไรก็ตาม,นั้นยังไม่สําคัญ ที่สําคัญคือของที่ยื่นออกมาจากหน้าอกนั้นเสียหายลบหายไป รูปสลักที่แสนสมบูรณ์แบบกลายเป็นเช่นนี้

เซี่ยวเฉินไม่อาจนั่งตัวไม่ติดเก้าอี้อีกต่อไป เขารู้สึกน้ําตาตกในใจ,มองค่าศีลธรรมของเจ้าหมูสูงเกินไป

 

แม้ว่าจินต้าเปาจะอ้อนวอนเขาอยู่นาน,เซี่ยวเฉินก็ไม่ยอมแกะสลักให้เขา แต่อย่างไรก็ตาม,ขณะนั้นเขาขาดแคลนลูกศร ปราณแสง,เขาจึงต้องจําใจแกะสลักขึ้นมาให้หนึ่งตัว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 258 ต้นกําเนิดปัญญายุทธรูปแบบพลัง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 258 ต้นกําเนิดปัญญายุทธรูปแบบพลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 258 ต้นกําเนิดปัญญายุทธรูปแบบพลัง

 

เซี่ยวเฉินจัดลําดับความคิดของตัวเองก่อนที่จะกล่าวขึ้น “ข้าเพียงแค่อยากจะรู้…กระบี่สุดท้ายนั้นเป็นสิ่งที่ท่านได้มอบให้กับข้า หรือมันเป็นบางสิ่งที่กระบี่เงาจันทร์ได้สะสมเอาไว้ด้วยตัวมันเอง?”

 

ความแข็งแกร่งของกระบี่สุดท้ายนั้นขึ้นไปถึงระดับที่น่าหวาดกลัว ตลอดมา เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นความแข็งแกร่งของกระบี่เงาจันทร์ กลับกัน,เขากลับเชื่อว่ามันรือสิ่งที่หลิวเทียนยู่ได้ใช้วิธีลับบางอย่างฝังมันลงในกระบี่เงาจันทร์

 

อย่างไรก็ตามในตอนสุดท้ายที่เขาปลดปล่อยกระบี่จู่โจมนั้นออกมา, พลังงานของมันช่างเป็นสัมผัสที่คุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ มันรู้สึกราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นได้ส่งมอบให้มา

 

หลิวเทียนยู่กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าได้บอกเจ้าไว้นานมาแล้วนี้เป็นพลังของกระบี่เงาจันทร์ เพียงแต่ว่าตัวเจ้าในตอนนี้ยังไม่อาจเข้าใจถึงมันได้”

 

เซี่ยวเฉินนึกสงสัย เขาถามขึ้น “ทําไม?”

 

หลิวเทียนยู่ตอบกลับ “ถึงยังไง,กระบี่เงาจันทร์ของเจ้าก็คือดาบไม้อัสนีของจักรพรรดิอัสนี แม้ว่ารูปร่างของมันจะเปลี่ยนไป,มันก็ยังคงบรรจุต้นกําเนิดปัญญายุทธเอาไว้”

 

“ต้นกําเนิดปัญญายุทธได้ถูกแบ่งออกเป็นหกชิ้น แต่ละชิ้นบรรจุทักษะลับเอาไว้ สําหรับตอนนี้เจ้าได้รับมาแล้วสองชิ้น รูปแบบแปรลักษณ์ และรูปแบบพลัง”

 

“จักรพรรดิอัสนี้ได้ส่งต่อรูปแบบแปรลักษณ์ให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นเจ้าจึงได้เข้าใจบางส่วนของมันได้ แต่อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครชี้แนะเจ้าถึงรูปแบบพลัง,ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เจ้าจะบรรลุถึงมันได้”

 

เซี่ยวเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง,และกล่าวขึ้น “ท่านกําลังจะพูดว่ากระบี่จู่โจมอันน่าหวาดกลัวนั้น เป็นผลมาจากต้นกําเนิดปัญญายุทธรูปแบบพลัง?”

 

“ถูกต้อง!”

 

เซี่ยวเฉินถามอย่างงุนงง “ข้าได้รับรูปแบบพลังมาตั้งแต่ตอนไหน? ทําไมข้าไม่เห็นรู้เรื่อง?”

 

หลิวเทียนยู่กางมือของเขาออกและยิ้มอย่างขมขืน “แม้แต่ตัวเจ้าเองยังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร?”

 

คําของเจ้าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่มักตกหล่นรายละเอียดอีกครึ่งหนึ่งอยู่เสมอ ไม่เกิดผลอะไรหากจะจี้ถามเขาไปเรื่อยๆ ข้าอาจจะต้องรอให้อ่าวเจียวตื่นขึ้นมา ข้าจะสามารถถามเอาจากนางได้

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดหนัก เขาค่อนข้างมั่นใจว่าหลิวเทียนยู่รู้ถึงคําตอบ,แต่ไม่ยินยอมที่จะบอก อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อาจไปทําอะไรได้

 

คิดได้ดังนั้น,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปพบปะกับคนผู้นี้มันอันตรายเกินไป ดังนั้นเขาหันกลับและเริ่มมุ่งหน้าลง

 

“เจ้าไม่อยากที่จะรู้ว่าต้นกําเนิดปัญญายุทธชิ้นที่สามอยู่ที่ไหน? กระบี่หักเล่มนี้ถูกทําลายโดยจักรพรรดิอัสนี้ในอดีต หากไม่ใช่เพราะว่าศาลากระบีสวรรค์มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ค่อยปกป้อ งมันอยู่,มันคงถูกเขาฉกฉวยเอาไปแล้ว เจ้าไม่อยากรู้รึ?” เสียงของหลิวเทียนยู่ดังมาจากข้างหลังของเซี่ยวเฉินอย่างไม่เร่งรีบ;เขาพูดอย่างยียวนชวนอยากรู้

 

เซี่ยวเฉินไม่อาจไปวอแวกับเขา เขาเพียงกระโดดลงจากหน้าผาไป เขายอกย้อนกลับ “อยากรู้แม่เจ้า!”

 

“อยากรู้แม่ข้า? อยากจะรู้จักแม่ข้าไปทําไม? นางตกตายไปตั้งนานแล้ว” เมื่อเขาได้ยินที่เซี่ยวเฉินตอบกลับมาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรวามงงงวย เขาไม่เข้าใจว่าทําไมเซี่ยวเฉินถึงได้ปฏิเสธ

 

แน่นอนว่าเซี่ยวเฉินอยากที่จะรู้ว่ากระบี่หักที่บรรจุต้นกําเนิดปัญญายุทธชิ้นที่สามอยู่ที่ไหน แต่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะทุบตีเขาให้ตายเข้าก็ไม่ยินยอมพอใจที่จะสนทนากับหลิวเทียนยู่ต่อ

 

ไม่เคยมีเรื่องดีเมื่อเขารับอะไรบางอย่างมาจากหลิวเทียนยู่ แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะสามารถกลับออกมาจากมิติย่อยได้ เขาผลาญพลังปราณและจิตวิญญาณไปหมดสิ้นอย่างสมบูรณ์

 

หากไม่มีเวลาสักหนึ่งสัปดาห์เพื่อที่จะพักผ่อนและบํารุงร่างกาย,เขาไม่อาจที่จะฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเต็มร้อยได้

 

ดังนั้น เมื่อหลิวเทียนหยู่พยายามจะล่อลวงเขาอีกครั้ง เขาอดที่จะสาปด่าออกมาไม่ได้

 

สายลมพัดผ่านใบหูของเซี่ยวเฉินพร้อมกับเขาใช้คาถาแรงโน้มถ่วงบินกลับไปที่ลานบ้านของเขา

 

โดยที่ไม่ได้มีพลังปราณเต็มเปี่ยม,เซี่ยวเฉินไม่กล้าที่จะใช้ความเร็วสูงสุด หลังจากบินมาได้หนึ่งชั่วโมง,เขาค่อยๆลงจอดที่ตรงกลางของลานบ้าน

 

เมื่อเซี่ยวเฉินกลับมาที่ห้องนอนของเขา เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะห้ามไม่ให้หัวทิ่มลงหมอน เขานั่งขัดสมาธิบนเตียงของเขา และค่อยๆหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์และเข้าสู่สภาวะบ่มเพาะพลัง

 

“ปู ปะ!”

 

เสี่ยวไปกระโดดออกจากหยกวิญญาณสีเลือดและพุ่งออกจากหน้าต่างไป เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ว่ามันกําลังจะไปที่ไหน และไม่ได้ไปเป็นกังวล มีคนอื่นๆที่อยู่ในมิติย่อยดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะปล่อยมันออกมา

 

ตอนนี้พวกเขาอยู่บนยอดเขาฉิงหยุนเขาปล่อยให้มันออกไปเล่นสนุก ถึงอย่างไรมันก็ไม่มีอันตรายโดยรอบ

 

วังวนฉีสีม่วงค่อยๆหมุนวนที่จุดต้นเทียนของเขา พลังจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ในอากาศไหลเข้าสู่ร่างของเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เขายกระดับขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ,เซี่ยวเฉินพบว่าในตอนที่เขาบ่มเพาะพลังเขาจะซึมซับเพียงพลังจิตวิญญาณธาตุสายฟ้า ถึงแม้ว่าเขาเลือกที่จะดูดซับพลังจิตวิญญาณธาตุอื่น

 

นี่มันทําให้เซี่ยวเฉินปวดหัว ด้วยพลังงานธาตุวายฟ้าบริสุทธิ์ นี่,ทําให้ทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันทรงพลังมากขึ้นกว่าปกติ

 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นอุปสรรคในอตนที่เขาจะฝึกฝนทักษะต่อสู้อื่นๆ เช่นทักษะกระบี่หลิงหยุน สภาวะสายฟ้ามันยากที่จะผสานเข้ากับสภาวะขุนเขา มันทําให้สภาวะขุนเขายากที่จะพัฒนาขึ้น

 

สิ่งที่ทําให้เขาประหลาดใจก็คือสภาวะสายฟ้าและสภาวะ เมฆาผสานเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม เป็นผลให้สภาวะเมฆาของทักษะกระบี่หลิงหยุนของเขาพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

มันเป็นทั้งผลดีและผลเสีย การเพิ่มระดับสภาวะเป็นสิ่งที่ใฝ่หา,แต่ยากที่จะได้รับ แต่อย่างไรก็ตาม,ทักษะกระบี่หลิงหยุนแสวงหาความสุมดลกันระหว่างขุนเขาและเมฆา หากสภาวะเมฆาของเขาพัฒนารวดเร็วเกินไป,มันจะส่งผลให้ความสมดุลพังทลายในอนาคต

 

เมื่อถึงตอนนั้น,นอกจากทักษะกระบี่หลิงหยุนจะไม่พัฒนา,พลังของมันอาจจะลดลงด้วยซ้ําตอนที่เขาใช้ออกมา

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินบ่มเพาะพลัง,เขาก็ครุ่นคิดถึงปัญหานี้ หากมันเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ และข้าไม่อาจหาหนทางแก้ไขได้,ข้าจะทําได้เพียงค้นหาทักษะกระบี่ธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม,ทักษะกระบี่ระดับปฐพีทั่วไปไม่อยู่ในสายตา ของเซี่ยวเฉินอีกต่อไป มันจะต้องเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นสูง,เป็นอย่างน้อย

 

ครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่ที่ห้องสมุด,ข้าไม่พบทักษะกระบี่ธาตุสายฟ้าแม้แต่เล่มเดียว มีเพียงทักษกระบี่ธาตุคู่วายุและสายฟ้า ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาโอกาสลงจากเขา

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไป, หยดของเหลวสีม่วงผลึกหยดลงจากวังวนอย่างรวดเร็ว พลังปราณที่เดือดแห้งของเซี่ยวเฉินค่อยๆฟื้นคืนกลับมา

 

“ฟุบ! ฟุบ!”

 

เซี่ยวเฉินได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกของลานบ้าน เสียงเท้าที่มาพร้อมกับกระแสพลังที่แข็งแกร่ง

 

ยอดฝีมือ!

 

เซี่ยวเฉินรีบหมุนหมุนเวียนพลังปราณของเขาและแสงสีม่วงวูบไหวในดวงตาของเขา สัมผัสวิญญาณของเขาบินออกไปราวกับลูกศร,เขามองเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนได้อย่างชัดเจน

 

หรือจะเป็นนาง? เมื่อเซี่ยวเฉินมองเห็นรูปร่างของคนผู้นั้น เขาตกตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก พร้อมกับเขารับลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก คนผู้นั้นกําลังมุ่งหน้ามาที่ห้องนอนอย่างรวดเร็ว

 

“ฟีด!”

 

กระตูเปิดออกและหยิงเยว่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับชุดเกราะหญิงสีทอง มีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าอันงดงามของนางพร้อมกับจ้องมองมาที่เซี่ยวเฉิน

 

เมื่อหยิงเยว่เปิดอ้าปาก,เสียงของนางก้องดังไพเราะ “มันก็นานมาแล้วนะ ข้าไม่คาดคิดว่าระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธตัวน้อยในตอนนั้น จะก้าวขึ้นมาถึงระดับขอบเขตนักบุญแล้ว”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้เห็นใบหน้าของหยิงเยว่อีกครั้ง เกิดแรงกระเพื่อมในหัวใจของเขา แม่นางผู้นี้จะงดงามเกินไปแล้ว:วลีที่ว่า “สวยสังหาร” นับได้ว่าใช้อธิบายถึงตัวอย่างได้อย่างลงตัว

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเซี่ยวเฉินจําได้ว่าเขาได้ทําบางอย่างที่หยาบคายกับเรือร่างของนาง

 

นอกจากนั้น,หยิงเยว่จะต้องไม่มาตามหาเขาโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เหมือนจะมีปัญหาแล้ว

 

แม้ว่าเขาจะตื่นตระหนกในใจ,ท่าทางของเซี่ยวเฉินก็ยังคงสงบ ถึงอย่างไร,เขามั่นใจในคาถาเปลี่ยนลักษณ์ของเขาเป็นอย่างมาก

 

เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าวขึ้น “ข้าว่าข้าไม่ได้รู้จักเจ้า?”

 

หยิงเยว่เหลียวมองไปที่เซี่ยวเฉินโดยไม่ได้กล่าวอะไร จากนั้น,นางหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปที่ลานบ้าน เขี้ยวเฉินรีบตามนางไปอย่างระวัง

 

หลังจากที่หยิงเยว่นั่งลงที่โต๊ะหิน,นางยิ้มบางเบา “เจ้ายังจะทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้? จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าเซี่ยวเฉินหรือเย่เฉิน? เจ้าอยากใช้ชื่อไหน?”

 

น้ําเสียงของหยิงเยวรแสนธรรมดา กล่าวได้ว่าค่อนข้างเป็นกันเอง แต่อย่างไรก็ตาม สําหรับผู้อื่น มันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นกระแสพลังของผู้ปกครองที่กําเนิดจากตระกูลราชวงศ์ ไม่ว่าพวกเขาจะปกปิดเช่นไร,พวกเขาก็ปลดปล่อยมันออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

ดูเหมือนหยิงเยว่ได้รู้ถึงทุกสิ่งอย่าง มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ด้วยอํานาจที่นางมี,ทุกสองอย่างภายในอาณาจักรต้าฉันอยู่ในการควบคุมของนาง

หากหยิงเยว่อยากจะสืบหาใครสักคน แม้ว่าพวกเขาจะได้เปลี่ยนรูปร่างหน้าตา,นางก็จะตามหาจนพบ หากนางออกแรงสักหน่อยมันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

 

เซี่ยวเฉินนั่งลงตรงข้ามกับหยิงเยวและกล่าวขึ้น “ในเมื่อเจ้าก็รู้อยู่แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดซ่อนอีกต่อไป แค่กล่าวมา, ทําไมเจ้าถึงได้ตามหาข้า? หากเป็นเรื่องขุนนางกุยยี่,ข้าไม่มีอะไรจะพูด”

หยิงเยว่หยิบเอารูปสลักผู้หญิงที่ทําจากไม่ออกมา ผู้หญิงนางนั้นสวมชุดเกราะสีทองใบหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ การแกะสลักที่แสนประณีตทําให้มันราวกับเป็นคนจริงๆ ราวกับว่ามันเป็นหยิงเยวตัวเล็ก

 

เซี่ยวเฉินเหงื่อตกในใจ เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่เขากลัว หยิงเยวมาเพราะเรื่องนี้จริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม หากเป็นแต่เรื่องรูปสลักเซี่ยวเฉินไม่น้องเกรงกลัว

 

“เป็นรูปสลักที่แสนประณีต.ดูราวกับเป็นคนจริงๆ ข้าสงสัยว่าใครกันที่แกะสลักมันขึ้นมา นี่มันดูเหมือนเจ้าจริงๆ” เซี่ยวเฉินเริ่มกล่าววิจารณ์รูปสลัก,ราวกับว่ามันไม่ได้มีความเชื่อมโยงอะไรกับตัวเขา

 

หยิงเยว่หยิบมันขึ้นมาและโยกมันเล่นไปมา นางยิ้มขึ้นพร้อมกับกล่าว “ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าใครเป็นคนแกะสลักมันขี้นมา พวกชนชั้นสูงที่เมืองหลวงมีกันทุกบ้าน ทุกคนดูเหมือนจะมีคนละหนึ่งอัน ข้าต้องไปจ่ายไปตั้งหนึ่งร้อยหินวิญญาณ เพื่อรูปสลักหนึ่งตัว”

 

“ข้าไม่คาดคิดว่ามันจะมีราคาถึงเพียงนี้ หากข้าเงินขาดมือในอนาคต,ข้าสามารถเอามันไปขายยังได้”

 

แพงฉิบหาย! หินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งร้อยก้อน ให้ตาย,ดูเหมือนข้าจะโดนไอ้หมูเวรนนั้นเอาเปรียบ,สีหน้าของเซี่ยวเฉินเปลี่ยนสีเล็กน้อย พร้อมกับสาปด่าจินต้าเปาอยู่ในใจ

 

“เจ้าเป็นอะไรไป? สีหน้าเจ้าดูไม่ดี” หยิงเยว่ยิ้มอ่อน

 

เซี่ยวเฉินรีบดึงสีหน้ากลับและหัวเราะขึ้น “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกหดหูเล็กน้อย”

 

“ปะ!”

 

ทันใดนั้น,หยิงเยวาตบฝามือของนางลงบนโต๊ะหิน กระแสพลังอันน่ากลัวของนางถูกปลดปล่อยออกมา เมื่อกระแสพลังและน้ําเสียงของนางผสานเข้าด้วยกัน,เซี่ยวเฉินขวัญกระเจิง

 

“เจ้าจะทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกนานไหม? เจ้ายังไม่ยอมรับมันอีก” สีหน้าของหยิงเยวพลันเปลี่ยนและนางหยิบเอารูปสลักออกมาอีกหนึ่งตัว

 

ใบหน้าของรูปสลักเหมือนกันกับรูปสลักตัวก่อน แต่อย่างไรก็ตาม,ตัวนี้มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นลงมันมีเพียงชุดชั้นในบางๆ

 

อย่างไรก็ตาม,นั้นยังไม่สําคัญ ที่สําคัญคือของที่ยื่นออกมาจากหน้าอกนั้นเสียหายลบหายไป รูปสลักที่แสนสมบูรณ์แบบกลายเป็นเช่นนี้

เซี่ยวเฉินไม่อาจนั่งตัวไม่ติดเก้าอี้อีกต่อไป เขารู้สึกน้ําตาตกในใจ,มองค่าศีลธรรมของเจ้าหมูสูงเกินไป

 

แม้ว่าจินต้าเปาจะอ้อนวอนเขาอยู่นาน,เซี่ยวเฉินก็ไม่ยอมแกะสลักให้เขา แต่อย่างไรก็ตาม,ขณะนั้นเขาขาดแคลนลูกศร ปราณแสง,เขาจึงต้องจําใจแกะสลักขึ้นมาให้หนึ่งตัว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+