Immortal and Martial Dual Cultivation 265 แผนที่สมบัติ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 265 แผนที่สมบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 265 แผนที่สมบัติ

 

“สมาคมพ่อค้าทั้งหมดที่ต่อต้านล้วนจบไม่สวยเขาเพลิดเพลินไปกับการณูขาดเส้นทางการค้าแห่งนี้ท้ายที่สุด,ความมั่งคั่งที่เขาสะสมมาถึงระดับที่น่าตกตะลึง”

 

เซี่ยวเฉินขบลิ้นของเขาเขาไม่อยากจะเชื่อ“ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธที่ไม่มุ่งมั่นไปกับการบ่มเพาะพลังแต่กลับกลายมาเป็นโจรปล้นสะดม?เจ้าคิดว่ามันมีทางเป็นไปได้?”

 

เมื่อมาถึงระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ,มาตราฐานของพวกเขาได้สูงกว่าคนทั่วไปสินค้าทางโลกไร้คุณค่าถึงอย่างไร,พวกเขาก็ไล่ตามจุดสูงสุดในเส้นทางยุทธน้อยนักที่จะมีคนมาให้ความสนใจในสินค้าเงินทอง

 

เจ้าหมูจินกล่าว“ทําไมมันจะเป็นไปไม่ได้ในตอนที่สามตระกูลใหญ่แห่งแคว้นซีเหอกวาดล้างกองโจรในทุ่งหญ้าแห่งนี้เจ้าคิดว่าพวกเขาเพียงแค่อยากจะโจมตีเหล่ากองโจร?ความจริงมันเป็นเพื่อที่พวกเขาจะได้รับแผ่นที่ที่เหลือแม้แต่ศาลากระบี่สวรรค์ก็ได้ส่งคนมาก่อนหน้านี้สองสามครั้ง”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินคําว่า“แผนที่เขานิ่งอึ้งเขาถามขึ้น“เขาทิ้งแผนที่เอาไว้?เจ้าหมายความเช่นไร?เล่าให้ข้าฟังถึงรายละเอียดได้หรือไม่?”

 

เจ้าหมูจิตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น“ทุกล้วนล้วนต้องตายไม่มีข้อยกเว้นแม่แต่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธก็ไม่มีข้อยกเว้นหลังจากที่คนคนนั้นตกตายลงเขาฝังสมบัติทั้งหมดของเขาเอาไว้ที่เกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต”

 

เขาได้ทองแผนที่ไว้ให้ลูกหลานของเขาแผนที่พวกนั้นระบุที่ตั้งของเกาะแห่งนั้นเอาไว้โดยละเอียดนอกจากนั้นเจ้าสามารถเปิดประตูสมบัติจะต้องมีแผนที่

 

“น่าเสียดาย,ลูกหลานของเขาเป็นพวกไม่เอาไหนไม่นานนักหลังจากที่เขาตายลง,ลูกหลานของพวกเขาทั้งหมดถูกกวาดล้างโดยศัตรูของเขาดังนั้น,แผนที่จึงได้กระจัดกระจายไปทั่ว”

 

“มีครั้งหนึ่งมีคนที่ได้มันมาและตามแผนที่ไปเพื่อค้นหาเกาะแห่งนั้นแต่อย่างไรก็ตามมีพายุสมุทรปกคลุมโดยรอบเกาะเอาไว้แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่อาจเข้าไปได้ดังนั้นพวกเขาจึงทําได้เพียงมองดู”

 

“ต่อมามีคนสังเกตเห็นว่าพายุนั้นจะจางหายไปเป็นระยะเวลาหนึ่งในทุกๆร้อยปีดังนั้น,แฯที่จึงกลับมามีประโยชน์อีกครั้ง”

 

“สมบัติไม่ได้วางกองอยู่จุดเดียวกันทุกครั้งที่มีคนเข้าไป,พวกเขาจะกลับมาพร้อมกับสมบัติจํานวนมหาศาลแน่นอนมีหลายคนที่ต้องไปจบชีวิตลงที่นั้น”

 

“ตอนนี้ร้อยปีที่รอคอยได้วนกลับมาอีกครั้งดังนั้น,ท่านหมูผู้นี้อยากจะลองเข้าไปเสี่ยงโชคดูข้านับได้ว่าล่าช้ามามากแล้วข้าไม่รู้ว่าสามตระกูลใหญ่นั้นได้แผนที่มาจากการโจมตีครั้งก่อนหรือยัง”

จินต้าเป่าค่อยๆพูดอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยแต่ข้อมูงของเขาจัดเรียงได้ดีมากในตอนที่เซียวเฉินกําลังนั่งฟัง,เขาเข้าใจได้ทันที

 

ข้าสงสัยว่าแผนที่ที่ข้ามีอยู่จะใช้อันที่เจ้าหมูตามหาอยู่หรือไม่?เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น“อีกนานแค่ไหนถึงจะครบรอบหนึ่งร้อยปี?”

 

เจ้าหมูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับ“ประมาณหนึ่งปีท่านหมผู้นี้ตั้งใจจะใช้เวลาในปีนี้อยู่ในทุ่งหญ้ามารอสูรหากข้าไม่อาจหาแผนที่ได้,ข้าก็ยังได้กําไรพิเศษ”

 

ยังมีเวลาอีกหนึ่งปีเมื่อเป็นเช่นนั้น,ไม่จําเป็นต้องเร่งรีบ,เซี่ยวเฉินครุ่นคิด,ข้าพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนได้

 

หลังจากที่เดินทางมากว่าครึ่งวันด้วยรถม้าทั้งคู่ก็แยกทางกับจินต้าเป่าจินต้าเป่าดําเนินแผนการเหยื่อล่อดึงความสนใจกองโจรต่อไปและทั้งคู่ก็เดินทางออกจากทุ่งหญ้ามารอสูร

 

ระหว่างทาง,เซียวเฉินถามขึ้น“สุยเฟิง,เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับตํานานแผนที่ขุมทรัพย์แห่งทุ่งหญ้ามารอสูรมาก่อนหรือไม่?”

 

หลิวสุยเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนแต่ไม่ได้ไปสนใจมากนักข้าเกือบจะลืมมันไปแล้วเจ้ากําลังคิดจะออกล่าขุมทรัพย์?”

 

เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าว“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเป้าหมายหลักของข้าตอนนี้คือสําเร็จฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันในที่สุดก็เริ่มมีความคืบหน้า,ข้าไม่สนใจไปทําอย่างอื่น”

 

ทั้งสองคนเดินทางต่อมาอีกสามวันเป็นเพราะพวกเขาเกือบจะถึงชายแดนของทุ่งหญ้ามารอสูรแล้ว,จํานวนกองโจรที่พวกเขาพบลดน้อยลงจํานวนพ่อค้าที่เขาพบกลับเพิ่มขึ้น

 

ในช่วงบ้ายของวัน,ภาพหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสายตาหลิวสุยเฟิงกล่าวอย่างตื่นเต้น“ในที่สุดพวกเราก็ออกจากทุ่งหญ้ามารอสูรหลังจากเดินทางไปอีกครึ่งวัน,พวกเราก็จะถึงเมืองซีเหอ”

 

เซียวเฉินรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแม้ว่าจะไม่มีปัญหาทางกายกับการตั้งค่ายกลางแจ้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาแต่จิตใจของพวกเขาเหนื่อย

 

หมูบ้านไร้ชื่อที่ตั้งอยู่ตรงหน้าก่อตเงขึ้นมาเพื่อพ่อค้าและผู้บ่มเพาะพลังที่ผ่านทุ่งหญ้ามารอสูรได้เติมเสบียงมีโรงเตี้ยมเล็กๆและตลาดอยู่รอบๆ

 

ผู้บ่มเพาะพลังที่ฝึกฝนอยู่ในทุ่งหญ้ามารอสูรเลือกที่จะเร่ขายของอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะไม่ใหญ่นักแต่มันคึกคักเป็นอย่างมาก

 

พวกเขาทั้งสองเดินมาพบกับโรงเตี้ยมหลังจากได้กินอาหารดีๆ,พวกเขาก็ขึ้นห้องพักผ่อน

ภายในห้อง,เซี่ยวเฉินนักขัดสมาธิอยู่บนเตียงวังวนฉีที่จุดต้นเทียนขแงเขาหมุนวนอย่างช้าๆทักษอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆหมุนเวียนไปตามเส้นปราณของเขา

 

ทันใดนั้น,ประกายไฟฟ้าจํานวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในห้องส่งเสียงแตกเปรี้ยะออกมาไม่หยุดหย่อนพลังจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ไหลเข้าสู่ร่างของเซี่ยวเฉิน

 

ความหนาแน่นของพลังงานจิตวิญญาณเบื้องล่างเมือกเขาหลิงหยุนนั้นเบาบางเป็นอย่างมากมันเทียบกันไม่ติดแม่แต่น้อยเซี่ยวเฉินพบว่ามันต่างกันถึงครึ่ง

 

เป็นความต่างที่ใหญ่หลวงไม่น่าแปลกใจที่นิกายใหญ่ถึงได้ดึงดูดนักบ่มเพาะพลังได้มากมายนัก

 

ผ่านไปสี่ชั่วโมง,เซี่ยวเฉินหยุดหมุนเวียนพลังงานเมื่อเขาลืมตาขึ้นมีกระแสไฟฟ้าภายในห้องที่ยังไม่จางหายไป,กระพริบไหวขึ้นมา

 

เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย“สภาวะแห่งสายฟ้ายกระดับเพิ่มขึ้นทุกวันด้วยความเร็วเช่นนี้,ข้าจะไม่อาจใช้ออกเบี่ยงวิถีรอบยอดเขาได้ข้าจําเป็นต์องตามหาทักษะต่อสู้ธาตุสายฟ้า”

 

“ปัง!ปัง!ปัง!”

 

เสียงเคาะดังมาจากที่ประตูเสียงของหลิวสุยเฟิงดังขึ้นมา“เย่เฉิน,ข้ากําลังจะเอาแก่นกลางวิญญาณและของอื่นๆไปขายสักเล็กน้อยเจ้าอยากจะมาด้วยกันหรือไม่?”

 

มีพ่อค้ามากมายที่รับซื้อชิ้นส่วนของสัตว์อสูรวิญญาณเป็นเพราะพวกเขาสวมชุดของผู้บ่มเพาะพลัง,ในตอนที่พวกเขาเดินมาที่โรงเตี้ยม,มีพ่อค้ามากมายมาถามไถ่

 

เป็นเพราะพวกเราเร่งรีบที่จะมาพักผ่อน,พวหเขาจึงได้บอกปัดไปทั้งหมดตอนนี้พวกเขาได้พักมาเป็นเวลาหนึ่ง,เป็นความคิดที่ไม่เหลวที่จะเอาของออกไปขายสักเล็กน้อย

 

การประมูลของเมืองซีเหอยะเริ่มขึ้นในอีกสามวันมันจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นหากพวกเขามีหินวิญญาณเพิ่มมากขึ้น

 

เซียวเฉินไม่มัวคิดมากและตอบตกลงพวกเขาออกจากโรงเตี้ยมและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ตลาดที่ดูวุ่นวาย

 

“รับซื้อแก่นกลางวิญญาณธาตุลมให้ราคาสูงต้องการเพียงแก่นกลางวิญญาณธาตุลมเท่านั้น,ระดับไหนก็รับหมดข้าเอาทุกอย่างที่มีเปิดรับเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น,เร่งรีบมาให้ไว!”

 

“ขายแก่นกลางจิตวิญญาณระดับ5หลากหลายธาตุหนังของสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงก็มีขาย”

 

“รับซื้อหญ้าเปลี่ยวสิบต้นผู้บ่มเพาะพลังคนไหนมี,โปรดมาให้ไว!”

 

มีเสียงผู้คนมากมายโหวกเหวกดังเข้ามาในหูของพวกเขามันดูวุ่นวายเป็นอย่างมากมีผู้บ่มเพาะพลังเปิดแผงลอยอยู่เต็มสองข้างของถนนพ่อค้ามากมายเดินไปทั่วไถ่ถามถึงราคา

 

แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะดูเละเทะแต่ก็มีการจัดการพวกเขาไม่อนุญาตให้ตั้งแผงลอยโดยไม่ได้รับอนุญาตหากพวกเขาฝ่าฝืน,พวกเขาจะถูกผู้จัดการไล่ออกไป

 

เซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงไปที่ศูนย์การจัดการและเข้าคิวรอกว่าหนึ่งชั่วโมงพวกเขาถึงจะได้จุดตั้งแผงลอยผู้จัดการส่งแผงลอย,แผ่นป้าย,และอุปกรณ์ต่างๆให้กับทั้งสองคน;การบริการของพงกเขาค่อนข้างเข้าใจง่าย

 

อย่างไรก็ตาม,ราคาก็ค่อนข้างน่าตกตะลึงหลิวสุยเฟิงก็รู้สุสึกว่าแพงไป“ตั้งแผงลอยสองชั่วโมงต้องจ่ายสิบหินวิญญาณระดับต่ํา”

 

เซียวเฉินใช้พู่กันเขียนลงบนแผ่นป้ายขายแก่นกลางวิญญาณและชิ้นส่วนทุกอย่างทั้งหมดจ่ายด้วยหินวิญญาณ

 

หลังจากที่เชี่ยวเฉินเขียนลงไปเขาก็ยิ้มขึ้น“ช่างมันแค่สิบหินวิญญาณขั้นต่ําไม่มีค่าอะไรกับเจ้าเร่งตั้งแผงลอยกันเถอะแล้วภาวนาให้มีลูกค้าใจใหญ่มาเหมาหมดในที่เดียว”

ในตอนที่พวกเขามาถึงที่แผงลอย,ภายแล้วเปลี่ยนป้ายหน้าร้านผ่านไปครู่หนึ่ง,มีพ่อค้าในชุดสีทองหรูหราเดินตรงเข้ามา

 

พ่อค้าผู้นี้อายุประมาณห้าสิบปีและมีคนคุ้มกันระดับขอบเขตนักบุญสองคนรอยยิ้มเติมเต็มใบหน้าที่อวบเล็กน้อยของเขา

 

น้องชายทั้งสอง,เจ้าขายแก่นกลางวิญญาณหรือไม่?“พ่อค้าวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เซียวเฉินพยักหน้า”แก่นกลางวิญญาณทั้งหมดเป็นระดับ3ขึ้นไปมีประมาณสามพันชิ้นนอกจากนั้นยังมีหนังของสัตว์อสูรวิญญาณอีกเล็กน้อย,ทั้งหมดเป็นระดับ3ขึ้นไป

 

แก่นกลางวิญญาณเกือบทั้งหมดได้มาจากกองโจรที่เข้าโจมตีพวกเขามีเพียงเล็กน้อยที่ได้รับมาจากสัตว์อสูรวิญญาณที่พวกเขาล่าเอง

 

แหวนห้วงมิติมีพื้นที่จํากัดและหลังจากที่พวหเขาใส่ของจนเต็ม,พวกเขาโยนแก่นกลางวิญญาณระดับ2ทั้งหมดทิ้ง,เก็บเอาไว้เพียงแก่นกลางวิญญาณระดับ3ขึ้นไป

 

ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังรวบรวมได้มากกว่าสามพันชิ้น;มูลค่านับว่ามหาศาล

พ่อค้าวัยกลางคนตกใจเล็กน้อยเขาไม่คาดคิดว่าจะเปิดข้อเสนอใหญ่ในทันทีที่เขาไถ่ถามสีหน้าของเขาเปลี่ยนพร้อมกับถามขึ้น”ข้าขอดูสินค้าได้หรือไม่?

 

เซียวเฉินพยักหน้าและหลิวสุยเฟิงก็เทแก่นกลางวิญญาณทั้งหมดออกมาจากแหวนห้วงมิติรวมถึงวัสดุอื่นๆที่พวกเขามี

 

แก่นกลางวิญญาณกองพะเนินเต็มแผงลอยทันใดนั้น,สายตานับไม่ถ้วนมองนรงเข้ามาท่ากลางสายตาละโมบและอิจฉา,เซียวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก,ผู้บ่มเพาะพลังที่นี้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยคมมีดพวกเขาทั้งหมดมีเลือดเปรอะมือมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนถูกสังหารเพราะความมั่งคั่งที่นี่

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาและไม่ได้ไปสนใจเขาถามขึ้น”เจ้าว่าเช่นไร?เสนอราคา!

 

ชายวันกลางคนรู้สึกเป็นสุขในใจแต่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงเขาไตร่ตรอง”เจ้ารับเป็นทองหรือไม่?ข้าเจ้ารับ,ข้าให้ราคาได้ดีกว่านี้”

 

ตั้งแต่ที่เซียวเฉินเห็นถึงประโยชน์ของหินวิญญาณ,เขาไม่สนใจทองอีกต่อไปดังนั้น,เขาส่ายหัวอย่างเด็ดขาด

 

หลิวสุยเฟิงกล่าว”เจ้ารับซื้อไม่ไหว?”

 

พ่อค้าวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง”ข้าแค่ถามดูข้ารับซื้อแก่นกลางวิญญาณพวกนี้ได้ทั้งหมดนี่คือข้อเสนอของข้า,หนึ่งหมื่นหินวิญญาณขั้นต่ําข้าต้องการทั้งหมดพงกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันที่นี่ได้หรือไม่หรือพวกเจ้าอยากจะเลือกที่อื่น”

 

พ่อค้าวัยกลางคนเข้าใจถึงหลักการที่ว่าห้ามเผยความมั่งคั่งดังนั้นเขาจึงเสนอสองทางเลือกให้พวกเขาเลือก”

 

เซี่ยวเฉินครุยคิดอยู่ครู่หนึ่ง,พ่อค้าผู้นี้ไม่รู้จักพื้นเพของเขาแม้ว่าทําการแลกเปลี่ยนที่นี่จะเผยความมั่งคั่งออกมาลแต่หากไปทําการแลกเปลี่ยนที่อื่น,พวกเราก็ยังคงต้องระวังพ่อค้ารายนี้

 

ทั้งสองทางต่างมีความเสี่ยงและไม่อาจเลือกได้ทันทีเซี่ยวเฉินเลือกที่จะแลกเปลี่ยนในทันทีอย่างน้อยพงกเขาก็ได้รับหินวิญญาณในทันที,ทําให้พวกเขารู้สึกมั่นในกว่า

 

พ่อค้าวัยกลางคนไม่มีลังเลและเรียกคนคุ้มกันด้านหลังของเขาเข้ามาจากนั้น,คนคุ้มกันก็เอาแหวนห้วงมิติของเขามาชนเข้ากับแหวนห้วงจักรวาลของเซี่ยวเฉิน

 

ในทันทีต่อมาเซียวเฉินรู้สึกได้ถึงหินวิญญาณมากมายปรากฏขึ้นมาในแหวนห้วงจักรวาลของเขาเมื่อเขานับดู,มันเป็นหินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งหมื่นก้อนพอดิบพอดี

 

พ่อค้าวัยกลางคนหยิบเอานามบัตรออกมาและส่งมันให้กับเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงเขายิ้มและลก่าว“แซ่ที่ต่ําต้อยของข้าคือกวนข้าทํางานที่สมาคมการค้าของตระกูลหยุนข้าหวังว่าพวกเราจะได้ซื้อขายกันอีกในอนาคตหากพวกเจ้านํานามบัตรนี้ไปแสดงที่ร้านใดก็ตามของตระกูลหยุน,พวกเจ้าจะได้รับส่วนลดหนึ่งในสิบส่วน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 265 แผนที่สมบัติ

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 265 แผนที่สมบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 265 แผนที่สมบัติ

 

“สมาคมพ่อค้าทั้งหมดที่ต่อต้านล้วนจบไม่สวยเขาเพลิดเพลินไปกับการณูขาดเส้นทางการค้าแห่งนี้ท้ายที่สุด,ความมั่งคั่งที่เขาสะสมมาถึงระดับที่น่าตกตะลึง”

 

เซี่ยวเฉินขบลิ้นของเขาเขาไม่อยากจะเชื่อ“ระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธที่ไม่มุ่งมั่นไปกับการบ่มเพาะพลังแต่กลับกลายมาเป็นโจรปล้นสะดม?เจ้าคิดว่ามันมีทางเป็นไปได้?”

 

เมื่อมาถึงระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธ,มาตราฐานของพวกเขาได้สูงกว่าคนทั่วไปสินค้าทางโลกไร้คุณค่าถึงอย่างไร,พวกเขาก็ไล่ตามจุดสูงสุดในเส้นทางยุทธน้อยนักที่จะมีคนมาให้ความสนใจในสินค้าเงินทอง

 

เจ้าหมูจินกล่าว“ทําไมมันจะเป็นไปไม่ได้ในตอนที่สามตระกูลใหญ่แห่งแคว้นซีเหอกวาดล้างกองโจรในทุ่งหญ้าแห่งนี้เจ้าคิดว่าพวกเขาเพียงแค่อยากจะโจมตีเหล่ากองโจร?ความจริงมันเป็นเพื่อที่พวกเขาจะได้รับแผ่นที่ที่เหลือแม้แต่ศาลากระบี่สวรรค์ก็ได้ส่งคนมาก่อนหน้านี้สองสามครั้ง”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินคําว่า“แผนที่เขานิ่งอึ้งเขาถามขึ้น“เขาทิ้งแผนที่เอาไว้?เจ้าหมายความเช่นไร?เล่าให้ข้าฟังถึงรายละเอียดได้หรือไม่?”

 

เจ้าหมูจิตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น“ทุกล้วนล้วนต้องตายไม่มีข้อยกเว้นแม่แต่ระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธก็ไม่มีข้อยกเว้นหลังจากที่คนคนนั้นตกตายลงเขาฝังสมบัติทั้งหมดของเขาเอาไว้ที่เกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต”

 

เขาได้ทองแผนที่ไว้ให้ลูกหลานของเขาแผนที่พวกนั้นระบุที่ตั้งของเกาะแห่งนั้นเอาไว้โดยละเอียดนอกจากนั้นเจ้าสามารถเปิดประตูสมบัติจะต้องมีแผนที่

 

“น่าเสียดาย,ลูกหลานของเขาเป็นพวกไม่เอาไหนไม่นานนักหลังจากที่เขาตายลง,ลูกหลานของพวกเขาทั้งหมดถูกกวาดล้างโดยศัตรูของเขาดังนั้น,แผนที่จึงได้กระจัดกระจายไปทั่ว”

 

“มีครั้งหนึ่งมีคนที่ได้มันมาและตามแผนที่ไปเพื่อค้นหาเกาะแห่งนั้นแต่อย่างไรก็ตามมีพายุสมุทรปกคลุมโดยรอบเกาะเอาไว้แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่อาจเข้าไปได้ดังนั้นพวกเขาจึงทําได้เพียงมองดู”

 

“ต่อมามีคนสังเกตเห็นว่าพายุนั้นจะจางหายไปเป็นระยะเวลาหนึ่งในทุกๆร้อยปีดังนั้น,แฯที่จึงกลับมามีประโยชน์อีกครั้ง”

 

“สมบัติไม่ได้วางกองอยู่จุดเดียวกันทุกครั้งที่มีคนเข้าไป,พวกเขาจะกลับมาพร้อมกับสมบัติจํานวนมหาศาลแน่นอนมีหลายคนที่ต้องไปจบชีวิตลงที่นั้น”

 

“ตอนนี้ร้อยปีที่รอคอยได้วนกลับมาอีกครั้งดังนั้น,ท่านหมูผู้นี้อยากจะลองเข้าไปเสี่ยงโชคดูข้านับได้ว่าล่าช้ามามากแล้วข้าไม่รู้ว่าสามตระกูลใหญ่นั้นได้แผนที่มาจากการโจมตีครั้งก่อนหรือยัง”

จินต้าเป่าค่อยๆพูดอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยแต่ข้อมูงของเขาจัดเรียงได้ดีมากในตอนที่เซียวเฉินกําลังนั่งฟัง,เขาเข้าใจได้ทันที

 

ข้าสงสัยว่าแผนที่ที่ข้ามีอยู่จะใช้อันที่เจ้าหมูตามหาอยู่หรือไม่?เซียวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น“อีกนานแค่ไหนถึงจะครบรอบหนึ่งร้อยปี?”

 

เจ้าหมูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับ“ประมาณหนึ่งปีท่านหมผู้นี้ตั้งใจจะใช้เวลาในปีนี้อยู่ในทุ่งหญ้ามารอสูรหากข้าไม่อาจหาแผนที่ได้,ข้าก็ยังได้กําไรพิเศษ”

 

ยังมีเวลาอีกหนึ่งปีเมื่อเป็นเช่นนั้น,ไม่จําเป็นต้องเร่งรีบ,เซี่ยวเฉินครุ่นคิด,ข้าพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนได้

 

หลังจากที่เดินทางมากว่าครึ่งวันด้วยรถม้าทั้งคู่ก็แยกทางกับจินต้าเป่าจินต้าเป่าดําเนินแผนการเหยื่อล่อดึงความสนใจกองโจรต่อไปและทั้งคู่ก็เดินทางออกจากทุ่งหญ้ามารอสูร

 

ระหว่างทาง,เซียวเฉินถามขึ้น“สุยเฟิง,เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับตํานานแผนที่ขุมทรัพย์แห่งทุ่งหญ้ามารอสูรมาก่อนหรือไม่?”

 

หลิวสุยเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนแต่ไม่ได้ไปสนใจมากนักข้าเกือบจะลืมมันไปแล้วเจ้ากําลังคิดจะออกล่าขุมทรัพย์?”

 

เซี่ยวเฉินยิ้มและกล่าว“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเป้าหมายหลักของข้าตอนนี้คือสําเร็จฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันในที่สุดก็เริ่มมีความคืบหน้า,ข้าไม่สนใจไปทําอย่างอื่น”

 

ทั้งสองคนเดินทางต่อมาอีกสามวันเป็นเพราะพวกเขาเกือบจะถึงชายแดนของทุ่งหญ้ามารอสูรแล้ว,จํานวนกองโจรที่พวกเขาพบลดน้อยลงจํานวนพ่อค้าที่เขาพบกลับเพิ่มขึ้น

 

ในช่วงบ้ายของวัน,ภาพหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสายตาหลิวสุยเฟิงกล่าวอย่างตื่นเต้น“ในที่สุดพวกเราก็ออกจากทุ่งหญ้ามารอสูรหลังจากเดินทางไปอีกครึ่งวัน,พวกเราก็จะถึงเมืองซีเหอ”

 

เซียวเฉินรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแม้ว่าจะไม่มีปัญหาทางกายกับการตั้งค่ายกลางแจ้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาแต่จิตใจของพวกเขาเหนื่อย

 

หมูบ้านไร้ชื่อที่ตั้งอยู่ตรงหน้าก่อตเงขึ้นมาเพื่อพ่อค้าและผู้บ่มเพาะพลังที่ผ่านทุ่งหญ้ามารอสูรได้เติมเสบียงมีโรงเตี้ยมเล็กๆและตลาดอยู่รอบๆ

 

ผู้บ่มเพาะพลังที่ฝึกฝนอยู่ในทุ่งหญ้ามารอสูรเลือกที่จะเร่ขายของอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะไม่ใหญ่นักแต่มันคึกคักเป็นอย่างมาก

 

พวกเขาทั้งสองเดินมาพบกับโรงเตี้ยมหลังจากได้กินอาหารดีๆ,พวกเขาก็ขึ้นห้องพักผ่อน

ภายในห้อง,เซี่ยวเฉินนักขัดสมาธิอยู่บนเตียงวังวนฉีที่จุดต้นเทียนขแงเขาหมุนวนอย่างช้าๆทักษอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆหมุนเวียนไปตามเส้นปราณของเขา

 

ทันใดนั้น,ประกายไฟฟ้าจํานวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในห้องส่งเสียงแตกเปรี้ยะออกมาไม่หยุดหย่อนพลังจิตวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ไหลเข้าสู่ร่างของเซี่ยวเฉิน

 

ความหนาแน่นของพลังงานจิตวิญญาณเบื้องล่างเมือกเขาหลิงหยุนนั้นเบาบางเป็นอย่างมากมันเทียบกันไม่ติดแม่แต่น้อยเซี่ยวเฉินพบว่ามันต่างกันถึงครึ่ง

 

เป็นความต่างที่ใหญ่หลวงไม่น่าแปลกใจที่นิกายใหญ่ถึงได้ดึงดูดนักบ่มเพาะพลังได้มากมายนัก

 

ผ่านไปสี่ชั่วโมง,เซี่ยวเฉินหยุดหมุนเวียนพลังงานเมื่อเขาลืมตาขึ้นมีกระแสไฟฟ้าภายในห้องที่ยังไม่จางหายไป,กระพริบไหวขึ้นมา

 

เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย“สภาวะแห่งสายฟ้ายกระดับเพิ่มขึ้นทุกวันด้วยความเร็วเช่นนี้,ข้าจะไม่อาจใช้ออกเบี่ยงวิถีรอบยอดเขาได้ข้าจําเป็นต์องตามหาทักษะต่อสู้ธาตุสายฟ้า”

 

“ปัง!ปัง!ปัง!”

 

เสียงเคาะดังมาจากที่ประตูเสียงของหลิวสุยเฟิงดังขึ้นมา“เย่เฉิน,ข้ากําลังจะเอาแก่นกลางวิญญาณและของอื่นๆไปขายสักเล็กน้อยเจ้าอยากจะมาด้วยกันหรือไม่?”

 

มีพ่อค้ามากมายที่รับซื้อชิ้นส่วนของสัตว์อสูรวิญญาณเป็นเพราะพวกเขาสวมชุดของผู้บ่มเพาะพลัง,ในตอนที่พวกเขาเดินมาที่โรงเตี้ยม,มีพ่อค้ามากมายมาถามไถ่

 

เป็นเพราะพวกเราเร่งรีบที่จะมาพักผ่อน,พวหเขาจึงได้บอกปัดไปทั้งหมดตอนนี้พวกเขาได้พักมาเป็นเวลาหนึ่ง,เป็นความคิดที่ไม่เหลวที่จะเอาของออกไปขายสักเล็กน้อย

 

การประมูลของเมืองซีเหอยะเริ่มขึ้นในอีกสามวันมันจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นหากพวกเขามีหินวิญญาณเพิ่มมากขึ้น

 

เซียวเฉินไม่มัวคิดมากและตอบตกลงพวกเขาออกจากโรงเตี้ยมและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ตลาดที่ดูวุ่นวาย

 

“รับซื้อแก่นกลางวิญญาณธาตุลมให้ราคาสูงต้องการเพียงแก่นกลางวิญญาณธาตุลมเท่านั้น,ระดับไหนก็รับหมดข้าเอาทุกอย่างที่มีเปิดรับเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น,เร่งรีบมาให้ไว!”

 

“ขายแก่นกลางจิตวิญญาณระดับ5หลากหลายธาตุหนังของสัตว์อสูรวิญญาณระดับสูงก็มีขาย”

 

“รับซื้อหญ้าเปลี่ยวสิบต้นผู้บ่มเพาะพลังคนไหนมี,โปรดมาให้ไว!”

 

มีเสียงผู้คนมากมายโหวกเหวกดังเข้ามาในหูของพวกเขามันดูวุ่นวายเป็นอย่างมากมีผู้บ่มเพาะพลังเปิดแผงลอยอยู่เต็มสองข้างของถนนพ่อค้ามากมายเดินไปทั่วไถ่ถามถึงราคา

 

แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะดูเละเทะแต่ก็มีการจัดการพวกเขาไม่อนุญาตให้ตั้งแผงลอยโดยไม่ได้รับอนุญาตหากพวกเขาฝ่าฝืน,พวกเขาจะถูกผู้จัดการไล่ออกไป

 

เซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงไปที่ศูนย์การจัดการและเข้าคิวรอกว่าหนึ่งชั่วโมงพวกเขาถึงจะได้จุดตั้งแผงลอยผู้จัดการส่งแผงลอย,แผ่นป้าย,และอุปกรณ์ต่างๆให้กับทั้งสองคน;การบริการของพงกเขาค่อนข้างเข้าใจง่าย

 

อย่างไรก็ตาม,ราคาก็ค่อนข้างน่าตกตะลึงหลิวสุยเฟิงก็รู้สุสึกว่าแพงไป“ตั้งแผงลอยสองชั่วโมงต้องจ่ายสิบหินวิญญาณระดับต่ํา”

 

เซียวเฉินใช้พู่กันเขียนลงบนแผ่นป้ายขายแก่นกลางวิญญาณและชิ้นส่วนทุกอย่างทั้งหมดจ่ายด้วยหินวิญญาณ

 

หลังจากที่เชี่ยวเฉินเขียนลงไปเขาก็ยิ้มขึ้น“ช่างมันแค่สิบหินวิญญาณขั้นต่ําไม่มีค่าอะไรกับเจ้าเร่งตั้งแผงลอยกันเถอะแล้วภาวนาให้มีลูกค้าใจใหญ่มาเหมาหมดในที่เดียว”

ในตอนที่พวกเขามาถึงที่แผงลอย,ภายแล้วเปลี่ยนป้ายหน้าร้านผ่านไปครู่หนึ่ง,มีพ่อค้าในชุดสีทองหรูหราเดินตรงเข้ามา

 

พ่อค้าผู้นี้อายุประมาณห้าสิบปีและมีคนคุ้มกันระดับขอบเขตนักบุญสองคนรอยยิ้มเติมเต็มใบหน้าที่อวบเล็กน้อยของเขา

 

น้องชายทั้งสอง,เจ้าขายแก่นกลางวิญญาณหรือไม่?“พ่อค้าวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เซียวเฉินพยักหน้า”แก่นกลางวิญญาณทั้งหมดเป็นระดับ3ขึ้นไปมีประมาณสามพันชิ้นนอกจากนั้นยังมีหนังของสัตว์อสูรวิญญาณอีกเล็กน้อย,ทั้งหมดเป็นระดับ3ขึ้นไป

 

แก่นกลางวิญญาณเกือบทั้งหมดได้มาจากกองโจรที่เข้าโจมตีพวกเขามีเพียงเล็กน้อยที่ได้รับมาจากสัตว์อสูรวิญญาณที่พวกเขาล่าเอง

 

แหวนห้วงมิติมีพื้นที่จํากัดและหลังจากที่พวหเขาใส่ของจนเต็ม,พวกเขาโยนแก่นกลางวิญญาณระดับ2ทั้งหมดทิ้ง,เก็บเอาไว้เพียงแก่นกลางวิญญาณระดับ3ขึ้นไป

 

ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังรวบรวมได้มากกว่าสามพันชิ้น;มูลค่านับว่ามหาศาล

พ่อค้าวัยกลางคนตกใจเล็กน้อยเขาไม่คาดคิดว่าจะเปิดข้อเสนอใหญ่ในทันทีที่เขาไถ่ถามสีหน้าของเขาเปลี่ยนพร้อมกับถามขึ้น”ข้าขอดูสินค้าได้หรือไม่?

 

เซียวเฉินพยักหน้าและหลิวสุยเฟิงก็เทแก่นกลางวิญญาณทั้งหมดออกมาจากแหวนห้วงมิติรวมถึงวัสดุอื่นๆที่พวกเขามี

 

แก่นกลางวิญญาณกองพะเนินเต็มแผงลอยทันใดนั้น,สายตานับไม่ถ้วนมองนรงเข้ามาท่ากลางสายตาละโมบและอิจฉา,เซียวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก,ผู้บ่มเพาะพลังที่นี้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยคมมีดพวกเขาทั้งหมดมีเลือดเปรอะมือมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนถูกสังหารเพราะความมั่งคั่งที่นี่

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาและไม่ได้ไปสนใจเขาถามขึ้น”เจ้าว่าเช่นไร?เสนอราคา!

 

ชายวันกลางคนรู้สึกเป็นสุขในใจแต่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงเขาไตร่ตรอง”เจ้ารับเป็นทองหรือไม่?ข้าเจ้ารับ,ข้าให้ราคาได้ดีกว่านี้”

 

ตั้งแต่ที่เซียวเฉินเห็นถึงประโยชน์ของหินวิญญาณ,เขาไม่สนใจทองอีกต่อไปดังนั้น,เขาส่ายหัวอย่างเด็ดขาด

 

หลิวสุยเฟิงกล่าว”เจ้ารับซื้อไม่ไหว?”

 

พ่อค้าวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง”ข้าแค่ถามดูข้ารับซื้อแก่นกลางวิญญาณพวกนี้ได้ทั้งหมดนี่คือข้อเสนอของข้า,หนึ่งหมื่นหินวิญญาณขั้นต่ําข้าต้องการทั้งหมดพงกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันที่นี่ได้หรือไม่หรือพวกเจ้าอยากจะเลือกที่อื่น”

 

พ่อค้าวัยกลางคนเข้าใจถึงหลักการที่ว่าห้ามเผยความมั่งคั่งดังนั้นเขาจึงเสนอสองทางเลือกให้พวกเขาเลือก”

 

เซี่ยวเฉินครุยคิดอยู่ครู่หนึ่ง,พ่อค้าผู้นี้ไม่รู้จักพื้นเพของเขาแม้ว่าทําการแลกเปลี่ยนที่นี่จะเผยความมั่งคั่งออกมาลแต่หากไปทําการแลกเปลี่ยนที่อื่น,พวกเราก็ยังคงต้องระวังพ่อค้ารายนี้

 

ทั้งสองทางต่างมีความเสี่ยงและไม่อาจเลือกได้ทันทีเซี่ยวเฉินเลือกที่จะแลกเปลี่ยนในทันทีอย่างน้อยพงกเขาก็ได้รับหินวิญญาณในทันที,ทําให้พวกเขารู้สึกมั่นในกว่า

 

พ่อค้าวัยกลางคนไม่มีลังเลและเรียกคนคุ้มกันด้านหลังของเขาเข้ามาจากนั้น,คนคุ้มกันก็เอาแหวนห้วงมิติของเขามาชนเข้ากับแหวนห้วงจักรวาลของเซี่ยวเฉิน

 

ในทันทีต่อมาเซียวเฉินรู้สึกได้ถึงหินวิญญาณมากมายปรากฏขึ้นมาในแหวนห้วงจักรวาลของเขาเมื่อเขานับดู,มันเป็นหินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งหมื่นก้อนพอดิบพอดี

 

พ่อค้าวัยกลางคนหยิบเอานามบัตรออกมาและส่งมันให้กับเซียวเฉินและหลิวสุยเฟิงเขายิ้มและลก่าว“แซ่ที่ต่ําต้อยของข้าคือกวนข้าทํางานที่สมาคมการค้าของตระกูลหยุนข้าหวังว่าพวกเราจะได้ซื้อขายกันอีกในอนาคตหากพวกเจ้านํานามบัตรนี้ไปแสดงที่ร้านใดก็ตามของตระกูลหยุน,พวกเจ้าจะได้รับส่วนลดหนึ่งในสิบส่วน”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+