Immortal and Martial Dual Cultivation 281 ก่อนจุดยอด

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 281 ก่อนจุดยอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 281 ก่อนจุดยอด

“หวี่ขยแพรวพราว!”

ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินลืมตาขึ้น มือขวาของเขา ขยับและคมกระบี่เงาจันทร์ส่องแสงระยิบระยับในความมืดมิด

กระบวณท่าแรกของทักษะกระบหรูขุยถูกใช้ออกมา

กิ่งไม้สีม่วงของต้นหรูขุยศักสิทธิ์โบราณปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่าและเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ฉี มันถูกยิงตรงไปที่ต้นไม้ต้นเล็กในลาน,ความรวดเร็วของมันราวกับสายฟ้า

ต้นไม้เล็กสูงห้าเมตรแตกสลายในทันที ในส่วนของมันลอยเต็มไปในอากาศและแตกกระจายไปทั่วลาน

“หรูขุยแปลงรูปฉี!”

กระบวณท่าที่สองของทักษะกระบี่หรูขุยถูกใช้ออกตามมาในทันที,ต้นหวี่ขุยปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและเปลี่ยนกลายเปฯกระบี่ฉีสีม่วงหลายโหล,และซัดชิ้นส่วนทั้งหมดของต้นไม้ที่ลอยอยู่ในอากาศเป็นผุยผง

“ทะลวงฉีหรูขุย!”

เซียวเฉินร้องตะโกนและใช้ออกกระบวณท่าที่สามของทักษะกรบหรูขุย,กระบี่ฉีสีม่วงที่เติมเต็มไปในอากาศรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและก่อตัวเป็นกระบี่ฉีที่คมกริบ

ภายใต้การเล็งของเซียวเฉิน,กระบี่ฉีแหลมคมพุ่งลงไปในพื้นดิน เกิดรูขนาดเท่ากับนิ้วชี้ปรากฏขึ้นบนพื้นในทันที

กระบี่ฉีนี้หนาแน่นเป็นอย่างมาก;ไม่มีรอยร้าวที่ขอบของมันแต่อย่างใด มันเรียบลื่นเป็นอย่างมาก มันเทียบเท่าได้กับกระบี่ฉีที่ถูกยิงออกมาโดยระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด

“ปะ ปะ!”

เซี่ยวเฉินถอนกระบี่ของเขากลับมาและมองไปยังพื้นที่โดยรอบในลานบ้าน เขาเผยรอยยิ้มจางๆออกมา กระบวณท่าพื้นฐานของทักษะกระบหรูขุยแข็งแกร่งกว่าทักษะกระบีหลิงหยุนสิบกระบวณท่าแรกเป็นอย่างมาก

แน่นอน มันไม่ได้กล่าวว่าทักษะกระบหลิงหยุนอ่อนด้อยกว่าทักษะกรบหรูขุย ทักษะกร’หลิงหยุนก็อยู่ระดับปฐพีขั้นสูงดช่นกัน หากสามารถผสานสภาวะแห่งขุนแขาและสภาวะแห่งเมฆาเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์และใช้ออกทักษะกระบี่หลิงหยุน,มันจะเทียบเท่ากับทักษะกระบหรูขุย

อาจกล่าวได้ว่าทักษะกระบี่หรูขุยเพียงเหมาะสมกับเซียวเฉินมากกว่า ในมือของเขา,พลังของทักษะกระบหรูขุยจะแกร่งกว่าทักษะกระบหลิงหยุ

เป็นเพราะเซียวเฉินอยู่ในบ้านตระกูลหยุน,เขาไม่กล้าสร้างความวุ่นวายมากนัก ในตอนที่เซียวเฉินใช้ออกสามกระบวณท่า,เขาไม่ได้ใส่สภาวะแห่งกระบี่ เขายังดึงพลังออกมาเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น

หากสภาวะแห่งสายฟ้าถูกใส่ลงไปและพลังของเซียวเฉินถูกใช้ออกมาเต็มพิกัด,มันเห็นชัดว่าพลังของกระบวณท่าทั้งสามกระส่งพลังออกมาเพียงใด

เซี่ยวเฉินใช้เวลาทําความเข้าใจถึงกระบวณท่าทั้งสามอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาฝึกฝนกระบวณท่าทั้งสามอีกเล็กน้อย เซียวเฉินไม่มีความตั้งใจที่จะฝึกฝนหกกระบวณท่าที่เหลือจนกว่าเขาจะฝึกฝนทั้งสามกระบวณท่าแรกขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

รากฐานก็คือรากฐาน,จะต้องมั่นคง!

เลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย,เซียวเฉินหยุดฝึกฝนทักษะกระบี่และเข้าไปในห้องนอน เขาหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมาเพื่อใช้ในการบ่มเพาะพลังของเขา

เชี่ยวเฉินนั่งลงขัดสมาธิบนเตียงและจับหินวิญญาณวางเอาไว้ที่มือขวาของเขา จากนั้นเขาหลับตาลงและหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

“บูม!”

ทันทีที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียน,โดยไม่ให้เวลาให้เซี่ยวเฉินปรับตัว,พลังงานจิตวิญญาณมหาศาลในหินวิญญาณระดับกลางไหลทะลักเข้าสู่เส้นปราณของเซี่ยวเฉิน

พลังปราณอันน่ากลัวเติมเต็มเส้นปราณของเซียวเฉินในทันที มันไหลทะลักไปตามเส้นปราณราวกับม้าป่าที่ควบทะยาน เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อยและรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

เซี่ยวเฉินจมจิตใต้สํานึกของเขาลงไปและพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะควบคุมพลังงานจิตวิญญาณที่พลุ่งพล่าน หลังจากพยายามอยู่นาน ในที่สุดเซียวเฉินก็สามารถคล้องจมูกเจ้าม้าป่าตัวนี้ได้ ทําให้มันสงบลง

หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินก็หมุนเวียนมันครบหนึ่งรอบเล็กสําเร็จและเทลงไปที่วังวนฉีของเขา

“ติ่ง! ติ่ง!”

วังวนฉีสีม่วงหมุนวนอย่างรวดเร็ว และหยดปราณเหลวสีใสก็หยดลงมา มันเติมเต็มพลังปราณของเซี่ยวเฉินหนึ่งในสีทันที

เซียวเฉินรักษาความสงบของเขาและจดจ้องไปกับการหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ พลังงานจิตวิญญาณจากหินวิญญาณระดับกลางเทเข้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน มันถูกดูดพลังไปจนหมดในตอนที่เซียวเฉินหมุนเวียนพลังครบห้ารอบใหญ่

วังวนฉีสีม่วงกลายเป็นใหญ่และเข้มข้นขึ้น

ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปอีกหนึ่งรอบใหญ่และหินวิญญาณก็ถูกเซียวเฉินโยนออกไปด้านข้าง

เซี่ยวเฉินหยุดบ่มเพาะพลังและลืมตาขึ้น จากนั้นเขาก็กล่าว “หนึ่งหินวิญญาณระดับกลางเทียบเท่าได้กับข้าบ่มเพาะพลังครึ่งเดือน ไม่สงสัยว่าทําไมมันถึงได้ล้ําค่านัก”

เซียวเฉินใช้เวลาของเขาไปเช่นนี้ เขาจะฝึกฝนทักษะกระบี่ในตอนกลางวันและบ่มเพาะพลังในตอนกลางคืน

หยุนเข่อซินแวะเวียนมาหาเขาเกือบทุกวัน นอกจากนั่งพูดคุย,พวกเขาจะซ้อมมือให้กันและกัน นี่เป็นสิ่งที่เซียวเฉินต้องการ เนื่องจากเขาเพิ่งจะเรียนทักษะกระบี่หรูขุย,เขาต้องการคนที่จะมาเป็นคู่ซ้อม

หลังจากที่ซ้อมมือกัน,พวกเขาทั้งสองจะพูดคุยเกี่ยวกับความเข้าใจในทักษะต่อสู้ที่พวกเขาใช้ สิ่งที่ทําให้เซี่ยวเฉินประหลาดใจก็คือหยุนเข่อซินมีความเข้าใจในทฤษฎีของทักษะกระบอย่างลึกซึ่ง

หยุนเข่อซินมีความเข้าใจในลักษณะของทักษะกระบี่หรูขุยที่เป็นประโยชน์กับเซียวเฉิน ในตอนที่พวกเขาทั้งสองร่วมมือกัน,เซียวเฉินมีความคืบหน้าในทักษะกระบหรูขุยอย่างมาก

ภายในเจ็ดวัน,เซียวเฉินฝึกฝนสามกระบวณท่าแรกถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม แม้ว่ามันยังห่างไกลกับระดับสมบูรณ์ขั้นสูงสุด,เขาก็รู้สึกมัานใจในการฝึกฝนกระบวณท่าฆ่าฟัน,ที่เป็นกระบวณท่าที่สี่ถึงกระบวณท่าที่หก

ครึ่งเดือนผ่านไปในลักษณะนี้ เซี่ยวเฉินฝึกฝนกระบวณท่าฆ่าฟันทั้งสามถึงยอดของระดับสมบูรณ์ขั้นต้น พลังของมันแข็งแกร่งกว่าที่เซียวเฉินจินตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้

หากมันหลอมรวมเข้ากับสภาวะแห่งสายฟ้า,มันจะเทียบเท่าได้กับปลุกเมฆานิรันดร์และเบี่ยงวิถีรอบยอดเขาของทักษะกระบี่หลิงหยุน สําหรับกระบวณท่าปลิดชีพสามกระบวณท่าสุดท้าย,พลังของมันจะเทียบกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง

ในวันที่ยี่สิบกว่า,เชี่ยวเฉินผลาญหินวิญญาณระดับกลางไปทั้งหมดสามสิบก้อน ปริมาณพลังปราณในร่างของเขาเพิ่มขึ้นในทุกวัน ภายในหนึ่งเดือน,การบ่มเพาะพลังของเซียวเฉินมั่นคงอยู่ที่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางชั้นก่อนยอดสุด

ในวันนี้ เซี่ยวเฉินเพิ่งจะเสร็จสิ้นการฝึกฝน ทักษะกระบี่หรูขุย เขามองขึ้นไปที่ดวงอาทิตย์เจิดจ้าด้านบนและปาดเหงื่อที่หน้าผากของเขา เขากล่าว “มันได้เวลาที่ข้าจะไปแล้ว ข้าหวังว่าคนคนนั้นยังไม่หายไปไหน มิฉะนั้น,ความพยายามของข้าทั้งหมดจะเสียเปล่า”

ที่ด้านนอกลาน,หยุนเข่อชิ้นค่อยๆเดินเข้ามาพร้อมกับเหล้าหนึ่งขวดและจอกสองจอก นางนั่งลงที่โต๊ะหินและรินเหล้าลงจอก จากนั้น,นางยิ้ม และกล่าวขึ้น “เดินทางปลอดภัย!”

เซียวเฉินเผยรอยยิ้มจางๆแลพนั่งลง เขาหยิบจอกเหล้าขึ้นมายกหมดในอีกเดียว เขากล่าว “น่าแปลก,เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะออกไปในวันนี้?”

หยุนเข่อซินรินเหล้าให้กับเซียวเฉินและกล่าวขึ้น “ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว ข้ามองคนเก่ง ข้าสังเกตเห็นบางอย่างจากท่าทีของเจ้าเมื่อวานนี้”

เซี่ยวเฉินยกดื่มอีกและกล่าว “ใช่แล้ว,แล้วเมื่อไหร่เจ้าจะกลับไปที่ศาบากระบี่สวรรค์?”

เมื่อหยุนเข่อซินได้ยินดังนั้น,ความเหงาหงอยที่ ยากจะสังเกตเห็นวูบไหวในดวงตาของนาง นางยกเหล้าขึ้นจิบและกล่าวขึ้น “ข้าคงจะไม่ได้กลับไปที่นั้นบ่อยนักในอนาคต ตอนนี้ข้าเป็นผู้สืบทอดตระกูลหยุน ตอนนี้ข้าให้ความสําคัญไปกับตระกูล”

เซี่ยวสังเกตได้ถึงน้ําเสียที่เปล่าเปลี่ยวในคําของหยุนเข่อซิน เขานึกอะไรขึ้นได้และถามขึ้น “ใช่แล้ว,ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้ามานานแล้ว สําหรับสตรี,ทําไมเจ้าถึงมีความสนใจในกระบี่? นอกจากนั้นเจ้ายังเข้าใจในทฤษฎีอย่างลึกซึ้ง

คําของของเซียวเฉินออกจะกะทันหัน แต่มันเป็นคําถามที่ถูกต้องเหมาะสม สตรีส่วนมากในทวีปเทียนหวี่เลือกที่จะใช้ดาบ

มีคําอธิบายง่ายๆ ความสง่างามและไร้ข้อจํากัดของดาบเหมาะสมกับนิสัยสตรีมากกว่า ดังนั้นจึงมีสตรีมากมายในนิกายดาบเงาหมอก

นอกจากนั้น ถึงแม้จะมีสตรีที่ร่าเรียนกระบี่,แต่พวกนางก็ไม่ได้เรียนลึกถึงความหมายของทักษะกระบี่ มีสตรีน้อยนักที่จะมอบทั้งใจให้กับทักษะกระบี่อย่างหยุนเข่อซิน

ความเข้าใจและความคิดเห็นในทักษะกระบี่ของหยุนเข่อชิ้นสามารถทําให้เซี่ยวเฉินต้องละอาย ดังนั้น,เซี่ยวเฉินจึงได้สงสัยมาโดยตลอด

เมื่อหยุนเข่อซินได้ฟังคําถาม,นางเผยรอยยิ้มบนใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนาง นางกล่าว “มันแค่เป็นนิสัยของข้า ข้ารักในกระบี่มาตั้งแต่ยังเยาว์ จากนั้น เมื่อข้าได้ยินถึงเรื่องราวของมือกระบี่,ข้าตัดสินใจที่จะเป็นมือกระบหญิง”

“หลังจากนั้น,ข้าได้ไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของมือกระบี่ น่าเสียดาย,ศาลากระปสวรรค์ในตอนนี้ แตกต่างจากศาลากระบี่สวรรค์ในอดีต ข้าไม่เห็นมือกระบี่ที่แท้จริง”

มือกระบี่ที่แท้จริง? เซียวเฉินประหลาดใจ,หรือมือกระบี่จะแบ่งได้เป็นของจริงกับของปลอม?

หยุนเข่อซินอธิบาย “มือกระบี่ที่ข้าหมายถึงคือ มือกระบี่โบราณ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าทําไมดาบถึงเกิดขึ้นมาก่อนกระบี่?”

หยุนเข่อซินอธิบายต่อโดยไม่รีรอให้เซียวเฉินตอบ “นี่เป็นเพราะดาบเป็นสิ่งบูชา มันหมายถึงความชอบธรรม,ความเที่ยงธรรม และความสูงส่ง ดังนั้น มันเป็นที่รู้จักคือบรรพบุรุษของอาวุธนับร้อย มีเพียงผู้ที่มีจิตวิญญาณสูงส่งถึงจะเรียกได้ว่าเป็นนักดาบ น่าเสียดาย มีเพียงน้อยคนที่จะสําเร็จไปถึงเพียงนั้น พวกเขาส่วนใหญ่เสแสร้งอวดรู้,ผู้ที่ใช้ชื่อ “นักดาบ เพื่อทําเรื่องเสแสร้งหลอกลวง”

“ต่อมา มีบ้างคนผู้ที่รู้ว่าพวกเขาไม่อยากสําเร็จ ไปถึงขั้นนั้นแต่พวกเขาไม่อยากที่จะทําให้ชื่อนี้ต้องด่างพร้อย ดังนั้น,กระบี่ถึงได้ถือกําเนิดขึ้น”

“กระบี่แตกต่างไปจากดาบ กระบี่มันเป็นอาวุธที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง:มันเป็นอาวุธที่คงอยู่เพื่อสังหาร ไม่มีข้อกําหนดหรือข้อผูกมัด มันเป็นอาวุธที่ทําให้เผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาออกมา”

หลังจากที่เซียวเฉินได้ฟังที่หยุนเข่อซินเล่า,เขาครุ่นคิดลึก เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเขา กําลังพบคําตอบของบางสิ่งที่รบกวนจิตใจเขามา เป็นเวลานาน

เซี่ยวเฉินสนใจในเรื่องนี้และอดไม่ได้ที่อยากจะ รู้ต่อ เขาถามขึ้น “ตามที่เจ้าเล่ามา,หากกระบี่เป็น เพียงอาวุธที่ชั่วร้าย,เช่นนั้นสานุศิษย์ศาลากระ
สวรรค์ทั้งห้าพันคนก็น่าจะเป็นมือกระบี่”

หยุนเข่อชิ้นส่ายหัว “ผิดแล้ว อาวุธชั่วร้ายเป็นเพียงรวามหมายผิวเผินของกระบี่ มันไม่ได้หมายความว่าสังหารใครสักคนด้วยกระบี่จะทําให้เจ้าเป็นมือกระบี่ได้ กลับกัน,ต้องเป็นคนที่มีความภาคภูมิอยู่ในหัวใจ ที่จะไม่เกรงกลัวอํานาจและความโกลาหล

“มันเป็นเหมือปรัชญา มันสามารถปิดซ่อนและสงวนเอาไว้แต่จะไม่มีวันจางหาย มิฉะนั้น ผู้ที่ไม่สามารถเผยตัวตนที่แท้จริงและจะกลายเป็นปีศาจ ฆาตกร มันแย่เสียยิ่งกว่าการเสแสร้งหลอกลวง”

หยุนเข่อซินพักไปครู่หนึ่งและรินเหล้าให้กับตัวเอง จากนั้นนางก็ยิ้มบางๆไปที่เซียวเฉินพร้อมกับกล่าว “ที่จริง,ข้าอิจฉาเจ้า ในครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้า,ข้าพบว่าเจ้าแตกต่างไปจากสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์คนอื่น ท้ายที่สุด,ที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ ถูกต้อง”

“จนถึงตอนนี้ ความภาคภูมิในใจของเจ้าไม่มีอ่อนลง กลับกัน มันยิ่งเฉียบคมและมั่นคง สักวันหนึ่ง นี่จะกลายเป็นกระบี่มันจะกลายเป็นวิญญาณกระบี่ของเจ้า เมื่อถึงตอนนั้น,เจ้าจะนับได้ว่าเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง”

สีหน้าของเซียวเฉินกลายเป็นจริงจัง มันรู้สึกเหมือนกับเขาได้พบสหายรู้ใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนที่เข้าใจเขาถึงเพียงนี้

เซียวเฉินวางจอกเหล้าลงบนโต๊ะและยิ้มอยู่สูง อ่อนโยน เขากล่าว “เช่นนั้น ในความคิดของเจ้า,ภายในอาณาจักรต้าฉิน,ใครคือคนที่มีคุณสมบัติเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง”

หยุนเข่อซินพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มขึ้น “เจ้าหวังกับข้าสูงไปแล้ว ข้าเพียงอธิบายตามความเข้าใจของข้า ไม่ว่าข้าจะถูกหรือผิด,ข้าก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ในความคิดของข้าคือเท่านเจ้าศาลากระบี่สวรรค์รุ่นแรก,จักรพรรดิอัสนีจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อน,และหนานกงหยาน,ผู้ที่ปัจจุบันเป็นผู้บังคับบัญชาแห่งกองทัพจักรวรรดิมังกร”

พวกเขาทั้งสองพูดไปดื่มไป,พวกเขายิ่งสนทนาออกรสกันต่อไปเรื่อย พวกเขานั่งดื่มกันตลอดทั้งบ่าย พวกเขาถึงกับเมามายไปเล็กน้อยหลังจากนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 281 ก่อนจุดยอด

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 281 ก่อนจุดยอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 281 ก่อนจุดยอด

“หวี่ขยแพรวพราว!”

ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินลืมตาขึ้น มือขวาของเขา ขยับและคมกระบี่เงาจันทร์ส่องแสงระยิบระยับในความมืดมิด

กระบวณท่าแรกของทักษะกระบหรูขุยถูกใช้ออกมา

กิ่งไม้สีม่วงของต้นหรูขุยศักสิทธิ์โบราณปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่าและเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ฉี มันถูกยิงตรงไปที่ต้นไม้ต้นเล็กในลาน,ความรวดเร็วของมันราวกับสายฟ้า

ต้นไม้เล็กสูงห้าเมตรแตกสลายในทันที ในส่วนของมันลอยเต็มไปในอากาศและแตกกระจายไปทั่วลาน

“หรูขุยแปลงรูปฉี!”

กระบวณท่าที่สองของทักษะกระบี่หรูขุยถูกใช้ออกตามมาในทันที,ต้นหวี่ขุยปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและเปลี่ยนกลายเปฯกระบี่ฉีสีม่วงหลายโหล,และซัดชิ้นส่วนทั้งหมดของต้นไม้ที่ลอยอยู่ในอากาศเป็นผุยผง

“ทะลวงฉีหรูขุย!”

เซียวเฉินร้องตะโกนและใช้ออกกระบวณท่าที่สามของทักษะกรบหรูขุย,กระบี่ฉีสีม่วงที่เติมเต็มไปในอากาศรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและก่อตัวเป็นกระบี่ฉีที่คมกริบ

ภายใต้การเล็งของเซียวเฉิน,กระบี่ฉีแหลมคมพุ่งลงไปในพื้นดิน เกิดรูขนาดเท่ากับนิ้วชี้ปรากฏขึ้นบนพื้นในทันที

กระบี่ฉีนี้หนาแน่นเป็นอย่างมาก;ไม่มีรอยร้าวที่ขอบของมันแต่อย่างใด มันเรียบลื่นเป็นอย่างมาก มันเทียบเท่าได้กับกระบี่ฉีที่ถูกยิงออกมาโดยระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด

“ปะ ปะ!”

เซี่ยวเฉินถอนกระบี่ของเขากลับมาและมองไปยังพื้นที่โดยรอบในลานบ้าน เขาเผยรอยยิ้มจางๆออกมา กระบวณท่าพื้นฐานของทักษะกระบหรูขุยแข็งแกร่งกว่าทักษะกระบีหลิงหยุนสิบกระบวณท่าแรกเป็นอย่างมาก

แน่นอน มันไม่ได้กล่าวว่าทักษะกระบหลิงหยุนอ่อนด้อยกว่าทักษะกรบหรูขุย ทักษะกร’หลิงหยุนก็อยู่ระดับปฐพีขั้นสูงดช่นกัน หากสามารถผสานสภาวะแห่งขุนแขาและสภาวะแห่งเมฆาเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์และใช้ออกทักษะกระบี่หลิงหยุน,มันจะเทียบเท่ากับทักษะกระบหรูขุย

อาจกล่าวได้ว่าทักษะกระบี่หรูขุยเพียงเหมาะสมกับเซียวเฉินมากกว่า ในมือของเขา,พลังของทักษะกระบหรูขุยจะแกร่งกว่าทักษะกระบหลิงหยุ

เป็นเพราะเซียวเฉินอยู่ในบ้านตระกูลหยุน,เขาไม่กล้าสร้างความวุ่นวายมากนัก ในตอนที่เซียวเฉินใช้ออกสามกระบวณท่า,เขาไม่ได้ใส่สภาวะแห่งกระบี่ เขายังดึงพลังออกมาเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น

หากสภาวะแห่งสายฟ้าถูกใส่ลงไปและพลังของเซียวเฉินถูกใช้ออกมาเต็มพิกัด,มันเห็นชัดว่าพลังของกระบวณท่าทั้งสามกระส่งพลังออกมาเพียงใด

เซี่ยวเฉินใช้เวลาทําความเข้าใจถึงกระบวณท่าทั้งสามอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาฝึกฝนกระบวณท่าทั้งสามอีกเล็กน้อย เซียวเฉินไม่มีความตั้งใจที่จะฝึกฝนหกกระบวณท่าที่เหลือจนกว่าเขาจะฝึกฝนทั้งสามกระบวณท่าแรกขึ้นไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

รากฐานก็คือรากฐาน,จะต้องมั่นคง!

เลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย,เซียวเฉินหยุดฝึกฝนทักษะกระบี่และเข้าไปในห้องนอน เขาหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางออกมาเพื่อใช้ในการบ่มเพาะพลังของเขา

เชี่ยวเฉินนั่งลงขัดสมาธิบนเตียงและจับหินวิญญาณวางเอาไว้ที่มือขวาของเขา จากนั้นเขาหลับตาลงและหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

“บูม!”

ทันทีที่ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียน,โดยไม่ให้เวลาให้เซี่ยวเฉินปรับตัว,พลังงานจิตวิญญาณมหาศาลในหินวิญญาณระดับกลางไหลทะลักเข้าสู่เส้นปราณของเซี่ยวเฉิน

พลังปราณอันน่ากลัวเติมเต็มเส้นปราณของเซียวเฉินในทันที มันไหลทะลักไปตามเส้นปราณราวกับม้าป่าที่ควบทะยาน เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อยและรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

เซี่ยวเฉินจมจิตใต้สํานึกของเขาลงไปและพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะควบคุมพลังงานจิตวิญญาณที่พลุ่งพล่าน หลังจากพยายามอยู่นาน ในที่สุดเซียวเฉินก็สามารถคล้องจมูกเจ้าม้าป่าตัวนี้ได้ ทําให้มันสงบลง

หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินก็หมุนเวียนมันครบหนึ่งรอบเล็กสําเร็จและเทลงไปที่วังวนฉีของเขา

“ติ่ง! ติ่ง!”

วังวนฉีสีม่วงหมุนวนอย่างรวดเร็ว และหยดปราณเหลวสีใสก็หยดลงมา มันเติมเต็มพลังปราณของเซี่ยวเฉินหนึ่งในสีทันที

เซียวเฉินรักษาความสงบของเขาและจดจ้องไปกับการหมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ พลังงานจิตวิญญาณจากหินวิญญาณระดับกลางเทเข้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน มันถูกดูดพลังไปจนหมดในตอนที่เซียวเฉินหมุนเวียนพลังครบห้ารอบใหญ่

วังวนฉีสีม่วงกลายเป็นใหญ่และเข้มข้นขึ้น

ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปอีกหนึ่งรอบใหญ่และหินวิญญาณก็ถูกเซียวเฉินโยนออกไปด้านข้าง

เซี่ยวเฉินหยุดบ่มเพาะพลังและลืมตาขึ้น จากนั้นเขาก็กล่าว “หนึ่งหินวิญญาณระดับกลางเทียบเท่าได้กับข้าบ่มเพาะพลังครึ่งเดือน ไม่สงสัยว่าทําไมมันถึงได้ล้ําค่านัก”

เซียวเฉินใช้เวลาของเขาไปเช่นนี้ เขาจะฝึกฝนทักษะกระบี่ในตอนกลางวันและบ่มเพาะพลังในตอนกลางคืน

หยุนเข่อซินแวะเวียนมาหาเขาเกือบทุกวัน นอกจากนั่งพูดคุย,พวกเขาจะซ้อมมือให้กันและกัน นี่เป็นสิ่งที่เซียวเฉินต้องการ เนื่องจากเขาเพิ่งจะเรียนทักษะกระบี่หรูขุย,เขาต้องการคนที่จะมาเป็นคู่ซ้อม

หลังจากที่ซ้อมมือกัน,พวกเขาทั้งสองจะพูดคุยเกี่ยวกับความเข้าใจในทักษะต่อสู้ที่พวกเขาใช้ สิ่งที่ทําให้เซี่ยวเฉินประหลาดใจก็คือหยุนเข่อซินมีความเข้าใจในทฤษฎีของทักษะกระบอย่างลึกซึ่ง

หยุนเข่อซินมีความเข้าใจในลักษณะของทักษะกระบี่หรูขุยที่เป็นประโยชน์กับเซียวเฉิน ในตอนที่พวกเขาทั้งสองร่วมมือกัน,เซียวเฉินมีความคืบหน้าในทักษะกระบหรูขุยอย่างมาก

ภายในเจ็ดวัน,เซียวเฉินฝึกฝนสามกระบวณท่าแรกถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม แม้ว่ามันยังห่างไกลกับระดับสมบูรณ์ขั้นสูงสุด,เขาก็รู้สึกมัานใจในการฝึกฝนกระบวณท่าฆ่าฟัน,ที่เป็นกระบวณท่าที่สี่ถึงกระบวณท่าที่หก

ครึ่งเดือนผ่านไปในลักษณะนี้ เซี่ยวเฉินฝึกฝนกระบวณท่าฆ่าฟันทั้งสามถึงยอดของระดับสมบูรณ์ขั้นต้น พลังของมันแข็งแกร่งกว่าที่เซียวเฉินจินตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้

หากมันหลอมรวมเข้ากับสภาวะแห่งสายฟ้า,มันจะเทียบเท่าได้กับปลุกเมฆานิรันดร์และเบี่ยงวิถีรอบยอดเขาของทักษะกระบี่หลิงหยุน สําหรับกระบวณท่าปลิดชีพสามกระบวณท่าสุดท้าย,พลังของมันจะเทียบกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง

ในวันที่ยี่สิบกว่า,เชี่ยวเฉินผลาญหินวิญญาณระดับกลางไปทั้งหมดสามสิบก้อน ปริมาณพลังปราณในร่างของเขาเพิ่มขึ้นในทุกวัน ภายในหนึ่งเดือน,การบ่มเพาะพลังของเซียวเฉินมั่นคงอยู่ที่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางชั้นก่อนยอดสุด

ในวันนี้ เซี่ยวเฉินเพิ่งจะเสร็จสิ้นการฝึกฝน ทักษะกระบี่หรูขุย เขามองขึ้นไปที่ดวงอาทิตย์เจิดจ้าด้านบนและปาดเหงื่อที่หน้าผากของเขา เขากล่าว “มันได้เวลาที่ข้าจะไปแล้ว ข้าหวังว่าคนคนนั้นยังไม่หายไปไหน มิฉะนั้น,ความพยายามของข้าทั้งหมดจะเสียเปล่า”

ที่ด้านนอกลาน,หยุนเข่อชิ้นค่อยๆเดินเข้ามาพร้อมกับเหล้าหนึ่งขวดและจอกสองจอก นางนั่งลงที่โต๊ะหินและรินเหล้าลงจอก จากนั้น,นางยิ้ม และกล่าวขึ้น “เดินทางปลอดภัย!”

เซียวเฉินเผยรอยยิ้มจางๆแลพนั่งลง เขาหยิบจอกเหล้าขึ้นมายกหมดในอีกเดียว เขากล่าว “น่าแปลก,เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะออกไปในวันนี้?”

หยุนเข่อซินรินเหล้าให้กับเซียวเฉินและกล่าวขึ้น “ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว ข้ามองคนเก่ง ข้าสังเกตเห็นบางอย่างจากท่าทีของเจ้าเมื่อวานนี้”

เซี่ยวเฉินยกดื่มอีกและกล่าว “ใช่แล้ว,แล้วเมื่อไหร่เจ้าจะกลับไปที่ศาบากระบี่สวรรค์?”

เมื่อหยุนเข่อซินได้ยินดังนั้น,ความเหงาหงอยที่ ยากจะสังเกตเห็นวูบไหวในดวงตาของนาง นางยกเหล้าขึ้นจิบและกล่าวขึ้น “ข้าคงจะไม่ได้กลับไปที่นั้นบ่อยนักในอนาคต ตอนนี้ข้าเป็นผู้สืบทอดตระกูลหยุน ตอนนี้ข้าให้ความสําคัญไปกับตระกูล”

เซี่ยวสังเกตได้ถึงน้ําเสียที่เปล่าเปลี่ยวในคําของหยุนเข่อซิน เขานึกอะไรขึ้นได้และถามขึ้น “ใช่แล้ว,ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้ามานานแล้ว สําหรับสตรี,ทําไมเจ้าถึงมีความสนใจในกระบี่? นอกจากนั้นเจ้ายังเข้าใจในทฤษฎีอย่างลึกซึ้ง

คําของของเซียวเฉินออกจะกะทันหัน แต่มันเป็นคําถามที่ถูกต้องเหมาะสม สตรีส่วนมากในทวีปเทียนหวี่เลือกที่จะใช้ดาบ

มีคําอธิบายง่ายๆ ความสง่างามและไร้ข้อจํากัดของดาบเหมาะสมกับนิสัยสตรีมากกว่า ดังนั้นจึงมีสตรีมากมายในนิกายดาบเงาหมอก

นอกจากนั้น ถึงแม้จะมีสตรีที่ร่าเรียนกระบี่,แต่พวกนางก็ไม่ได้เรียนลึกถึงความหมายของทักษะกระบี่ มีสตรีน้อยนักที่จะมอบทั้งใจให้กับทักษะกระบี่อย่างหยุนเข่อซิน

ความเข้าใจและความคิดเห็นในทักษะกระบี่ของหยุนเข่อชิ้นสามารถทําให้เซี่ยวเฉินต้องละอาย ดังนั้น,เซี่ยวเฉินจึงได้สงสัยมาโดยตลอด

เมื่อหยุนเข่อซินได้ฟังคําถาม,นางเผยรอยยิ้มบนใบหน้าอันละเอียดอ่อนของนาง นางกล่าว “มันแค่เป็นนิสัยของข้า ข้ารักในกระบี่มาตั้งแต่ยังเยาว์ จากนั้น เมื่อข้าได้ยินถึงเรื่องราวของมือกระบี่,ข้าตัดสินใจที่จะเป็นมือกระบหญิง”

“หลังจากนั้น,ข้าได้ไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของมือกระบี่ น่าเสียดาย,ศาลากระปสวรรค์ในตอนนี้ แตกต่างจากศาลากระบี่สวรรค์ในอดีต ข้าไม่เห็นมือกระบี่ที่แท้จริง”

มือกระบี่ที่แท้จริง? เซียวเฉินประหลาดใจ,หรือมือกระบี่จะแบ่งได้เป็นของจริงกับของปลอม?

หยุนเข่อซินอธิบาย “มือกระบี่ที่ข้าหมายถึงคือ มือกระบี่โบราณ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าทําไมดาบถึงเกิดขึ้นมาก่อนกระบี่?”

หยุนเข่อซินอธิบายต่อโดยไม่รีรอให้เซียวเฉินตอบ “นี่เป็นเพราะดาบเป็นสิ่งบูชา มันหมายถึงความชอบธรรม,ความเที่ยงธรรม และความสูงส่ง ดังนั้น มันเป็นที่รู้จักคือบรรพบุรุษของอาวุธนับร้อย มีเพียงผู้ที่มีจิตวิญญาณสูงส่งถึงจะเรียกได้ว่าเป็นนักดาบ น่าเสียดาย มีเพียงน้อยคนที่จะสําเร็จไปถึงเพียงนั้น พวกเขาส่วนใหญ่เสแสร้งอวดรู้,ผู้ที่ใช้ชื่อ “นักดาบ เพื่อทําเรื่องเสแสร้งหลอกลวง”

“ต่อมา มีบ้างคนผู้ที่รู้ว่าพวกเขาไม่อยากสําเร็จ ไปถึงขั้นนั้นแต่พวกเขาไม่อยากที่จะทําให้ชื่อนี้ต้องด่างพร้อย ดังนั้น,กระบี่ถึงได้ถือกําเนิดขึ้น”

“กระบี่แตกต่างไปจากดาบ กระบี่มันเป็นอาวุธที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง:มันเป็นอาวุธที่คงอยู่เพื่อสังหาร ไม่มีข้อกําหนดหรือข้อผูกมัด มันเป็นอาวุธที่ทําให้เผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาออกมา”

หลังจากที่เซียวเฉินได้ฟังที่หยุนเข่อซินเล่า,เขาครุ่นคิดลึก เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเขา กําลังพบคําตอบของบางสิ่งที่รบกวนจิตใจเขามา เป็นเวลานาน

เซี่ยวเฉินสนใจในเรื่องนี้และอดไม่ได้ที่อยากจะ รู้ต่อ เขาถามขึ้น “ตามที่เจ้าเล่ามา,หากกระบี่เป็น เพียงอาวุธที่ชั่วร้าย,เช่นนั้นสานุศิษย์ศาลากระ
สวรรค์ทั้งห้าพันคนก็น่าจะเป็นมือกระบี่”

หยุนเข่อชิ้นส่ายหัว “ผิดแล้ว อาวุธชั่วร้ายเป็นเพียงรวามหมายผิวเผินของกระบี่ มันไม่ได้หมายความว่าสังหารใครสักคนด้วยกระบี่จะทําให้เจ้าเป็นมือกระบี่ได้ กลับกัน,ต้องเป็นคนที่มีความภาคภูมิอยู่ในหัวใจ ที่จะไม่เกรงกลัวอํานาจและความโกลาหล

“มันเป็นเหมือปรัชญา มันสามารถปิดซ่อนและสงวนเอาไว้แต่จะไม่มีวันจางหาย มิฉะนั้น ผู้ที่ไม่สามารถเผยตัวตนที่แท้จริงและจะกลายเป็นปีศาจ ฆาตกร มันแย่เสียยิ่งกว่าการเสแสร้งหลอกลวง”

หยุนเข่อซินพักไปครู่หนึ่งและรินเหล้าให้กับตัวเอง จากนั้นนางก็ยิ้มบางๆไปที่เซียวเฉินพร้อมกับกล่าว “ที่จริง,ข้าอิจฉาเจ้า ในครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้า,ข้าพบว่าเจ้าแตกต่างไปจากสานุศิษย์ศาลากระบี่สวรรค์คนอื่น ท้ายที่สุด,ที่ข้าคาดการณ์เอาไว้ ถูกต้อง”

“จนถึงตอนนี้ ความภาคภูมิในใจของเจ้าไม่มีอ่อนลง กลับกัน มันยิ่งเฉียบคมและมั่นคง สักวันหนึ่ง นี่จะกลายเป็นกระบี่มันจะกลายเป็นวิญญาณกระบี่ของเจ้า เมื่อถึงตอนนั้น,เจ้าจะนับได้ว่าเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง”

สีหน้าของเซียวเฉินกลายเป็นจริงจัง มันรู้สึกเหมือนกับเขาได้พบสหายรู้ใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนที่เข้าใจเขาถึงเพียงนี้

เซียวเฉินวางจอกเหล้าลงบนโต๊ะและยิ้มอยู่สูง อ่อนโยน เขากล่าว “เช่นนั้น ในความคิดของเจ้า,ภายในอาณาจักรต้าฉิน,ใครคือคนที่มีคุณสมบัติเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง”

หยุนเข่อซินพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มขึ้น “เจ้าหวังกับข้าสูงไปแล้ว ข้าเพียงอธิบายตามความเข้าใจของข้า ไม่ว่าข้าจะถูกหรือผิด,ข้าก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ในความคิดของข้าคือเท่านเจ้าศาลากระบี่สวรรค์รุ่นแรก,จักรพรรดิอัสนีจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อน,และหนานกงหยาน,ผู้ที่ปัจจุบันเป็นผู้บังคับบัญชาแห่งกองทัพจักรวรรดิมังกร”

พวกเขาทั้งสองพูดไปดื่มไป,พวกเขายิ่งสนทนาออกรสกันต่อไปเรื่อย พวกเขานั่งดื่มกันตลอดทั้งบ่าย พวกเขาถึงกับเมามายไปเล็กน้อยหลังจากนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+