Immortal and Martial Dual Cultivation 284 มือสังหารแสดงตัว
บทที่ 284 มือสังหารแสดงตัว
เซียวเฉินไม่ประหลาดใจถึงการปรากฏตัวของเยวหมิงชาน เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในการคาดการณ์ของเขา
หนึ่งในเหตุผลหลักที่เชี่ยวเฉินสังหารวาฬทูน่าสีดําอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ ก็เพื่อจะล่อให้คนผู้นี้แสดงตัวออกมา นี่เป็นเพราะเซียวเฉินรู้ว่าคนผู้นี้คือผู้บ่มเพาะพลังที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
หากเซียวเฉินไม่เผยจุดอ่อนหรือผลาญพลังปราณออกไปสักหน่อย,คนผู้นี้จะไม่มีทางลงมือ
“ฟุ ฟิว!”
กระบีจี้พลุ่งพล่านหนาแน่นเข้ามาถึงตรงหน้าของเซียวเฉินในทันที
“หวี่ขยแพรวพราว!”
เซียวเฉินหันกลับและร้องตะโกนก้านกิ่งต้นหวี่ขุยศักสิทธิ์ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและเปลี่ยนกลายไปเป็นเส้นกระบี่ฉีสีม่วงอันเกรียงไกรที่บินออกไป
“บึ้ม…!” ในทันทีที่กระบี่ฉีถูกส่งออกไป,เซี่ยวเฉินยังใช้สภาวะแห่งสายฟ้า เสียงอัสนีแตกกร้าวอย่างต่อเนื่อง
ในตอนที่สายฟ้าคํารามออกมา,กระบฉีสีม่วงขยายใหญ่ขึ้น ภายในพริบตา มันกลายเป็นขนาดเดียวกับกระบี่ฉีพลุ่งพล่านที่ยิงลงมา
“บูม!”
ในตอนที่กระบี่ฉีทั้งสองปะทะกัน มันเกิดเป็นเสียงระเบิดอันดัง เสาน้ําสูงระเบิดทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
เยวหมิงชานร่อนลงมาจากท้องฟ้ามายืนบนผิวน้ําอย่างมั่นคง เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สายฟ้าฉับพลันคํารามเมื่อครู่ของเซียวเฉินน่าจะต้องผลาญพลังปราณออกไปไม่น้อย
ทําไมเขายังคงเหลือพลังปราณอยู่มากมายใช้ป้องกันกระบวณท่าสังหารที่ข้าได้ตระเตรียมมาอย่างละเอียด? เป็นไปได้ว่าเขาอ้อมมือเอาไว้ตลอดที่ผ่านมา?
เซียวเฉินมองดูเยวหมิงชานเงียบๆ แสงวูบไหวในดวงตาของเขาพร้อมกับถามขึ้นด้วยเสียงล็ก “ใครส่งเจ้ามาเพื่อสังหารข้า? เจ้าช่างมีความอดทน,เจ้าติดตามข้ามาตั้งแต่ทุ่งหญ้ามารอสูร”
เยวหมิงชานกล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบ “ไม่จําเป็นต้องตอบคําถามของคนที่กําลังจะตาย”
แสงสีฟ้าแตกตัวบนกระบี่ในมือของเยวหมิงชาน ฉีฆ่าฟันของเขาเติมเต็มในท้องฟ้าและระลอกคลื่นปรากฏขึ้นที่ผิวน้ําใต้เท้าของเขา
เซี่ยวเฉินหัวเราะ “สังหารข้า? เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้ดั่งเช่นวันนั้น?”
“หวี่ขุยแปลงรูปฉี!”
เซียวเฉินกดเท้าดีดตัวออกจากผิวน้ําและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาควบรวมกระบี่แสงและต้นหรูขุยศักสิทธิ์โลราณก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า,เปลี่ยนกลายเป็นเส้นสายกระบี่ฉีรุ่งโรจน์ กระบี่ฉีพวกนี้มุ่งหน้าไปหาเยวหมิงชานราวกับห่าฝน
หรูขุยแปลงรูปฉีถูกหลอมรวมเข้ากับสภาวะแห่งสายฟ้า กระบี่ฉีทุกเส้นราวกับเส้นสายฟ้าที่ตัดผ่านท้องฟ้า มันเกิดขึ้นพร้อมกับสายอัสนีที่อยู่บนท้องฟ้า,เปลี่ยนกลายเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ
แววความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเยว่หมองชาน เขารู้ว่าตัวเองติดกับของคู่ต่อสู้เข้าแล้ว คู่ต่อสู้ตั้งใจที่จะล่อเขาให้ออกมาแสดงตัว
อย่างไรก็ตาม,เยวหมิงชนที่มากประสบการณ์ ไม่สูญเสียความเยือกเย็น มิฉะนั้น,กระแสพลังของเขาจะตกลงและเขาอาจจะต้องตกตายลงที่นี่จริงๆ
เมื่อเยว่หมองชานมองเห็นกระบี่ฉีสีม่วงที่สาดลงมาจากท้องฟ้า,เขาสูดจมูก “ลูกไม้ไร้สาระ!”
เยว่หมิงชานโบกกระบีของเขาและส่งกระบี่ฉีที่หนาแน่นหลายเท่าออกไป กระบี่ฉีพวกนี้บินตรงไปที่กระบี่ฉีสีม่วงและมุบพวกมันกลายเป็นหมุนลมสายฟ้าปั่นป่วน
ในแง่ของคุณภาพของกระบี่ฉี,เชี่ยวเฉิน,ผู้ที่อยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง,ด้อยกว่า เยว่หมิงชานที่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น ถึงแม้เมื่อใช้สภาวะแห่งสายฟ้า,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้เปรียบแต่อย่างใด
เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นว่าหวี่ขยแปลงรูปไม่ได้ผลอย่างมาก เขาตัดสินใจถอนกลับ เขาร้องตะโกน และกระบี่ฉีสีม่วงทั้งหมดถูกดึงขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่พวกมันจะกลับมาที่กระบี่เงาจันทร์
แสงสว่างสีม่วงผลิบานขึ้นบนกระบี่เงาจันทร์ สายอัสนีแตกกราวบนท้องฟ้า,มันราวกับกระบี่กําลังก่อพายุขึ้นมา
ในจังหวะต่อมา,แสงบนกระบี่ของเขากลายเป็นเจิดจ้าเสียดเข้าไปในตาของทุกคน จากนั้น มันถูกยิงออกไปพร้อมกับพลังมหาศาล
“ทะลวงหรูขุย!”
พายุที่กําลังก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้ายังส่งเสียงอัสนีสนั่นดังออกมาในเวลาเดียวกัน,ก่อเกิดเป็นคลื่นสูงหลายสิบเมตร
“ฟุ ฟิ้ว!”
เส้นกระบี่ฉีสีม่วงผ่าทะลวงคลื่นยักษ์และมุ่งหน้าเข้าหาเยวหมิงชานอย่างรวดเร็ว แสงของกระบี่ฉีถูกสงวนเอาไว้,ทําให้มันดูเหมือนกระบี่ฉีธรรมดาสามัญ
เยวหมิงชานมีสีหน้าดูถูกพร้อมกับหัวเราะ เขาเพียงส่งกระบี่ฉีเส้นหนึ่งออกไปและหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “เจ้ามันประเมินตัวเองสูงเกินไป เจ้าเป็นเพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง แทนที่จะคิดหาวิธีอื่น แต่เจ้ากลับจะมาแข่งกับข้าในเรื่องของกระบี่ฉี”
มีความแตกต่างระหว่างกระบีฉีที่ถูกส่งออกมา โดยระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธและระดับขอบเขตนักบุญ ระดับขอบเขตนักบุญเพิ่งจะได้เรียนรู้ในการยิงกระบี่ฉีเท่านั้น ในแง่ของคุณภาพ,มันแตกต่างกันราวกับฟ้าดินเมื่อเปรียบเทียบกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
“ยิ้ม…!” มีบางสิ่งที่ทําให้เยวหมิงชานต้องหน้าซีด กระบี่ฉีที่เขาส่งออกไปถูกแทงทะลุโดยกระบี่ฉีสีม่วงของเซียวเฉินอย่างง่ายดาย:กระบี่ฉีของเขาไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย
“โซว!”
เยวหมิงชานไม่กล้าไปคิดเยอะ เขารีบวางโล่ปราณไว้รอบตัวของเขา จากนั้นเขาก็พยายามที่จะหลบเลี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่เขาอยากจะหลบ,เขาก็สายไปแล้ว
กระบี่ฉีม่วงที่ดูธรรมดาสามัญแต่มันกลับรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันทะลวงผ่านโล่ปราณของเขา และทิ้งบาดแผลเลือดไหลเอาไว้ที่แขนขวาของเขา
หากเขว่หมิงชานไม่วางโล่ปราณ,แขนขวาของเขาอาจจะขาดกระเด็นไปในทันที
คลื่นมหึมากดลงและเซียวเฉินกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า กระแสพลังของเขาเจิดจ้า,ทะลวงขึ้นเก้าสวรรค์
ใบหน้าของเยวหมิงชานจมลึกพร้อมกับเขา กําลังรวบรวมแสงสีฟ้าบนกระบี่ของเขา เขากล่าว “เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถชนะได้ด้วยสภาวะของเจ้า? ไปตายซะ!”
เยวหมิงชานร้องตะโกนขึ้นและเกิดเสียงดังสนั่น เสาน้ําสิบแปดต้นพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เสาน้ําผสานเข้าด้วยกันและเปลี่ยนกลายไปเป็นกระบี่ฟ้าคมกริบ จากนั้น,มันผสานเข้าไปในกระบีในมือของเขา
กระบี่ฉีที่ราวกับน้ําตกไหลหลากไปที่เซี่ยวเฉิน
ช่างเป็นสภาวะแห่งวารีที่แข็งแกร่ง เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คู่ต่อสู้ของเขาเลือกที่จะลงมือที่นี่ ในตอนที่เขา ใช้พลังของสภาวะแห่งวารีในขณะที่อยู่ใกล้ สายน้ํา,พลังของมันจะยิ่งน่ากลัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนว่าสภาวะของคู่ต่อสู้จะไม่แข็งแกร่งเท่ากับของข้า เขาเพียงได้รับความเข้าใจถึงสภาวะแห่งวารี หากระดับขอบเขตพลังของเขาไม่สูงไปกว่าเซี่ยวเฉิน,มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะทรงพลังถึงเพียงนี้
“เก้าร่างมังกรสัญจร!”
สายลมเย็นพัดผ่านผิวน้ํา ในทันทีที่เซียวเฉินใช้ออกเก้าร่างมังกรสัญจร,เขาใช้ออกสับวายใสตามมาในทันที ร่างของเซียวเฉินกระพริบไหวไปรอบๆและร่างทั้งเก้าได้ปรากฏขึ้น;มันเป็นการยากที่จะแยกแยะของจริงออกจากของปลอม เขาสามารถหลบเลี่ยงกระบี่ฉีที่ดูราวกับสายน้ําตกได้สําเร็จและเข้าประชิดเยวหมิงชาน
เจตนารมณ์ฆ่าฟันของเซียวเฉินทันใดนั้นก็ลบหายไป ทิ้งไว้เพียงสายลมอ่อนโยนเก้าสายบนผิวน้ํา สีหน้าของเยวหมิงชานกลายเป็นจริงจัง เขารู้ชัดถึงพลังของสับวายุใส
เยวหมิงชานกระทืบลงบนพื้นน้ําและม่านน้ําสูงกว่าสิบเมตรปรากฏขึ้นรอบตัวของเขา ม่านน้ําเคลื่อนขยายออกไปจากทั่วทิศทาง
เมื่อร่างของเซียวเฉินเคลื่อนผ่าม่านน้ํา,ร่างปลอมอีกแปดร่างสลายหายไปเป็นผลมาจากพลังงานลึกลับของสายน้ํา
เยวหมิงชานได้ใช้สภาวะแห่งวารีของเขาเพื่อทําลายสภาวะแห่งสายลมของเซี่ยวเฉิน สับวายุใสอันแข็งแกร่งถูกทําลายลงในทันที
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยวหมิงชานเมื่อเขาเห็นเซียวเฉินเพียงร่างเดียวที่เหลืออยู่ เขากล่าว “ลองดูว่าเจ้าจะเข้าปนะชิดข้าได้ อย่างไรหากปราศจากสับวายุใส”
เมื่อระดับขอบเขตกษัตริย์เผชิญหน้ากับระดับขอบเขตนักบุญ,ความได้เปรียบใหญ่หลวงที่สุดก็คือความรวดเร็ว แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดก็สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วจนเกือบจะถึงความเร็วเสียง นอกจากนั้น,ปราศจากทักษะเหาะเหิน,พวกเขาไม่สามารถบินได้
อย่างไรก็ตาม ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธนั้นต่างออกไป ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเคลื่อนที่ได้เร็วเหนือเสียง,พวกเขายังสามารถเหาะเหินไปในอากาศได้อย่างง่ายดาย ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดสามารถเร่งไปถึงความเร็วเสียงได้ภายในหนึ่งก้าว
ในแง่ของรวามเร็ว,ไม่มีทางที่ระดับขอบเขตนักบุญจะไปเทียบชั้นกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หลังจากที่เข้าประชิด,ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธสามารถจบการต่อสู้ลงได้ภายในไม่กี่กระบวณท่า นี่เป็นเพราะระดับขอบเขตนักบุญไม่แม้แต่จะสามารถได้สัมผัสตัวระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ เป็นเหตุว่าทําไมเยวหมิงชานถึงได้กล่าวออกมาเช่นนั้นได้
“ชี! ชี!”
เซี่ยวเฉินใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานไปจรถึงขีดจํากัด ร่างของเขาส่งเสียงเสียดแหลมดังออกมาขณะที่เขาเคลื่อนที่ไปในอากาศ เขาส่งกระบี่ฉีต่อเนื่องไปที่เยวหมิงชาน,ฟันไปที่เขาอย่างไม่ลดละ
กระแสไฟฟ้าสีม่วงเติมเต็มไปในอากาศ,ราวกับ ตาข่ายสายฟ้า เยวหมิงชานมีสีหน้าผ่อนคลาย เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว,ราวกับว่าเขาได้หลอมรวมไปกับสายลม เขาไม่ก่อให้เกิดเสียงแม้แต่น้อยและหลบเลี่ยงกระบวณท่าของเซี่ยวเฉินได้อย่างง่ายดาย
ในตอนที่พวกเขาทั้งสองคนเคลื่อนไหว,เซี่ยวเฉินดูเหมือนจะมีกระแสพลังที่เจิดจ้าและการเคลื่อนไหวของเขาราวกับสายฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม,ความเร็วของเขาก็เชื่องช้ากว่าดังนั้นเขาจึงไม่สามารถได้สัมผัสร่างของเยวหมิงชาน
บางที เซียวเฉินสามารถพากระบี่ไปถึงหน้าของเยวหมิงชานได้ แต่อย่างไรก็ตาม มันจะถูกปัดออกไปในทันทีอย่างช้าๆ จังหวะการต่อสู้ถูกเยวหมิงชานเข้าควบคุม
เซี่ยวเฉินอยากจะถอยกลับอยู่หลายครั้งแต่เขาถูกขัดขวางเอาไว้โดยร่างที่เหมือนเงา เซียวเฉิน ไม่สามารถถอนกลับได้ มันไปถึงจุดทราเยวหมิ งชานหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ตราบใดที่เขาสามารถควบคุมจังหวะเอาไว้ได้ เขาสามารถค่อยๆทรมานเซียวเฉินไปก่อนและในตอนที่กระแสพลังของเซี่ยวเฉินตกลงถึงจุดต่ําสุด,เยวหมิงชานจะจู่โจมเร็วและเผด็จศึกเขาซะ
เยวหมิงชานหลบเลี่ยงการโจมตีของเซี่ยวเฉิน และยั่วยุเขา “ยอมแพ้ซะ เจ้าถูกจับมือมัดและรอคอยที่จะถูกจับตัว ข้าจะจบชีวิตเจ้าลงให้รวดเร็วที่สุด บางที่เจ้าอาจจะไม่รู้ ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงของระดับขอบเขตนักบุญและระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็คือความเร็ว นี่เป็นช่องว่างที่ไม่อาจก้าวผ่านไปได้เว้นเสียจากว่าเจ้าจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังธาตุวายุ ช่างน่าเสียดาย,เจ้าไม่ใช่ ฮ่าฮ่า!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เยวหมิงชานยั่วยุฝ่ายตรงข้ามของเขาในการต่อสู้ โดยเฉพาะในตอนที่คู่ต่อสู้ของเขากับลังเสียเปรียบ
ถ้อยคําขยะสามารถทําให้ผู้บ่มเพาะพลังที่ความอดทนต่ํากลายเป็นบ้าคลั่ง และเผยจุดอ่อนใหญ่หลวงออกมา,ประหยัดพลังของเขาลงไปได้มาก
ในตอนที่ประมือกับมนุษย์,อ้อมพลังไว้เสมอ นี่เป็นหลักการของเยวหมิงชาน นี่เป็นเพราะมันสามารถเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาได้เสมอ ดังนั้นหาก เขาสามารถประหยัดพลังลงไปได้ เขาจะทํา
หลังจากที่เยวหมิงชานกล่าวจบ,เขามองเห็นช่องว่างและลงมืออย่างรวดเร็ว กระบี่ของเขาทิ้งบาดแผลเล็กน้อยลงบนหน้าอกของเซียวเฉินและเขายิ้มขึ้นมาบางเบา “นี่คือคนามแตกต่าง ข้าสามารถโจมตีเจ้าอย่างง่ายดายแต่เจ้าไม่อาจแตะข้าแม้แต่ปลายเล็บ”
สีหน้าของเซียวเฉินไม่เปลี่ยนแปลง ในทันทีที่คู่ต่อสู้ของเขาพูดจบ,เขาแทงกระบออกไปในมุมพิศดาร,ตรงไปที่หน้าอกของเยวหมิงชาน
เยวหมิงชานตกใจและรีบถอยกลับ,หลบเลี่ยงกระบี่นี้ กระบี่แทงทะลุโล่ปราณของเขาและทิ้งบาดแผลเอาไว้เล็กน้อย
เยวหมิงชานสีหน้าเปลี่ยน,เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,ข้าไม่อาจประมาทเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่องช้กว่าข้า,มันก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากนั้น,เยวหมิงชนกลายเป็นระมัดระวังยิ่งขึ้น บางครั้งและจะทิ้งบาดแผลเอาไว้บนร่างของเซี่ยวเฉิน ในขณะที่เซียวเฉินพยายามอย่างที่สุด แต่เขาก็โจมตีไปไม่ถึงเยวหมิงชาน
พวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วบนผิวน้ํา กระบี่แสงวูบไหวและเกิดเป็นเสาน้ํามากมาย หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง,แววแสงปรากฏขึ้นในดวงตาของเยวหมิงชาน ได้เวลาแล้ว,ไม่มีความจําเป็นที่จะยืดเยื้อต่อไป สภาวะแห่งสายฟ้าของเขาอ่อนลงไปกว่าครึ่ง
“ตาย! ระเบิดมังกรวารี!”
เยวหมิงชานร้องตะโกนและกําแพงน้ําสูงร้อยเมตรปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา คลื่นพลุ่งพล่าน และเรือสินค้าถูกเขย่าอย่างหนัก ลําเรือดูเล็กกระจ้อยร่อย,ราวกับว่ามันจะพลิกคว่าได้ทุกเมื่อ
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation 284 มือสังหารแสดงตัว
บทที่ 284 มือสังหารแสดงตัว
เซียวเฉินไม่ประหลาดใจถึงการปรากฏตัวของเยวหมิงชาน เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในการคาดการณ์ของเขา
หนึ่งในเหตุผลหลักที่เชี่ยวเฉินสังหารวาฬทูน่าสีดําอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ ก็เพื่อจะล่อให้คนผู้นี้แสดงตัวออกมา นี่เป็นเพราะเซียวเฉินรู้ว่าคนผู้นี้คือผู้บ่มเพาะพลังที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
หากเซียวเฉินไม่เผยจุดอ่อนหรือผลาญพลังปราณออกไปสักหน่อย,คนผู้นี้จะไม่มีทางลงมือ
“ฟุ ฟิว!”
กระบีจี้พลุ่งพล่านหนาแน่นเข้ามาถึงตรงหน้าของเซียวเฉินในทันที
“หวี่ขยแพรวพราว!”
เซียวเฉินหันกลับและร้องตะโกนก้านกิ่งต้นหวี่ขุยศักสิทธิ์ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและเปลี่ยนกลายไปเป็นเส้นกระบี่ฉีสีม่วงอันเกรียงไกรที่บินออกไป
“บึ้ม…!” ในทันทีที่กระบี่ฉีถูกส่งออกไป,เซี่ยวเฉินยังใช้สภาวะแห่งสายฟ้า เสียงอัสนีแตกกร้าวอย่างต่อเนื่อง
ในตอนที่สายฟ้าคํารามออกมา,กระบฉีสีม่วงขยายใหญ่ขึ้น ภายในพริบตา มันกลายเป็นขนาดเดียวกับกระบี่ฉีพลุ่งพล่านที่ยิงลงมา
“บูม!”
ในตอนที่กระบี่ฉีทั้งสองปะทะกัน มันเกิดเป็นเสียงระเบิดอันดัง เสาน้ําสูงระเบิดทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
เยวหมิงชานร่อนลงมาจากท้องฟ้ามายืนบนผิวน้ําอย่างมั่นคง เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สายฟ้าฉับพลันคํารามเมื่อครู่ของเซียวเฉินน่าจะต้องผลาญพลังปราณออกไปไม่น้อย
ทําไมเขายังคงเหลือพลังปราณอยู่มากมายใช้ป้องกันกระบวณท่าสังหารที่ข้าได้ตระเตรียมมาอย่างละเอียด? เป็นไปได้ว่าเขาอ้อมมือเอาไว้ตลอดที่ผ่านมา?
เซียวเฉินมองดูเยวหมิงชานเงียบๆ แสงวูบไหวในดวงตาของเขาพร้อมกับถามขึ้นด้วยเสียงล็ก “ใครส่งเจ้ามาเพื่อสังหารข้า? เจ้าช่างมีความอดทน,เจ้าติดตามข้ามาตั้งแต่ทุ่งหญ้ามารอสูร”
เยวหมิงชานกล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบ “ไม่จําเป็นต้องตอบคําถามของคนที่กําลังจะตาย”
แสงสีฟ้าแตกตัวบนกระบี่ในมือของเยวหมิงชาน ฉีฆ่าฟันของเขาเติมเต็มในท้องฟ้าและระลอกคลื่นปรากฏขึ้นที่ผิวน้ําใต้เท้าของเขา
เซี่ยวเฉินหัวเราะ “สังหารข้า? เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้ดั่งเช่นวันนั้น?”
“หวี่ขุยแปลงรูปฉี!”
เซียวเฉินกดเท้าดีดตัวออกจากผิวน้ําและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาควบรวมกระบี่แสงและต้นหรูขุยศักสิทธิ์โลราณก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า,เปลี่ยนกลายเป็นเส้นสายกระบี่ฉีรุ่งโรจน์ กระบี่ฉีพวกนี้มุ่งหน้าไปหาเยวหมิงชานราวกับห่าฝน
หรูขุยแปลงรูปฉีถูกหลอมรวมเข้ากับสภาวะแห่งสายฟ้า กระบี่ฉีทุกเส้นราวกับเส้นสายฟ้าที่ตัดผ่านท้องฟ้า มันเกิดขึ้นพร้อมกับสายอัสนีที่อยู่บนท้องฟ้า,เปลี่ยนกลายเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ
แววความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเยว่หมองชาน เขารู้ว่าตัวเองติดกับของคู่ต่อสู้เข้าแล้ว คู่ต่อสู้ตั้งใจที่จะล่อเขาให้ออกมาแสดงตัว
อย่างไรก็ตาม,เยวหมิงชนที่มากประสบการณ์ ไม่สูญเสียความเยือกเย็น มิฉะนั้น,กระแสพลังของเขาจะตกลงและเขาอาจจะต้องตกตายลงที่นี่จริงๆ
เมื่อเยว่หมองชานมองเห็นกระบี่ฉีสีม่วงที่สาดลงมาจากท้องฟ้า,เขาสูดจมูก “ลูกไม้ไร้สาระ!”
เยว่หมิงชานโบกกระบีของเขาและส่งกระบี่ฉีที่หนาแน่นหลายเท่าออกไป กระบี่ฉีพวกนี้บินตรงไปที่กระบี่ฉีสีม่วงและมุบพวกมันกลายเป็นหมุนลมสายฟ้าปั่นป่วน
ในแง่ของคุณภาพของกระบี่ฉี,เชี่ยวเฉิน,ผู้ที่อยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง,ด้อยกว่า เยว่หมิงชานที่อยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น ถึงแม้เมื่อใช้สภาวะแห่งสายฟ้า,เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้เปรียบแต่อย่างใด
เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นว่าหวี่ขยแปลงรูปไม่ได้ผลอย่างมาก เขาตัดสินใจถอนกลับ เขาร้องตะโกน และกระบี่ฉีสีม่วงทั้งหมดถูกดึงขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่พวกมันจะกลับมาที่กระบี่เงาจันทร์
แสงสว่างสีม่วงผลิบานขึ้นบนกระบี่เงาจันทร์ สายอัสนีแตกกราวบนท้องฟ้า,มันราวกับกระบี่กําลังก่อพายุขึ้นมา
ในจังหวะต่อมา,แสงบนกระบี่ของเขากลายเป็นเจิดจ้าเสียดเข้าไปในตาของทุกคน จากนั้น มันถูกยิงออกไปพร้อมกับพลังมหาศาล
“ทะลวงหรูขุย!”
พายุที่กําลังก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้ายังส่งเสียงอัสนีสนั่นดังออกมาในเวลาเดียวกัน,ก่อเกิดเป็นคลื่นสูงหลายสิบเมตร
“ฟุ ฟิ้ว!”
เส้นกระบี่ฉีสีม่วงผ่าทะลวงคลื่นยักษ์และมุ่งหน้าเข้าหาเยวหมิงชานอย่างรวดเร็ว แสงของกระบี่ฉีถูกสงวนเอาไว้,ทําให้มันดูเหมือนกระบี่ฉีธรรมดาสามัญ
เยวหมิงชานมีสีหน้าดูถูกพร้อมกับหัวเราะ เขาเพียงส่งกระบี่ฉีเส้นหนึ่งออกไปและหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “เจ้ามันประเมินตัวเองสูงเกินไป เจ้าเป็นเพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง แทนที่จะคิดหาวิธีอื่น แต่เจ้ากลับจะมาแข่งกับข้าในเรื่องของกระบี่ฉี”
มีความแตกต่างระหว่างกระบีฉีที่ถูกส่งออกมา โดยระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธและระดับขอบเขตนักบุญ ระดับขอบเขตนักบุญเพิ่งจะได้เรียนรู้ในการยิงกระบี่ฉีเท่านั้น ในแง่ของคุณภาพ,มันแตกต่างกันราวกับฟ้าดินเมื่อเปรียบเทียบกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
“ยิ้ม…!” มีบางสิ่งที่ทําให้เยวหมิงชานต้องหน้าซีด กระบี่ฉีที่เขาส่งออกไปถูกแทงทะลุโดยกระบี่ฉีสีม่วงของเซียวเฉินอย่างง่ายดาย:กระบี่ฉีของเขาไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย
“โซว!”
เยวหมิงชานไม่กล้าไปคิดเยอะ เขารีบวางโล่ปราณไว้รอบตัวของเขา จากนั้นเขาก็พยายามที่จะหลบเลี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่เขาอยากจะหลบ,เขาก็สายไปแล้ว
กระบี่ฉีม่วงที่ดูธรรมดาสามัญแต่มันกลับรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันทะลวงผ่านโล่ปราณของเขา และทิ้งบาดแผลเลือดไหลเอาไว้ที่แขนขวาของเขา
หากเขว่หมิงชานไม่วางโล่ปราณ,แขนขวาของเขาอาจจะขาดกระเด็นไปในทันที
คลื่นมหึมากดลงและเซียวเฉินกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า กระแสพลังของเขาเจิดจ้า,ทะลวงขึ้นเก้าสวรรค์
ใบหน้าของเยวหมิงชานจมลึกพร้อมกับเขา กําลังรวบรวมแสงสีฟ้าบนกระบี่ของเขา เขากล่าว “เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถชนะได้ด้วยสภาวะของเจ้า? ไปตายซะ!”
เยวหมิงชานร้องตะโกนขึ้นและเกิดเสียงดังสนั่น เสาน้ําสิบแปดต้นพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เสาน้ําผสานเข้าด้วยกันและเปลี่ยนกลายไปเป็นกระบี่ฟ้าคมกริบ จากนั้น,มันผสานเข้าไปในกระบีในมือของเขา
กระบี่ฉีที่ราวกับน้ําตกไหลหลากไปที่เซี่ยวเฉิน
ช่างเป็นสภาวะแห่งวารีที่แข็งแกร่ง เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คู่ต่อสู้ของเขาเลือกที่จะลงมือที่นี่ ในตอนที่เขา ใช้พลังของสภาวะแห่งวารีในขณะที่อยู่ใกล้ สายน้ํา,พลังของมันจะยิ่งน่ากลัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนว่าสภาวะของคู่ต่อสู้จะไม่แข็งแกร่งเท่ากับของข้า เขาเพียงได้รับความเข้าใจถึงสภาวะแห่งวารี หากระดับขอบเขตพลังของเขาไม่สูงไปกว่าเซี่ยวเฉิน,มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะทรงพลังถึงเพียงนี้
“เก้าร่างมังกรสัญจร!”
สายลมเย็นพัดผ่านผิวน้ํา ในทันทีที่เซียวเฉินใช้ออกเก้าร่างมังกรสัญจร,เขาใช้ออกสับวายใสตามมาในทันที ร่างของเซียวเฉินกระพริบไหวไปรอบๆและร่างทั้งเก้าได้ปรากฏขึ้น;มันเป็นการยากที่จะแยกแยะของจริงออกจากของปลอม เขาสามารถหลบเลี่ยงกระบี่ฉีที่ดูราวกับสายน้ําตกได้สําเร็จและเข้าประชิดเยวหมิงชาน
เจตนารมณ์ฆ่าฟันของเซียวเฉินทันใดนั้นก็ลบหายไป ทิ้งไว้เพียงสายลมอ่อนโยนเก้าสายบนผิวน้ํา สีหน้าของเยวหมิงชานกลายเป็นจริงจัง เขารู้ชัดถึงพลังของสับวายุใส
เยวหมิงชานกระทืบลงบนพื้นน้ําและม่านน้ําสูงกว่าสิบเมตรปรากฏขึ้นรอบตัวของเขา ม่านน้ําเคลื่อนขยายออกไปจากทั่วทิศทาง
เมื่อร่างของเซียวเฉินเคลื่อนผ่าม่านน้ํา,ร่างปลอมอีกแปดร่างสลายหายไปเป็นผลมาจากพลังงานลึกลับของสายน้ํา
เยวหมิงชานได้ใช้สภาวะแห่งวารีของเขาเพื่อทําลายสภาวะแห่งสายลมของเซี่ยวเฉิน สับวายุใสอันแข็งแกร่งถูกทําลายลงในทันที
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยวหมิงชานเมื่อเขาเห็นเซียวเฉินเพียงร่างเดียวที่เหลืออยู่ เขากล่าว “ลองดูว่าเจ้าจะเข้าปนะชิดข้าได้ อย่างไรหากปราศจากสับวายุใส”
เมื่อระดับขอบเขตกษัตริย์เผชิญหน้ากับระดับขอบเขตนักบุญ,ความได้เปรียบใหญ่หลวงที่สุดก็คือความรวดเร็ว แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดก็สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วจนเกือบจะถึงความเร็วเสียง นอกจากนั้น,ปราศจากทักษะเหาะเหิน,พวกเขาไม่สามารถบินได้
อย่างไรก็ตาม ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธนั้นต่างออกไป ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเคลื่อนที่ได้เร็วเหนือเสียง,พวกเขายังสามารถเหาะเหินไปในอากาศได้อย่างง่ายดาย ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดสามารถเร่งไปถึงความเร็วเสียงได้ภายในหนึ่งก้าว
ในแง่ของรวามเร็ว,ไม่มีทางที่ระดับขอบเขตนักบุญจะไปเทียบชั้นกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ หลังจากที่เข้าประชิด,ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธสามารถจบการต่อสู้ลงได้ภายในไม่กี่กระบวณท่า นี่เป็นเพราะระดับขอบเขตนักบุญไม่แม้แต่จะสามารถได้สัมผัสตัวระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ เป็นเหตุว่าทําไมเยวหมิงชานถึงได้กล่าวออกมาเช่นนั้นได้
“ชี! ชี!”
เซี่ยวเฉินใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานไปจรถึงขีดจํากัด ร่างของเขาส่งเสียงเสียดแหลมดังออกมาขณะที่เขาเคลื่อนที่ไปในอากาศ เขาส่งกระบี่ฉีต่อเนื่องไปที่เยวหมิงชาน,ฟันไปที่เขาอย่างไม่ลดละ
กระแสไฟฟ้าสีม่วงเติมเต็มไปในอากาศ,ราวกับ ตาข่ายสายฟ้า เยวหมิงชานมีสีหน้าผ่อนคลาย เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว,ราวกับว่าเขาได้หลอมรวมไปกับสายลม เขาไม่ก่อให้เกิดเสียงแม้แต่น้อยและหลบเลี่ยงกระบวณท่าของเซี่ยวเฉินได้อย่างง่ายดาย
ในตอนที่พวกเขาทั้งสองคนเคลื่อนไหว,เซี่ยวเฉินดูเหมือนจะมีกระแสพลังที่เจิดจ้าและการเคลื่อนไหวของเขาราวกับสายฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม,ความเร็วของเขาก็เชื่องช้ากว่าดังนั้นเขาจึงไม่สามารถได้สัมผัสร่างของเยวหมิงชาน
บางที เซียวเฉินสามารถพากระบี่ไปถึงหน้าของเยวหมิงชานได้ แต่อย่างไรก็ตาม มันจะถูกปัดออกไปในทันทีอย่างช้าๆ จังหวะการต่อสู้ถูกเยวหมิงชานเข้าควบคุม
เซี่ยวเฉินอยากจะถอยกลับอยู่หลายครั้งแต่เขาถูกขัดขวางเอาไว้โดยร่างที่เหมือนเงา เซียวเฉิน ไม่สามารถถอนกลับได้ มันไปถึงจุดทราเยวหมิ งชานหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ตราบใดที่เขาสามารถควบคุมจังหวะเอาไว้ได้ เขาสามารถค่อยๆทรมานเซียวเฉินไปก่อนและในตอนที่กระแสพลังของเซี่ยวเฉินตกลงถึงจุดต่ําสุด,เยวหมิงชานจะจู่โจมเร็วและเผด็จศึกเขาซะ
เยวหมิงชานหลบเลี่ยงการโจมตีของเซี่ยวเฉิน และยั่วยุเขา “ยอมแพ้ซะ เจ้าถูกจับมือมัดและรอคอยที่จะถูกจับตัว ข้าจะจบชีวิตเจ้าลงให้รวดเร็วที่สุด บางที่เจ้าอาจจะไม่รู้ ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงของระดับขอบเขตนักบุญและระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็คือความเร็ว นี่เป็นช่องว่างที่ไม่อาจก้าวผ่านไปได้เว้นเสียจากว่าเจ้าจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังธาตุวายุ ช่างน่าเสียดาย,เจ้าไม่ใช่ ฮ่าฮ่า!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เยวหมิงชานยั่วยุฝ่ายตรงข้ามของเขาในการต่อสู้ โดยเฉพาะในตอนที่คู่ต่อสู้ของเขากับลังเสียเปรียบ
ถ้อยคําขยะสามารถทําให้ผู้บ่มเพาะพลังที่ความอดทนต่ํากลายเป็นบ้าคลั่ง และเผยจุดอ่อนใหญ่หลวงออกมา,ประหยัดพลังของเขาลงไปได้มาก
ในตอนที่ประมือกับมนุษย์,อ้อมพลังไว้เสมอ นี่เป็นหลักการของเยวหมิงชาน นี่เป็นเพราะมันสามารถเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาได้เสมอ ดังนั้นหาก เขาสามารถประหยัดพลังลงไปได้ เขาจะทํา
หลังจากที่เยวหมิงชานกล่าวจบ,เขามองเห็นช่องว่างและลงมืออย่างรวดเร็ว กระบี่ของเขาทิ้งบาดแผลเล็กน้อยลงบนหน้าอกของเซียวเฉินและเขายิ้มขึ้นมาบางเบา “นี่คือคนามแตกต่าง ข้าสามารถโจมตีเจ้าอย่างง่ายดายแต่เจ้าไม่อาจแตะข้าแม้แต่ปลายเล็บ”
สีหน้าของเซียวเฉินไม่เปลี่ยนแปลง ในทันทีที่คู่ต่อสู้ของเขาพูดจบ,เขาแทงกระบออกไปในมุมพิศดาร,ตรงไปที่หน้าอกของเยวหมิงชาน
เยวหมิงชานตกใจและรีบถอยกลับ,หลบเลี่ยงกระบี่นี้ กระบี่แทงทะลุโล่ปราณของเขาและทิ้งบาดแผลเอาไว้เล็กน้อย
เยวหมิงชานสีหน้าเปลี่ยน,เขาครุ่นคิดกับตัวเอง,ข้าไม่อาจประมาทเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่องช้กว่าข้า,มันก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากนั้น,เยวหมิงชนกลายเป็นระมัดระวังยิ่งขึ้น บางครั้งและจะทิ้งบาดแผลเอาไว้บนร่างของเซี่ยวเฉิน ในขณะที่เซียวเฉินพยายามอย่างที่สุด แต่เขาก็โจมตีไปไม่ถึงเยวหมิงชาน
พวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วบนผิวน้ํา กระบี่แสงวูบไหวและเกิดเป็นเสาน้ํามากมาย หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง,แววแสงปรากฏขึ้นในดวงตาของเยวหมิงชาน ได้เวลาแล้ว,ไม่มีความจําเป็นที่จะยืดเยื้อต่อไป สภาวะแห่งสายฟ้าของเขาอ่อนลงไปกว่าครึ่ง
“ตาย! ระเบิดมังกรวารี!”
เยวหมิงชานร้องตะโกนและกําแพงน้ําสูงร้อยเมตรปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา คลื่นพลุ่งพล่าน และเรือสินค้าถูกเขย่าอย่างหนัก ลําเรือดูเล็กกระจ้อยร่อย,ราวกับว่ามันจะพลิกคว่าได้ทุกเมื่อ
Comments