Immortal and Martial Dual Cultivation 290 มู่หลงชงช่วยชีวิต
ตอนที่ 290 มู่หลงชงช่วยชีวิต
“หวี่ขยแพรวพราว!”
กระบี่แสงสีม่วงวูบไหวและกระบี่ของเซี่ยวเฉินสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็วในอากาศหรูขุยสี่ก้านเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ฉีอันหนาแน่นพวกมันบินออกไปโดยไม่มีลังเล
“แคร้ง! แคร้ง! แครั้ง!”
กระบี่ฉีและดาบฉีปะทะกันกลางอากาศพวกเขาระเบิดเสียงเหล็กกระทบดังออกมา
มือสังหารทั้งสี่เคลื่อนไหวไปดุจดั่งเงา,แต่ละคนเคลื่อนไปคนละทิศพร้อมเขาพุ่งเข้าหาเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็วทั้งสี่คนอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นความเร็วของพวกเขาทะลวงผ่านความเร็วเสียงและหลอมรวมไปกับสายลม,เป็นผลให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาไร้เสียง
“เพลิงแท้อัสนีม่วง! ยิ่ง!”
เปลวเพลิงดุร้ายเผาไหม้หมุนวนในดวงตาขวาของเซียวเฉินและควบแน่นเป็นแสงสีม่วง จาก นั้นมันก็ยืดออกกลายเป็นลูกศรสีม่วง
ลูกศรบินออกไปด้วยความเร็วสายฟ้าที่รวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วเสียง มันทะลวงผ่านหน้าอกของมือสังหารคนหนึ่งตรงหน้าของเซียวเฉินก่อนที่จะบินลอยออกไปไกลราวกับอุกกาบาต
ในจังหวะนี้ มันจะเป็นเรื่องโง่งมหากเซี่ยวเฉินยังคงปิดซ่อนไพ่ตายต่อไปและไม่เอาออกมาใช่ในขณะที่เขาถูกปิดล้อมโดยระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธสี่คน
“ปัง! ปัง! ปัง!”
จี้หยกบนหน้าอกของเซียวเฉินเปิดใช้งานมือสังหารที่เหลืออีกสามคนที่คิดว่าพวกเขาสามารถ ใช้โอกาสนี้เข้าโจมตีน่าเสียดาย,พวกเขาตกหลุมพลางและการโจมตีของพวกเขาถูกสะท้อนกลับ
พลังมหาศาลที่สะท้อนกลับมาจากโล่ปราณดีดพวกเขาทั้งสามถอยหลังไป พวกเขาโจมตีลงไป เต็มแรงแรงโจมตีเกือบทั้งหมดสะท้อนกลับพวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัวและทําให้พลังปราณของพวกเขาปั่นป่วน
ข้าจะต้องจบการต่อสู้ลงโดยเร็วหากข้าทําให้มันยืดเยื้อ,ข้าจะยิ่งเสียเปรียบหนัก,เซี่ยวเฉินครู่ยคิดกับตัวเองอย่างรวดเร็วข้ามีไพ่ตายมากมายแต่หากเผยให้พวกเขาเห็นหมด,กระบวณท่าเหล่านั้นจะไร้ประโยชน์
“หวี่ขุยสะท้านสวรรค์!”
เซี่ยวเฉินร้องตะโกนและกระโดดขึ้นไปในอากาศต้นหวี่ขยศักดิ์สิทธิ์โบราณปรากฏขึ้น มันแบกกระแสพลังสะท้านสวรรค์ที่สามารถผ่าปฐพีกดดันให้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธต้องถอยหนี
“ปัง! ปัง! ปัง!”
กระบวณท่าสังหารที่หลอมรวมเข้ากับสภาวะแห่งสายฟ้าอันแข็งแกร่งกดดันระดับขอบ เขตกษัตริย์ยุทธผู้นี้ถอยกลับไป เขาไม่อาจที่จะต่อต้านและต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทําให้เขากระอักเลือดออกมาคําใหญ่ หลังจากที่ถูกซัดด้วยกระบวณท่านี,เขาถูกดีดลอยกลับไปอีกครั้ง
หลังจากที่รับการโจมตีหนักถึงสองครั้ง,ระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปชั่วคราวเซี่ยวเฉินไม่ไปสนใจคนคนนั้นต่อพร้อมกับเขาหันพลังไปรับมือกับมือสังหารอีกสองคนด้านหลังของเขา
มีแสงสีม่วงกระพริบปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของเซียวเฉินและดอกไม้ตูมแปลกประหลาดก็ปรากฎ ขึ้นมาจากความว่างเปล่ามันห่อหุ้มร่างของเขา เอาไว้ภายใน
เมื่อระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธทั้งสองซัดเข้าที่ดอกไม้ตูม,มันไร้ซึ่งปฏิกริยาใดๆ เมื่อพวกเขาเห็น ดังนั้น พวกเขารีบถอยออก
“หวี่ขุยผลิบาน!”
เซียวเฉินร้องตะโกนขึ้นจากข้างในดอกไม้ตูมดอกไม้สีม่วงเริ่มผลิบานผ่านไปครู่หนึ่ง,กลีบของมันร่ายรําไปทั่วท้องฟ้าและเปลี่ยนกลายไปเป็นดอกหรูขุยส่องแสงเจิดจ้ามากมาย
เซี่ยวเฉินวูบไหวในอากาศและเคลื่อนที่ผ่านมวลดอกไม้ในอากาศก่อนที่จะทะลวงออกมาความเร็วของเซียวเฉินเร่งจนไปถึงขีดสุดในทันทีภาย ใต้สีแสงของมวลกลีบดอกไม้นับไม่ถ้วน,ความเร็วของเขาขึ้นไปถึงสองเท่าของความเร็วเสียง
“ฟุ ฟิว!”
เซี่ยวเฉิน,ผู้ที่รวดเร็วกว่าถึงสองเท่า,ทะลวงผ่านมือสังหารคนหนึ่งไปอย่างไม่มีติดขัดนี่เป็น ความรวดเร็วที่พวกเขาไม่อาจตอบสนองได้ทัน
“หวี่ขุยค้ําสวรรค์!”
เซียวเฉินร้องตะโกนออกมาและมวลกลีบดอกไม่ในอากาศเข้าไปรวมตัวที่บาดแผลของมือสังหารคนนั้นและซึมเข้าไปในบาดแผลในทันทีมือสังหารผู้นี้ถูกซัดลอยกลับไปกว่าสองร้อยเมตรในทันที
ในจังหวะต่อมา,ต้นหรูขุยมหึมาเติบโตงอกเงยออกมาจากหน้าอกของระดับขอบเขตกษัตรย์ ยุทธผู้นั้น,กดร่างของเขาลงกับพื้นอย่างแน่นหนา
เมื่อเซี่ยวเฉินเคลื่อนไหว,มือสังหารอีกสองคนที่เหลือไม่ลังเลที่จะแทงดาบของพวกเขาไปที่เซียวเฉิน
เซี่ยวเฉินได้เปิดไพ่ตายออกไปจนหมดแล้วนอกจากนั้นเขาเพิ่งจะออกกระบวณท่าไปเขา ไม่มีทางที่จะหลบดาบนี้ได้พ้น สิ่งที่เขาพอจะทําได้ก็คือเบี่ยงหลบเล็กน้อยเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจุดสําคัญ
สายเลือดสาดกระเซ็นออกมาจากหน้าอกของเซียวเฉินบาดแผลห่างออกไปจากหัวใจของเขา เพียง 6.6 มิลลิเมตรหากมันใกล้กว่านี้เพียงเล็กน้อย,เขาอาจจะตกตายไปแล้ว
เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาแต่กระนั้น,เขากลายเป็นสงบเยือกเย็นยิ่งขึ้น
เซี่ยวเฉินระงับความเจ็บปวดเอาไว้และจับคมดาบเล่มนั้นเอาไว้ด้วยมือซ้ายของเขาพร้อมกับหยุดไม่ให้คู่ต่อสู้แทงดาบเข้ามาลึกขึ้นในขณะเดียวกัน,กระบี่เงาจันทร์ในมือขวาของเขาแทงไปที่หน้าอกของคนผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
คู่ต่อสู้ของเซียวเฉินไม่หลบเลี่ยงเจตนาฆ่าฟันเยือกเย็นวูบไหวในดวงตาของเขาพร้อมกับเปลี่ยนไปจับดาบแบบสองมือ
ทันใดนั้น เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงพลังปราณอันแข็งแกร่งไหลเข้ามาในตัวดาบหากพลังปราณเข้าไปในร่างของเขาผ่านทางคมดาบ,เขาสามารถสลายหัวใจของเขาได้ในทันทีเป็นเพราะมันอยู่ใกล้หัวใจมากเกินไป
คู่ต่อสู้เลือกที่จะตายไปพร้อมกัน มือสังหารของคฤหาสน์หิมะล่องลอยจะมุทะลุเกินไปแล้ว
ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังสิ้นหวัง,มีสายลมอ่อนเย็นพัดผ่านเข้ามาโดยรอบแสงวูบผ่านและหัวของมือสังหารถูกตัด
พลังปราณที่พลุ่งพล่านในคมดาบสลายหายไปในทันทีร่างที่ไร้หัวล้มลงอย่างแรง
เซี่ยวเฉินมองดูผู้ที่ช่วยเขาสังหายสองระดับขอบเขตกษัตนย์ยุทธเดนตายพวกนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ,คนผู้นี้แท้จริงแล้วคือคนที่เขาไม่กินเส้นด้วยนัก—มู่หลงชง
ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญที่มู่หลงชงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่หลังจากที่เขาพบว่าเซี่ยวเฉินคือคนที่เอาบุปผาสกัดเอ็นไป,เขาก็ได้ติดตามเซี่ยวเฉินมาจากระยะไกล
มู่หลงชงมองดูเซียวเฉินที่ค่อยๆดึงดาบออกมาจากหน้าอกของเขาจากนั้น,มู่หลงชงกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนในวันที่สิบห้า,ข้าจะเข้ามาหาเอง”
เซี่ยวเฉินโรยขี้ผึ้งทองลงบนบาดแผลของเขาหลังจากที่พันแผลเสร็จ,เขามองไปที่มู่หลงชงที่อยู่ไกลออกไปดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความงนงง “เกิดอะไรขึ้น? จะมีอะไรเกิดขึ้นในวันที่สิบห้า? หรือความรู้สึกไม่ดีของข้า….จะเกี่ยวข้องกับเขา?”
ที่เชิงเทือกเขาหลิงหยุนเซียวเฉินรีบพุ่งไปที่ยอดเขาฉิงหยุนหลังจากที่เขายืนยันตัวตนกับยามของศาลากระบีสวรรค์
เซี่ยวเฉินไม่แม้แต่จะจัดการกับบาดแผลของเขาอย่างจริงจังเขาเพียงโรยยาและพันแผลเอาไว้อย่างลวกๆก่อนที่เขาจะไปได้ไกล,เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ออกมาจากหน้าอกของเขา
อย่างไรก็ตาม,ความรู้สึกไม่มั่นคงในใจของเขายิ่งรุนแรงขึ้นเซียวเฉินแน่ใจว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับคนที่เขาเป็นห่วงบนยอดเขาฉิงหยุน
“เย่เฉินกลับมาแล้ว! ดูนั้น! เซียวเฉินกลับมาแล้ว!” สานุศิษย์ที่จําเซียวเฉินได้ต่างกล่าวด้วย ความตกตะลึงในตอนที่เขาผ่านยอดเขาอื่นๆ
“ข้าได้ยินมาว่าเขาสังหารผู้เชี่ยวชาญเรืองชื่อ,เยวหมิงชาน,หลังจากที่เขาสังหารวาฬทูน่าสีดําที่แม่น้ํามังกรทมิฬชื่อเสียงของเขาขยายไปทั่วแคว้นซีเหอ”
“แน่นอน นอกจากนั้น,เขาประมือกับมู่เฉิงเสวี่ยได้อย่างสูสีในเมืองซีเหอ,เขาไม่ได้เสียเปรียบ แม้แต่น้อยสําหรับตัวเขาที่สามารถประมือกับมู่เฉิงเสวี่ยได้อย่างสูสี,ชื่อของเขาจะเป็นที่รู้จักไป ทั่วแคว้นซีเหอ”
“อย่างไรก็ตาม มีเรื่องสําคัญเกิดขึ้นที่ยอดเขาจิ้งหยุน,ทําให้เขาต้องเผชิญหน้ากับมู่หลงชงมันจะเป็นการยากสําหรับเขาที่จะเอาชีวิตรอดในศึกความเป็นความตายช่างน่าเสียดาย
“มู่หลงชงอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงเมื่อปีที่แล้วด้วยพรสวรรค์ของเขาเขาสามารถสังหารระกับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นทั่วไปได้อย่างง่ายดายโอกาสของเซียวเฉินช่าง น้อยนิด!”
เสียงถกเถียงกันรอบข้างดังเข้ามาในหูของเซียวเฉินทําให้สีหน้าเป็นกังวลของเขายิ่งกลาย เป็นน่าเกียจหลิวหรูเยว่จะต้องไม่เป็นอะไร!
เซี่ยวเฉินอดทนต่อความเจ็บปวดที่ออกมาจากหน้าอกของเขาไปตลอดทางจนถึงยอดเขาฉิงหยุนโดยไม่คิดอะไรให้มากความ,เขาตรงไปที่ห้องของหลิวหรูเยวในทันที
ยอดเขาฉิงหยุนเป็นเฉกเช่นเดิมสายลมพัดสายน้ําไหลและเต็มไปด้วยความเขียวขจีมีคน เพียงเล็กน้อยและเงียบสงบเป็นอย่างมากตลอดทาง,เขาไม่พบใครเลย
เมื่อเซี่ยวเฉินมาถึงลานบ้านของหลิวหรูเยว่ เขาใช้สัมผัสวิญญาณเพื่อตรวจสอบดูด้านใน เขาสูดหายใจเข้าลึกและผ่อนคลายความเจ็บปวดกับความกังวลบนใบหน้าของเขา
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากลานบ้าน เซี่ยวเฉินรีบมองดูแต่กลับเป็นหลิวสุยเฟิงที่กําลังเดินออกมาอย่างเร่งรีบสีหน้าร้อนรน
เมื่อหลิวสุยเฟิงมองออกมา,เขาเห็นเซียวเฉินอยู่ที่ประตูทางเข้า เขาเผยสีหน้าเป็นสุขและกล่าว ขึ้นในทันที “เย่เฉิน! เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร?”
เซียวเฉินยิ้มบางเบา “ไม่นานนัก,ข้าเพิ่งมาถึง
เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างร้อนรน “พี่สาวหรูเยว่เป็นเช่นไร?”
เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินดังนั้น,รอยยิ้มของเขาลบหายไปในทันทีสีหน้าของเขามืดมน จากนั้นเขาถอนหายใจและกล่าวขึ้น “อย่าเพิ่งได้เข้าไปข้างในมาพูดคุยกันตรงนี้ก่อน”
“พี่สาวของข้าล้มเหลวในการพยายามทะลวงนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเส้นปราณของนางฉีกขาดและกลายเป็นพิการ”ตลอดทาง,หลิวสุยเฟิงสงบสติกล่าวกับสิ่งที่เซียวเฉินไม่อาจจะเชื่อ
แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับหลิวหรูเยว่ก่อนที่เขาจะได้ยืนยันข่าวใด,เขายังคงพยายามจะคิดในแง่ดี
เส้นปราณฉีกขาดและกลายเป็นพิการ…หลิวหรูเยว่กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เซียวเฉินสามารถเข้าใจได้ถึงอารมณ์ของหลิวหรูเยว่ในตอนนี้
เซี่ยวเฉินรีบถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ระดับขอบเขตพลังของนางเข้าใกล้ขอบเขตกษัตริย์ ยุทธมากแล้วทําไมนางถึงได้พยายามฝืนทะลวงผ่านขึ้นไป?”
สําหรับระดับขอบเขตนักบุญที่จะยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ความยากเย็นมากว่าขอบเขตทั้งหมดก่อนหน้านี้รวมกันโดยเฉพาะตอนที่พยายามฝืนทะลวงขึ้นไปก่อนที่จะอายุได้ยี่สิบห้าความยากเย็นที่ต้องเผชิญจะเพิ่มขึ้นจากผู้บ่มเพาะพลังทั่วไปหลายเท่า
ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งทั้งหมดในประวัติศาสตร์มีจุดรวมเดียวกัน;พวกเขาทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก่อนที่จะอายุยี่สิบห้า
ในอีกความหมายหนึ่ง,หากพวกเขาสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธได้ก่อนที่จะ อายุยี่สิบห้า,พวกเขารับรองได้ว่าจะกลายเป็นระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธเป็นอย่างน้อยในอนาคต
ด้วยพรสวรรค์ของหลิวหรูเยว่,นางเข้าใกล้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธตอนอายุยี่สิบสี่ น่าจะได้กลายเป็นระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก่อนอายุยี่สิบ ห้าเป็นที่แน่นอนแล้ว
หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น,ไม่มีความจําเป็นอันใดที่จะฝืนมะลวงระดับขอบเขตระดับความอันตรายระหว่างการฝืนทะลวงระดับกับการปล่อยให้เป็นไปตามเงื่อนไขธรรมชาติต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
การเข้าใกล้ขอบเขตกษัตริย์ยุทธมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะฝืนทะลวงระดับขึ้นไปได้สําเร็จความอันตรายไม่มีลดน้อยลงเพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลา,ความเสี่ยงที่ต้องรับไม่เปลี่ยนแปลง
หลิวสุยเฟิงส่ายหัวและยิ้มขมขึ้น “เจ้าจําได้หรือไม่ว่านางปิดประตูบ่มเพาะพลังทันทีหลังจากที่นางกลับออกมาจากมิติย่อย?”
เซี่ยวเฉินพยักหน้า “แน่นอนข้าจําได้นางเตรียมตัวเพื่อทะลวงระดับในตอนนั้น?”
หลิวสุยเฟิงพยักหน้า “ไม่นานหลังจากที่พวกเราออกไป,มู่หลงชงเข้าสมัครการประลองชิงเจ้ายอดเขากับสภาสูงพี่สาวของข้าจะต้องได้รับแจ้ง ล่วงหน้ามันดูเหมือนว่านางจะไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับมู่หลงชงได้และจากนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะรับความเสี่ยงและผืนทะลวงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ”
ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ในวันที่สิบห้า,ข้าจะมาหาด้วยตัวเอง,เซี่ยวเฉินจําคําของมู่หลงชงได้และกล่าวขึ้น“การประลองชิงเจ้ายอดเขาคืออะไร? บอกข้าถึงรายละเอียด
หลิวสุยเฟิงอธิบายว่าการประลองชิงเจ้ายอดเขาคือสิทธิ์ของสิบอันดับต้นบนตารางเมฆาล่องลอย ภายในช่วงชีวิตของพวกเขาพวกเขามีโอกาสท้าประลองต่อสู้กับท่านเจ้ายอดเขาหากพวกเขาชนะ,พวกเขาจะกลายเมาเป็นท่านเจ้ายอดเขาคนต่อไป”
ก่อนการประลองชิงเจ้ายอดเขา ทั้งสองฝ่ายจะต้องลงชื่อในข้อตกลงความเป็นความตายในเมื่อพวกเขาต่อสู้แย่งชิงเพื่อตําแหน่งท่านเจ้ายอดเขามันจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีการอ้อมมือ ดังนั้น หลังจากที่การต่อสู้เริ่มขึ้นเป็นหรือตายตามแต่สวรรค์
กฎเช่นนี้มีมาตั้งแต่ในตอนที่ก่อตั้งศาบากระสวรรค์ในประวัติศาสตร์,มีเพียงสิบคนเท่านั้นที่ทําได้สําเร็จ
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation 290 มู่หลงชงช่วยชีวิต
ตอนที่ 290 มู่หลงชงช่วยชีวิต
“หวี่ขยแพรวพราว!”
กระบี่แสงสีม่วงวูบไหวและกระบี่ของเซี่ยวเฉินสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็วในอากาศหรูขุยสี่ก้านเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ฉีอันหนาแน่นพวกมันบินออกไปโดยไม่มีลังเล
“แคร้ง! แคร้ง! แครั้ง!”
กระบี่ฉีและดาบฉีปะทะกันกลางอากาศพวกเขาระเบิดเสียงเหล็กกระทบดังออกมา
มือสังหารทั้งสี่เคลื่อนไหวไปดุจดั่งเงา,แต่ละคนเคลื่อนไปคนละทิศพร้อมเขาพุ่งเข้าหาเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็วทั้งสี่คนอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นความเร็วของพวกเขาทะลวงผ่านความเร็วเสียงและหลอมรวมไปกับสายลม,เป็นผลให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาไร้เสียง
“เพลิงแท้อัสนีม่วง! ยิ่ง!”
เปลวเพลิงดุร้ายเผาไหม้หมุนวนในดวงตาขวาของเซียวเฉินและควบแน่นเป็นแสงสีม่วง จาก นั้นมันก็ยืดออกกลายเป็นลูกศรสีม่วง
ลูกศรบินออกไปด้วยความเร็วสายฟ้าที่รวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วเสียง มันทะลวงผ่านหน้าอกของมือสังหารคนหนึ่งตรงหน้าของเซียวเฉินก่อนที่จะบินลอยออกไปไกลราวกับอุกกาบาต
ในจังหวะนี้ มันจะเป็นเรื่องโง่งมหากเซี่ยวเฉินยังคงปิดซ่อนไพ่ตายต่อไปและไม่เอาออกมาใช่ในขณะที่เขาถูกปิดล้อมโดยระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธสี่คน
“ปัง! ปัง! ปัง!”
จี้หยกบนหน้าอกของเซียวเฉินเปิดใช้งานมือสังหารที่เหลืออีกสามคนที่คิดว่าพวกเขาสามารถ ใช้โอกาสนี้เข้าโจมตีน่าเสียดาย,พวกเขาตกหลุมพลางและการโจมตีของพวกเขาถูกสะท้อนกลับ
พลังมหาศาลที่สะท้อนกลับมาจากโล่ปราณดีดพวกเขาทั้งสามถอยหลังไป พวกเขาโจมตีลงไป เต็มแรงแรงโจมตีเกือบทั้งหมดสะท้อนกลับพวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัวและทําให้พลังปราณของพวกเขาปั่นป่วน
ข้าจะต้องจบการต่อสู้ลงโดยเร็วหากข้าทําให้มันยืดเยื้อ,ข้าจะยิ่งเสียเปรียบหนัก,เซี่ยวเฉินครู่ยคิดกับตัวเองอย่างรวดเร็วข้ามีไพ่ตายมากมายแต่หากเผยให้พวกเขาเห็นหมด,กระบวณท่าเหล่านั้นจะไร้ประโยชน์
“หวี่ขุยสะท้านสวรรค์!”
เซี่ยวเฉินร้องตะโกนและกระโดดขึ้นไปในอากาศต้นหวี่ขยศักดิ์สิทธิ์โบราณปรากฏขึ้น มันแบกกระแสพลังสะท้านสวรรค์ที่สามารถผ่าปฐพีกดดันให้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธต้องถอยหนี
“ปัง! ปัง! ปัง!”
กระบวณท่าสังหารที่หลอมรวมเข้ากับสภาวะแห่งสายฟ้าอันแข็งแกร่งกดดันระดับขอบ เขตกษัตริย์ยุทธผู้นี้ถอยกลับไป เขาไม่อาจที่จะต่อต้านและต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทําให้เขากระอักเลือดออกมาคําใหญ่ หลังจากที่ถูกซัดด้วยกระบวณท่านี,เขาถูกดีดลอยกลับไปอีกครั้ง
หลังจากที่รับการโจมตีหนักถึงสองครั้ง,ระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปชั่วคราวเซี่ยวเฉินไม่ไปสนใจคนคนนั้นต่อพร้อมกับเขาหันพลังไปรับมือกับมือสังหารอีกสองคนด้านหลังของเขา
มีแสงสีม่วงกระพริบปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของเซียวเฉินและดอกไม้ตูมแปลกประหลาดก็ปรากฎ ขึ้นมาจากความว่างเปล่ามันห่อหุ้มร่างของเขา เอาไว้ภายใน
เมื่อระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธทั้งสองซัดเข้าที่ดอกไม้ตูม,มันไร้ซึ่งปฏิกริยาใดๆ เมื่อพวกเขาเห็น ดังนั้น พวกเขารีบถอยออก
“หวี่ขุยผลิบาน!”
เซียวเฉินร้องตะโกนขึ้นจากข้างในดอกไม้ตูมดอกไม้สีม่วงเริ่มผลิบานผ่านไปครู่หนึ่ง,กลีบของมันร่ายรําไปทั่วท้องฟ้าและเปลี่ยนกลายไปเป็นดอกหรูขุยส่องแสงเจิดจ้ามากมาย
เซี่ยวเฉินวูบไหวในอากาศและเคลื่อนที่ผ่านมวลดอกไม้ในอากาศก่อนที่จะทะลวงออกมาความเร็วของเซียวเฉินเร่งจนไปถึงขีดสุดในทันทีภาย ใต้สีแสงของมวลกลีบดอกไม้นับไม่ถ้วน,ความเร็วของเขาขึ้นไปถึงสองเท่าของความเร็วเสียง
“ฟุ ฟิว!”
เซี่ยวเฉิน,ผู้ที่รวดเร็วกว่าถึงสองเท่า,ทะลวงผ่านมือสังหารคนหนึ่งไปอย่างไม่มีติดขัดนี่เป็น ความรวดเร็วที่พวกเขาไม่อาจตอบสนองได้ทัน
“หวี่ขุยค้ําสวรรค์!”
เซียวเฉินร้องตะโกนออกมาและมวลกลีบดอกไม่ในอากาศเข้าไปรวมตัวที่บาดแผลของมือสังหารคนนั้นและซึมเข้าไปในบาดแผลในทันทีมือสังหารผู้นี้ถูกซัดลอยกลับไปกว่าสองร้อยเมตรในทันที
ในจังหวะต่อมา,ต้นหรูขุยมหึมาเติบโตงอกเงยออกมาจากหน้าอกของระดับขอบเขตกษัตรย์ ยุทธผู้นั้น,กดร่างของเขาลงกับพื้นอย่างแน่นหนา
เมื่อเซี่ยวเฉินเคลื่อนไหว,มือสังหารอีกสองคนที่เหลือไม่ลังเลที่จะแทงดาบของพวกเขาไปที่เซียวเฉิน
เซี่ยวเฉินได้เปิดไพ่ตายออกไปจนหมดแล้วนอกจากนั้นเขาเพิ่งจะออกกระบวณท่าไปเขา ไม่มีทางที่จะหลบดาบนี้ได้พ้น สิ่งที่เขาพอจะทําได้ก็คือเบี่ยงหลบเล็กน้อยเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจุดสําคัญ
สายเลือดสาดกระเซ็นออกมาจากหน้าอกของเซียวเฉินบาดแผลห่างออกไปจากหัวใจของเขา เพียง 6.6 มิลลิเมตรหากมันใกล้กว่านี้เพียงเล็กน้อย,เขาอาจจะตกตายไปแล้ว
เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาแต่กระนั้น,เขากลายเป็นสงบเยือกเย็นยิ่งขึ้น
เซี่ยวเฉินระงับความเจ็บปวดเอาไว้และจับคมดาบเล่มนั้นเอาไว้ด้วยมือซ้ายของเขาพร้อมกับหยุดไม่ให้คู่ต่อสู้แทงดาบเข้ามาลึกขึ้นในขณะเดียวกัน,กระบี่เงาจันทร์ในมือขวาของเขาแทงไปที่หน้าอกของคนผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
คู่ต่อสู้ของเซียวเฉินไม่หลบเลี่ยงเจตนาฆ่าฟันเยือกเย็นวูบไหวในดวงตาของเขาพร้อมกับเปลี่ยนไปจับดาบแบบสองมือ
ทันใดนั้น เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงพลังปราณอันแข็งแกร่งไหลเข้ามาในตัวดาบหากพลังปราณเข้าไปในร่างของเขาผ่านทางคมดาบ,เขาสามารถสลายหัวใจของเขาได้ในทันทีเป็นเพราะมันอยู่ใกล้หัวใจมากเกินไป
คู่ต่อสู้เลือกที่จะตายไปพร้อมกัน มือสังหารของคฤหาสน์หิมะล่องลอยจะมุทะลุเกินไปแล้ว
ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังสิ้นหวัง,มีสายลมอ่อนเย็นพัดผ่านเข้ามาโดยรอบแสงวูบผ่านและหัวของมือสังหารถูกตัด
พลังปราณที่พลุ่งพล่านในคมดาบสลายหายไปในทันทีร่างที่ไร้หัวล้มลงอย่างแรง
เซี่ยวเฉินมองดูผู้ที่ช่วยเขาสังหายสองระดับขอบเขตกษัตนย์ยุทธเดนตายพวกนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ,คนผู้นี้แท้จริงแล้วคือคนที่เขาไม่กินเส้นด้วยนัก—มู่หลงชง
ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญที่มู่หลงชงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่หลังจากที่เขาพบว่าเซี่ยวเฉินคือคนที่เอาบุปผาสกัดเอ็นไป,เขาก็ได้ติดตามเซี่ยวเฉินมาจากระยะไกล
มู่หลงชงมองดูเซียวเฉินที่ค่อยๆดึงดาบออกมาจากหน้าอกของเขาจากนั้น,มู่หลงชงกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนในวันที่สิบห้า,ข้าจะเข้ามาหาเอง”
เซี่ยวเฉินโรยขี้ผึ้งทองลงบนบาดแผลของเขาหลังจากที่พันแผลเสร็จ,เขามองไปที่มู่หลงชงที่อยู่ไกลออกไปดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความงนงง “เกิดอะไรขึ้น? จะมีอะไรเกิดขึ้นในวันที่สิบห้า? หรือความรู้สึกไม่ดีของข้า….จะเกี่ยวข้องกับเขา?”
ที่เชิงเทือกเขาหลิงหยุนเซียวเฉินรีบพุ่งไปที่ยอดเขาฉิงหยุนหลังจากที่เขายืนยันตัวตนกับยามของศาลากระบีสวรรค์
เซี่ยวเฉินไม่แม้แต่จะจัดการกับบาดแผลของเขาอย่างจริงจังเขาเพียงโรยยาและพันแผลเอาไว้อย่างลวกๆก่อนที่เขาจะไปได้ไกล,เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ออกมาจากหน้าอกของเขา
อย่างไรก็ตาม,ความรู้สึกไม่มั่นคงในใจของเขายิ่งรุนแรงขึ้นเซียวเฉินแน่ใจว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับคนที่เขาเป็นห่วงบนยอดเขาฉิงหยุน
“เย่เฉินกลับมาแล้ว! ดูนั้น! เซียวเฉินกลับมาแล้ว!” สานุศิษย์ที่จําเซียวเฉินได้ต่างกล่าวด้วย ความตกตะลึงในตอนที่เขาผ่านยอดเขาอื่นๆ
“ข้าได้ยินมาว่าเขาสังหารผู้เชี่ยวชาญเรืองชื่อ,เยวหมิงชาน,หลังจากที่เขาสังหารวาฬทูน่าสีดําที่แม่น้ํามังกรทมิฬชื่อเสียงของเขาขยายไปทั่วแคว้นซีเหอ”
“แน่นอน นอกจากนั้น,เขาประมือกับมู่เฉิงเสวี่ยได้อย่างสูสีในเมืองซีเหอ,เขาไม่ได้เสียเปรียบ แม้แต่น้อยสําหรับตัวเขาที่สามารถประมือกับมู่เฉิงเสวี่ยได้อย่างสูสี,ชื่อของเขาจะเป็นที่รู้จักไป ทั่วแคว้นซีเหอ”
“อย่างไรก็ตาม มีเรื่องสําคัญเกิดขึ้นที่ยอดเขาจิ้งหยุน,ทําให้เขาต้องเผชิญหน้ากับมู่หลงชงมันจะเป็นการยากสําหรับเขาที่จะเอาชีวิตรอดในศึกความเป็นความตายช่างน่าเสียดาย
“มู่หลงชงอยู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงเมื่อปีที่แล้วด้วยพรสวรรค์ของเขาเขาสามารถสังหารระกับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นทั่วไปได้อย่างง่ายดายโอกาสของเซียวเฉินช่าง น้อยนิด!”
เสียงถกเถียงกันรอบข้างดังเข้ามาในหูของเซียวเฉินทําให้สีหน้าเป็นกังวลของเขายิ่งกลาย เป็นน่าเกียจหลิวหรูเยว่จะต้องไม่เป็นอะไร!
เซี่ยวเฉินอดทนต่อความเจ็บปวดที่ออกมาจากหน้าอกของเขาไปตลอดทางจนถึงยอดเขาฉิงหยุนโดยไม่คิดอะไรให้มากความ,เขาตรงไปที่ห้องของหลิวหรูเยวในทันที
ยอดเขาฉิงหยุนเป็นเฉกเช่นเดิมสายลมพัดสายน้ําไหลและเต็มไปด้วยความเขียวขจีมีคน เพียงเล็กน้อยและเงียบสงบเป็นอย่างมากตลอดทาง,เขาไม่พบใครเลย
เมื่อเซี่ยวเฉินมาถึงลานบ้านของหลิวหรูเยว่ เขาใช้สัมผัสวิญญาณเพื่อตรวจสอบดูด้านใน เขาสูดหายใจเข้าลึกและผ่อนคลายความเจ็บปวดกับความกังวลบนใบหน้าของเขา
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากลานบ้าน เซี่ยวเฉินรีบมองดูแต่กลับเป็นหลิวสุยเฟิงที่กําลังเดินออกมาอย่างเร่งรีบสีหน้าร้อนรน
เมื่อหลิวสุยเฟิงมองออกมา,เขาเห็นเซียวเฉินอยู่ที่ประตูทางเข้า เขาเผยสีหน้าเป็นสุขและกล่าว ขึ้นในทันที “เย่เฉิน! เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร?”
เซียวเฉินยิ้มบางเบา “ไม่นานนัก,ข้าเพิ่งมาถึง
เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างร้อนรน “พี่สาวหรูเยว่เป็นเช่นไร?”
เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินดังนั้น,รอยยิ้มของเขาลบหายไปในทันทีสีหน้าของเขามืดมน จากนั้นเขาถอนหายใจและกล่าวขึ้น “อย่าเพิ่งได้เข้าไปข้างในมาพูดคุยกันตรงนี้ก่อน”
“พี่สาวของข้าล้มเหลวในการพยายามทะลวงนสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธเส้นปราณของนางฉีกขาดและกลายเป็นพิการ”ตลอดทาง,หลิวสุยเฟิงสงบสติกล่าวกับสิ่งที่เซียวเฉินไม่อาจจะเชื่อ
แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับหลิวหรูเยว่ก่อนที่เขาจะได้ยืนยันข่าวใด,เขายังคงพยายามจะคิดในแง่ดี
เส้นปราณฉีกขาดและกลายเป็นพิการ…หลิวหรูเยว่กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เซียวเฉินสามารถเข้าใจได้ถึงอารมณ์ของหลิวหรูเยว่ในตอนนี้
เซี่ยวเฉินรีบถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ระดับขอบเขตพลังของนางเข้าใกล้ขอบเขตกษัตริย์ ยุทธมากแล้วทําไมนางถึงได้พยายามฝืนทะลวงผ่านขึ้นไป?”
สําหรับระดับขอบเขตนักบุญที่จะยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธ,ความยากเย็นมากว่าขอบเขตทั้งหมดก่อนหน้านี้รวมกันโดยเฉพาะตอนที่พยายามฝืนทะลวงขึ้นไปก่อนที่จะอายุได้ยี่สิบห้าความยากเย็นที่ต้องเผชิญจะเพิ่มขึ้นจากผู้บ่มเพาะพลังทั่วไปหลายเท่า
ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งทั้งหมดในประวัติศาสตร์มีจุดรวมเดียวกัน;พวกเขาทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก่อนที่จะอายุยี่สิบห้า
ในอีกความหมายหนึ่ง,หากพวกเขาสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธได้ก่อนที่จะ อายุยี่สิบห้า,พวกเขารับรองได้ว่าจะกลายเป็นระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธเป็นอย่างน้อยในอนาคต
ด้วยพรสวรรค์ของหลิวหรูเยว่,นางเข้าใกล้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธตอนอายุยี่สิบสี่ น่าจะได้กลายเป็นระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธก่อนอายุยี่สิบ ห้าเป็นที่แน่นอนแล้ว
หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น,ไม่มีความจําเป็นอันใดที่จะฝืนมะลวงระดับขอบเขตระดับความอันตรายระหว่างการฝืนทะลวงระดับกับการปล่อยให้เป็นไปตามเงื่อนไขธรรมชาติต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
การเข้าใกล้ขอบเขตกษัตริย์ยุทธมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะฝืนทะลวงระดับขึ้นไปได้สําเร็จความอันตรายไม่มีลดน้อยลงเพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลา,ความเสี่ยงที่ต้องรับไม่เปลี่ยนแปลง
หลิวสุยเฟิงส่ายหัวและยิ้มขมขึ้น “เจ้าจําได้หรือไม่ว่านางปิดประตูบ่มเพาะพลังทันทีหลังจากที่นางกลับออกมาจากมิติย่อย?”
เซี่ยวเฉินพยักหน้า “แน่นอนข้าจําได้นางเตรียมตัวเพื่อทะลวงระดับในตอนนั้น?”
หลิวสุยเฟิงพยักหน้า “ไม่นานหลังจากที่พวกเราออกไป,มู่หลงชงเข้าสมัครการประลองชิงเจ้ายอดเขากับสภาสูงพี่สาวของข้าจะต้องได้รับแจ้ง ล่วงหน้ามันดูเหมือนว่านางจะไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับมู่หลงชงได้และจากนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะรับความเสี่ยงและผืนทะลวงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ”
ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ในวันที่สิบห้า,ข้าจะมาหาด้วยตัวเอง,เซี่ยวเฉินจําคําของมู่หลงชงได้และกล่าวขึ้น“การประลองชิงเจ้ายอดเขาคืออะไร? บอกข้าถึงรายละเอียด
หลิวสุยเฟิงอธิบายว่าการประลองชิงเจ้ายอดเขาคือสิทธิ์ของสิบอันดับต้นบนตารางเมฆาล่องลอย ภายในช่วงชีวิตของพวกเขาพวกเขามีโอกาสท้าประลองต่อสู้กับท่านเจ้ายอดเขาหากพวกเขาชนะ,พวกเขาจะกลายเมาเป็นท่านเจ้ายอดเขาคนต่อไป”
ก่อนการประลองชิงเจ้ายอดเขา ทั้งสองฝ่ายจะต้องลงชื่อในข้อตกลงความเป็นความตายในเมื่อพวกเขาต่อสู้แย่งชิงเพื่อตําแหน่งท่านเจ้ายอดเขามันจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีการอ้อมมือ ดังนั้น หลังจากที่การต่อสู้เริ่มขึ้นเป็นหรือตายตามแต่สวรรค์
กฎเช่นนี้มีมาตั้งแต่ในตอนที่ก่อตั้งศาบากระสวรรค์ในประวัติศาสตร์,มีเพียงสิบคนเท่านั้นที่ทําได้สําเร็จ
Comments