Immortal and Martial Dual Cultivation 313 หนึ่งดาบแสงแช่แข็งสิบเก้าเขต
ตอนที่ 313 หนึ่งดาบแสงแช่แข็งสิบเก้าเขต
อาวุธที่อยู่บนไหล่ของเจ้าเพลิงแดง แท้จริงแล้วเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง สัตว์อสูรปีศาจที่พกอาวุธก็นับว่าแปลกมากแล้ว กระนั้น,มันยังเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ความปรารถนาปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน ซุนเหว่ยยิมอย่างเย็นชา “ข้าต้องการอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ ห้ามมีใครมาแย่งข้า”
ซุนเหว่ยชักดาบของเขาออกมาและดวงตะวัน ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา ในตอนที่มันฉายแสงลงบนดาบของเขา มันสะท้อนเป้ฯแสงแวววาว นี่คือจิตวิญญาณยุทธสืบทอดของตระกูนซุน,ตะวันลับวิญญาณเดียวดาย
“ตาย!”
ซุนเหว่ยร้องตะโกน เขาไม่แม้แต่จะรอผลการปะทะของขุนนางกุยยี่กับเจ้าเพลิงแดง เขาเพียงกระโดดเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย
กฏแห่งธรรมชาติที่สรางขึ้นโดยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเข้าปะทะกัน สามารถมองเห็นมิติที่เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้ถึงได้ถึงพลังงานแปลกประหลาด
เมื่อความรู้สึกเช่นนั้นจางหายไป,ร่างกายของ พกวเขาก็ถูกโยกโยนไปสองสามร้อยเมตรโดยไม่รู้ตัว ขบวณของพวกเขาถูกปั่นป่วน
ก่อนที่ซุนเหว่นที่อยู่กลางอากาศจะตอบสนองได้ทัน,การโจมตีของเขาก็ตรงไปหาฉ่ฉาวอวิ่น โชคดี,ฉ่ฉาวอวุ่นหลบออกไปล่วงหน้า
มิฉะนั้น หากฉ่ฉาวอวิ่นไม่ได้ทันตั้งตัว,เขาจะไม่ได้อยู่ครบสามสิบสอง ในตอนที่ถูกดาบจู่โจมที่แฝงด้วยจิตวิญญาณยุทธสืบทอดซัดเข้า
ด้วยระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ปะทะกัน,กฏแห่งมิติกลายเป็นปั่นป่วน โชคดี,ที่มันไม่ส่งผลใหญ่หลวงนัก
หากเป็นการโจมตีของปราชญ์ที่แท้จริง,ทุกคนอาจจะถูกโยนข้ามมิติไปไกลเก้าพันกิโลเมตร ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้หรือไม่
“เครั้ง!”
ดาบผ่านภาของขุนนางกุยยี่และอาวุธมหึมาของเจ้าเพลิงแดงดูราวกับเดินทางผ่านมิติอันไร้ขอบเขตก่อนที่จะเข้าแลกกัน เกิดเสียงระเบิดดัง และขุนนางกุยยถูกเป่าลอยขึ้นไปในอากาศราวกับกระสุนปืนใหญ่ “ปัง! ปัง! ปัง!”
ขุนนางกุยยี่ปะทพเข้ากับต้นไม้นับไม่ถ้วนพร้อมกับระเบิดลอยไปอีกห้าร้อยเมตร จากนั้นเขาก็ล่วงลงกับพื้นอย่างแรง
เท้าอันมหึมาของเจ้าเพลิงแดงเคลื่อนกลับหลังไปกับพื้น มันถาายเทแรงมหาศาลลงไปที่พื้นดิน และมันเริ่มสั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน
เจ้าเพลิงแดงไถไปกับพื้นจนถึงตรงหน้าของเนิน จากนั้นร่างของมันก็ค่อยๆหยุดลง
ต้วนมู่ฉิงกล่าว “อย่าเข้าปะทะโดยตรง เจ้าเพลิงแดงเป็นสัตว์อสูรปีศาจที่พึ่งกําลังกายเป็นหลัก แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงก็ไม่อาจต้านทานพลังที่แท้จริงของมันได้”
เมื่อพวกเขาได้ยินดังนี้,ทั้งกลุ่มก็ตกตะลึงในกํา ลังของขุนนางกุยยี่ เขาแข็งแกร่งถึงเพียงใดที่ผลักเจ้าเพลิงแดงกลับไปถึงหนึ่งร้อยเมตร?
“ฟุ ฟิว!”
เจ้าเพลิงแดงตั้งตัวให้มั่นคง จากนั้นเท้าอันมหึมาของมันกระทับลงบนพื้นทั่วทั้งป่าเกิดสั่นสะเทือน มันกระโดดขึ้นหปในอากาศ,ฟันไปที่มู่เยียนเสวี่ยด้วยดาบของมัน
ดูเหมือนว่าเจ้าเพลิงแดงจะมีสติปัญญาและการตัดสินใจที่ร่าตกตะลึง มันสามารถบอกได้ว่าต้วนมู่ฉิงยากที่จะรัยมือด้วย ดังนั้นมันจึงไม่เข้าโจมตีนางก่อน กลับกัน มันจู่โจมมู่เยี่ยนเสวี่ยที่อ่อนแอกว่า
สีหน้าของมู่เยียนเสวี่ยไม่เปลี่ยนแปลง นางเพียงกระโดดขึ้นไปในอากาศและชักดาบของนาง นางรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเจ้าเพลิงแดง แม้ว่านางจะออกท่าทีหลัง,แต่ในไม่ช้า,นางจู่โจมออกไปอย่าน้อยหนึ่งร้อยครั้ง
“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”
ในตอนที่ดาบของมู่เยี่ยนเสวี่ยฟันไปที่เจ้าเพลิงแดง,มันส่งเสียงเหล็กกระทบดัง การโจมตีของนางไม่สามารถทลายการป้องกันของฝ่าตรงข้ามของนาง
“หัตถ์จับมังกร!”
เยี่ยนชื่อเสวีย,ทายาทตระกูลเยียนแห่งแคว้นซีเหอ เห็นถึงสถานการณ์,เขาร้องตะโกนขึ้น เขาใช้ทักษะต่อสู้ที่สืบทอดกันมาของตระกูลเยียน,สร้างมือสีดําปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า
มือสีดํามหึมากําแน่นคว้าจับไปที่เจ้าเพลิงแดงอย่างแน่นหนา,ไม่ให้มันเครื่อนไหว
มู่เยียนเสวี่ยฉวยโอกาสนี้ ดาบแสงปรากฏขึ้น และแทงไปที่ตาขวาของเจ้าเพลิงแดงอย่างรวดเร็ว
“กัว! กัว!”
เจ้าเพลิงแดงหัวเราะอย่างแปลกประหลาดอีกครั้ง รอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นยนใบหน้าของมัน เปลวเพลิงบ้าคลั่งไหลออกมาจากดวงตาของมัน
เปลวเพลิงที่ดุร้ายเผาไหม้อากาศที่อยู่โดยรอบ นี่ทําให้ทุกคนรู้สึกหายใจลําบาก
มู่เยี่ยนเสวี่ยตั้งตัวไม่ทัน นางไม่คาดคิดว่าเจ้าเพลิงจะออกกระบวณท่าเช่นนี้ สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนพร้อมกับนางเคบอนกลับหลังอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม,เปลวเพลิงสลทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน และเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างแปลกประหลาด ในไม่ช้า มันก็รวดเร็วกว่ามูเยียนเสวี่ย
“เยือกแข็ง!”
ในจังหวะสําคัญ,ต้วนมู่ฉิงร้องตะโกนออกมา นางปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของมู่เยี่ยนเสวี่ย,เสื้อผ้าและผมสีขาวของนางปลิวสะบัด
ความภาคภูมิปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เยือกเย็นของนาง มีร่องรอยแห่งความสง่างามของปิงโห่ว นางผลักฝ่ามือขวาของนางไปข้างหน้าและเกิดลมหนาวอันไร้อขอบเขตอุณหภูมิลดต่ําลง
เปลวเพลิงที่เจ้าเพลิงแดงยิงออกมาถูกแช่แข็งในทันที ต้วนมู่ฉิงกํามือของนางและเปลวเพลิงที่ถูกแช่แข็งร่วงลงพื้นและแตกสลาย
“ขอบคุณมาก!”
มู่เยียนเสวี่ยแสดงความขอบคุณและจากนั้น จึงมีโอกาสหลบเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว,ลงจอดบนพื้น
เจ้าเพลิงแดงร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด,มัน ดังก้องไปทั่วทักแห่ง,ทําให้ใบไม้ในบริเวณโดยรอบร่วงหล่นลอยไปในอากาศ
“ปัง!”
เส้นเลือดปูดขึ้นบนร่างกายของเจ้าเพลิงแดง,มันพยายามจะง้างเปิดมือสีดําที่จับตัวของมันเอาไว้ เขียนชื่อเสวี่ยมีสีหน้าจริงจังพร้อมกับยืนหยัดเอาไว้อย่างขมขื่น
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เจ้าเพลิงแดงร้องตะโกนออกมา,เกิดเสียงระเบิดศึกก่องออกมาจากกระดูกของมัน ร่างของมันขนายใหญ่ขึ้น ไหล่ของมันสั่นสะเทือนและผลักมือสีดําออกไปในทันที
เยี่ยนชื่อเสวี่ยกระอักเลือดออกมาคําโตในทันที ตัวของเขาซีดเซียวอย่างน่ากลัว เขารีบกินเม็ดยาและล่าถอยไปด้านหลัง
“กัว! กัว!”
เจ้าเพลิงแดงหลุดออกจากสิ่งพันธนาการ ราวกับม้าป่าที่หลุดออกจากบังเหียน เท้าของมันเคลื่อนไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว,แต่ละฝึก้าวของมันทําให้พื้นดินสั่นสะเทือน
ด้วยความแข็งแกร่งของมันเมื่อก่อนหน้านี้ เจ้าเพลิงแดงสามารถส่งขุนนางกุยยี่ลอยไปได้ในฝ่ามือเดียว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้น,อาจจะไม่มีใครที่ต้านทานการโตมตีจากมันได้
ด้วยการนึกคิดจากต้วนมู่ฉิง,สภาวะแห่งน้ําแข็งสําแดงออกมา ทันใดนั้น,มีเกล็ดมิหะโรยลงมาจากท้องฟ้า
กําแพงน้ําแข็งงอกขึ้นมานากพื้นดิน,ป้องกัน เจ้าเพลิงแดงเอาไว้ สิ่งนี้ซื้อเวลาให้คนอื่นมีโอกาสโจมตี
“ปัง! ปัง! ปัง!”
ร่างกายของเจ้าเพลิงแดงราวกับขุนเขา กําแพงน้ําแข็งที่สามารถป้องกันการโจมตีของเซี่ยวเฉินกับซุนเหว่ยได้เมื่อก่อนหน้านี้ มันราวกับเป็นกิ้งไม้แห้งต่อหน้าเจ้าเพลิงแดงมันสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ปริมาณหิมะตกยิ่งรุนแรงขึ้นอีก เกล็ดหิมะนุ่มมีขนาดเท่าขนห่านแล้ว พื้นดินภายในป่าถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะหนา มันราวกับฤดูหนาวได้มาเยือนแล้ว
ในตอนที่สภาวะแห่งน้ําแข็งของต้วนมู่ฉิงสําแดงออกมาจนถึงขีดสุด,สายลมและหิมะอันไร้ขอบเขตรวมตัวกัน กําแพงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้งอกขึ้นมา
การพุ่งชนที่ไม่อาจหยุดยั้งของเข้าเพลิงแดงในที่สุดก็ชะงัก ในตอนที่ร่างกายอันใหญ่โตของมันชนเข้ากับกําแพงน้ําแข็งขนาดมหึมา มันถูกสะท้อนกลับพร้อมกับเสียงปัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะได้ดีใจ,เจ้าเพลิงแดงส่งดาบออกมาขณะที่ตัวของมันลอยกลับหลัง กําแพงน้ําแข็งถูกผ่าครึ่ง อย่างไรก็ตาม,ต้วนมู่ฉิงได้สําเร็จความตั้งใจของนางเรียบร้อย,นางยื้อเจ้าเพลิงแดงเอาไว้ได้สําเร็จ
“ดาบดาราร่ายรํา,อาภานิรันดร์!”
จีชางควร้องตะโกนออกมาและทั่วทั้งผืนป่า กลายเป็นมืดมิด ดวงดารานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่เหนือหัวของพวกเขา,ดวงดาวที่เป็นตัวแทนของเขาในสายธารดาราอันไร้ขอบเขต ทันใดนั้นก็เจิดจรัสแสง
แสงอันรุ่งโรจน์ร่วงหล่น,ดิ่งลงมาจากเก้าสวรรค์ ในทันทีที่แสงสัมผัสกับพื้น มือขวาของจีชางคงชี้ดาบของเขาไปในอากาศ ดวงแสงนั้นยืดออกไปเป็นดาบแสงในทันที
ขณะที่ดาบแสงเผยออกมา,ดวงดาราบนท้องฟ้าเจือจางลง ในที่ที่มีแสงนิรันดร์,ไม่มีแหล่งแสงอื่นใดที่จะกล้าฉายแสงปดปังรัศมีของแสงนี้
ขณะที่ดาบถูกเผยออกมา มันฉายแสงแห่งเก้า สวรรค์,แสงดาวจึงต้องจืดจาง มีเพียงแสงของ ดาบเล่มนี้มีคงอยู่ นี่เป็นทักษะลับที่สืบทอดกับมา ในตระกูลจี,ดาบดาราร่ายรํา
หนึ่งปีก่อน,เซี่ยวเฉินตกตะลึงในตอนที่จีชางคงใช้ออกกระบวณท่านี้ ในครั้งนี้ เซียวเฉินมองเห็นบางอย่างที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ด้วยจิตวิญญาณยุทธดาราอรุณของจีชางคง,ปลุกความลึกลับของดาราอรุณขึ้นมา และจากนั้นใช้พลังนี้เพื่อสําแดงทักษะกระบี่ที่โดดเด่นออกมา
ผู้อาวุโสของตระกูลจีที่สร้างทักษะดาบนี้ขึ้นมาจะต้องเป็นอัจฉริยะ ฉากของมันช่างยิ่งใหญ่, มันคลุมไปทั่วทั้งจักรวาล
ในความคิดเห็นของเซี่ยวเฉิน, แม้ว่าทักษะกระบี่นี้จะมีพลังที่น่าสนใจ แต่มันจะต้องไม่ได้สมบูรณ์ พลังแห่งจักรวาลน่าจะไม่ได้จํากัดอยู่เพียงเท่านี้
“บูม!”
ขณะที่เซียวเฉินกําลังครุ่นคิด,เสาที่เหมือนกับดาบแสงซัดเข้าที่หน้าอกของเจ้าเพลิงแดง สายเลือดไหลทะลักออกมาจากหน้าอกของมันอย่างน่ากลัว,เลือดสีดําของมันไหลทะลักออกมาราวกับน้ําพุ
ทุกคนชื่นชมยินดีอยู่ในใจของพวกเขา ในที่สุด พวกเขาก็สามารถทําให้เจ้าเพลิงแดงบาดเจ็บ:พวกเขามองเห็นความหวังที่จะชนะ
“เยือกแข็งทลาย!”
ต้วนมู่ฉิงคว้าโอกาสนี้เอาไว้และร้องตะโกนออกมา หิมะทั้งหมดในอากาศเข้ามารวมตัวกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง มันเปลี่ยนกลายเป็นวิหคน้ําแข็งขนาดมหึมา วิหคน้ําแข็งสยายปีกของมันและส่งเสียงร้องออกมา มันดูราวกับมีชีวิตขณะที่บินตรงไปที่เจ้าเพลิงแดงพร้อมกับสายลมอันหนาวเหน็บ
การชําระของอาภานิรันดร์ทําให้เจ้าเพลิงแดงบาดเจ็บไปไม่น้อย ร่างกายที่ว่องไวของมันเชื่องช้าลง
ประกายแวววับในดวงตาของเซียวเฉินขณะที่เขามองดูอย่างละเอียด เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันไม่ใช่ดาบแสงของจีชางคงที่ทําให้เจ้าเพลิงแดงเชื่องช้าลง
มันกลับเป็นผลมาจากสภาวะน้ําแข็งของต้วนมู่ฉิง เริ่มแรก มันยังไม่ได้ส่งผลมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป,ผลของมันยิ่งซ้อนทับขึ้น โดยเฉพาะอย่ายิ่งหลังจากที่เจ้าเพลิงแดงได้รับบาดเจ็บ,ผลของมันยิ่งเห็นชัด
เซียวเฉินมองเห็นสี่สตรีที่ติดตามต้วนมู่ฉิงทั้งหมดกําลังยืนอยู่ไกลออกไป,แยกเป็นคนละมุม มีรูปแบบค่ายกลที่ด้านใต้เท้าของพวกนาง
พวกมันรวบรวมทักษะลับทุกประเภทเข้าด้วยกัน มีพลังงานหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของต้วนมู่ฉิงอย่างต่อเนื่อง นี่ทําให้พลังของสภาวะน้ําแข็งของนางเร่งขึ้นไปถึงระดับที่น่ากลัว
นอกจากนั้น,การควบคุมสภาวะของต้วนมู่ฉิงยังขึ้นไปถึงระดับที่ควบคุมได้ดั่งใจแล้ว นางพุ่งแรงกดดันทั้งหมดไปที่เจ้าเพลิงแดง
คนอื่นๆไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันจากสภาวะของนางแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะเซียวเฉินมีความเข้าใจลึกซึ้งต่อสภาวะ,มันจะเป็นการยากที่เขาจะมองเห็นความลึกลับที่อยู่เบื้องหลัง
เจ้าเพลิงแดงก็ฉลาดเป็นอย่างมาก ในไม่ช้ามันก็ตระหนักถึงความลึกลับที่อยู่ภายใน มันร้องคํารามอย่างเหรี้ยวกราดและเปลวเพลิงดุร้ายลุกไหม้ในดวงตาของมัน
“บูม!”
เจ้าเพลิงแดงกวาดดาบยักษ์ของมันและมันก็ถูกจุดขึ้นด้วยเปลวเพลิงลุกโชติช่วง เปลวเพลิงสว่างเจิดจ้าเป็นอย่างมากและมีไฟสีดําหมุนอยู่รอบมัน เปลวเพลิงของเจ้าเพลิงแดงแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงปีศาจ
เจ้าเพลิงแดงพยายามอย่างที่สุดกระโดดขึ้นไปข้างหน้า มันเปลี่ยนเป็นจับดายสองมือและเปลวเพลิงก็ถูกยิงออกไป วิหคน้ําแข็งแตกสบายกลายเป็นชิ้นน้ําแข็งเล็กๆนับไม่ถ้วน
ทันทีที่วิหคน้ําแข็งแตกสลายเจ้าเพลิงแดงปักดาบของมันลงไปที่พื้น เปลวเพลิงสีแดงผุดขึ้นมาในระยะสิบเมตรรอบตัวมัน,เผาไหม้ส่งควันสีดําออกมา
เซี่ยวเฉันยืนอยู่ห่างออกไปในตอนที่เขาเห็นทั้งหมดนี้ เขาพึมพํากับตัวเอง “เปลวเพลิงได้ขัดขวางสภาวะของต้วนมู่ฉิง ไม่ใช่เดี๋ยวก่อน,มันกําลังเผาไหม้อยู่”
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivation 313 หนึ่งดาบแสงแช่แข็งสิบเก้าเขต
ตอนที่ 313 หนึ่งดาบแสงแช่แข็งสิบเก้าเขต
อาวุธที่อยู่บนไหล่ของเจ้าเพลิงแดง แท้จริงแล้วเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง สัตว์อสูรปีศาจที่พกอาวุธก็นับว่าแปลกมากแล้ว กระนั้น,มันยังเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ความปรารถนาปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน ซุนเหว่ยยิมอย่างเย็นชา “ข้าต้องการอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ ห้ามมีใครมาแย่งข้า”
ซุนเหว่ยชักดาบของเขาออกมาและดวงตะวัน ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา ในตอนที่มันฉายแสงลงบนดาบของเขา มันสะท้อนเป้ฯแสงแวววาว นี่คือจิตวิญญาณยุทธสืบทอดของตระกูนซุน,ตะวันลับวิญญาณเดียวดาย
“ตาย!”
ซุนเหว่ยร้องตะโกน เขาไม่แม้แต่จะรอผลการปะทะของขุนนางกุยยี่กับเจ้าเพลิงแดง เขาเพียงกระโดดเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย
กฏแห่งธรรมชาติที่สรางขึ้นโดยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเข้าปะทะกัน สามารถมองเห็นมิติที่เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้ถึงได้ถึงพลังงานแปลกประหลาด
เมื่อความรู้สึกเช่นนั้นจางหายไป,ร่างกายของ พกวเขาก็ถูกโยกโยนไปสองสามร้อยเมตรโดยไม่รู้ตัว ขบวณของพวกเขาถูกปั่นป่วน
ก่อนที่ซุนเหว่นที่อยู่กลางอากาศจะตอบสนองได้ทัน,การโจมตีของเขาก็ตรงไปหาฉ่ฉาวอวิ่น โชคดี,ฉ่ฉาวอวุ่นหลบออกไปล่วงหน้า
มิฉะนั้น หากฉ่ฉาวอวิ่นไม่ได้ทันตั้งตัว,เขาจะไม่ได้อยู่ครบสามสิบสอง ในตอนที่ถูกดาบจู่โจมที่แฝงด้วยจิตวิญญาณยุทธสืบทอดซัดเข้า
ด้วยระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ปะทะกัน,กฏแห่งมิติกลายเป็นปั่นป่วน โชคดี,ที่มันไม่ส่งผลใหญ่หลวงนัก
หากเป็นการโจมตีของปราชญ์ที่แท้จริง,ทุกคนอาจจะถูกโยนข้ามมิติไปไกลเก้าพันกิโลเมตร ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้หรือไม่
“เครั้ง!”
ดาบผ่านภาของขุนนางกุยยี่และอาวุธมหึมาของเจ้าเพลิงแดงดูราวกับเดินทางผ่านมิติอันไร้ขอบเขตก่อนที่จะเข้าแลกกัน เกิดเสียงระเบิดดัง และขุนนางกุยยถูกเป่าลอยขึ้นไปในอากาศราวกับกระสุนปืนใหญ่ “ปัง! ปัง! ปัง!”
ขุนนางกุยยี่ปะทพเข้ากับต้นไม้นับไม่ถ้วนพร้อมกับระเบิดลอยไปอีกห้าร้อยเมตร จากนั้นเขาก็ล่วงลงกับพื้นอย่างแรง
เท้าอันมหึมาของเจ้าเพลิงแดงเคลื่อนกลับหลังไปกับพื้น มันถาายเทแรงมหาศาลลงไปที่พื้นดิน และมันเริ่มสั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน
เจ้าเพลิงแดงไถไปกับพื้นจนถึงตรงหน้าของเนิน จากนั้นร่างของมันก็ค่อยๆหยุดลง
ต้วนมู่ฉิงกล่าว “อย่าเข้าปะทะโดยตรง เจ้าเพลิงแดงเป็นสัตว์อสูรปีศาจที่พึ่งกําลังกายเป็นหลัก แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงก็ไม่อาจต้านทานพลังที่แท้จริงของมันได้”
เมื่อพวกเขาได้ยินดังนี้,ทั้งกลุ่มก็ตกตะลึงในกํา ลังของขุนนางกุยยี่ เขาแข็งแกร่งถึงเพียงใดที่ผลักเจ้าเพลิงแดงกลับไปถึงหนึ่งร้อยเมตร?
“ฟุ ฟิว!”
เจ้าเพลิงแดงตั้งตัวให้มั่นคง จากนั้นเท้าอันมหึมาของมันกระทับลงบนพื้นทั่วทั้งป่าเกิดสั่นสะเทือน มันกระโดดขึ้นหปในอากาศ,ฟันไปที่มู่เยียนเสวี่ยด้วยดาบของมัน
ดูเหมือนว่าเจ้าเพลิงแดงจะมีสติปัญญาและการตัดสินใจที่ร่าตกตะลึง มันสามารถบอกได้ว่าต้วนมู่ฉิงยากที่จะรัยมือด้วย ดังนั้นมันจึงไม่เข้าโจมตีนางก่อน กลับกัน มันจู่โจมมู่เยี่ยนเสวี่ยที่อ่อนแอกว่า
สีหน้าของมู่เยียนเสวี่ยไม่เปลี่ยนแปลง นางเพียงกระโดดขึ้นไปในอากาศและชักดาบของนาง นางรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเจ้าเพลิงแดง แม้ว่านางจะออกท่าทีหลัง,แต่ในไม่ช้า,นางจู่โจมออกไปอย่าน้อยหนึ่งร้อยครั้ง
“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”
ในตอนที่ดาบของมู่เยี่ยนเสวี่ยฟันไปที่เจ้าเพลิงแดง,มันส่งเสียงเหล็กกระทบดัง การโจมตีของนางไม่สามารถทลายการป้องกันของฝ่าตรงข้ามของนาง
“หัตถ์จับมังกร!”
เยี่ยนชื่อเสวีย,ทายาทตระกูลเยียนแห่งแคว้นซีเหอ เห็นถึงสถานการณ์,เขาร้องตะโกนขึ้น เขาใช้ทักษะต่อสู้ที่สืบทอดกันมาของตระกูลเยียน,สร้างมือสีดําปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า
มือสีดํามหึมากําแน่นคว้าจับไปที่เจ้าเพลิงแดงอย่างแน่นหนา,ไม่ให้มันเครื่อนไหว
มู่เยียนเสวี่ยฉวยโอกาสนี้ ดาบแสงปรากฏขึ้น และแทงไปที่ตาขวาของเจ้าเพลิงแดงอย่างรวดเร็ว
“กัว! กัว!”
เจ้าเพลิงแดงหัวเราะอย่างแปลกประหลาดอีกครั้ง รอยยิ้มโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นยนใบหน้าของมัน เปลวเพลิงบ้าคลั่งไหลออกมาจากดวงตาของมัน
เปลวเพลิงที่ดุร้ายเผาไหม้อากาศที่อยู่โดยรอบ นี่ทําให้ทุกคนรู้สึกหายใจลําบาก
มู่เยี่ยนเสวี่ยตั้งตัวไม่ทัน นางไม่คาดคิดว่าเจ้าเพลิงจะออกกระบวณท่าเช่นนี้ สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนพร้อมกับนางเคบอนกลับหลังอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม,เปลวเพลิงสลทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน และเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างแปลกประหลาด ในไม่ช้า มันก็รวดเร็วกว่ามูเยียนเสวี่ย
“เยือกแข็ง!”
ในจังหวะสําคัญ,ต้วนมู่ฉิงร้องตะโกนออกมา นางปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของมู่เยี่ยนเสวี่ย,เสื้อผ้าและผมสีขาวของนางปลิวสะบัด
ความภาคภูมิปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เยือกเย็นของนาง มีร่องรอยแห่งความสง่างามของปิงโห่ว นางผลักฝ่ามือขวาของนางไปข้างหน้าและเกิดลมหนาวอันไร้อขอบเขตอุณหภูมิลดต่ําลง
เปลวเพลิงที่เจ้าเพลิงแดงยิงออกมาถูกแช่แข็งในทันที ต้วนมู่ฉิงกํามือของนางและเปลวเพลิงที่ถูกแช่แข็งร่วงลงพื้นและแตกสลาย
“ขอบคุณมาก!”
มู่เยียนเสวี่ยแสดงความขอบคุณและจากนั้น จึงมีโอกาสหลบเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว,ลงจอดบนพื้น
เจ้าเพลิงแดงร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด,มัน ดังก้องไปทั่วทักแห่ง,ทําให้ใบไม้ในบริเวณโดยรอบร่วงหล่นลอยไปในอากาศ
“ปัง!”
เส้นเลือดปูดขึ้นบนร่างกายของเจ้าเพลิงแดง,มันพยายามจะง้างเปิดมือสีดําที่จับตัวของมันเอาไว้ เขียนชื่อเสวี่ยมีสีหน้าจริงจังพร้อมกับยืนหยัดเอาไว้อย่างขมขื่น
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เจ้าเพลิงแดงร้องตะโกนออกมา,เกิดเสียงระเบิดศึกก่องออกมาจากกระดูกของมัน ร่างของมันขนายใหญ่ขึ้น ไหล่ของมันสั่นสะเทือนและผลักมือสีดําออกไปในทันที
เยี่ยนชื่อเสวี่ยกระอักเลือดออกมาคําโตในทันที ตัวของเขาซีดเซียวอย่างน่ากลัว เขารีบกินเม็ดยาและล่าถอยไปด้านหลัง
“กัว! กัว!”
เจ้าเพลิงแดงหลุดออกจากสิ่งพันธนาการ ราวกับม้าป่าที่หลุดออกจากบังเหียน เท้าของมันเคลื่อนไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว,แต่ละฝึก้าวของมันทําให้พื้นดินสั่นสะเทือน
ด้วยความแข็งแกร่งของมันเมื่อก่อนหน้านี้ เจ้าเพลิงแดงสามารถส่งขุนนางกุยยี่ลอยไปได้ในฝ่ามือเดียว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้น,อาจจะไม่มีใครที่ต้านทานการโตมตีจากมันได้
ด้วยการนึกคิดจากต้วนมู่ฉิง,สภาวะแห่งน้ําแข็งสําแดงออกมา ทันใดนั้น,มีเกล็ดมิหะโรยลงมาจากท้องฟ้า
กําแพงน้ําแข็งงอกขึ้นมานากพื้นดิน,ป้องกัน เจ้าเพลิงแดงเอาไว้ สิ่งนี้ซื้อเวลาให้คนอื่นมีโอกาสโจมตี
“ปัง! ปัง! ปัง!”
ร่างกายของเจ้าเพลิงแดงราวกับขุนเขา กําแพงน้ําแข็งที่สามารถป้องกันการโจมตีของเซี่ยวเฉินกับซุนเหว่ยได้เมื่อก่อนหน้านี้ มันราวกับเป็นกิ้งไม้แห้งต่อหน้าเจ้าเพลิงแดงมันสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ปริมาณหิมะตกยิ่งรุนแรงขึ้นอีก เกล็ดหิมะนุ่มมีขนาดเท่าขนห่านแล้ว พื้นดินภายในป่าถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะหนา มันราวกับฤดูหนาวได้มาเยือนแล้ว
ในตอนที่สภาวะแห่งน้ําแข็งของต้วนมู่ฉิงสําแดงออกมาจนถึงขีดสุด,สายลมและหิมะอันไร้ขอบเขตรวมตัวกัน กําแพงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้งอกขึ้นมา
การพุ่งชนที่ไม่อาจหยุดยั้งของเข้าเพลิงแดงในที่สุดก็ชะงัก ในตอนที่ร่างกายอันใหญ่โตของมันชนเข้ากับกําแพงน้ําแข็งขนาดมหึมา มันถูกสะท้อนกลับพร้อมกับเสียงปัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะได้ดีใจ,เจ้าเพลิงแดงส่งดาบออกมาขณะที่ตัวของมันลอยกลับหลัง กําแพงน้ําแข็งถูกผ่าครึ่ง อย่างไรก็ตาม,ต้วนมู่ฉิงได้สําเร็จความตั้งใจของนางเรียบร้อย,นางยื้อเจ้าเพลิงแดงเอาไว้ได้สําเร็จ
“ดาบดาราร่ายรํา,อาภานิรันดร์!”
จีชางควร้องตะโกนออกมาและทั่วทั้งผืนป่า กลายเป็นมืดมิด ดวงดารานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่เหนือหัวของพวกเขา,ดวงดาวที่เป็นตัวแทนของเขาในสายธารดาราอันไร้ขอบเขต ทันใดนั้นก็เจิดจรัสแสง
แสงอันรุ่งโรจน์ร่วงหล่น,ดิ่งลงมาจากเก้าสวรรค์ ในทันทีที่แสงสัมผัสกับพื้น มือขวาของจีชางคงชี้ดาบของเขาไปในอากาศ ดวงแสงนั้นยืดออกไปเป็นดาบแสงในทันที
ขณะที่ดาบแสงเผยออกมา,ดวงดาราบนท้องฟ้าเจือจางลง ในที่ที่มีแสงนิรันดร์,ไม่มีแหล่งแสงอื่นใดที่จะกล้าฉายแสงปดปังรัศมีของแสงนี้
ขณะที่ดาบถูกเผยออกมา มันฉายแสงแห่งเก้า สวรรค์,แสงดาวจึงต้องจืดจาง มีเพียงแสงของ ดาบเล่มนี้มีคงอยู่ นี่เป็นทักษะลับที่สืบทอดกับมา ในตระกูลจี,ดาบดาราร่ายรํา
หนึ่งปีก่อน,เซี่ยวเฉินตกตะลึงในตอนที่จีชางคงใช้ออกกระบวณท่านี้ ในครั้งนี้ เซียวเฉินมองเห็นบางอย่างที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ด้วยจิตวิญญาณยุทธดาราอรุณของจีชางคง,ปลุกความลึกลับของดาราอรุณขึ้นมา และจากนั้นใช้พลังนี้เพื่อสําแดงทักษะกระบี่ที่โดดเด่นออกมา
ผู้อาวุโสของตระกูลจีที่สร้างทักษะดาบนี้ขึ้นมาจะต้องเป็นอัจฉริยะ ฉากของมันช่างยิ่งใหญ่, มันคลุมไปทั่วทั้งจักรวาล
ในความคิดเห็นของเซี่ยวเฉิน, แม้ว่าทักษะกระบี่นี้จะมีพลังที่น่าสนใจ แต่มันจะต้องไม่ได้สมบูรณ์ พลังแห่งจักรวาลน่าจะไม่ได้จํากัดอยู่เพียงเท่านี้
“บูม!”
ขณะที่เซียวเฉินกําลังครุ่นคิด,เสาที่เหมือนกับดาบแสงซัดเข้าที่หน้าอกของเจ้าเพลิงแดง สายเลือดไหลทะลักออกมาจากหน้าอกของมันอย่างน่ากลัว,เลือดสีดําของมันไหลทะลักออกมาราวกับน้ําพุ
ทุกคนชื่นชมยินดีอยู่ในใจของพวกเขา ในที่สุด พวกเขาก็สามารถทําให้เจ้าเพลิงแดงบาดเจ็บ:พวกเขามองเห็นความหวังที่จะชนะ
“เยือกแข็งทลาย!”
ต้วนมู่ฉิงคว้าโอกาสนี้เอาไว้และร้องตะโกนออกมา หิมะทั้งหมดในอากาศเข้ามารวมตัวกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง มันเปลี่ยนกลายเป็นวิหคน้ําแข็งขนาดมหึมา วิหคน้ําแข็งสยายปีกของมันและส่งเสียงร้องออกมา มันดูราวกับมีชีวิตขณะที่บินตรงไปที่เจ้าเพลิงแดงพร้อมกับสายลมอันหนาวเหน็บ
การชําระของอาภานิรันดร์ทําให้เจ้าเพลิงแดงบาดเจ็บไปไม่น้อย ร่างกายที่ว่องไวของมันเชื่องช้าลง
ประกายแวววับในดวงตาของเซียวเฉินขณะที่เขามองดูอย่างละเอียด เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันไม่ใช่ดาบแสงของจีชางคงที่ทําให้เจ้าเพลิงแดงเชื่องช้าลง
มันกลับเป็นผลมาจากสภาวะน้ําแข็งของต้วนมู่ฉิง เริ่มแรก มันยังไม่ได้ส่งผลมากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป,ผลของมันยิ่งซ้อนทับขึ้น โดยเฉพาะอย่ายิ่งหลังจากที่เจ้าเพลิงแดงได้รับบาดเจ็บ,ผลของมันยิ่งเห็นชัด
เซียวเฉินมองเห็นสี่สตรีที่ติดตามต้วนมู่ฉิงทั้งหมดกําลังยืนอยู่ไกลออกไป,แยกเป็นคนละมุม มีรูปแบบค่ายกลที่ด้านใต้เท้าของพวกนาง
พวกมันรวบรวมทักษะลับทุกประเภทเข้าด้วยกัน มีพลังงานหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของต้วนมู่ฉิงอย่างต่อเนื่อง นี่ทําให้พลังของสภาวะน้ําแข็งของนางเร่งขึ้นไปถึงระดับที่น่ากลัว
นอกจากนั้น,การควบคุมสภาวะของต้วนมู่ฉิงยังขึ้นไปถึงระดับที่ควบคุมได้ดั่งใจแล้ว นางพุ่งแรงกดดันทั้งหมดไปที่เจ้าเพลิงแดง
คนอื่นๆไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันจากสภาวะของนางแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะเซียวเฉินมีความเข้าใจลึกซึ้งต่อสภาวะ,มันจะเป็นการยากที่เขาจะมองเห็นความลึกลับที่อยู่เบื้องหลัง
เจ้าเพลิงแดงก็ฉลาดเป็นอย่างมาก ในไม่ช้ามันก็ตระหนักถึงความลึกลับที่อยู่ภายใน มันร้องคํารามอย่างเหรี้ยวกราดและเปลวเพลิงดุร้ายลุกไหม้ในดวงตาของมัน
“บูม!”
เจ้าเพลิงแดงกวาดดาบยักษ์ของมันและมันก็ถูกจุดขึ้นด้วยเปลวเพลิงลุกโชติช่วง เปลวเพลิงสว่างเจิดจ้าเป็นอย่างมากและมีไฟสีดําหมุนอยู่รอบมัน เปลวเพลิงของเจ้าเพลิงแดงแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงปีศาจ
เจ้าเพลิงแดงพยายามอย่างที่สุดกระโดดขึ้นไปข้างหน้า มันเปลี่ยนเป็นจับดายสองมือและเปลวเพลิงก็ถูกยิงออกไป วิหคน้ําแข็งแตกสบายกลายเป็นชิ้นน้ําแข็งเล็กๆนับไม่ถ้วน
ทันทีที่วิหคน้ําแข็งแตกสลายเจ้าเพลิงแดงปักดาบของมันลงไปที่พื้น เปลวเพลิงสีแดงผุดขึ้นมาในระยะสิบเมตรรอบตัวมัน,เผาไหม้ส่งควันสีดําออกมา
เซี่ยวเฉันยืนอยู่ห่างออกไปในตอนที่เขาเห็นทั้งหมดนี้ เขาพึมพํากับตัวเอง “เปลวเพลิงได้ขัดขวางสภาวะของต้วนมู่ฉิง ไม่ใช่เดี๋ยวก่อน,มันกําลังเผาไหม้อยู่”
Comments