Immortal and Martial Dual Cultivation 318 กดข่มทุกคน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 318 กดข่มทุกคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 318 กดข่มทุกคน

ดวงตาของเซียวเฉินลุกวาว สายตาของเขาจับไปที่หุ่นเชิดเกราะสองตัวนี้ เหมือนกันคนอื่นๆ,เขาค่อนข้างจะมีความสนใจในหุ่นเกราะสีทองตัวนี้

อย่างไรก็ตาม ความคิดของเซียวเฉินนําหน้าไปจากคนอื่นๆ แม้ว่าเขาจะเอาหุ่นเกราะสีทองนี้มาได้ แต่การทําให้มันจดจําเขาในฐานะเจ้านาย นี่เป็นปัญหา

กระบวณการที่ทําให้หุ่นเกราะจดจําเจ้านายมันต้องใช้เวลาสามอึดใจ หุ่นเกราะสีทองนั้นจะต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีกเป็นแน่ ประเด็นหลักก็คือจะทําอย่างไรไม่ให้คนอื่นโจมตีใส่เขาในช่วงเวลานั้น

ข้าจะต้องคิดหาทางถอยหนีให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ สองทางออกที่อยู่ด้านหลังบัลลังก์ดึงดูดสายตาของเซียวเฉิน มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเขาเขาเคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบๆ

เซียวเฉินใช้โอกาสในตอนที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หุ่นเชิดเกราะเงินและบัลลังก์สีแดง

เซี่ยวเฉินหลบเลี่ยงสายตาของทุกคน และมุ่งหน้าไปที่ทางออกอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสิบนาที,เซียวเฉินก็กลับมาที่โถงใหญ่อย่างเงียบๆ;เขารู้แล้วว่าต้องทําอะไร

ดาบฉีของสองหุ่นเชิดเกราะเงินเริ่มที่จะอ่อนแสงลง ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก

ในจังหวะที่หุ่นเชิดเกราะเงินล้มลง,หุ่นเชิดเกราะทองนาาจะเริ่มเคลื่อนไหว ในตอนนั้น,การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น

เส้นผมสีขาวปรากฏขึ้นบนผมที่หลังของต้วนมู่ฉิง เห็นชัดว่านางกําลังเริ่มทักษะเหมันต์ลึกล้ํา

ร่างสีแดงปรากําขึ้นที่ด้านหลังของฮวาหยุนเฟยร่างของมันเรื่องสลัว,และดาบของเขาเปล่งดาบแสงสีแดงประหลาดออกมา

ดวงตาของจีชางคงเต็มไปด้วยดวงดาว สายธารดวงดาวรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นรอบตัวของ เขา,เปล่งแสงสีอ่อนออกมา ดวงดาวพวกนั้นเปล่งแสงเจิดจ้าเว้นแต่เพียงดวงเดียว;ดวงดาวที่เป็นดั่งตัวแทนของเขามืดมิดและไร้แสง
ขุนนางกุยยี่ที่สวมเกราะศึกทองคําและถือดาบผ่านภาเอาไว้ในมือ เขาแสดงออกท่าทางที่ดุร้าย พลังฉีที่เอ่อล้นมารวมตัวที่จุดบนหน้าผากของเขา

สายตาของเซี่ยวเฉินเบนไปที่ฉ่ฉาวอวิ๋นเขาได้ ซึ่งความกังวลและมีสีหน้านิ่งสงบ

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่หลังของฉ่ฉาวอวิ่นกําลังสะสมกระแสพลังอย่างต่อเนื่อง มันสั่นไหวเล็กน้อย,ดูน่าตื่นตาอย่างหาที่เปรียบมิได้ มันเพียงรอเวลาที่จะถูกชักออกมา,เพื่อสะกดสายตาของทุกคน

ผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าการต่อสู้เช่นกันพวกเขาควบคุมหุ่นเชิดเกราะเหล็กของพวกเขาเพื่อให้ชักอาวุธของพวกมันออกมา และปลดปล่อยกระแสพลังออกมาโดยไม่มีกักเก็บเอาไว้

ครู่หนึ่ง,ทุกคนภายในห้องโถงก็ได้ว่างแผนกัน พวกเขาทั้งหมดปลดปล่อยกระแสพลังออกมาไม่หยุดหย่อน แต่อย่างไรก็ตาม มันยังสงบอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นลมสงบก่อนที่พายุจะเข้า นอกจากเสียงจากดาบฉีของหุ่นเชิดเกราะเงิน,ก็มีเพียงเสียงลมหายใจหนักแน่นของทุกคนในห้องโถง

ความหนาแน่นของทุกคนเร่งขึ้นสนถึงจุดขีดสุด พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปยังหุ่นรบเกราะทองที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ความปรารถนาลอยอบอวลอยู่ในสายตาของพวกเขา

ในที่สุด,พลังงานจิตวิญญาณในหุ่นรบเกราะเงินทั้งสองก็ได้หมดลง,และล้มลงกับพื้น ในจังหวะที่พวกมันล้มลง,ดวงตาอันว่างเปล่าของหุ่นรบเกราะทองก็เผล่งแสงสีทองขึ้น มันลุกยืนขึ้นจากบัลลังก์

“เครั้ง! เครั้ง!”

เกราะสีทองส่งเสียงเหล็กกระทบออกมา เสียงดังสะท้อนไปมาภายในห้องโถง

มันชักดาบสีทองที่เอวของมันออกมา ทันใดนั้น,กระแสพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นก็ได้ปลดปล่อยออกมาจากรอบตัวของมัน

อย่างไรก็ตาม,ทันใดนั้น,กระบวณท่าสังหาร,ที่ทั้งสิบคนได้เตรียมพร้อมเอาไว้,ถูกใช้ออกมาจากทั่วทุกสารทิศ

“ดาบดาราร่ายรํา,รวมหมู่ดาว!”

จีชางคงร้องตะโกนและปลดปล่อยแสงรุ่งโรจน์ออกมาจากดาบของเขา ดวงดาวที่เป็นดั่งตัวแทนของเขาที่อยู่ในธารดาราทันใดนั้นก็เรืองแสงเจิด

“เจ้าจิตวิญญาณโลหิต, มรณาเลือดใต้สวรรค์!”

ฮวาหยุนเฟยร้องตะโกนออกมาอย่างดุร้าย ร่างสีเลือดจางสลัวที่ด้านหลังของเขาแข็งตัวและหลอมรวมเข้ากับร่างของเขา ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดง และรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาดูน่ากลัว

กระแสพลังของฮวาหยุนเฟยเร่งขึ้น แสงสีแดงจากดาบของเขาราวกับว่ามันกําลังกลืนกินโลกใบ

“ทลายเหมันต์ลึกล้ํา,เยือกแข็งสัมบูรณ์!”

ผมสีดําของต้วนมู่ฉิงพลันกลายเป็นสีขาวหิมะในทันที ดวงตาของนางสูญสิ้นซึ่งอารมณ์ของมนุษย์ราวกับเทพธิดาจากสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึก

เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนโรยลงมาจากท้องฟ้า อุณหภูมิโดยรอยลดต่ําลง ความหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูกลึกไปถึงวิญญาณ

ขุนนางกุยย,หยิงเซี่ยว,ไม่ได้กล่าวอะไร เขาโบกสะบัดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเกิดระลอกคลื่นบางๆในกฎแห่งสวรรค์และปฐพี่ เขาชื้นําอํานาจของเต๋าสวรรค์เพื่อโจมตีใส่หุ่นรบสีทอง

อัจฉริยะปีศาจทั้งสิบเริ่มเคลื่อนไหว,ไปทีละคน แสงสีสันถูกปลดปล่อยออกไปในอากาศ ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนที่วางแผนจะเข้าไปร่วมด้วยถูกส่งลอยปลิวไปโดยคลื่นกระแทก

การจู่โจมที่น่าหลาดกลัวเหล่านี้ได้สะสมพลังมาเป็นเวลานาน แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นกลางก็จะตกตายได้ภายในครั้งเดียว;เขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้หลบเลี่ยง

ปฏิกิริยาตอบโต้ของเซียวเฉินรวดเร็ว ขณะที่เขาเตรียมตัวที่จะใช้ออกอัสนีหลบเลี่ยง,ทันใดนั้น เขาก็หยุดลงและมองไปที่บัลลังก์สีแดง

ทันทีที่หุ่นรบสีทองยืนขึ้น,บัลลังก์สีแดงนั้นก็ดู เหมือนจะลอยสูงขึ้นประมาณ 0.66 เซนติเมตรโดยไม่มีเหตุผล นอกจากนั้น เซี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานจิตอันแข็งแข็ง

เกิดอะไรขึ้น? หรือข้าจะตาฝาดไป? เซียวเฉินงุนงง

ขณะที่เซียวเฉินกําลังงุนงง,การโจมตีของสิบระ ดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดก็ซัดลงไปที่นั่นรบสีทองในเวลาเดียวกัน เกิดเสียงดังสนั่นอย่างไม่น่าเชื่อ และพลังงานอันน่าหวาดกลัวระเบิดขึ้นที่เหนือบัลลังก์
“บุม!”

เสาทั้งสิบสองต้นในห้องโถงทันใดนั้นก็แตกสลาย ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ติดกันไม่อาจหลบได้ทันเวลา คลื่นกระแทกซัดโดนพวกเขาทั้งหมด พวกเขากระอักเลือดออกมาและล้มลงไปกับพื้นอย่างน่าสังเวช

ทั่วทั้งห้องโถงสั่นสะเทือน ดินหินร่วงหล่นลงมาราวกับห่าฝน

ห้องโถงแห่งนี้กําลังจะถล่มลงมาฝุ่นควันถูกตบลอยขึ้นไปในอากาศ ทุกคนวิ่งหนีขณะที่ก้อนหินร่วงหล่นไล่ตามมา ในห้องโถงกลายเป็นวุ่นวายในทันที

“ฮ่ะ!”

ท่ากลางความวุ่นวาย,แสงสีทองทันใดนั้นก็เรืองขึ้น มันเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน,มันเปล่งประกายจนทุกคนตกตะลึง

ฉ่ฉาวอวิ่นที่เงียบขรึมได้เคลื่อนไหว ระลอกคลื่นสีทองปรากฏผ่านอากาศราวกับว่าพื้นที่ถูกแยกออกจากกัน

ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ,เขากดการโจมตีของคนอื่นๆอีกเก้าคน พวกเขาทั้งหมดถูกซัดตัวลอย

นี่คือความแข็งแกร่งของฉ่ฉาวอวิ่น ในจังหวะที่เขาชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมา,และดาบแสงเรืองขึ้น,พลังของมันก็กดข่มทุกคนเอาไว้ แม้ว่ามันจะเสียเปรียบที่ยิงออกมาช้า,แต่พลังนี้ก็ไม่อาจถูกปิดมิด

“ปัง!”

ฉ่ฉาวอวิ่นจับตัวหุ่นรบสีทองเอาไว้ เขาส่งฝ่ามือจู่โจมไปที่กําลังแพงด้านหลังของบัลลังก์,ระเบิดออกเป็นรูขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปอย่างไม่มีความลังเล

ฝ่ามือนี้ยิ่งทําให้ห้องโถงยิ่งสั่นสะเทือน:มันเริ่มที่จะพังทลาย

“วิ่ง!เร็ว! ห้องโถงนี้กําลังจะพังลงมา หากเจ้าไม่ออกไปตอนนี้เจ้าตายแน่” เมื่อผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นเห็นสถานการณ์ที่กําลังเป็นไป,พวกเขาใช้ออกทักษะของพงกเขาเพื่อวิ่งหนีออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว

ทั้งเก้าคนที่ถูกฉ่ฉาวอนโยนลอยไม่มีความลังเล พวกเขาแสดงออกอย่างเกรี้ยวโกรธพร้อมกับตามฉ่ฉาวอวิ่นผ่านเข้าไปในรูที่กําแพง

“บูม! บูม! บูม!”

ห้องโถงอันโอ่อ่าและสง่างามพลังทลายลง หินก้อนมหึมาร่วงหล่นลงมาจากเพดาน,สั่นสะเทือนพื้นดิน มันราวกับสวรรค์กําลังถล่มลงมา

หลังจากผ่านไปนาน,ห้องโถงที่วุ่นวายก็เงียบลง ห้องโถงที่สมบูรณ์กลายเป็นซากดินหิน

ห้องโถงทรุดลง,กําแพงพังทลายและเสาล้มแตกเกลื่อนพื้น ฝุ่นควันลอยเต็มไปทั่วพื้นที่ขยายออกไป

“ปะ ปะ!”

เสาศิลาและก้อนหินเกลื่อนไปเต็มพื้นที่ เศษดินหินตกลงมาอย่างรวดเร็ว และหุ่นรบเกราะเหล็กที่เสียหายเป็นอย่างมากก็ยืนนิ่ง

เซี่ยวเฉินนอนอยู่กับพื้น,ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยฝุ่น เขายืนขึ้นอย่างไร้บาดแผล

เซี่ยวเฉินมองไปที่หุ่นรบเกราะเหล็กที่แตกพัง และยิ้มขึ้นเบาๆ เขากล่าว “พลังป้องกันของหุ่นรบ เกราะเหล็กนี้ช่างน่าตกตะลึง มันสามารถป้องกันก้อนหินใหญ่ทั้งหมดที่ร่วงลงมาจากเพดาน น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่ามันจะพังแล้ว”

เขาส่ายหัวเล็กน้อย,เซียวเฉินมองไปที่ซากปรักหักพังที่ไร้วี่แววของมนุษย์ เขาจับจ้องไปที่ บัลลังก์ที่เต็มไปด้วยฝุ่น จากนั้นเขาก็เดินตรงไปด้วยสายตาที่แน่วแน่

“กะ กะ!”

เซี่ยวเฉินเหยียบเศษดินหินแตกขณะที่เขาเดินไปที่บัลลังก์สีแดง เขาไม่ได้รีบร้อน เขามองดูไปรอบๆก่อนอันดับแรก,ให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่โดยรอบแล้ว จากนั้นเขาจึงเดินกลับไปที่บัลลังก์

ขณะที่เซี่ยวเฉินเตรียมที่จะสํารวจตรงบัลลังก์,หางตาของเขามองไปเห็นหุ่นรบเกราะ เงินที่ถูกฝังอยู่ในซากปรักหักพัง

เซียวเฉินส่งฝ่ามือวายุออกไปและกวาดเอาซากปรักหักพังออกไป,เผยให้เห็นหุ่นเชิดเกราะสีเงิน

นอกเสียจากถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น,มันไม่ได้เสียหายอย่างน่าประหลาดใจ มันดูเหมือนว่าพลังป้องกันของหุ่นรบเกราะเงินจะดียิ่งกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นทั่วไปเสียอีก

เมื่อเทียบกับหุ่นรบเหราะเหล็ก,มันแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก เซี่ยวเฉินกวาดมือไปในอากาศ,เป่าฝุ่นบนหุ่นรบเกราะเงินออกไป

จากนั้นเซี่ยวเฉินก็ก้มลงและเปิดหน้าต่างที่หลังของหุ่นรบเกราะเงิน ตามที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้,หุ่นรบเกราะเงินใช้หินวิญญาณระดับกลาง เหมือนตัวก่อนหน้านี้ มันมีอยู่ยี่สิบก้อน

เซี่ยวเฉินหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางที่หมดพลังแล้วออกมาก่อนที่จะขจัดตัวตนของเจ้านายคนก่อนออกไป จากนั้นเขาก็เริ่มกระบวณการทําให้มันจดจําเขาเป็นเจ้านายคนใหม่ กระบวณการนี้ใช้เวลาสิบห้านาทีก่อนที่เซียวเฉินจะสามารถประทับตัวตนของเขาลงไป

หลังจากนั้นไม่นาน,หุ่นรบเหราะเงินทั้งสองก็จดจําเซียวเฉินเป็นเจ้านายของพวกมัน หลังจากที่เขาเติบหินวิญญาณระดับกลางเข้าไป,พวกมันก็ฟื้นคืนพลังงานกลับมาในทันที

พวกเขาโบกสะบัดดาบของมันและดาบฉีเฉียบคมกวาดผ่านซากปรักหักพัง ทุกที่ที่มันผ่าน,กําแพงและเสาศิลาแตกสลายเป็นชิ้นเล็กๆ

เซียวเฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ด้วยหุ่นรบเกราะเงินสองตัวและหุ่นรบเกราะเหล็กที่เสียหาย,เขาน่าจะพอรับมือกับหุ่นรบเกราะทองของฉูฉาวอวิ๋น

เซียวเฉินรวบรวมความคิดและมองกลับไปที่บัลลังก์สีแดง เขาควบคุมหุ่นทั้งสามตัวให้ไปเคลื่อนย้ายหินก้อนใหญ่ออกจากบัลลังก์

หลังจากนั้น เซี่ยวเฉินก็กวาดมือของเขาเป่าฝุ่นทั้งหมดออกไปจากบัลลังก์ บัลลังก์สีแดงปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซียวเฉินอย่างเต็มตา

บัลลังก์ทั้งชิ้นทําขึ้นมาจากวัตถุดิบลึกลับสีแดง เซียวเฉินแตะลงไปที่เครื่องหมายด้านบน และรู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่ง พร้อมกับเขาพยายามจะนึกว่าวัตถุดิบมันคืออะไร

มันไม่ใช่โลหะหรือไม้วิญญาณ มันไม่ใช่ศิลาเช่นกัน มันหนักแน่นและเย็นเมื่อสัมผัส

จากนั้น,เซี่ยวเฉินก็นึกถึงพลังงานจิตที่ออกมาจากมัน เซี่ยวเฉินวางมือของเขาลงบนที่พักแขน,และค่อยๆใส่สัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไปในบัลลังก์ผ่านทางแขนของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 318 กดข่มทุกคน

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 318 กดข่มทุกคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 318 กดข่มทุกคน

ดวงตาของเซียวเฉินลุกวาว สายตาของเขาจับไปที่หุ่นเชิดเกราะสองตัวนี้ เหมือนกันคนอื่นๆ,เขาค่อนข้างจะมีความสนใจในหุ่นเกราะสีทองตัวนี้

อย่างไรก็ตาม ความคิดของเซียวเฉินนําหน้าไปจากคนอื่นๆ แม้ว่าเขาจะเอาหุ่นเกราะสีทองนี้มาได้ แต่การทําให้มันจดจําเขาในฐานะเจ้านาย นี่เป็นปัญหา

กระบวณการที่ทําให้หุ่นเกราะจดจําเจ้านายมันต้องใช้เวลาสามอึดใจ หุ่นเกราะสีทองนั้นจะต้องใช้เวลามากขึ้นไปอีกเป็นแน่ ประเด็นหลักก็คือจะทําอย่างไรไม่ให้คนอื่นโจมตีใส่เขาในช่วงเวลานั้น

ข้าจะต้องคิดหาทางถอยหนีให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ สองทางออกที่อยู่ด้านหลังบัลลังก์ดึงดูดสายตาของเซียวเฉิน มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเขาเขาเคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบๆ

เซียวเฉินใช้โอกาสในตอนที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หุ่นเชิดเกราะเงินและบัลลังก์สีแดง

เซี่ยวเฉินหลบเลี่ยงสายตาของทุกคน และมุ่งหน้าไปที่ทางออกอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสิบนาที,เซียวเฉินก็กลับมาที่โถงใหญ่อย่างเงียบๆ;เขารู้แล้วว่าต้องทําอะไร

ดาบฉีของสองหุ่นเชิดเกราะเงินเริ่มที่จะอ่อนแสงลง ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก

ในจังหวะที่หุ่นเชิดเกราะเงินล้มลง,หุ่นเชิดเกราะทองนาาจะเริ่มเคลื่อนไหว ในตอนนั้น,การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น

เส้นผมสีขาวปรากฏขึ้นบนผมที่หลังของต้วนมู่ฉิง เห็นชัดว่านางกําลังเริ่มทักษะเหมันต์ลึกล้ํา

ร่างสีแดงปรากําขึ้นที่ด้านหลังของฮวาหยุนเฟยร่างของมันเรื่องสลัว,และดาบของเขาเปล่งดาบแสงสีแดงประหลาดออกมา

ดวงตาของจีชางคงเต็มไปด้วยดวงดาว สายธารดวงดาวรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นรอบตัวของ เขา,เปล่งแสงสีอ่อนออกมา ดวงดาวพวกนั้นเปล่งแสงเจิดจ้าเว้นแต่เพียงดวงเดียว;ดวงดาวที่เป็นดั่งตัวแทนของเขามืดมิดและไร้แสง
ขุนนางกุยยี่ที่สวมเกราะศึกทองคําและถือดาบผ่านภาเอาไว้ในมือ เขาแสดงออกท่าทางที่ดุร้าย พลังฉีที่เอ่อล้นมารวมตัวที่จุดบนหน้าผากของเขา

สายตาของเซี่ยวเฉินเบนไปที่ฉ่ฉาวอวิ๋นเขาได้ ซึ่งความกังวลและมีสีหน้านิ่งสงบ

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่หลังของฉ่ฉาวอวิ่นกําลังสะสมกระแสพลังอย่างต่อเนื่อง มันสั่นไหวเล็กน้อย,ดูน่าตื่นตาอย่างหาที่เปรียบมิได้ มันเพียงรอเวลาที่จะถูกชักออกมา,เพื่อสะกดสายตาของทุกคน

ผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าการต่อสู้เช่นกันพวกเขาควบคุมหุ่นเชิดเกราะเหล็กของพวกเขาเพื่อให้ชักอาวุธของพวกมันออกมา และปลดปล่อยกระแสพลังออกมาโดยไม่มีกักเก็บเอาไว้

ครู่หนึ่ง,ทุกคนภายในห้องโถงก็ได้ว่างแผนกัน พวกเขาทั้งหมดปลดปล่อยกระแสพลังออกมาไม่หยุดหย่อน แต่อย่างไรก็ตาม มันยังสงบอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นลมสงบก่อนที่พายุจะเข้า นอกจากเสียงจากดาบฉีของหุ่นเชิดเกราะเงิน,ก็มีเพียงเสียงลมหายใจหนักแน่นของทุกคนในห้องโถง

ความหนาแน่นของทุกคนเร่งขึ้นสนถึงจุดขีดสุด พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปยังหุ่นรบเกราะทองที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ความปรารถนาลอยอบอวลอยู่ในสายตาของพวกเขา

ในที่สุด,พลังงานจิตวิญญาณในหุ่นรบเกราะเงินทั้งสองก็ได้หมดลง,และล้มลงกับพื้น ในจังหวะที่พวกมันล้มลง,ดวงตาอันว่างเปล่าของหุ่นรบเกราะทองก็เผล่งแสงสีทองขึ้น มันลุกยืนขึ้นจากบัลลังก์

“เครั้ง! เครั้ง!”

เกราะสีทองส่งเสียงเหล็กกระทบออกมา เสียงดังสะท้อนไปมาภายในห้องโถง

มันชักดาบสีทองที่เอวของมันออกมา ทันใดนั้น,กระแสพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตกษัตริย์ขั้นต้นก็ได้ปลดปล่อยออกมาจากรอบตัวของมัน

อย่างไรก็ตาม,ทันใดนั้น,กระบวณท่าสังหาร,ที่ทั้งสิบคนได้เตรียมพร้อมเอาไว้,ถูกใช้ออกมาจากทั่วทุกสารทิศ

“ดาบดาราร่ายรํา,รวมหมู่ดาว!”

จีชางคงร้องตะโกนและปลดปล่อยแสงรุ่งโรจน์ออกมาจากดาบของเขา ดวงดาวที่เป็นดั่งตัวแทนของเขาที่อยู่ในธารดาราทันใดนั้นก็เรืองแสงเจิด

“เจ้าจิตวิญญาณโลหิต, มรณาเลือดใต้สวรรค์!”

ฮวาหยุนเฟยร้องตะโกนออกมาอย่างดุร้าย ร่างสีเลือดจางสลัวที่ด้านหลังของเขาแข็งตัวและหลอมรวมเข้ากับร่างของเขา ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดง และรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาดูน่ากลัว

กระแสพลังของฮวาหยุนเฟยเร่งขึ้น แสงสีแดงจากดาบของเขาราวกับว่ามันกําลังกลืนกินโลกใบ

“ทลายเหมันต์ลึกล้ํา,เยือกแข็งสัมบูรณ์!”

ผมสีดําของต้วนมู่ฉิงพลันกลายเป็นสีขาวหิมะในทันที ดวงตาของนางสูญสิ้นซึ่งอารมณ์ของมนุษย์ราวกับเทพธิดาจากสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึก

เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนโรยลงมาจากท้องฟ้า อุณหภูมิโดยรอยลดต่ําลง ความหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูกลึกไปถึงวิญญาณ

ขุนนางกุยย,หยิงเซี่ยว,ไม่ได้กล่าวอะไร เขาโบกสะบัดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเกิดระลอกคลื่นบางๆในกฎแห่งสวรรค์และปฐพี่ เขาชื้นําอํานาจของเต๋าสวรรค์เพื่อโจมตีใส่หุ่นรบสีทอง

อัจฉริยะปีศาจทั้งสิบเริ่มเคลื่อนไหว,ไปทีละคน แสงสีสันถูกปลดปล่อยออกไปในอากาศ ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนที่วางแผนจะเข้าไปร่วมด้วยถูกส่งลอยปลิวไปโดยคลื่นกระแทก

การจู่โจมที่น่าหลาดกลัวเหล่านี้ได้สะสมพลังมาเป็นเวลานาน แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นกลางก็จะตกตายได้ภายในครั้งเดียว;เขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้หลบเลี่ยง

ปฏิกิริยาตอบโต้ของเซียวเฉินรวดเร็ว ขณะที่เขาเตรียมตัวที่จะใช้ออกอัสนีหลบเลี่ยง,ทันใดนั้น เขาก็หยุดลงและมองไปที่บัลลังก์สีแดง

ทันทีที่หุ่นรบสีทองยืนขึ้น,บัลลังก์สีแดงนั้นก็ดู เหมือนจะลอยสูงขึ้นประมาณ 0.66 เซนติเมตรโดยไม่มีเหตุผล นอกจากนั้น เซี่ยวเฉินสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานจิตอันแข็งแข็ง

เกิดอะไรขึ้น? หรือข้าจะตาฝาดไป? เซียวเฉินงุนงง

ขณะที่เซียวเฉินกําลังงุนงง,การโจมตีของสิบระ ดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดก็ซัดลงไปที่นั่นรบสีทองในเวลาเดียวกัน เกิดเสียงดังสนั่นอย่างไม่น่าเชื่อ และพลังงานอันน่าหวาดกลัวระเบิดขึ้นที่เหนือบัลลังก์
“บุม!”

เสาทั้งสิบสองต้นในห้องโถงทันใดนั้นก็แตกสลาย ผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ติดกันไม่อาจหลบได้ทันเวลา คลื่นกระแทกซัดโดนพวกเขาทั้งหมด พวกเขากระอักเลือดออกมาและล้มลงไปกับพื้นอย่างน่าสังเวช

ทั่วทั้งห้องโถงสั่นสะเทือน ดินหินร่วงหล่นลงมาราวกับห่าฝน

ห้องโถงแห่งนี้กําลังจะถล่มลงมาฝุ่นควันถูกตบลอยขึ้นไปในอากาศ ทุกคนวิ่งหนีขณะที่ก้อนหินร่วงหล่นไล่ตามมา ในห้องโถงกลายเป็นวุ่นวายในทันที

“ฮ่ะ!”

ท่ากลางความวุ่นวาย,แสงสีทองทันใดนั้นก็เรืองขึ้น มันเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน,มันเปล่งประกายจนทุกคนตกตะลึง

ฉ่ฉาวอวิ่นที่เงียบขรึมได้เคลื่อนไหว ระลอกคลื่นสีทองปรากฏผ่านอากาศราวกับว่าพื้นที่ถูกแยกออกจากกัน

ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ,เขากดการโจมตีของคนอื่นๆอีกเก้าคน พวกเขาทั้งหมดถูกซัดตัวลอย

นี่คือความแข็งแกร่งของฉ่ฉาวอวิ่น ในจังหวะที่เขาชักอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมา,และดาบแสงเรืองขึ้น,พลังของมันก็กดข่มทุกคนเอาไว้ แม้ว่ามันจะเสียเปรียบที่ยิงออกมาช้า,แต่พลังนี้ก็ไม่อาจถูกปิดมิด

“ปัง!”

ฉ่ฉาวอวิ่นจับตัวหุ่นรบสีทองเอาไว้ เขาส่งฝ่ามือจู่โจมไปที่กําลังแพงด้านหลังของบัลลังก์,ระเบิดออกเป็นรูขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปอย่างไม่มีความลังเล

ฝ่ามือนี้ยิ่งทําให้ห้องโถงยิ่งสั่นสะเทือน:มันเริ่มที่จะพังทลาย

“วิ่ง!เร็ว! ห้องโถงนี้กําลังจะพังลงมา หากเจ้าไม่ออกไปตอนนี้เจ้าตายแน่” เมื่อผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นเห็นสถานการณ์ที่กําลังเป็นไป,พวกเขาใช้ออกทักษะของพงกเขาเพื่อวิ่งหนีออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว

ทั้งเก้าคนที่ถูกฉ่ฉาวอนโยนลอยไม่มีความลังเล พวกเขาแสดงออกอย่างเกรี้ยวโกรธพร้อมกับตามฉ่ฉาวอวิ่นผ่านเข้าไปในรูที่กําแพง

“บูม! บูม! บูม!”

ห้องโถงอันโอ่อ่าและสง่างามพลังทลายลง หินก้อนมหึมาร่วงหล่นลงมาจากเพดาน,สั่นสะเทือนพื้นดิน มันราวกับสวรรค์กําลังถล่มลงมา

หลังจากผ่านไปนาน,ห้องโถงที่วุ่นวายก็เงียบลง ห้องโถงที่สมบูรณ์กลายเป็นซากดินหิน

ห้องโถงทรุดลง,กําแพงพังทลายและเสาล้มแตกเกลื่อนพื้น ฝุ่นควันลอยเต็มไปทั่วพื้นที่ขยายออกไป

“ปะ ปะ!”

เสาศิลาและก้อนหินเกลื่อนไปเต็มพื้นที่ เศษดินหินตกลงมาอย่างรวดเร็ว และหุ่นรบเกราะเหล็กที่เสียหายเป็นอย่างมากก็ยืนนิ่ง

เซี่ยวเฉินนอนอยู่กับพื้น,ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยฝุ่น เขายืนขึ้นอย่างไร้บาดแผล

เซี่ยวเฉินมองไปที่หุ่นรบเกราะเหล็กที่แตกพัง และยิ้มขึ้นเบาๆ เขากล่าว “พลังป้องกันของหุ่นรบ เกราะเหล็กนี้ช่างน่าตกตะลึง มันสามารถป้องกันก้อนหินใหญ่ทั้งหมดที่ร่วงลงมาจากเพดาน น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่ามันจะพังแล้ว”

เขาส่ายหัวเล็กน้อย,เซียวเฉินมองไปที่ซากปรักหักพังที่ไร้วี่แววของมนุษย์ เขาจับจ้องไปที่ บัลลังก์ที่เต็มไปด้วยฝุ่น จากนั้นเขาก็เดินตรงไปด้วยสายตาที่แน่วแน่

“กะ กะ!”

เซี่ยวเฉินเหยียบเศษดินหินแตกขณะที่เขาเดินไปที่บัลลังก์สีแดง เขาไม่ได้รีบร้อน เขามองดูไปรอบๆก่อนอันดับแรก,ให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่โดยรอบแล้ว จากนั้นเขาจึงเดินกลับไปที่บัลลังก์

ขณะที่เซี่ยวเฉินเตรียมที่จะสํารวจตรงบัลลังก์,หางตาของเขามองไปเห็นหุ่นรบเกราะ เงินที่ถูกฝังอยู่ในซากปรักหักพัง

เซียวเฉินส่งฝ่ามือวายุออกไปและกวาดเอาซากปรักหักพังออกไป,เผยให้เห็นหุ่นเชิดเกราะสีเงิน

นอกเสียจากถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น,มันไม่ได้เสียหายอย่างน่าประหลาดใจ มันดูเหมือนว่าพลังป้องกันของหุ่นรบเกราะเงินจะดียิ่งกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้นทั่วไปเสียอีก

เมื่อเทียบกับหุ่นรบเหราะเหล็ก,มันแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก เซี่ยวเฉินกวาดมือไปในอากาศ,เป่าฝุ่นบนหุ่นรบเกราะเงินออกไป

จากนั้นเซี่ยวเฉินก็ก้มลงและเปิดหน้าต่างที่หลังของหุ่นรบเกราะเงิน ตามที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้,หุ่นรบเกราะเงินใช้หินวิญญาณระดับกลาง เหมือนตัวก่อนหน้านี้ มันมีอยู่ยี่สิบก้อน

เซี่ยวเฉินหยิบเอาหินวิญญาณระดับกลางที่หมดพลังแล้วออกมาก่อนที่จะขจัดตัวตนของเจ้านายคนก่อนออกไป จากนั้นเขาก็เริ่มกระบวณการทําให้มันจดจําเขาเป็นเจ้านายคนใหม่ กระบวณการนี้ใช้เวลาสิบห้านาทีก่อนที่เซียวเฉินจะสามารถประทับตัวตนของเขาลงไป

หลังจากนั้นไม่นาน,หุ่นรบเหราะเงินทั้งสองก็จดจําเซียวเฉินเป็นเจ้านายของพวกมัน หลังจากที่เขาเติบหินวิญญาณระดับกลางเข้าไป,พวกมันก็ฟื้นคืนพลังงานกลับมาในทันที

พวกเขาโบกสะบัดดาบของมันและดาบฉีเฉียบคมกวาดผ่านซากปรักหักพัง ทุกที่ที่มันผ่าน,กําแพงและเสาศิลาแตกสลายเป็นชิ้นเล็กๆ

เซียวเฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ด้วยหุ่นรบเกราะเงินสองตัวและหุ่นรบเกราะเหล็กที่เสียหาย,เขาน่าจะพอรับมือกับหุ่นรบเกราะทองของฉูฉาวอวิ๋น

เซียวเฉินรวบรวมความคิดและมองกลับไปที่บัลลังก์สีแดง เขาควบคุมหุ่นทั้งสามตัวให้ไปเคลื่อนย้ายหินก้อนใหญ่ออกจากบัลลังก์

หลังจากนั้น เซี่ยวเฉินก็กวาดมือของเขาเป่าฝุ่นทั้งหมดออกไปจากบัลลังก์ บัลลังก์สีแดงปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซียวเฉินอย่างเต็มตา

บัลลังก์ทั้งชิ้นทําขึ้นมาจากวัตถุดิบลึกลับสีแดง เซียวเฉินแตะลงไปที่เครื่องหมายด้านบน และรู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่ง พร้อมกับเขาพยายามจะนึกว่าวัตถุดิบมันคืออะไร

มันไม่ใช่โลหะหรือไม้วิญญาณ มันไม่ใช่ศิลาเช่นกัน มันหนักแน่นและเย็นเมื่อสัมผัส

จากนั้น,เซี่ยวเฉินก็นึกถึงพลังงานจิตที่ออกมาจากมัน เซี่ยวเฉินวางมือของเขาลงบนที่พักแขน,และค่อยๆใส่สัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไปในบัลลังก์ผ่านทางแขนของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+