Immortal and Martial Dual Cultivation 322 เส้นทางยุทธที่โหดร้าย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 322 เส้นทางยุทธที่โหดร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 322 เส้นทางยุทธที่โหดร้าย

“บูม!”

เซี่ยวเฉินหายตัวไป กําปั้นของตู้ฮาวทะลวงผ่านก่อนหินพุ่งเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม เขาชกไปโดนเพียงภาพติดตากําปั้นของเขาโดนเพียงความว่างเปล่า

เซี่ยวเฉินหันกลับและหยิบกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล เซี่ยวเฉินมองดูขณะที่ ตู้ฮาวก้าวออกมาจากหมอกควัน เขาวางมือขวาของเขาลงบนด้ามกระบี่

เซี่ยวเฉินต้องยอมรับในการต่อสู้ระยะประชิด,ตู้ฮาวเหนือกว่าเขาไปไกล จากคนที่เซี่ยวเฉินเคยพบเจอมา มีเพียงมู่เหิง,ผู้ที่มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกายให้เป็นกระบี่, ที่จะพอทัดเทียมได้

อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียวเฉินคือการมช้ทักษะกระบี่และไม่ใช่การต่อสู้ระยะประชิดในตอนที่เขาแลกเปลี่ยนกระบวณ ท่ากับตู้ฮาว,เขาเพียงอยากจะลองทดสอบดู

“เอาสมบัติลับบนพื้นแล้วไปซะ หลังจากที่ข้าชักกระบออกมา โอกาสของเจ้าหมดลงแล้ว” เซียวเฉินกล่าวเตือนเบาๆพวกเขาทั้งสองไม่ได้มีเรื่องบาดหมาง;ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องต่อสู้กันถึงตาย

ริมฝีปากของตู้ฮาวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา “พูดจาใหญ่โต;ข้าอยากจะเห็นว่าอะไรคือโอกาสของข้าหมดลงแล้ว”

“น้ําหนาวไร้ร่องรอย!”

หลังจากที่ตู้ฮาวกล่าวจบ,เขาร้องตะโกนและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาหมุนวนรอบเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว

มันราวกับว่าเขาเป็นสายน้ําฤดูใบไม้ร่วง,ที่ไหลผ่านไปในอากาศอย่างรวดเร็ว,ทิ้งภาพติดตาเอาไว้นับไม่ถ้วน เมื่อภาพติดตาซ้อนทับกัน มันดู เหมือนกับระลอกคลื่นอ่อนในแม่น้ําที่พร่ามัว

เช่นนั้นเอง,ตู้ฮาวได้เข้าใจถึงสภาวะแห่งน้ํา ไม่สงสัยว่าทําไมเขาถึงมั่นใจนัก เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม สภาวะของเขาเพิ่มจะก่อเกิด:มันค่อนข้างอ่อนด้อยกว่าต้วนมู่ฉิง,มู่หลงชง, และคนอื่นๆ

ต่อหน้าของเซี่ยวเฉินที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ในสภาวะแห่งสายฟ้า,มันจะไปมีโอกาสได้อย่างไร?

“บูม!”

เกิดเสียงสายฟ้าดังกึกก้องในโรงหลอม ทันทีที่สายฟ้าแตกตัว,คลื่นกระแสเล็กๆสาดขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม

ในทันทีที่สายฟ้าดังกึกก้อง,กระบี่เงาจันทร์ถูกปลดปล่อยออกมาจากฝึกของมันอย่างรวดเร็ว มันราวกับเส้นสายฟ้ากระบี่ฉีสีม่วงซัดเข้าที่ฮาว,ผู้ที่สภาวะถูกกดระงับเอาไว้

“ปัง!”

บาดแผลน่ากลัวปรากฏขึ้นบนหน้าอกของตู้ฮาว พร้อมกับเขาร่วงลงไปกับพื้นอย่างแรงความไม่ อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาคู่ต่อสู้ ของเขาได้กดสภาวะของเขาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ตู้ฮาวเพิ่งจะใช้ออกกระบวณท่าสังหารที่สามาร ถพลิกสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม,เขาถูกขัดเอาไว้ครึ่งทาง,ช่างน่าเกลียด!

เซียวเฉินค่อยๆเดินเข้ามาและเก็บกระบี่เงาจันทร์ลงฝัก เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่ตู้ฮาวขณะที่เขาเดินไปหาหมอมังกรฟินิกซ์และเปลวเพลิงจัน ทรา

ตู้ฮาว,ผู้ที่กองอยู่กับพื้น,จ้องมองเซียวเฉินอยู่สงเย็นชาขณะที่พันแผลของเขา เขากล่าว “ถึง แม้ว่าเจ้าจะล้มข้าลงได้,เจ้าก็ไม่อาจครอบครอง หม้อมังกรฟินิกซ์กับเปลวเพลิงจันทราฉู่ฉาวอวิ๋น,ผู้ที่ปราบหุ่นรบเกราะทองลงได้,ไม่ใช่คนที่เจ้าจะรับมือด้วยได้”

“เขาเอาชนะพวกเราทั้งเก้าคนลงได้ ในตอนที่เขามาถึงเจ้าก็หมดโอกาส”

ความคิดของบุคคลผู้นี้เข้าใจได้ง่าย เขาไม่ต้องการให้คนอื่นได้รับในสิ่งที่เขาไม่อาจคว้ามาได้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะล้มเหลว,เขาก็ใช้เหตุผลนี้มาเพื่อปลอบใจตัวเอง

เซียวเฉินจ้องมองไปยังเปลวเพลิงจันทราทั้งสี่ เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปและกล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องเป็นกังวล”

ตู้ฮาวเห็นว่าเซียวเฉินเมินเฉยเขา,และสูดจมูกอย่างเย็นชา เขาเพียงเก็บสมบัติลับหลายสิบชิ้นจากพื้นก่อนที่จะกลับออกไปในทางที่เขาเข้ามา

สภาวะแห่งสายฟ้าได้แทรกซึมอยู่ในบาดแผลของเขา มันทําให้บาดแผลของเขาไม่อาจฟื้นฟูได้ในเร็วๆนี้ ดูเหมือนว่าการเผชิญโชคในนิกาย หลี่เพลิงของเขาจะจบลงเท่านี้

เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่เปลวเพลิงสีขาวสี่ก้อนที่ลอยอยู่ในหม้อมังกรฟินิกซ์โดยไม่กระพริบตาเปลวเพลิงนี้ไม่มีแสงมันดูสีซีดเป็นอย่างมาก

เปลวเพลิงแต่ละก้อนมีขนาดเท่ากับกําปั้น พวกมันลอยอยู่เงียบเชียบเหนือปากของหม้อในตอนที่มีลมพัด,มันก็ไหวไปมา

ดังที่อ่าวเจียวเคยบอกกับเซี่ยวเฉิน, มีเปลวเพลิงสีชนิดในโลกใบนี้:เปลวเพลิงมนุษย์,เปลวเพลิงผี,เปลวเพลิงมังกร,และเปลวเพลิงสวรรค์

ซึ่งเปลวเพลิงผีมีอยู่สองประเภท หนึ่งถูกพบใน ถ้ำหยินลึกลับ และอีกหนึ่งอยู่ที่นรกเก้าชั้นแห่งแดนล้างบาป

เซี่ยวเฉินคิดว่าความเป็นไปได้ที่เปลวเพลิงจันทราจะเป็นเปลวเพลิงผีจากถ้ําหยิน

เปลวเพลิงสีขาวทั้งสี่ก้อนตรงหน้าของเชียวเฉินเห็นชัดว่าไม่มีต้นกําเนิด มันไม่มีต้นกําเนิดเปลวเพลิงจันทราแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม,พวกมันก็ยังอยู่รอดมาได้หลายพันปี หากไม่มีการแทรกแซงเข้ามา,พวกมันก็จะคงอยู่ต่อไป พลังชีวิตของเปลวเพลิงนี้แข็งแกร่ง เป็นอย่างมาก

ทุกคนรู้ว่านิกายหลเพลิงในอดีตใช้หม้อมังกร ฟินิกซ์และเปลวเพลิงจันทราในการหลอมอาวุธลับ หลังจากยุคโบราณ,มีเพียงนิกายหลี่เพลิงที่ยังสามารถหลอมสมบัติลับออกมาได้ อาจจะเป็นเพราะของสองสิ่งนี้

เซียวเฉินมีความสนใจอย่างมากในการหลอม สมบัติลับเป็นธรรมดา,ที่เขาจะไม่ปล่อยให้หม้อมังกรฟินิกซ์และเปลวเพลิงจันทราหลุดมือไป แม่ว่ามันจะไม่ใช่เปลวเพลิงต้นกําเนิด,พวกมันก็ยังมีคุณค่ามาก

ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือจะเก็บรักษาเปลว เพลิงทั้งสี่ก้อนได้อย่างไร นี่เป็นปัญหาสําหรับเซียวเฉิน สําหรับหม้อหลอม,เขาสามารถเก็บเอาไว้ได้ในแหวนห้วงจักรวาลโดยตรง

หากว่ามันเป็นเปลวเพลิงคุณสมบัติหยาง,เชี่ยว เฉินสามารถใช้เพลิงแท้อัสนีม่วงดูดกลืนมันเข้าไป อย่างไรก็ตาม,เปลวเพลิงจันทราเป็นเปลว เพลิงหยินสุดขีด มันยากที่หยินกับหยางจะอยู่ร่วมกันได้

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน,เซี่ยวเฉินก็ขยาย สัมผัสวิญญาณของเขาออกมาจากสมุทรแห่งจิตใต้สํานึก เขาจะตรวจสอบคุณสมบัติของเปลวเพลิงนี้ก่อนที่จะตัดสินใจ

เซี่ยวเฉินเปลี่ยนสัมผัสวิญญาณของเขาให้เป็น เยื่อบางๆและห่อหุ้มเปลวเพลิงเอาไว้จากนั้นเขา ก็ตรวจสอบโครงสร้างภายในของมันอย่างละเอียด

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เซียวเฉินจะได้ทําอะไร,เปลวเพลิงที่ถูกห่อหุ้มด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาก็ทะลุผ่านผ้าโพกหัวสีฟ้าบนหน้าผากของเขา และเข้าไปที่สมุทรแห่งจิตใต้สํานึกระหว่างคิ้วของเขา

ภายในสมุทรแห่งจิตใต้สํานึกอันกว้างใหญ่,เปลวเพลิงสีขาวลอยอยู่เงียบๆที่ด้านข้างของบัลลังก์สีแดง มันมีแสงสลัวสีขาว

เซียวเฉินตกตะลึง จากนั้นเขาก็เผยสีหน้ายินดี เขากล่าวเสียงนุ่ม “สมุทรแห่งจิตใต้สํานึกสามารถเก็บเปลวเพลิงเอาไว้ได้? ข้าน่าจะลองเรียกมันออกมาดู”

เซียวเฉินหลังตาของเขาและสัมผัสถึงเปลว เพลิงสีขาวในสมุทรแห่งจิตใต้สํานึกของเขาความการนึกคิด,เปลวเพลิงสีขาวลอยออกมาจาก เครื่องหมายระหว่างคิ้วของเขา

ด้วยการนึกคิดของเซียวเฉิน,เปลวเพลิงก็กลับ เข้าไปครั้งนี้ มันไม่ได้ถูกห่อหุ้มด้วยสัมผัสวิญญาณ,ผ้าโพกหัวของเขาถูกเผาหายไป ครึ่งไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป

เป็นธรรมดา,เซียวเฉินไม่ไปใส่กับกับของเล็กน้อย เขารีบดึงเปลวเพลิงอีกสามกองที่เหลือเข้าไปในจิตใต้สํานึกของเขาทันที

หลังจากที่เซี่ยวเฉินเก็บเปลวเพลิงคนบทั้งหมด,เขาหยิบผ้าสีน้ําเงินออกมาอีกหนึ่งผืนและ พันเอาไว้รอบหน้าผากของเขา

“บูม!”

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังพันผ้ารอบตัวของเขา,มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขาร่างอ้วนท่วมกระโดดมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว,กําปั้นพุ่งเข้าหาเซียวเฉินที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

สายลมจากกําปั้นทําให้อากาศสั่นสะเทือน เกิดเป็นคลื่นกระแทกดุร้าย ขณะที่กําปั้นทะลวงผ่านอากาศ,มันส่งเสียงโซนิคบูมออกมา

มันเร็วมากจนเชี่ยวเฉินไม่มีเวลาจะหลบเลี่ยงหรือชักกระบี่ สีหน้าของเขากลายเป็นเย็นชา,และ กระดูกในร่างของเขาส่งเสียงกรอบแกรบ เขาหันกลับและรับกําปั้น

“ปัง!”

เสียงกระดูกแตกดังกึกก้อง เหวนเยียนบึง,ผู้ที่เข้ามาลอบโจมตี,ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น ทั้งแขนขวาของเขาอ่อนปวกเปียก

เหว่นเยียนบึงกลายเป็นพิการ;ไม่มีทางที่จะรักษากลับมาได้ เขาเผยความหวาดกลัวออกมาทางสีหน้าที่เจ็บปวด

เขาไม่คาดคิดว่าการโจมตีเต็มกําลังหนึ่งหมื่นกิโลกรัมที่เขาสะสมมาเป็นเวลานานเพื่อลอบโจมตีจะล้มเหลวในกระบวณท่าเดียว

ขณะที่เหวนเยียนบึงยืนขึ้นและเตรียมหนี,ดาบสองเล่มก็พาดมาที่คอของเขา มันเป็นเซียวเฉินที่ควบคุมหุ่นรบเกราะเงินมาเข้าปิดทางหนีของเขา

“อย่าฆ่าข้า เจ้า…เจ้าทําลายแขนข้าไปแล้ว เท่ากับข้าพิกาจไปครึ่งหนึ่ง” เหวนเยียนบึงอ้อนวอน

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเย็นชา “ทําลายมือซ้าย ของเจ้า,และเจ้าออกไปได้”

เมื่อเหวนเยียนบึงได้ยินดังนั้น เขาตกตะลึงหากเขาพิกาจทั้งสองมือ,เขาก็กลายเป็นขยะโดยสมบูรณ์ หลังจากที่บ่มเพาะพลังอย่างขมขึ้นมานับสิบปี,เขาก็ต้องละทิ้งเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังไป

เมื่อเหว่นเยียนบึงมองเห็นสีหน้าที่กําบังจะหมด ความอดทนของเซี่ยวเฉิน,เขาเผยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เขาหมุนเวียนพลังปราณในแขนซ้ายของเขาและ ตัดเส้นปราณทั้งหมด

หลังจากที่เซียวเฉินเห็นดังนั้น,เขาเมินเฉยเหว่ นเยียนบึงและส่งสัญญาณให้หุ่นรบเกราะเงินถอนดาบออกมา ผู้คนตกตายเพราะแสวงหาความ
มั่งคั่ง,นกตกตายเพราะแสวงหาอาหาร นับตั้งแต่วินาทีที่เขาลอบเข้าโจมตี,เขาควรเตรียมรับผลที่เลวร้ายที่สุด

“ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟบ!”

ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนวิ่งเข้ามาจากทางที่ เซียวเฉินทําเอาไว้ พวกเขาบังเอิญเห็นเหวนเยียนบิงที่แขนกลายเป็นพิกาจ พวกเขาเผยความตก ตะลึงในดวงตา

“ทําไมแขนของเหว่นเยียนบิงถึงได้พิการ และ เห็นชัดว่าเขาทําลายแขนซ้ายด้วยตัวเอง เขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือแห่งแคว้นตงหมิง เป็นใครที่ทําให้เขาต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ ?”

ดูจากอาการบาดเจ็บที่แขนขวาของเขา เห็น ชัดว่าเป็นผลมาจากการเอากําลังเข้าชน ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามกดเขาเอาไว้ได้อยู่หมัด เป็นใครที่จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?”

เมื่อพวกตาของพวกเขาไปชนเข้ากับเชี่ยวเฉิน,พวกเขาทั้งหมดหยุดพูดคุย คําตอบชัดเจนอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว

ข้าต้องเอาหม้อมังกรฟินิกซ์มาให้เร็ว มิฉะนั้น, ในตอนที่ตัวนมู่ฉิงและคนอื่นๆมาถึง,มันจะเป็นการยาก

“ยังมีสมบัติลับสมบูรณ์อยู่ตามพื้นไม่น้อย พวกเขาตกถังข้าวสารแล้ว! ฮ่าฮ่า!”

“สิ่งที่อยู่ตรงกลางนั้นดูเหมือนจะเปฯหม้อมังกรฟินิกซ์ มันมีค่ามากที่สุด มันเป็นของจําเป็นที่ใช้ในการกลหลอมสมบัติลับ”

ผ่านไปครู่หนึ่ง,ฝูงชนก็ทําความเข้าใจสถาน การณ์ภายในโรงหลอมแห่งนี้ พวกเขาตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น พวกเขาพบสมบัติลับสมบูรณ์จํานวนมากในกองสมบัติลับที่เสียหาย มันเป็นการยากที่จะพบสมบัติลับสมบูรณ์สักชิ้น,แต่พวกเขาพบได้เกลื่อนกราดในที่แห่งนี้

มีสองสามคนที่พุ่งตรงไปที่หม้อมังกรฟินิกซ์ โดยไม่มีความลังเล เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นดังนั้น,สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขาดีดตัวออกจากพื้นเบาๆและขึ้นไปยืนที่ปากหม้อ

“ปะ ปะ!”

เขาดึงกระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะและปลดปล่อย เจตนาฆ่าฟันออกมาในทันทีเซียวเฉินมองไปที่ฝูงชนอย่างไร้สีหน้า

“เย่เฉิน,เจ้ากําลังจะทําอะไร?!ลงมาซะ เจ้าน่าจะได้เปลวเพลิงจันทราภายในหม้อมังกรฟินิกซ์ ไปแล้วอย่าได้ละโมบและคิดจะเอาหม้อมังกรฟิ นิกซ์ไปด้วย”

“ใช่แล้ว แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่เทียบไม่ได้กับพวกเราทุกคนอย่างแน่นอน”

เมื่อฝูงชนด้านล่างเห็นเซียวเฉินขึ้นไปยืนบนปากหม้อ,พวกเขาบ่นออมกา สําหรับพวกเขาที่ได้เข้าร่วมภารกิจนี้,พลังของพวกเขาไม่ได้ อ่อนแอ

สภาพน่าสังเวชของเหวนเยียนบึงไม่ได้ทําให้ พวกเขากลัวฝูงชนมีความริดเห็นว่าไม่ว่าเซียวเฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด,เขาก็รับมือกับทุกคนไม่ได้ในเวลาเดียวกัน

“อย่าไปพยายามใช้เหตุผลกับมัน เข้าโจมตีพร้อมกันและสังหารไอ้สหายผู้นี้ที่ไม่รู้ฟ้าสูงโลกกว้าง พวกเราสามารถแบ่งสมบัติลับและเปลวเพลิงจันทรากันในหมู่พวกเรา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 322 เส้นทางยุทธที่โหดร้าย

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 322 เส้นทางยุทธที่โหดร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 322 เส้นทางยุทธที่โหดร้าย

“บูม!”

เซี่ยวเฉินหายตัวไป กําปั้นของตู้ฮาวทะลวงผ่านก่อนหินพุ่งเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม เขาชกไปโดนเพียงภาพติดตากําปั้นของเขาโดนเพียงความว่างเปล่า

เซี่ยวเฉินหันกลับและหยิบกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล เซี่ยวเฉินมองดูขณะที่ ตู้ฮาวก้าวออกมาจากหมอกควัน เขาวางมือขวาของเขาลงบนด้ามกระบี่

เซี่ยวเฉินต้องยอมรับในการต่อสู้ระยะประชิด,ตู้ฮาวเหนือกว่าเขาไปไกล จากคนที่เซี่ยวเฉินเคยพบเจอมา มีเพียงมู่เหิง,ผู้ที่มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกายให้เป็นกระบี่, ที่จะพอทัดเทียมได้

อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียวเฉินคือการมช้ทักษะกระบี่และไม่ใช่การต่อสู้ระยะประชิดในตอนที่เขาแลกเปลี่ยนกระบวณ ท่ากับตู้ฮาว,เขาเพียงอยากจะลองทดสอบดู

“เอาสมบัติลับบนพื้นแล้วไปซะ หลังจากที่ข้าชักกระบออกมา โอกาสของเจ้าหมดลงแล้ว” เซียวเฉินกล่าวเตือนเบาๆพวกเขาทั้งสองไม่ได้มีเรื่องบาดหมาง;ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องต่อสู้กันถึงตาย

ริมฝีปากของตู้ฮาวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา “พูดจาใหญ่โต;ข้าอยากจะเห็นว่าอะไรคือโอกาสของข้าหมดลงแล้ว”

“น้ําหนาวไร้ร่องรอย!”

หลังจากที่ตู้ฮาวกล่าวจบ,เขาร้องตะโกนและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาหมุนวนรอบเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว

มันราวกับว่าเขาเป็นสายน้ําฤดูใบไม้ร่วง,ที่ไหลผ่านไปในอากาศอย่างรวดเร็ว,ทิ้งภาพติดตาเอาไว้นับไม่ถ้วน เมื่อภาพติดตาซ้อนทับกัน มันดู เหมือนกับระลอกคลื่นอ่อนในแม่น้ําที่พร่ามัว

เช่นนั้นเอง,ตู้ฮาวได้เข้าใจถึงสภาวะแห่งน้ํา ไม่สงสัยว่าทําไมเขาถึงมั่นใจนัก เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม สภาวะของเขาเพิ่มจะก่อเกิด:มันค่อนข้างอ่อนด้อยกว่าต้วนมู่ฉิง,มู่หลงชง, และคนอื่นๆ

ต่อหน้าของเซี่ยวเฉินที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ในสภาวะแห่งสายฟ้า,มันจะไปมีโอกาสได้อย่างไร?

“บูม!”

เกิดเสียงสายฟ้าดังกึกก้องในโรงหลอม ทันทีที่สายฟ้าแตกตัว,คลื่นกระแสเล็กๆสาดขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม

ในทันทีที่สายฟ้าดังกึกก้อง,กระบี่เงาจันทร์ถูกปลดปล่อยออกมาจากฝึกของมันอย่างรวดเร็ว มันราวกับเส้นสายฟ้ากระบี่ฉีสีม่วงซัดเข้าที่ฮาว,ผู้ที่สภาวะถูกกดระงับเอาไว้

“ปัง!”

บาดแผลน่ากลัวปรากฏขึ้นบนหน้าอกของตู้ฮาว พร้อมกับเขาร่วงลงไปกับพื้นอย่างแรงความไม่ อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาคู่ต่อสู้ ของเขาได้กดสภาวะของเขาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ตู้ฮาวเพิ่งจะใช้ออกกระบวณท่าสังหารที่สามาร ถพลิกสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม,เขาถูกขัดเอาไว้ครึ่งทาง,ช่างน่าเกลียด!

เซียวเฉินค่อยๆเดินเข้ามาและเก็บกระบี่เงาจันทร์ลงฝัก เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่ตู้ฮาวขณะที่เขาเดินไปหาหมอมังกรฟินิกซ์และเปลวเพลิงจัน ทรา

ตู้ฮาว,ผู้ที่กองอยู่กับพื้น,จ้องมองเซียวเฉินอยู่สงเย็นชาขณะที่พันแผลของเขา เขากล่าว “ถึง แม้ว่าเจ้าจะล้มข้าลงได้,เจ้าก็ไม่อาจครอบครอง หม้อมังกรฟินิกซ์กับเปลวเพลิงจันทราฉู่ฉาวอวิ๋น,ผู้ที่ปราบหุ่นรบเกราะทองลงได้,ไม่ใช่คนที่เจ้าจะรับมือด้วยได้”

“เขาเอาชนะพวกเราทั้งเก้าคนลงได้ ในตอนที่เขามาถึงเจ้าก็หมดโอกาส”

ความคิดของบุคคลผู้นี้เข้าใจได้ง่าย เขาไม่ต้องการให้คนอื่นได้รับในสิ่งที่เขาไม่อาจคว้ามาได้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะล้มเหลว,เขาก็ใช้เหตุผลนี้มาเพื่อปลอบใจตัวเอง

เซียวเฉินจ้องมองไปยังเปลวเพลิงจันทราทั้งสี่ เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปและกล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องเป็นกังวล”

ตู้ฮาวเห็นว่าเซียวเฉินเมินเฉยเขา,และสูดจมูกอย่างเย็นชา เขาเพียงเก็บสมบัติลับหลายสิบชิ้นจากพื้นก่อนที่จะกลับออกไปในทางที่เขาเข้ามา

สภาวะแห่งสายฟ้าได้แทรกซึมอยู่ในบาดแผลของเขา มันทําให้บาดแผลของเขาไม่อาจฟื้นฟูได้ในเร็วๆนี้ ดูเหมือนว่าการเผชิญโชคในนิกาย หลี่เพลิงของเขาจะจบลงเท่านี้

เซี่ยวเฉินจ้องมองไปที่เปลวเพลิงสีขาวสี่ก้อนที่ลอยอยู่ในหม้อมังกรฟินิกซ์โดยไม่กระพริบตาเปลวเพลิงนี้ไม่มีแสงมันดูสีซีดเป็นอย่างมาก

เปลวเพลิงแต่ละก้อนมีขนาดเท่ากับกําปั้น พวกมันลอยอยู่เงียบเชียบเหนือปากของหม้อในตอนที่มีลมพัด,มันก็ไหวไปมา

ดังที่อ่าวเจียวเคยบอกกับเซี่ยวเฉิน, มีเปลวเพลิงสีชนิดในโลกใบนี้:เปลวเพลิงมนุษย์,เปลวเพลิงผี,เปลวเพลิงมังกร,และเปลวเพลิงสวรรค์

ซึ่งเปลวเพลิงผีมีอยู่สองประเภท หนึ่งถูกพบใน ถ้ำหยินลึกลับ และอีกหนึ่งอยู่ที่นรกเก้าชั้นแห่งแดนล้างบาป

เซี่ยวเฉินคิดว่าความเป็นไปได้ที่เปลวเพลิงจันทราจะเป็นเปลวเพลิงผีจากถ้ําหยิน

เปลวเพลิงสีขาวทั้งสี่ก้อนตรงหน้าของเชียวเฉินเห็นชัดว่าไม่มีต้นกําเนิด มันไม่มีต้นกําเนิดเปลวเพลิงจันทราแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม,พวกมันก็ยังอยู่รอดมาได้หลายพันปี หากไม่มีการแทรกแซงเข้ามา,พวกมันก็จะคงอยู่ต่อไป พลังชีวิตของเปลวเพลิงนี้แข็งแกร่ง เป็นอย่างมาก

ทุกคนรู้ว่านิกายหลเพลิงในอดีตใช้หม้อมังกร ฟินิกซ์และเปลวเพลิงจันทราในการหลอมอาวุธลับ หลังจากยุคโบราณ,มีเพียงนิกายหลี่เพลิงที่ยังสามารถหลอมสมบัติลับออกมาได้ อาจจะเป็นเพราะของสองสิ่งนี้

เซียวเฉินมีความสนใจอย่างมากในการหลอม สมบัติลับเป็นธรรมดา,ที่เขาจะไม่ปล่อยให้หม้อมังกรฟินิกซ์และเปลวเพลิงจันทราหลุดมือไป แม่ว่ามันจะไม่ใช่เปลวเพลิงต้นกําเนิด,พวกมันก็ยังมีคุณค่ามาก

ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือจะเก็บรักษาเปลว เพลิงทั้งสี่ก้อนได้อย่างไร นี่เป็นปัญหาสําหรับเซียวเฉิน สําหรับหม้อหลอม,เขาสามารถเก็บเอาไว้ได้ในแหวนห้วงจักรวาลโดยตรง

หากว่ามันเป็นเปลวเพลิงคุณสมบัติหยาง,เชี่ยว เฉินสามารถใช้เพลิงแท้อัสนีม่วงดูดกลืนมันเข้าไป อย่างไรก็ตาม,เปลวเพลิงจันทราเป็นเปลว เพลิงหยินสุดขีด มันยากที่หยินกับหยางจะอยู่ร่วมกันได้

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน,เซี่ยวเฉินก็ขยาย สัมผัสวิญญาณของเขาออกมาจากสมุทรแห่งจิตใต้สํานึก เขาจะตรวจสอบคุณสมบัติของเปลวเพลิงนี้ก่อนที่จะตัดสินใจ

เซี่ยวเฉินเปลี่ยนสัมผัสวิญญาณของเขาให้เป็น เยื่อบางๆและห่อหุ้มเปลวเพลิงเอาไว้จากนั้นเขา ก็ตรวจสอบโครงสร้างภายในของมันอย่างละเอียด

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เซียวเฉินจะได้ทําอะไร,เปลวเพลิงที่ถูกห่อหุ้มด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาก็ทะลุผ่านผ้าโพกหัวสีฟ้าบนหน้าผากของเขา และเข้าไปที่สมุทรแห่งจิตใต้สํานึกระหว่างคิ้วของเขา

ภายในสมุทรแห่งจิตใต้สํานึกอันกว้างใหญ่,เปลวเพลิงสีขาวลอยอยู่เงียบๆที่ด้านข้างของบัลลังก์สีแดง มันมีแสงสลัวสีขาว

เซียวเฉินตกตะลึง จากนั้นเขาก็เผยสีหน้ายินดี เขากล่าวเสียงนุ่ม “สมุทรแห่งจิตใต้สํานึกสามารถเก็บเปลวเพลิงเอาไว้ได้? ข้าน่าจะลองเรียกมันออกมาดู”

เซียวเฉินหลังตาของเขาและสัมผัสถึงเปลว เพลิงสีขาวในสมุทรแห่งจิตใต้สํานึกของเขาความการนึกคิด,เปลวเพลิงสีขาวลอยออกมาจาก เครื่องหมายระหว่างคิ้วของเขา

ด้วยการนึกคิดของเซียวเฉิน,เปลวเพลิงก็กลับ เข้าไปครั้งนี้ มันไม่ได้ถูกห่อหุ้มด้วยสัมผัสวิญญาณ,ผ้าโพกหัวของเขาถูกเผาหายไป ครึ่งไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป

เป็นธรรมดา,เซียวเฉินไม่ไปใส่กับกับของเล็กน้อย เขารีบดึงเปลวเพลิงอีกสามกองที่เหลือเข้าไปในจิตใต้สํานึกของเขาทันที

หลังจากที่เซี่ยวเฉินเก็บเปลวเพลิงคนบทั้งหมด,เขาหยิบผ้าสีน้ําเงินออกมาอีกหนึ่งผืนและ พันเอาไว้รอบหน้าผากของเขา

“บูม!”

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังพันผ้ารอบตัวของเขา,มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขาร่างอ้วนท่วมกระโดดมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว,กําปั้นพุ่งเข้าหาเซียวเฉินที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

สายลมจากกําปั้นทําให้อากาศสั่นสะเทือน เกิดเป็นคลื่นกระแทกดุร้าย ขณะที่กําปั้นทะลวงผ่านอากาศ,มันส่งเสียงโซนิคบูมออกมา

มันเร็วมากจนเชี่ยวเฉินไม่มีเวลาจะหลบเลี่ยงหรือชักกระบี่ สีหน้าของเขากลายเป็นเย็นชา,และ กระดูกในร่างของเขาส่งเสียงกรอบแกรบ เขาหันกลับและรับกําปั้น

“ปัง!”

เสียงกระดูกแตกดังกึกก้อง เหวนเยียนบึง,ผู้ที่เข้ามาลอบโจมตี,ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น ทั้งแขนขวาของเขาอ่อนปวกเปียก

เหว่นเยียนบึงกลายเป็นพิการ;ไม่มีทางที่จะรักษากลับมาได้ เขาเผยความหวาดกลัวออกมาทางสีหน้าที่เจ็บปวด

เขาไม่คาดคิดว่าการโจมตีเต็มกําลังหนึ่งหมื่นกิโลกรัมที่เขาสะสมมาเป็นเวลานานเพื่อลอบโจมตีจะล้มเหลวในกระบวณท่าเดียว

ขณะที่เหวนเยียนบึงยืนขึ้นและเตรียมหนี,ดาบสองเล่มก็พาดมาที่คอของเขา มันเป็นเซียวเฉินที่ควบคุมหุ่นรบเกราะเงินมาเข้าปิดทางหนีของเขา

“อย่าฆ่าข้า เจ้า…เจ้าทําลายแขนข้าไปแล้ว เท่ากับข้าพิกาจไปครึ่งหนึ่ง” เหวนเยียนบึงอ้อนวอน

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเย็นชา “ทําลายมือซ้าย ของเจ้า,และเจ้าออกไปได้”

เมื่อเหวนเยียนบึงได้ยินดังนั้น เขาตกตะลึงหากเขาพิกาจทั้งสองมือ,เขาก็กลายเป็นขยะโดยสมบูรณ์ หลังจากที่บ่มเพาะพลังอย่างขมขึ้นมานับสิบปี,เขาก็ต้องละทิ้งเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังไป

เมื่อเหว่นเยียนบึงมองเห็นสีหน้าที่กําบังจะหมด ความอดทนของเซี่ยวเฉิน,เขาเผยสีหน้าเด็ดเดี่ยว เขาหมุนเวียนพลังปราณในแขนซ้ายของเขาและ ตัดเส้นปราณทั้งหมด

หลังจากที่เซียวเฉินเห็นดังนั้น,เขาเมินเฉยเหว่ นเยียนบึงและส่งสัญญาณให้หุ่นรบเกราะเงินถอนดาบออกมา ผู้คนตกตายเพราะแสวงหาความ
มั่งคั่ง,นกตกตายเพราะแสวงหาอาหาร นับตั้งแต่วินาทีที่เขาลอบเข้าโจมตี,เขาควรเตรียมรับผลที่เลวร้ายที่สุด

“ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟบ!”

ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนวิ่งเข้ามาจากทางที่ เซียวเฉินทําเอาไว้ พวกเขาบังเอิญเห็นเหวนเยียนบิงที่แขนกลายเป็นพิกาจ พวกเขาเผยความตก ตะลึงในดวงตา

“ทําไมแขนของเหว่นเยียนบิงถึงได้พิการ และ เห็นชัดว่าเขาทําลายแขนซ้ายด้วยตัวเอง เขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือแห่งแคว้นตงหมิง เป็นใครที่ทําให้เขาต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ ?”

ดูจากอาการบาดเจ็บที่แขนขวาของเขา เห็น ชัดว่าเป็นผลมาจากการเอากําลังเข้าชน ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามกดเขาเอาไว้ได้อยู่หมัด เป็นใครที่จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?”

เมื่อพวกตาของพวกเขาไปชนเข้ากับเชี่ยวเฉิน,พวกเขาทั้งหมดหยุดพูดคุย คําตอบชัดเจนอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว

ข้าต้องเอาหม้อมังกรฟินิกซ์มาให้เร็ว มิฉะนั้น, ในตอนที่ตัวนมู่ฉิงและคนอื่นๆมาถึง,มันจะเป็นการยาก

“ยังมีสมบัติลับสมบูรณ์อยู่ตามพื้นไม่น้อย พวกเขาตกถังข้าวสารแล้ว! ฮ่าฮ่า!”

“สิ่งที่อยู่ตรงกลางนั้นดูเหมือนจะเปฯหม้อมังกรฟินิกซ์ มันมีค่ามากที่สุด มันเป็นของจําเป็นที่ใช้ในการกลหลอมสมบัติลับ”

ผ่านไปครู่หนึ่ง,ฝูงชนก็ทําความเข้าใจสถาน การณ์ภายในโรงหลอมแห่งนี้ พวกเขาตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น พวกเขาพบสมบัติลับสมบูรณ์จํานวนมากในกองสมบัติลับที่เสียหาย มันเป็นการยากที่จะพบสมบัติลับสมบูรณ์สักชิ้น,แต่พวกเขาพบได้เกลื่อนกราดในที่แห่งนี้

มีสองสามคนที่พุ่งตรงไปที่หม้อมังกรฟินิกซ์ โดยไม่มีความลังเล เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นดังนั้น,สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขาดีดตัวออกจากพื้นเบาๆและขึ้นไปยืนที่ปากหม้อ

“ปะ ปะ!”

เขาดึงกระบี่เงาจันทร์สีขาวหิมะและปลดปล่อย เจตนาฆ่าฟันออกมาในทันทีเซียวเฉินมองไปที่ฝูงชนอย่างไร้สีหน้า

“เย่เฉิน,เจ้ากําลังจะทําอะไร?!ลงมาซะ เจ้าน่าจะได้เปลวเพลิงจันทราภายในหม้อมังกรฟินิกซ์ ไปแล้วอย่าได้ละโมบและคิดจะเอาหม้อมังกรฟิ นิกซ์ไปด้วย”

“ใช่แล้ว แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่เทียบไม่ได้กับพวกเราทุกคนอย่างแน่นอน”

เมื่อฝูงชนด้านล่างเห็นเซียวเฉินขึ้นไปยืนบนปากหม้อ,พวกเขาบ่นออมกา สําหรับพวกเขาที่ได้เข้าร่วมภารกิจนี้,พลังของพวกเขาไม่ได้ อ่อนแอ

สภาพน่าสังเวชของเหวนเยียนบึงไม่ได้ทําให้ พวกเขากลัวฝูงชนมีความริดเห็นว่าไม่ว่าเซียวเฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด,เขาก็รับมือกับทุกคนไม่ได้ในเวลาเดียวกัน

“อย่าไปพยายามใช้เหตุผลกับมัน เข้าโจมตีพร้อมกันและสังหารไอ้สหายผู้นี้ที่ไม่รู้ฟ้าสูงโลกกว้าง พวกเราสามารถแบ่งสมบัติลับและเปลวเพลิงจันทรากันในหมู่พวกเรา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+