Immortal and Martial Dual Cultivation 325 ฉ่ฉาวอวิ่นเปิดทาง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 325 ฉ่ฉาวอวิ่นเปิดทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 325 ฉ่ฉาวอวิ่นเปิดทาง

ฉ่ฉาวอวิ่นคนเดียวก็ยากที่เซี่ยวเฉินจะรับมือแล้ว ด้วยหุ่นรบเกราะทองที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น,มันเป็นการยากที่เซียวเฉินจะล้มคู่ต่อสู้ลงได้

อย่างไรก็ตาม,หากเซียวเฉินใช้หุ่นรบเกราะเงิน ทั้งสองตัว ไม่มีปัญหาที่จะยื้อเวลาพวกเขาเอาไว้ในตอนที่ต้วนมู่ฉิงและคนอื่นๆตามมาถึง จะมีตัวแปรมากมายในการต่อสู้แย่งชิงหม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้

นี่ไม่เป็นประโยชน์สําหรับทั้งสองคน นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมฉ่ฉาวอวิ่นถึงได้เสนอหนึ่งพันหินวิญญาณเพื่อให้เขายอมแพ้

ด้วยการนึกคิด,หุ่นรบเกราะเงินทั้งสองตัวออกมาจากแหวนหัวงจักรวาล เซียวเฉินหยิบเอากระบี่เงาจันทร์ของเขาออกมา,ค่อยๆวางมือขวาของเขาลงบนด้ามกระบี่

เซี่ยวเฉินถอนลมหายใจและยิงสายตาเฉียบคม ตรงไปที่ฉ่ฉาวอวิ่น มีกระแสไฟฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นส่งเสียง ชี้ ชี้มาที่ด้านหลังของเขา;สภาวะแห่งสายฟ้ากําลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองไม่อาจตัดสินกันได้ในทันที มีตัวแปรมากมายในการแย่งชิงหม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้

ฉ่ฉาวอวุ่นจ้องมองไปที่เซียวเฉิน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ด้านหลังของเขาสั่นไหวไม่หยุด มันดูเหมือนกับมันจะปลดปล่อยดาบแสงขนาดใหญ่ออกมาได้ทุกเวลา

“บูม!”

แสงสีทองดุร้ายถูกปลดปล่อยออกมาในบริเวณ โดยรอบประตูสัมฤทธิ์ ทําให้พื้นที่ที่มืดมัวสว่างไสวขึ้นมาในทันที

ภายในแสงที่เจิดจ้า,มีดาบแสงที่เจิดจ้ายิ่งกว่าทะลวงผ่านอากาศและยิงไปที่เซียวเฉิน

สภาวะที่ฉ่ฉาวอขึ้นแท้จริงแล้วคือสภาวะแห่งแสง,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกัวตัวเองขณะที่เขาหยีตาลง ในขณะเดียวกัน,เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

ในทันทีที่ดาบแสงเรืองขึ้นเชี่ยวเฉินก็ชักกระบี่ของเขาออกมาด้วยมือขวา
ประกายกระแสไฟฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงสีทองเจิดจ้า ทันใดนั้น เสียงสายฟ้าคํารามดังขึ้น

เสียงสายฟ้าคํารามดังเสียดหู แสงกระแสไฟฟ้าสีม่วงที่ด้านหลังของเซียวเฉินค่อยๆขับแสงสีทองกลับไป เปลี่ยนกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างแสงสีม่วงและแสงสีทอง,สภาวะแห่งสายฟ้าขบเขี้ยวกับสภาวะแห่งแสง

“เก้ง แกว่ง!”

เมื่อการขบเขี้ยวกันของสภาวะเริ่มนิ่ง,ทั้งสองคนก็เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วราวกับสายฟ้าพร้อมกับพวกเขาเคลื่อนผ่านไปในอากาศ อาวุธของพวกเขาปะทะกันเกิดเป็นประกาย

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”

ในจังหวะที่อาวุธเข้าปะทะกัน พวกเขาก็ดึงกลับ พวกขเาหยุดอยู่กลางอากาศครู่หนึ่งก่อนที่จะเลี้ยวกลับ พวกเขาโจมตีออกมาอย่างเฉียบคม กระบี่แสงและดาบแสงเข้าปะทะกันโกลาหล

ประกายแสงลอยว่อนและคลื่นกระแทกขยายออกไปทั่วพื้นที่ เส้นอาวุธฉีซัดเข้าตามพื้นกําแพงเกิดเป็นรอยลึก

ขณะที่ทั้งสองกําลังประมือกัน,หุ่นรบเกราะทองก็พุ่งเข้าหาเหี่ยวเฉินพร้อมกับกระแสพลังที่เจิดจ้าด้วยการนึกคิด,เซียวเฉินสั่งให้หุ่นรบเกราะเงินทั้งสองตัวเข้ามาขัดขวางเอาไว้

ทุกครั้งที่ฉ่ฉาวอวิ่นเคลื่อนไหว,จะเกิดลําแสงสีทองเจิดจ้า นี่ทําให้ดวงตาของเซี่ยวเฉินพล่ามัว

เซียวเฉินหยีตาจนหน้าของเขาย่น สภาวะแก่งสายฟ้าอันแข็งแกร่งผสานเข้ากับกระบี่ของเขาปลดปล่อยเส้นกระแสไฟฟ้าเกิดเสียงแตกดัง

ทันทีที่อาวุธของพวกเขาปะทะกัน,กระแสไฟฟ้าไหลผ่านดาบของฉ่ฉาวอริ้นเข้าไปในร่างกายของเขา เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้น หลังจากที่แลกเปลี่ยนกันไปหลายครั้ง แขนขวาที่ถือดาบของเขาเริ่มเหน็บชา

“ปัง! ปัง! ปัง!”

การเคลื่อนไหวของทั้งสองเร็วขึ้นและเร็วขึ้นในไม่ช้า,มองเห็นได้เพียงภาพร่างเลือนลางในอากาศ สายลมรุนแรงพัดเป่ามาจากร่างของทั้งสอง,เกิดเป็นพายุขนาดหย่อม

แท้จริงแล้ว,พวกเขาไม่ได้ใส่เต็มกําลังใน การต่อสู้ของพวกเขา
สถานการณ์ในตอนนี้มีความไม่แน่นอนมากเกินไป หากพวกเขาทั้งคู่ต่อสู้กันจนเจ็บหนัก,จะเป็นผลให้ตัวนมู่ฉิงและคนอื่นๆเข้ามาฉวยโอกาสเอาได้
ฉ่ฉาวอวุ่นรอจนดวงตาของเซี่ยวเฉินพร่ามัวอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเขาจึงจะเริ่มลงมือ หากว่าเขาสามารถล้มเซี่ยวเฉินลงได้ภายในกระบวณท่าเดียว,มันจะประหยัดพลังของเขาเอาไว้ได้มาก

เซี่ยวเฉินกําลังรอจังหวะที่มือของคู่ต่อสู้ด้านชา โดยสมบูรณ์และไม่อาจกุมดาบเอาไว้ในมือได้อีกต่อไป ถึงตอนนั้น,เขาจะปลดดาบของคู่ต่อสู้เสียและเปิดทางหนี

แสงสีทองและกระแสไฟฟาขบเขี้ยวกันไม่หยุดหย่อน,และมีเสียงคมมีดของพวกเขาปะทะกันในอากาศ พวกเขาทั้งสองยืนหยัดอย่างอดทน,ไม่เปิดทางให้กันและกัน;พวกเขากําลังรอดูว่าใครจะเผยช่องว่างก่อน

“ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!”

ในขณะนั้นเอง,มีเสียงฝีเท้าดังมาจากห้องโถงหลัก ฉ่ฉาวอวิ่นเหลียวตามองและพบว่าตัวนมู่ฉิงและคนอื่นๆได้มาถึงแล้ว
“ชั่ว!”

ฉ่ฉาวอวิ่นถอนดาบของเขาและถอยกลับอย่างรวดเร็ว แสงสีทองพลันจางหายไป,สภาวะแห่งแสงสลายไปในทันที

“ไป,ข้าจะฝากหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้กับเจ้าก่อน แน่นอน,ข้าจะตามมาเรียกคืนเจ้าจากสักวันหนึ่ง ดูแลมันให้ดี” ฉ่ฉาวอวิ่นกล่าวเสียงเบา,ก้าวออกด้านข้างเปิดทางให้กับเซียวเฉิน

เซียวเฉินสบายสภาวะแห่งสายฟ้าและกระโดดลงไปตรงหน้าหม้อมังกรฟินิกซ์ จากนั้นเขาก็ยกมันขึ้นเหนือหัวของเขาด้วยมือเดียว

เมื่อเซียวเฉินเดินผ่านฉ่ฉาวอวิ่น,เขากล่าวขึ้นเสียงนุ่ม “สิ่งที่มาอยู่ในมือของข้าจะไม่เสียให้กับคนอื่น เหมือนกับแก่นกลางทองคําในตอนนั้น,หม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้ก็เช่นกัน”

ขณะที่ฉ่ฉาวอวิ่นมองดูเซียวเฉินกําลังหายลับไป เขาส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยเสียงเบาที่มีเพียงตัวเขาเองที่ได้ยิน “หลังจากที่ไม่เจอกันมาหนึ่งปี ความแข็งแกร่งของเขาก็เติบโตมาถึงระดับนี้ การเติบโตของจิตวิญญาณยุทธ มังกรฟ้าอาจจะสูงกว่าที่คนผู้นั้นคาดการณ์เอาไว้

“ฉ่ฉาวอวิ่น,เย่เฉินหายไปไหน? ไม่ใช่ว่าเจ้ากําลังประมืออยู่กับเขาเมื่อครู่? ทําไมเขาถึงได้หายตัวไป?” ฮวาหยุนเฟยกล่าวอย่างรีบร้อนขณะที่เขาตรงเข้ามา

ฉ่ฉาวอวิ่นกล่ายอย่างไม่แยแส “ขออภัย,ข้าปล่อยเขาไปแล้ว”
เมื่อฮวาหยุนเฟยเห็นท่าทางไม่แยแสของฉ่ฉาวอวิ่น,เขากลายเป็นหงุดหงิด เขารีบชักดาบสีแดงของเขาออกมาและชี้ไปที่นุ่ฉาวอวิน

ฉ่ฉาวอวุ่นยิ้มบางเบาและหุ่นรบเกราะทองก้าวขึ้นหน้าสองก้าว

เมื่อฮวาหยุนเฟยมองเห็นหุ่นรบเกราะทอง,เขาก็ไม่กล้าลงมืออะไรอีกต่อไป เขาสูดจมูกเย็นชา ก่อนที่จะเก็บดาบของเขากลับเข้าฝึก

จีชางคงมองไปที่ทางออกของนิกายหลี่เพลิง จากนั้นเขาก็กล่าวบางอย่างขึ้นมา “พวกเจ้าทั้งหมดรู้สึกว่าคุ้นเคยกับเจ้าหมอนั้นหรือไม่? แม้ว่าหน้าตาของเขาจะต่าง,กระแสพลังของเขาจะแกร่งขึ้น,แต่ดวงตาและความเฉลียวฉลาดของเขาดูค ล้ายคลึง”

ในทันทีที่สิ้นเสียงของจีชางคง,ตัวนมู่ฉิง,ฮวาหยุนเฟย,และขุนนางกุยยี่แลกเปลี่ยนสายตากัน สายตาของพวกเขาเร็มไปด้วยความตกตะลึง

ขุนนางกุยยกล่าว “เขียนชื่อของคนผู้นี้ออกมาพร้อมกัน ดูว่าพวกเรานึกถึงคนคนเดียวกันหรือไม่”

พวกเขายื่นมือออกมาและวาดตัวอักษร “เซียว” ขึ้นมาในอากาศ หลังจากที่พวกเขาวาดจบ,ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

ฮวาหยุนเฟยกล่าวอย่างเย็นชา “หากพวกเรารู้สึกเช่นเดียวกัน ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม ไม่มีทักษะแปลงโฉมใดในโลกที่สมจริงเพียงนี้ หากพวกเขาเป็นคนคนเดียวกัน,ทักษะของเขาจะต้องไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพียงรูปลักษณ์, แต่มันได้เปลี่ยนโครงสร้างกระดูก และกระแสพลังของเขา”

ในอดีต,เซี่ยวเฉินมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เคร่งขรึม ใบหน้าของเขาคมราวกับแกะสลักด้วยมีด รูปร่างของเขาราวกับกระบี่ล้ําค่าที่ถูกดึงออกมาจากฝัก กระแสพลังของเขาสว่างไสวและเปิดเผย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามองไปที่เซียวเฉิน ในตอนนี้ พวกเขามองเห็นรูปลักษณ์ภายนอกที่เรียบๆ กระแสพลังของเขาสงวนเอาไว้และไม่มีที่ท่าจะเผยออกมา เขาดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ขุนนางกุยยกล่าวต่อ “สิ่งที่สําคัญที่สุดคือข้าไม่ เชื่อว่ารวามแข็งแกร่งของคนคนนั้นจะพัฒนาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ อย่าลืมเขาอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงเมื่อหนึ่งปีก่อน คนผู้นี้อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง”

“นี่ไม่มีทางเป็นไปได้ถึงแม้วาาเขาจะมีทักษะ บ่มเพาะพลังระดับสวรรค์ อย่างไรก็ตาม,ภายในอาณาจักรต้าฉิน มีเพียงสํานักหลวงที่มีทักษะบ่มเพาะพลังระดับสวรรค์ เขามันเป็นใคร,จะมีเอาไว้ ในครอบครองได้อย่างไร?”

จีชางคงเหลียวไปมองฉ่ฉาวอวิ่นที่นิ่งเงียบ “ ฉู่ฉาวอวิน,เจ้าได้ประมือกับเขาสองสามกระบวณท่า เจ้าคิดเช่นไร?”

ฉ่ฉาวอวินยิ้มและกล่าว “มีอะไรสําคัญ?

ตาม จริง,เดียวเขาก็จะมาตามหาพวกเจ้าเองในอีกสองปีให้หลัง อย่าบอกนะว่าพวกเจ้ากลัว? ฮ่าฮ่า!”

สามวันต่อมา,เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ในพื้นที่เปลี่ยวที่ชายขอบของป่าน้ําหมึก หม้อมังกร ฟินิกซ์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวของเขา

หุ่นรบเกราะเงินสองตัวกําลังยืนเฝ้าหม้อใบนั้นเอาไว้ มีเสี่ยวไปนั่งอยู่บนปากหม้อเงียบๆ ดวงตาที่แพรวพราวของมันมองกวาดไปในบริเวณโดยรอบ,ช่วยเซียวเฉินเฝ้านะวังอันตราย

ผ่านไปครู่หนึ่ง, เซียวเฉินหยุดบ่มเพาะพลังและลืมตาขึ้น ลําแสงสองเส้นฉายออกมาจากดวงตาของเขาขณะที่เขาถอนหายใจออกเบาๆ

เส้นลําแสงฉายออกไปไกล,ราวกับลูกศรเล่มยาว หลังจากที่มันลอยออกไปเป็นเวลานาน,พวกมันก็ยังไม่สลายหายไป

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาและหยิบกระบี่เงาจันทร์ขึ้นมาจากข้างตัวของเขา จากนั้นเขาก็เดินตรงไป ที่หม้อมังกรฟินิกซ์ เสี่ยวไปักระโดดลงมาบนไหล่ของเขาในทันที

หม้อมังกรฟินิกซ์สูงสิบหกเมตร ขาทั้งสามของมันสูงสิบเมตรและตัวหม้อขนาดใหญ่สูงหกเมตร เมื่อเซี่ยวเฉินอยู่ด้านในของมัน,เขาดูตัวเล็กกระจ้อย

เชี่ยวเฉินกระโดดเบาๆและใช้ออกคาถาแรงโน้มถ่วง จากนั้นเขาค่อยๆลอยขึ้นไปที่ปากหม้อ ก่อนที่จะมองลงไป

ก้นหม้อว่างเปล่า มันทึกประมาณห้าเมตร แม้ว่าจะมองถึงกันหม้อได้เพียงเหลียวมอง,มันก็ให้ความรู้สึกราวกับหลุมลึกไร้กัน เหมือนกับว่ามันมีเขตแดนอยู่ภายใน

หลังจากที่เซียวเฉินออกมาจากนิกายหลี่เพลิง,เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไปจากป่าน้ําหมึก ราชวังเหมันต์ลึกล้ําของตระกูลต้วนหมู่ยังคงเฝ้าอยู่ที่ทางออกของป่า

เซียวเฉินนึกถึงความน่ากลัวของราชวังเหมันต์ลึกล้ํา เขาไม่โง่พอที่จะเข้าไปชนกับมัน เขาได้ซ่อนตัวอยู่ภายในป่าน้ําหมึกตลอดสามวันที่ผ่านมา,สังหารสัตว์อสูรปีศาจและฟื้นฟูกําลังของเขา

เซียวเฉินส่งหม้อมังกรฟินิกซ์ให้หุ่นรบเกราะเงินทั้งสองแบก,เช่นนี้จะไม่ส่งผลต่อการเดินของเขา ในตอนที่เขาพักผ่อน,เสี่ยวไปก็จะช่วยเฝ้าระวังเช่นกัน

ในป่าน้ําหมึกที่สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินส่งออกไปไม่ได้ไกล,เสียวไปักลายเป็นทําประโยชน์ให้อย่างมาก

หลังจากจัดการกับความกังวลถึงผลที่ตามมา,ตรงนี้เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมให้เซี่ยวเฉินปรับอารมณ์ของตัวเอง เนื่องจากพลังงานจิตวิญญาณที่เบาบางยิ่งและมีสัตว์อสูรปีศาจดุร้ายมากมาย ดังนั้น,เชี่ยวเฉินจึงไม่รีบร้อนที่นะออกไป

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและมองไปยังหม้อที่ว่างเปล่า นากนั้นเขาก็ชี้ไปที่มันและส่งเส้นเปลวเพลิงสีม่วงออกไป เปลวเพลิงเคลื่อนไปภายในหม้อ พวกมันเบาบางเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นกลประกายเล็กๆ

เซี่ยวเฉินชี้ลงไปอีกครั้งและยิงเพลิงแท้อัสนีม่วงลงไปอีกสิบเส้น,เผาผลาญพลังของเขาไปหนึ่งในสี่ อย่างไรก็ตาม,เปลวเพลิงก็ยังคงเบาบาง:พวกเขาไม่อาจเติมเต็มพื้นที่ภายในแม้แต่น้อย

เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย,เขารู้สึกสงสัยพร้อมกับกล่าว “ข่างแปลกประหลาด มันเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ว่าตามเหตุผล,เปลวเพลิงของข้าน่าจะลุกโชติช่วงอยู่ภายในแล้ว”

ในสามวันที่ผ่านมา, ในตอนที่เซียวเฉินมีเวลา,เขาจะทําการตรวจสอบหม่อมังกรฟินิกซ์ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร เขารู้แค่ว่าหม้อใบนี้ถูกหลอมด้วยศิลาแสงจันทร์จํานวนมาก และสร้างขึ้นจากเหล็กน้ําค้างเหมันต์ระดับสูงสุด;มันยืดหยุ่นยิ่งกว่าอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์

นอกจากนั้น พื้นที่ภายในหม้อยังดูเหมือนจะใหญ่กว่าที่ตาเห็น หลังจากทดลองอยู่หลายครั้ง มันน่าจะมีค่ายกลมติบางอย่างสลักเอาไว้

เซี่ยวเฉินดึงฝ่ามือของเขากลับและรวบรวมเปลวเพลิงทั้งหมดในหม้อกลับมา ก้อนเปลวเพลิงสีม่วงดุร้ายปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาในทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Immortal and Martial Dual Cultivation 325 ฉ่ฉาวอวิ่นเปิดทาง

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 325 ฉ่ฉาวอวิ่นเปิดทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 325 ฉ่ฉาวอวิ่นเปิดทาง

ฉ่ฉาวอวิ่นคนเดียวก็ยากที่เซี่ยวเฉินจะรับมือแล้ว ด้วยหุ่นรบเกราะทองที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น,มันเป็นการยากที่เซียวเฉินจะล้มคู่ต่อสู้ลงได้

อย่างไรก็ตาม,หากเซียวเฉินใช้หุ่นรบเกราะเงิน ทั้งสองตัว ไม่มีปัญหาที่จะยื้อเวลาพวกเขาเอาไว้ในตอนที่ต้วนมู่ฉิงและคนอื่นๆตามมาถึง จะมีตัวแปรมากมายในการต่อสู้แย่งชิงหม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้

นี่ไม่เป็นประโยชน์สําหรับทั้งสองคน นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมฉ่ฉาวอวิ่นถึงได้เสนอหนึ่งพันหินวิญญาณเพื่อให้เขายอมแพ้

ด้วยการนึกคิด,หุ่นรบเกราะเงินทั้งสองตัวออกมาจากแหวนหัวงจักรวาล เซียวเฉินหยิบเอากระบี่เงาจันทร์ของเขาออกมา,ค่อยๆวางมือขวาของเขาลงบนด้ามกระบี่

เซี่ยวเฉินถอนลมหายใจและยิงสายตาเฉียบคม ตรงไปที่ฉ่ฉาวอวิ่น มีกระแสไฟฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นส่งเสียง ชี้ ชี้มาที่ด้านหลังของเขา;สภาวะแห่งสายฟ้ากําลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองไม่อาจตัดสินกันได้ในทันที มีตัวแปรมากมายในการแย่งชิงหม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้

ฉ่ฉาวอวุ่นจ้องมองไปที่เซียวเฉิน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ด้านหลังของเขาสั่นไหวไม่หยุด มันดูเหมือนกับมันจะปลดปล่อยดาบแสงขนาดใหญ่ออกมาได้ทุกเวลา

“บูม!”

แสงสีทองดุร้ายถูกปลดปล่อยออกมาในบริเวณ โดยรอบประตูสัมฤทธิ์ ทําให้พื้นที่ที่มืดมัวสว่างไสวขึ้นมาในทันที

ภายในแสงที่เจิดจ้า,มีดาบแสงที่เจิดจ้ายิ่งกว่าทะลวงผ่านอากาศและยิงไปที่เซียวเฉิน

สภาวะที่ฉ่ฉาวอขึ้นแท้จริงแล้วคือสภาวะแห่งแสง,เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกัวตัวเองขณะที่เขาหยีตาลง ในขณะเดียวกัน,เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

ในทันทีที่ดาบแสงเรืองขึ้นเชี่ยวเฉินก็ชักกระบี่ของเขาออกมาด้วยมือขวา
ประกายกระแสไฟฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงสีทองเจิดจ้า ทันใดนั้น เสียงสายฟ้าคํารามดังขึ้น

เสียงสายฟ้าคํารามดังเสียดหู แสงกระแสไฟฟ้าสีม่วงที่ด้านหลังของเซียวเฉินค่อยๆขับแสงสีทองกลับไป เปลี่ยนกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างแสงสีม่วงและแสงสีทอง,สภาวะแห่งสายฟ้าขบเขี้ยวกับสภาวะแห่งแสง

“เก้ง แกว่ง!”

เมื่อการขบเขี้ยวกันของสภาวะเริ่มนิ่ง,ทั้งสองคนก็เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วราวกับสายฟ้าพร้อมกับพวกเขาเคลื่อนผ่านไปในอากาศ อาวุธของพวกเขาปะทะกันเกิดเป็นประกาย

“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!”

ในจังหวะที่อาวุธเข้าปะทะกัน พวกเขาก็ดึงกลับ พวกขเาหยุดอยู่กลางอากาศครู่หนึ่งก่อนที่จะเลี้ยวกลับ พวกเขาโจมตีออกมาอย่างเฉียบคม กระบี่แสงและดาบแสงเข้าปะทะกันโกลาหล

ประกายแสงลอยว่อนและคลื่นกระแทกขยายออกไปทั่วพื้นที่ เส้นอาวุธฉีซัดเข้าตามพื้นกําแพงเกิดเป็นรอยลึก

ขณะที่ทั้งสองกําลังประมือกัน,หุ่นรบเกราะทองก็พุ่งเข้าหาเหี่ยวเฉินพร้อมกับกระแสพลังที่เจิดจ้าด้วยการนึกคิด,เซียวเฉินสั่งให้หุ่นรบเกราะเงินทั้งสองตัวเข้ามาขัดขวางเอาไว้

ทุกครั้งที่ฉ่ฉาวอวิ่นเคลื่อนไหว,จะเกิดลําแสงสีทองเจิดจ้า นี่ทําให้ดวงตาของเซี่ยวเฉินพล่ามัว

เซียวเฉินหยีตาจนหน้าของเขาย่น สภาวะแก่งสายฟ้าอันแข็งแกร่งผสานเข้ากับกระบี่ของเขาปลดปล่อยเส้นกระแสไฟฟ้าเกิดเสียงแตกดัง

ทันทีที่อาวุธของพวกเขาปะทะกัน,กระแสไฟฟ้าไหลผ่านดาบของฉ่ฉาวอริ้นเข้าไปในร่างกายของเขา เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้น หลังจากที่แลกเปลี่ยนกันไปหลายครั้ง แขนขวาที่ถือดาบของเขาเริ่มเหน็บชา

“ปัง! ปัง! ปัง!”

การเคลื่อนไหวของทั้งสองเร็วขึ้นและเร็วขึ้นในไม่ช้า,มองเห็นได้เพียงภาพร่างเลือนลางในอากาศ สายลมรุนแรงพัดเป่ามาจากร่างของทั้งสอง,เกิดเป็นพายุขนาดหย่อม

แท้จริงแล้ว,พวกเขาไม่ได้ใส่เต็มกําลังใน การต่อสู้ของพวกเขา
สถานการณ์ในตอนนี้มีความไม่แน่นอนมากเกินไป หากพวกเขาทั้งคู่ต่อสู้กันจนเจ็บหนัก,จะเป็นผลให้ตัวนมู่ฉิงและคนอื่นๆเข้ามาฉวยโอกาสเอาได้
ฉ่ฉาวอวุ่นรอจนดวงตาของเซี่ยวเฉินพร่ามัวอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเขาจึงจะเริ่มลงมือ หากว่าเขาสามารถล้มเซี่ยวเฉินลงได้ภายในกระบวณท่าเดียว,มันจะประหยัดพลังของเขาเอาไว้ได้มาก

เซี่ยวเฉินกําลังรอจังหวะที่มือของคู่ต่อสู้ด้านชา โดยสมบูรณ์และไม่อาจกุมดาบเอาไว้ในมือได้อีกต่อไป ถึงตอนนั้น,เขาจะปลดดาบของคู่ต่อสู้เสียและเปิดทางหนี

แสงสีทองและกระแสไฟฟาขบเขี้ยวกันไม่หยุดหย่อน,และมีเสียงคมมีดของพวกเขาปะทะกันในอากาศ พวกเขาทั้งสองยืนหยัดอย่างอดทน,ไม่เปิดทางให้กันและกัน;พวกเขากําลังรอดูว่าใครจะเผยช่องว่างก่อน

“ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!”

ในขณะนั้นเอง,มีเสียงฝีเท้าดังมาจากห้องโถงหลัก ฉ่ฉาวอวิ่นเหลียวตามองและพบว่าตัวนมู่ฉิงและคนอื่นๆได้มาถึงแล้ว
“ชั่ว!”

ฉ่ฉาวอวิ่นถอนดาบของเขาและถอยกลับอย่างรวดเร็ว แสงสีทองพลันจางหายไป,สภาวะแห่งแสงสลายไปในทันที

“ไป,ข้าจะฝากหม้อมังกรฟินิกซ์เอาไว้กับเจ้าก่อน แน่นอน,ข้าจะตามมาเรียกคืนเจ้าจากสักวันหนึ่ง ดูแลมันให้ดี” ฉ่ฉาวอวิ่นกล่าวเสียงเบา,ก้าวออกด้านข้างเปิดทางให้กับเซียวเฉิน

เซียวเฉินสบายสภาวะแห่งสายฟ้าและกระโดดลงไปตรงหน้าหม้อมังกรฟินิกซ์ จากนั้นเขาก็ยกมันขึ้นเหนือหัวของเขาด้วยมือเดียว

เมื่อเซียวเฉินเดินผ่านฉ่ฉาวอวิ่น,เขากล่าวขึ้นเสียงนุ่ม “สิ่งที่มาอยู่ในมือของข้าจะไม่เสียให้กับคนอื่น เหมือนกับแก่นกลางทองคําในตอนนั้น,หม้อมังกรฟินิกซ์ใบนี้ก็เช่นกัน”

ขณะที่ฉ่ฉาวอวิ่นมองดูเซียวเฉินกําลังหายลับไป เขาส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยเสียงเบาที่มีเพียงตัวเขาเองที่ได้ยิน “หลังจากที่ไม่เจอกันมาหนึ่งปี ความแข็งแกร่งของเขาก็เติบโตมาถึงระดับนี้ การเติบโตของจิตวิญญาณยุทธ มังกรฟ้าอาจจะสูงกว่าที่คนผู้นั้นคาดการณ์เอาไว้

“ฉ่ฉาวอวิ่น,เย่เฉินหายไปไหน? ไม่ใช่ว่าเจ้ากําลังประมืออยู่กับเขาเมื่อครู่? ทําไมเขาถึงได้หายตัวไป?” ฮวาหยุนเฟยกล่าวอย่างรีบร้อนขณะที่เขาตรงเข้ามา

ฉ่ฉาวอวิ่นกล่ายอย่างไม่แยแส “ขออภัย,ข้าปล่อยเขาไปแล้ว”
เมื่อฮวาหยุนเฟยเห็นท่าทางไม่แยแสของฉ่ฉาวอวิ่น,เขากลายเป็นหงุดหงิด เขารีบชักดาบสีแดงของเขาออกมาและชี้ไปที่นุ่ฉาวอวิน

ฉ่ฉาวอวุ่นยิ้มบางเบาและหุ่นรบเกราะทองก้าวขึ้นหน้าสองก้าว

เมื่อฮวาหยุนเฟยมองเห็นหุ่นรบเกราะทอง,เขาก็ไม่กล้าลงมืออะไรอีกต่อไป เขาสูดจมูกเย็นชา ก่อนที่จะเก็บดาบของเขากลับเข้าฝึก

จีชางคงมองไปที่ทางออกของนิกายหลี่เพลิง จากนั้นเขาก็กล่าวบางอย่างขึ้นมา “พวกเจ้าทั้งหมดรู้สึกว่าคุ้นเคยกับเจ้าหมอนั้นหรือไม่? แม้ว่าหน้าตาของเขาจะต่าง,กระแสพลังของเขาจะแกร่งขึ้น,แต่ดวงตาและความเฉลียวฉลาดของเขาดูค ล้ายคลึง”

ในทันทีที่สิ้นเสียงของจีชางคง,ตัวนมู่ฉิง,ฮวาหยุนเฟย,และขุนนางกุยยี่แลกเปลี่ยนสายตากัน สายตาของพวกเขาเร็มไปด้วยความตกตะลึง

ขุนนางกุยยกล่าว “เขียนชื่อของคนผู้นี้ออกมาพร้อมกัน ดูว่าพวกเรานึกถึงคนคนเดียวกันหรือไม่”

พวกเขายื่นมือออกมาและวาดตัวอักษร “เซียว” ขึ้นมาในอากาศ หลังจากที่พวกเขาวาดจบ,ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

ฮวาหยุนเฟยกล่าวอย่างเย็นชา “หากพวกเรารู้สึกเช่นเดียวกัน ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม ไม่มีทักษะแปลงโฉมใดในโลกที่สมจริงเพียงนี้ หากพวกเขาเป็นคนคนเดียวกัน,ทักษะของเขาจะต้องไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพียงรูปลักษณ์, แต่มันได้เปลี่ยนโครงสร้างกระดูก และกระแสพลังของเขา”

ในอดีต,เซี่ยวเฉินมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เคร่งขรึม ใบหน้าของเขาคมราวกับแกะสลักด้วยมีด รูปร่างของเขาราวกับกระบี่ล้ําค่าที่ถูกดึงออกมาจากฝัก กระแสพลังของเขาสว่างไสวและเปิดเผย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามองไปที่เซียวเฉิน ในตอนนี้ พวกเขามองเห็นรูปลักษณ์ภายนอกที่เรียบๆ กระแสพลังของเขาสงวนเอาไว้และไม่มีที่ท่าจะเผยออกมา เขาดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ขุนนางกุยยกล่าวต่อ “สิ่งที่สําคัญที่สุดคือข้าไม่ เชื่อว่ารวามแข็งแกร่งของคนคนนั้นจะพัฒนาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ อย่าลืมเขาอยู่เพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูงเมื่อหนึ่งปีก่อน คนผู้นี้อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง”

“นี่ไม่มีทางเป็นไปได้ถึงแม้วาาเขาจะมีทักษะ บ่มเพาะพลังระดับสวรรค์ อย่างไรก็ตาม,ภายในอาณาจักรต้าฉิน มีเพียงสํานักหลวงที่มีทักษะบ่มเพาะพลังระดับสวรรค์ เขามันเป็นใคร,จะมีเอาไว้ ในครอบครองได้อย่างไร?”

จีชางคงเหลียวไปมองฉ่ฉาวอวิ่นที่นิ่งเงียบ “ ฉู่ฉาวอวิน,เจ้าได้ประมือกับเขาสองสามกระบวณท่า เจ้าคิดเช่นไร?”

ฉ่ฉาวอวินยิ้มและกล่าว “มีอะไรสําคัญ?

ตาม จริง,เดียวเขาก็จะมาตามหาพวกเจ้าเองในอีกสองปีให้หลัง อย่าบอกนะว่าพวกเจ้ากลัว? ฮ่าฮ่า!”

สามวันต่อมา,เซี่ยวเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ในพื้นที่เปลี่ยวที่ชายขอบของป่าน้ําหมึก หม้อมังกร ฟินิกซ์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวของเขา

หุ่นรบเกราะเงินสองตัวกําลังยืนเฝ้าหม้อใบนั้นเอาไว้ มีเสี่ยวไปนั่งอยู่บนปากหม้อเงียบๆ ดวงตาที่แพรวพราวของมันมองกวาดไปในบริเวณโดยรอบ,ช่วยเซียวเฉินเฝ้านะวังอันตราย

ผ่านไปครู่หนึ่ง, เซียวเฉินหยุดบ่มเพาะพลังและลืมตาขึ้น ลําแสงสองเส้นฉายออกมาจากดวงตาของเขาขณะที่เขาถอนหายใจออกเบาๆ

เส้นลําแสงฉายออกไปไกล,ราวกับลูกศรเล่มยาว หลังจากที่มันลอยออกไปเป็นเวลานาน,พวกมันก็ยังไม่สลายหายไป

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบาและหยิบกระบี่เงาจันทร์ขึ้นมาจากข้างตัวของเขา จากนั้นเขาก็เดินตรงไป ที่หม้อมังกรฟินิกซ์ เสี่ยวไปักระโดดลงมาบนไหล่ของเขาในทันที

หม้อมังกรฟินิกซ์สูงสิบหกเมตร ขาทั้งสามของมันสูงสิบเมตรและตัวหม้อขนาดใหญ่สูงหกเมตร เมื่อเซี่ยวเฉินอยู่ด้านในของมัน,เขาดูตัวเล็กกระจ้อย

เชี่ยวเฉินกระโดดเบาๆและใช้ออกคาถาแรงโน้มถ่วง จากนั้นเขาค่อยๆลอยขึ้นไปที่ปากหม้อ ก่อนที่จะมองลงไป

ก้นหม้อว่างเปล่า มันทึกประมาณห้าเมตร แม้ว่าจะมองถึงกันหม้อได้เพียงเหลียวมอง,มันก็ให้ความรู้สึกราวกับหลุมลึกไร้กัน เหมือนกับว่ามันมีเขตแดนอยู่ภายใน

หลังจากที่เซียวเฉินออกมาจากนิกายหลี่เพลิง,เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไปจากป่าน้ําหมึก ราชวังเหมันต์ลึกล้ําของตระกูลต้วนหมู่ยังคงเฝ้าอยู่ที่ทางออกของป่า

เซียวเฉินนึกถึงความน่ากลัวของราชวังเหมันต์ลึกล้ํา เขาไม่โง่พอที่จะเข้าไปชนกับมัน เขาได้ซ่อนตัวอยู่ภายในป่าน้ําหมึกตลอดสามวันที่ผ่านมา,สังหารสัตว์อสูรปีศาจและฟื้นฟูกําลังของเขา

เซียวเฉินส่งหม้อมังกรฟินิกซ์ให้หุ่นรบเกราะเงินทั้งสองแบก,เช่นนี้จะไม่ส่งผลต่อการเดินของเขา ในตอนที่เขาพักผ่อน,เสี่ยวไปก็จะช่วยเฝ้าระวังเช่นกัน

ในป่าน้ําหมึกที่สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินส่งออกไปไม่ได้ไกล,เสียวไปักลายเป็นทําประโยชน์ให้อย่างมาก

หลังจากจัดการกับความกังวลถึงผลที่ตามมา,ตรงนี้เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมให้เซี่ยวเฉินปรับอารมณ์ของตัวเอง เนื่องจากพลังงานจิตวิญญาณที่เบาบางยิ่งและมีสัตว์อสูรปีศาจดุร้ายมากมาย ดังนั้น,เชี่ยวเฉินจึงไม่รีบร้อนที่นะออกไป

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดและมองไปยังหม้อที่ว่างเปล่า นากนั้นเขาก็ชี้ไปที่มันและส่งเส้นเปลวเพลิงสีม่วงออกไป เปลวเพลิงเคลื่อนไปภายในหม้อ พวกมันเบาบางเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นกลประกายเล็กๆ

เซี่ยวเฉินชี้ลงไปอีกครั้งและยิงเพลิงแท้อัสนีม่วงลงไปอีกสิบเส้น,เผาผลาญพลังของเขาไปหนึ่งในสี่ อย่างไรก็ตาม,เปลวเพลิงก็ยังคงเบาบาง:พวกเขาไม่อาจเติมเต็มพื้นที่ภายในแม้แต่น้อย

เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย,เขารู้สึกสงสัยพร้อมกับกล่าว “ข่างแปลกประหลาด มันเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ว่าตามเหตุผล,เปลวเพลิงของข้าน่าจะลุกโชติช่วงอยู่ภายในแล้ว”

ในสามวันที่ผ่านมา, ในตอนที่เซียวเฉินมีเวลา,เขาจะทําการตรวจสอบหม่อมังกรฟินิกซ์ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร เขารู้แค่ว่าหม้อใบนี้ถูกหลอมด้วยศิลาแสงจันทร์จํานวนมาก และสร้างขึ้นจากเหล็กน้ําค้างเหมันต์ระดับสูงสุด;มันยืดหยุ่นยิ่งกว่าอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์

นอกจากนั้น พื้นที่ภายในหม้อยังดูเหมือนจะใหญ่กว่าที่ตาเห็น หลังจากทดลองอยู่หลายครั้ง มันน่าจะมีค่ายกลมติบางอย่างสลักเอาไว้

เซี่ยวเฉินดึงฝ่ามือของเขากลับและรวบรวมเปลวเพลิงทั้งหมดในหม้อกลับมา ก้อนเปลวเพลิงสีม่วงดุร้ายปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาในทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+