Immortal and Martial Dual Cultivation 78 ค่ำคืนสังหารหมู่

Now you are reading Immortal and Martial Dual Cultivation Chapter 78 ค่ำคืนสังหารหมู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 78 ค่ำคืนสังหารหมู่

 

ฝูงชนตรงหน้ารูปปั้นจักรพรรดิเทียนวู่สังเกตเห็นถังเฟิงและจางเหอเดินตรงเข้ามาพวกเขายังสังเกตเห็นผู้อาวุโสจากทั้งสองตระกูลเดินตามหลังพวกเขามา ด้วยศึกสัญญาสิบปีที่กำลังจะมาถึงทั้งสามตระกูลให้ความสำคัญอย่างมากเรื่องความปลอดภัยของผู้เข้าร่วม

 

เบื้องหน้ารูปปั้นจักรพรรดิเทียนวู่ใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องคนจากตระกูลเซียวยืนประจันหน้ากับคนจากตระกูลถังและตระกูลจาง

 

“เซียวเฉินไม่ได้เจอกันสักพักแล้ว” จางเหอพูดขึ้นในขณะที่ก้าวตรงมาช้าๆ

 

เมื่อเซียวเจี้ยนเห็นจางเหอเปลวไฟโทสะก็ถูกจุดขึ้นมาในดวงตาของเขา เขากำหนัดขวาดของเขาไว้แน่นส่งเสียงแตกหักออกมา เมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นหัวใจเขาก็เจ็บปวดขึ้นมา

 

พอได้ยินเสียงจางเหอเขาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป “จางเหอเจ้ากล้าที่จะมาประลองกับข้าหรือไม่?”

 

จางเหอยิ้มเย็นชา “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ข้ากำลังพูดกับเซียวเฉินเจ้าจะขัดขึ้นมาทำไม? เป็นแค่เศษขยะ…เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นอันดับหนึ่งแห่งเมืองม่อเหอ?”

 

เมื่อเซียวเจี้ยนได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงและพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “จางเหอ! อย่าให้มันมากนัก..”

 

เซียวเฉินมองไปที่จางเหออย่างเย็นชาพร้อมกับกระบี่เงาจันทร์ปรากฎขึ้นในมือของเขา เท้าเขาขยับเล็กน้อยหลังจากนั้นกระแสพลังของเขาก็เปลี่ยนไปทันที มีความกลมกลืนระหว่างตัวเขากับตัวกระบี่

 

“วาดฟัน!”

 

มีกระบี่แสงออกมาพร้อมกับเซียวเฉินที่เริ่มลงมือ จางเหอตกตะลึงเขาไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินนั้นจะกล้าลงมือกับเขาต่อหน้าทุกคนโดยไม่ได้เอ๋ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

 

เขารีบขยับร่างกายถอยหลัง ช่างน่าเสียดายที่กระบี่นั้นมาเร็วเกินไป นอกจากนั้นยังเป็นการโจมตีทีเผลอ

 

เขาใช้ทักษะเคลื่อนไหววิหคสวรรค์สยายปีกอย่างด่วนที่สุด อย่างไรก็ตามมันยังฝากรอยสีแดงสดไว้ที่แขนขวาของเขาและสายเลือดก็พุ่งออกมาทันที

 

ผู้อาวุโสของตระกูลถังและตระกูลจางรีบพุ่งเข้ามาทันทีอย่างเป็นกังวล อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นเหลิวเฟิงหยินยื่นอยู่เงียบๆด้านหลังก็ไม่มีใครกล้าลงมือผลีผลาม

 

พวกผู้อาวุโสตระกูลเซียวก็รุดขึ้นหน้ามาเช่นกัน ทันใดนั้นลูกศรก็ขึ้นมาประทับเตรียมพร้อมอยู่บนคันธนูทันที บรรยากาศตึงเครียด

 

จางเหอพูดอย่างเกรี้ยวกราด “เซียวเฉิน! เจ้ากล้าทำร่ายข้าต่อหน้าทุกคน!”

 

เซียวเฉินเก็บกระบี่ของเขาและยืดตัวขึ้นตรง ยิ้มขึ้นอย่างไม่แยแส “เสียงหมาเห่าหอน ข้าจึงเลือกที่จะลงมือแทนที่จะใช้เหตุผลกับมัน หากหมามันกัดข้าข้าก็ต้องกัดมันกลับ?”

 

คำเย้ยหยันนี้ไม่ได้มีคำสถุนแต่อย่างใดแต่มันได้ผลอย่างชัดเจน จางเหอโกรธจนแทบขาดสติขึ้นมาทันที เซียวเจี้ยนรู้สึกถึงความโกรธที่เริ่มจางหายไปในทันที

 

“พี่น้องจางไม่จำเป็นต้องไปวอแวกับพวกมันที่นี่ พวกมันจะคุยโม้โอ้อวดไปได้อีกไม่นาน” ถังเฟิงอยู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาแนะนำขึ้น

 

จางเหอสงบใจของเขาลงและคิดถึงสิ่งที่พ่อของเขาสรุปให้เขาฟังเมื่อเช้านี้ จากนั้นก็พูดกับเซียวเฉิน “เซียวเฉิน ข้าจะทำให้เจ้าชดใช้ในอีกไม่นาน ความอัปยศในวันนั้น… ข้าจะคืนให้ทั้งต้นทั้งดอก”

 

เซียวเฉินไม่ได้พูดอะไร กลับกันทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ในร่างของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็วและมือขวาของเขาก็ชี้ไปที่จางเหอเส้นเปลวเพลิงเล็กๆยิงออกไป

 

เนื่องจากเซียวเฉินยิงมันออกไปอย่างเร่งรีบเขาไม่ได้หมุนเวียนมันที่นิ้วของเขาก่อนดังนั้นเปลวเพลิงที่ยิงออกไปไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก เปลวเพลิงลูบหัวของจางเหอก่อนที่จะสลายไป ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตาเดียวมองดูราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“ฟู่!”

 

ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ลุกขึ้นพึ่บมาบนหัวของเขา ผมของจางเหอที่งอกกลับขึ้นมาได้เพียงเดือนกว่าโดนเผาอีกครั้ง

 

เซียวเฉินไม่ได้ใส่พลังปราณเข้าไปในเปลวเพลิงนี้มากมายดังนั้นมันจึงหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากลุกไหม้อยุ่ได้เพียงสองวินาที ถึงอย่างนั้นผมของจางเหอก็โดนเผาจนหมดสิ้น มีกลิ่นไหม้พร้อมกับควันสีฟ้าลอยออกมาจากหัวของเขา

 

ผู้คนโดยรอบรีบหันหน้าหลบอย่างรวดเร็ว คนของตระกูลเซียวทั้งหมดหัวเราะลั่น แม้แต่พวกตระกูถังที่มากับเขายังแอบหัวเราะอยู่ในใจ

 

“เซียวเฉิน!” จางเหอตะโกนจนเสียงแตก เขาไม่อาจกดข่มอารมณ์ได้อีกต่อไป

 

ภายใต้การบอกล่าวของผู้อาวุโสเหล่าศิษย์ตระกูลจางข้างหลังเขาพยายามจับตัวของจางเหอเอาไว้ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าใส่

 

ถังเฟิงไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป เขาถือธนูน้ำแข็งเพลิงไว้ในมือและพูดใส่เซียวเฉิน “เซียวเฉินอย่าให้มันมากนัก เจ้าไม่คิดว่านี่มันออกจะเกินไปหน่อย?”

 

มากนัก? เกินไปหน่อย? เซียวเฉินยิ้มเย็นชาในใจ หลังจากที่ชี้หน้าเหยียดหยามข้าต่อหน้าผู้คนเจ้ายังกล้ามาพูดว่าข้าทำเกินไป? คิดว่าโลกหมุนรอบตัวพวกเจ้าหรือเช่นไร?

 

เซียวเฉินกล่าวอย่างเย็นชา “อย่างที่ข้าพูดไปข้าจะไม่ใช้เหตุผลกับพวกสุนัข เมื่อหมามันเห่าใส่ข้าก็จะลงมือแทนการใช้เหตุผล”

 

เห็นสภาพที่ไม่เชื่อของถังเฟิงเซียวเฉินถอนหายใจทิ้งอย่างเงียบๆ แน่นอนทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ตัดสินกันที่พลัง

 

หากฝ่ายตรงข้ามไม่เห็นว่าหลิวเฟิงหยินยืนอยุ่ตรงนี้เขานี้แหละจะเป็นคนถูกหยามหน้า เขาไม่เชื่อว่าจางเหอจะเดินเข้ามาทักทายเพียงเพราะว่าไม่ได้เจอเซียวเฉินมาเป็นเวลานานจึงเข้ามาหาด้วยความคิดถึง

 

เห็นชัดว่าจางเหอและถังเฟิงตั้งใจจะใช้จำนวนคนมาเข้ามาฉีกหน้าเขา พวกมันไม่ได้สังเกตเห็นว่าหลิวเฟิงหยินก็อยู่ตรงนี้ด้วย ดังนั้นจึงเป็นพวกมันซะเองที่ต้องทุกข์ระทม

 

หลังจากนั้นเป็นเวลานานกลิ่นไหม้บนตัวของจางเหอก็เริ่มจางหายไป เขาไม่อยากเสนอหน้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างก่อนที่จะพาคนของเขากลับออกไป

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขาก็กลืนคำพูดของเขากลับลงคอไป ได้แต่มองไปที่เซียวเฉินอย่างกินเลือดกินเนื้อ

 

เซียวอวี่หลันและคนอื่นๆไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะช้อปปิ้งต่อแต่อย่างใดหลังจากโดนคนพวกนั้นเข้ามาป่วน ก่อนที่พวกเขาจะจากไปเซียวเฉินก็มองไปที่รูปปั้นจักรพรรดิเทียนวู่ที่สูงกว่าร้อยเมตร

 

คิดถึงตัวเขา เขามีเปลวเพลิงสวรรค์ที่สามารถเผาล้างทั้งทวีปได้ ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขาเขาสามารถรวบทั้งทวีปและก่อตั้งราชวงศ์ของเขาเอง นั้นเป็นตำนานจักรพรรดิเทียนวู่

 

แม้จะผ่านมากว่าหนึ่งหมื่นปีหลังจากที่ราชวงศ์เทียนวู่ล้มสลายไปผู้คนยังจดจำได้ถึงจักรพรรดิเทียนวู่ นี่เป็นความเกรงขามที่จักรพรรดิเทียนวู่สร้างเอาไว้ในยุคนั้น

 

ในยุคของเขาก็ยังมีผู้ที่โดดเด่นอื่นๆอีกมากมายแต่กลับโดนเงาของเขาบดบังไว้กลายเป็นแท่นหินให้เขาเหยียบขึ้นไปก่อนที่จะจางหายไปตามกาลเวลา

 

เซียวเฉินจะเป็นได้ดังจักรพรรดิเทียนวู่หรือไม่อีกนับหมื่นปีหลังจากนี้? ยืนหยัดข้ามกาลเวลาบรรลุความเป็นอมตะ? หรือเขาอาจจะกลายเป็นเพียงแท่นหินให้คนอื่นเหยียบขึ้นไป?

 

…..

 

ตกดึกดวงจันทร์ลอยสูงและดวงดาวเต็มท้องฟ้า

 

ที่บ้านตระกูลเซียวภายในลานบ้านของเซียวเฉิน

 

หลังจากที่เซียวเฉินกลับมาเขาก็ลงมือวาดแผ่นยันต์ต่อในทันที เมื่อตกกลางคืนเขาก็ตรวจดูตำราทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันอย่างละเอียด

 

ตั้งแต่ที่เขาได้รับตำราเล่มนี้มาเขาก็ไม่มีเวลาจะได้เปิดดูมันเลย ในตอนนี้หลังจากที่เขาได้เปิดดูเขาก็เริ่มซึมซับมันทันที

 

สายฟ้าฉับพลัน… แต่เดิมเป็นเพียงทักษะต่อสู่ระดับเหลืองขั้นสูง อย่างไรก็ตามกระบวณท่าต่อเนื่องที่เชื่อมต่อจากนั้นเพิ่มพลังให้กับมันหลายเท่าตัวทำให้มันขึ้นไปถึงทักษะต่อสู้ระดับลึกล้ำขั้นสูง

 

เขาได้รับสืบทอดต้นกำเนิดปัญญายุทธมาจากจักรพรรดิอัสนี ตราบเท่าที่ทักษะต่อสู้ถูกใช้ออกมาตรงหน้าของเขาครั้งหนึ่งเขาก็จะสามารถลอกเลียนมันได้ แปดถึงเก้าส่วน

 

แม้ว่าพลังของมันจะลดทอนลงบ้างแต่เมื่อเขาเข้าใจถึงแก่นแท้ของมัน มันก็อาจจะสามารถเอาชนะทักษะต่อสู้ต้นแบบได้

 

สายฟ้าฉับพลันนั้นก็เป็นสิ่งที่เซียวเฉินฝึกฝนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่เขาเห็นเฟิงเฟยซู่ใช้มันออกมาในครั้งนั้นเขาก็เข้าใจถึงแก่นแท้ของสายฟ้าฉับพลันได้ทันที ดังนั้นเขาจึงลอกเลียนได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์โดยใช้เปลี่ยนรูปลักษณ์

 

ในตอนนี้เขามีตำราฉบับสมบูรณ์ความเข้าใจถึงแก่นแท้ของมันถึงถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น เขายังสามารถใช้กระบวณท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่นี้ – สายฟ้าฉับพลันพันธนาการสาม

 

“อู่!”

 

ในคืนเงียบงันทันใดนั้นก็มีเสียงร้องอู้อี้ดังขึ้น นี่เป็นเสียงร้องของคนที่ถูดปิดปากเอาไว้ก่อนที่จะสิ้นใจ

 

แม้ว่าเสียงนั้นจะเบาบางแต่หลังจากที่เซียวเฉินขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธสัมผัสทั้งห้าของเขาก็เฉียบคมขึ้นอย่างมาก เขางุนงงในใจเล็กน้อย หรือมันอาจจะเป็นตระกูลถังหรือตระกูลจางส่งคนมาสังหารเขา

 

“ปัง!ปัง!ปัง!”

 

เสียงต่อสู้ดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องดังกังวาลอย่างต่อเนื่อง เซียวเฉินรีบปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปและทุกสิ่งอย่างภายในตระกูลเซียวก็ปรากฎให้เขาเห็น

 

ผ่านทางสัมผัสวิญญาณมีสามเงากำลังไล่ฆ่าอย่างเปิดเผย ความเร็วของทั้งสามนั้นรวดเร็วมากและไม่มีใครสามารถต่อกรได้ องครักษณ์ของตระกูลเซียวอ่อนแอราวกับกระดาษสำหรับพวกเขาด้วยการโจมตีเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็แตกเป็นเสี่ยง

 

ระดับขอบเขตนักบุญ! เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตนักบุญ เซียวเฉินงุนงงในใจก่อนที่จะเดือดพล่านขึ้นมาทำไมผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตนักบุญถึงสามคนถึงมาปรากฎตัวที่เมืองม่อเหอ?

 

ใบหน้าของพวกเขาถูกปกปิดเอาไว้และไม่ประมาทในการต่อสู้ พวกเขาช่างรวดเร็วและจัดการคนที่อยู่ในเส้นทางของเขาไปตลอดทาง

 

เซียวเฉินตรวจสอบเส้นทางของพวกเขาทั้งสามและทันใดนั้นก็พบว่าเป้าหมายเป็นเซียวอวี่หลัน,เซียวเจี้ยนและตัวเขาเอง เป็นผู้ที่จะเข้าร่วมศึกสัญญาสิบปีทั้งหมด

 

แน่นอนว่านี่ต้องเป็นการลงมือของตระกูลจางและตระกูลถัง มองดูเหล่าสานุศิษย์ที่ตายอย่างน่าสังเวชเซียวเฉินก็กำมือแน่น เลือดหยดลงในใจของเขาเจตนาฆ่าฟันปะทุในใจเขาอย่างรุนแรง

 

หลิวเฟิงหยินอยู่ที่ไหน?

 

เซียวเฉินหันความสนใจของเขาไปยังพื้นที่อื่นและเห็นร่างของหลวิเฟิงหยิน เขากำลังต่อสู้ติดพันกับชายชุดน้ำเงิน เขากำลังป้องกันตัวเองอย่างยากลำบากและไม่อาจหลบหนีออกไปได้

 

ไกลออกไปผู้อาวุโสหนึ่งนำกลุ่มระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธเข้ามา อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกขัดขวางไว้โดยระดับขอบเขตนักบุญคนหนึ่ง มันไม่ได้ลงมือสังหารพวกเขาแต่เมื่อมีคนที่จะรุดหน้าขึ้นไปช่วยมันก็จะเข้ามาหยุดไว้ทันที

 

มีผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตนักบุญทั้งหมดห้าคน สถานการณ์เลวร้าย เซียวเฉินรีบตรงไปที่ห้องของเป่าเอ๋อ

 

“นายน้อยเฉินเกิดอะไรขึ้น?” นางพูดขขึ้นมาอย่างตื่นกลัวในขณะที่เดินออกมาจากห้องของนาง นางได้ยินเสียงร้องน่าสังเวชดังขึ้นมาจากด้านนอก

 

เซียวเฉินกำลังจะอธิบายแต่ทันใดนั้นก็มีเจตนาฆ่าพุ่งเข้ามา กระแสพลังน่าตกใจนั้นกดดันเข้ามาแม้ว่าตัวของเขายังไม่ได้เข้ามาใกล้

 

เซียวเฉินผลักเป่าเอ๋อกลับเข้าไปในห้องของนางและพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “กลับเข้าห้องไป จำเอาไว้ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรเจ้าห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด”

 

“จำให้ดี ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรเจ้าต้องห้ามออกมาจากห้องเด็ดขาด”

 

แม้ว่าเป่าเอ๋อจะสับสนงุนงงแต่นางไม่เคยเห็นเซียวเฉินเป็นกังวลถึงขั้นนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงฟังคำของเขาและรีบกลับเข้าห้องของนางไป

 

ทันใดนั้นร่างร่างหนึ่งก็ปรากฎขึ้นบนกำแพงบ้าน มีดาบที่เต็มไปด้วยหยดเลือดอยู่ในมือ ชุดสีดำปกปิดหน้าของเขาเอาไว้กันไม่ให้ใครเห็นว่าเขามีรูปร่างเช่นไร ดวงตาของเขาส่องแสงมองมาที่เซียวเฉิน

 

“ฟู่ว!”

 

คนชุดดำสะบัดดาบในมือและดาบพลังฉียาว 6.6 เมตรก็บินตรงมาหาเซียวเฉิน นี่เป็นดาบพลังฉีที่แท้จริงที่ถูกใช้ออกมาจากผู้ใช้ดาบระดับขอบเขตนักบุญไม่เหมือนกับดาบพลังฉีที่จางเหอใช้ออกมาโดยจิตวิญญาณยุทธดาบนักบุญศักดิ์สิทธิ์ของเขา

 

ดาบพลังฉีพุ่งทะยานออกมาและในไม่ช้ามันก็มาถึงหน้าของเซียวเฉิน เซียวเฉินรู้ดีว่าเขาไม่อาจตั้งรับมันได้จึงรีบถอยหลังกลับ

 

“ปัง!”

 

เท้าของเซียวเฉินขยับและดาบพลังฉีก็เฉือนจุดที่เขาเคยยืนอยู่ไป เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับหลุมมากมายบนพื้น

 

สายพลังฉีกระจายไปทุกทิศทางและพัดฝุ่นขึ้นมาทุกที่ เซียวเฉินยังคงลอยอยู่กลางอากาศและยังไม่ได้ลงมาแตะพื้นในตอนที่คลื่นพลังฉีมาถึงตัวของเขา ร่างของเขาถูกผลักกระเด็นไปกระแทกกับพื้นเกิดเสียงดัง ‘ปัง!’

 

นี่เป็นเพียงพลังจากดาบเดียว ผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตนักบุญแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เซียวเฉินตกตะลึงในใจ ร่างที่อยู่บนกำแพงทันใดนั้นก็หายไป

 

พริบตาต่อมาเขาก็ปรากฎตัวที่ด้านบนของเซียวเฉินดาบของเขาปลดปล่อยดาบพลังฉียาว 6.6 เมตรออกมา พลังโจมตีในครั้งนี้ไม่อาจเปรียบได้เมื่อมันพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

 

ในจังหวะนี้ไม่ว่าทักษะต่อสู้จะทรงพลังถึงเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ในเมื่อเขาไม่มีเวลาพอที่จะใช้มันออกมา เซียวเฉินขยับมืออย่างรวดเร็วและรูปสลักไม้ที่ทำขึ้นมาจากไม้วิญญาณถูกโยนขึ้นไปบนหัวของเขา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด