Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินีภาคแยก | บทที่ 25 ยังไม่พออีกหรือ
แพทริเซียเดินไปตามทางที่มุ่งหน้าสู่ตำหนักกลาง นางคิดถึงลูซิโอเหลือเกิน และนางต้องได้พบหน้าเขาเดี๋ยวนี้เท่านั้น แม้ตอนแรกนางจะพยายามก้าวเดินอย่างเยือกเย็น ทว่า…
รู้ตัวอีกที แพทริเซียก็พบว่าตัวเองกำลังวิ่ง
ปกติแล้วแพทริเซียเป็นคนให้ความสำคัญกับความสง่างามและความสุขุม แต่เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ นางกำนัลที่ตามหลังมาจึงงงกันเป็นแถบและพลอยวิ่งตามไปด้วย
“ฝ่าบาท…ฝ่าบาทอยู่ข้างในหรือไม่”
หัวหน้านางกำนัลตำหนักกลางก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดินีผู้ซึ่งสง่างามอยู่เสมอปรากฏตัวในสภาพไม่เรียบร้อยเช่นนี้
แม้จะตกใจ แต่นางก็ตอบอย่างนอบน้อม “เพคะ ฝ่าบาท พระจักรพรรดิกำลังทรงงานอยู่ด้านในเพคะ”
“เราต้องพบฝ่าบาท รีบกราบทูลเร็วเข้า”
“เพคะ ฝ่าบาท”
หัวหน้านางกำนัลปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดัง
“ฝ่าบาท พระจักรพรรดินีเสด็จเพคะ”
“รีบให้นางเข้ามา”
“เชิญเสด็จเพคะ”
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก แพทริเซียกำชับอย่างหนักแน่นห้ามใครเข้าไปข้างในเด็ดขาด ก่อนจะยกชายชุดเดรสแล้วก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องอย่างตื่นเต้นดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีท่าทีกระตือรือร้นขนาดนี้ คล้อยหลังแพทริเซียที่วิ่งเข้าไปในห้อง หัวหน้านางกำนัลตำหนักกลางก็หันไปมองเหล่านางกำนัลของแพทริเซียด้วยสีหน้าสงสัยเพื่อขอคำอธิบาย แต่นางกำนัลเหล่านั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะพวกนางเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นกัน
“ฝ่าบาท”
แพทริเซียเอ่ยเรียกลูซิโอที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ลูซิโอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เมื่อเห็นว่าเป็นแพทริเซีย เขาก็ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ
“ไหนเมื่อครู่บอกให้เราไปหา ไม่ทันไรก็ทนไม่ไหวจนต้องมาหาเราก่อนเลยหรือ”
“ฮึก…”
เพียงได้ยินคำพูดนั้น สุดท้ายแพทริเซียก็ปล่อยโฮออกมา เห็นดังนั้นลูซิโอที่เป็นฝ่ายพูดกระเซ้าเย้าแหย่ย่อมต้องตกใจเป็นธรรมดา เขาลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วรีบวิ่งมาหาแพทริเซีย
“ริซซี่ เป็นอะไรไป”
ลูซิโอตกใจมากจนเรียกชื่อเล่นของอีกฝ่ายออกมา แต่แพทริเซียก็ไม่ได้รับรู้เรื่องนั้นและยังคงร้องไห้ต่อไป
“ฮึกฮือ ฝ่าบาท…”
“เกิดอะไรขึ้น หืม?”
ลูซิโอปลอบโยนแพทริเซียด้วยสีหน้าสับสนอย่างมาก สำหรับเขาแล้วนี่เป็นสถานการณ์ที่ชวนสับสนจริงๆ จักรพรรดินีที่มักจะยิ้มน้อยๆ และมอบจุมพิตให้เขา จู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมาเช่นนี้! กระทั่งในยามปกตินางก็เป็นคนไม่ค่อยร้องไห้ การที่คนอย่างนางร้องไห้ออกมานั่นหมายความว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ที่ร้ายแรงจริงๆ
สีหน้าของลูซิโอดูเศร้าหมองเพราะความเป็นห่วง
“ริซซี่ ไยเจ้าจึงร้องไห้ ไหนบอกข้าซิ”
แต่ที่สุดแล้วแพทริเซียก็เอาแต่สะอึกสะอื้นไม่ตอบอะไร แปลกมาก แปลกที่ไม่มีคำพูดใดออกมา แค่นางได้เห็นหน้าเขา ได้เห็นว่าเขายิ้มให้ น้ำตาของนางก็พรั่งพรูออกมา แน่นอนว่าที่แพทริเซียร้องไห้อยู่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะเสียใจแต่เป็นเพราะดีใจ ทว่า ลูซิโอไม่มีทางรู้เรื่องนั้น เขาพูดกับแพทริเซียด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“เจ้าไปทำอะไรผิดมาหรือ? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ข้าจะยกโทษให้ทุกอย่าง หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ในฐานะจักรพรรดิแห่งมาวินอส ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง หรือหากเป็นเพราะเรื่องสนม… ”
“ฝ่าบาท”
ในที่สุดแพทริเซียก็หยุดร้องไห้และเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของนางเปียกชื้นด้วยน้ำตา ลูซิโอเห็นดังนั้นก็รู้สึกถึงโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
ใครมันบังอาจทำให้ใบหน้าจักรพรรดินีของข้าต้องมีรอยน้ำตาเช่นนี้
ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร หรือเพราะใคร เห็นทีเขาจะยกโทษให้ไม่ได้
“ใช่แล้ว ริซซี่ ไม่ร้องนะ ไหนค่อยๆ เล่ามาซิ”
ลูซิโอกักเก็บความโกรธนั้นไว้เพียงในใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการปลอบแพทริเซีย ลูซิโอปลอบโยนแพทริเซียด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับปลอบเด็กเล็ก แพทริเซียเห็นท่าทีของอีกฝ่าย น้ำตาก็มาคลออีกครั้ง แต่นางก็พยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถแล้วค่อยๆ เปิดปาก
“ฝ่าบาท หม่อมฉัน…”
“ว่าอย่างไร ริซซี่”
“หม่อมฉันไม่ได้เป็นหมันเพคะ”
“อืมๆ อย่างนี้นี่…”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ลูซิโอก็ตั้งใจบอกว่าไม่เป็นไร ดังนั้นลูซิโอจึงตอบออกไปโดยไม่ทันคิด แต่สักพักเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงค่อยๆ เงียบเสียง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้ามึนงง
“…เจ้าว่าอะไรนะ”
“หม่อมฉัน” แพทริเซียกลืนน้ำลายและพูดออกมาอีกครั้ง “ไม่ได้เป็นหมันเพคะ ฝ่าบาท”
“นั่น…หมายความว่าอย่างไร”
“ตามที่กราบทูล หม่อมฉันไม่เคยเป็นหมันเพคะ”
ลูซิโอดึงแพทริเซียเข้ามากอดแนบอกก่อนที่นางจะพูดจบประโยค หญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างสงบ นางรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่อกซึ่งแนบชิดอยู่กับอกของลูซิโอ นั่นเป็นเสียงการเต้นของหัวใจของเขา ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นมากเสียจนแรงสั่นสะเทือนส่งมาถึงอกของแพทริเซีย ทำให้อกของนางสั่นไปด้วย
แพทริเซียปล่อยให้น้ำอุ่นๆ ไหลออกจากตาและเรียกอีกฝ่าย
“ฝ่าบาท…”
“ริซซี่ นั่น…เป็นเรื่องจริงหรือ”
“เป็นเรื่องจริงเพคะ ฝ่าบาท” น้ำตาพรั่งพรูออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของแพทริเซีย “เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีคำโป้ปดแม้ครึ่งคำ หม่อมฉันเองก็…สามารถให้กำเนิดลูกของฝ่าบาทได้เพคะ”
“อา!”
ลูซิโอร้องอุทานออกมาแล้วกระชับอ้อมแขนกอดรัดแพทริเซียแน่นขึ้น สาบานได้เลยว่านี่เป็นคำพูดที่เขาได้ยินแล้วรู้สึกดีใจที่สุดในรอบปี ดวงตาของลูซิโอแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว เขาค่อยๆ ดันตัวแพทริเซียออกจากอกแล้วสบตากับนาง
“เรื่องเป็นอย่างไรมาอย่างไรกันแน่ ริซซี่”
“เรื่องมันยาวเพคะ”
แพทริเซียยิ้มบางๆ แล้วพาเขาไปที่เตียง ทั้งคู่นั่งลงเคียงข้างกันที่ขอบเตียง แพทริเซียครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะเริ่มเล่าจากตรงไหน จากนั้นนางก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดจากตอนที่ได้พบกับชายชราไปจนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ครั้นเล่าจนจบแล้วนางก็ยังคงไม่เผยสีหน้าเหนื่อยล้าให้เห็นและพูดกับลูซิโอต่ออย่างตื่นเต้นดีใจ
“…ด้วยเหตุนั้น หม่อมฉันจึงไม่เคยเป็นหมันเพคะ”
“…”
ทว่า สีหน้าของลูซิโอกลับเศร้าหมอง แพทริเซียเห็นดังนั้นก็รู้สึกถึงลางร้ายที่โฉบผ่านหน้า
“ฝ่าบาท”
หรือว่า…เขาไม่ยินดีที่ข้ามีลูกได้?
“ไม่…ดีใจหรือเพคะ”
“ริซซี่”
เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนแพทริเซียพลอยมีสีหน้าเคร่งเครียดตามไปด้วย นางรอฟังคำพูดต่อไปของลูซิโอด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เจ้าคงคิดไม่ถึงหรอกว่าตอนนี้ข้าดีใจมากแค่ไหน”
“แต่เหตุใดสีพระพักตร์ถึง…”
“และเจ้าก็คงคิดไม่ถึงหรอกว่าข้ารู้สึกผิดต่อเจ้ามากแค่ไหน”
“…”
ทันใดนั้นแพทริเซียก็พูดอะไรไม่ออก ลูซิโอเปิดปากอย่างละล้าละลัง
“สุดท้ายแล้ว…ดูเหมือนว่าความโชคร้ายที่เจ้าประสบมาทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข้า…”
“ฝ่าบาท”
แพทริเซียเรียกลูซิโอด้วยน้ำเสียงกระจ่างใส เขาเงยหน้าขึ้นมองแพทริเซีย ในขณะเดียวกันแพทริเซียก็กะพริบตาที่เปียกชื้นด้วยน้ำตาอีกครั้งและจ้องมองลูซิโอ
“หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลอีกเรื่องเพคะ”
“…”
“ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนั้นก็ทำให้หม่อมฉันได้แต่งงานกับฝ่าบาท และมีความสุขเช่นนี้อย่างไรเล่าเพคะ”
“เท่านั้นยังไม่พอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงร้าวราน “แม้จะจบลงด้วยดี แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเจ้าต้องพบกับความเจ็บปวดมากมายกว่าจะมีวันนี้”
“แต่หากฝ่าบาทต้องทุกข์ทรมานเพราะเรื่องนั้น หม่อมฉันจะเสียใจยิ่งกว่านะเพคะ” นางมองเขาด้วยความรักและกระซิบ “ทรงต้องการให้หม่อมฉันเสียใจยิ่งกว่านี้หรือเพคะ ฝ่าบาท”
ลูซิโอส่ายศีรษะเงียบๆ แพทริเซียเห็นดังนั้นจึงเผยยิ้มบาง
“พระองค์เดาไม่ถูกหรอกเพคะว่าตอนนี้หม่อมฉันมีความสุขมากแค่ไหน”
หญิงสาวค่อยๆ ยกมือขึ้นกุมแก้มขวาของเขาเอาไว้
“เพราะฉะนั้น ฝ่าบาท ช่วยกอดหม่อมฉันแทนการตำหนิตัวเองเถิดเพคะ”
จากนั้นก็ยกมืออีกข้างขึ้นกุมแก้มซ้ายของเขา
“หม่อมฉันอยากคลอดลูกของฝ่าบาทเพคะ”
พูดจบ แพทริเซียก็มอบจุมพิตให้เขาทันที
รสจูบในตอนแรกเป็นรสเค็ม
เพราะทั้งสองต่างร้องไห้อย่างหนัก แต่แล้วจูบนั้นก็ค่อยๆ ร้อนแรงยิ่งขึ้นจนรสเค็มเปลี่ยนเป็นรสหวานล้ำ หญิงสาวส่งเสียงราวกับสะอื้นและล้มตัวลงบนเตียงพร้อมกับเขา จากนั้นทั้งสองก็ครอบครองริมฝีปากของกันและกันอย่างดุเดือด และเริ่มเปลื้องผ้าให้กันโดยไม่ต้องมีใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
แพทริเซียรักษาคำพูดที่ตนพูดไว้อย่างซื่อตรง คืนวันนั้นนางอยู่ในอ้อมกอดของลูซิโอตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสางของวันถัดมา เมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยพ้นขอบฟ้านางจึงนอนหมดแรงอยู่ในอ้อมอกของเขา แต่น่าแปลกที่นางไม่รู้สึกง่วงเลย ลูซิโอเองก็เช่นกัน แทนที่จะนอนเขากลับพรมจูบตามร่างกายที่แดงระเรื่อของแพทริเซียที่อยู่ในอ้อมแขนและชวนคุยตลอด ทั้งยังดึงเข้าสู่หัวข้อการวางแผนครอบครัวอย่างเป็นธรรมชาติ
“เจ้าอยากมีลูกสักกี่คน”
อา ข้ายังไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย
จู่ๆ แพทริเซียก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา แต่เมื่อคิดว่าต่อไปนางจะคิดถึงเรื่องนี้สักกี่ครั้งก็ได้ หญิงสาวก็อารมณ์ดีอย่างหาที่สุดมิได้ แพทริเซียนอนตะแคงหนุนอกแกร่งของลูซิโอพลางใช้นิ้วเรียวขาวของตนเขี่ยหน้าอกเขาเบาๆ และพึมพำ
“ข้ากำลังคิดอยู่ค่ะ ท่านล่ะคะ”
“ที่จริงข้าเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยเหมือนกัน”
“อะไรกันคะ”
แพทริเซียหัวเราะคิกคัก ลูซิโอมองภาพนั้นอย่างเบิกบานก่อนจะประทับจูบลงบนหน้าผากราบเรียบของนางแล้วตอบ
“สัก…สิบคน?”
“…ท่านคิดจะฆ่าข้าใช่ไหมคะ”
แพทริเซียถามกลับไปอย่างตะลึง ลูซิโอจึงถามกลับมาอย่างไม่เข้าใจ
“มากไปหรือ?”
“จะให้ข้าอุ้มท้องติดต่อกันสิบปีเลยหรือคะ พระเจ้าช่วย ฝ่าบาท ท่านคิดว่ามันเป็นไปได้หรือคะ”
“ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้แล้วก็เหมือนจะเป็นไม่ได้”
แต่ครู่หนึ่งให้หลังลูซิโอก็ถามออกมาเช่นนี้ “แต่ถ้าคลอดลูกแฝดก็จะลดลงมาเหลือห้าปีมิใช่หรือ”
“…ฝ่าบาท”
“รู้แล้วๆ ข้าล้อเล่นน่ะ ริซซี่”
เขายิ้มบางๆ และจุมพิตที่กลีบปากของคนรักอย่างหยอกเย้า แพทริเซียหรี่ตาลงข้างหนึ่งรับจุมพิตนั้นและหัวเราะออกมาเบาๆ ลูซิโอมองแพทริเซียด้วยแววตารักใคร่และกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดายอย่างสุดซึ้ง
“ถ้าข้าคลอดลูกได้ด้วยก็คงจะดี”
“ทำไมหรือคะ”
“หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เจ้าเป็นหมันจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรับสนม และเจ้าก็จะได้ไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดของเจ้าด้วย”
“…แต่เรื่องก็จบลงด้วยดีแล้วนี่คะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ” ลูซิโอจูบแก้มแพทริเซียเบาๆ และพูดเสริม “ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ ข้าไม่อยากให้เจ้าเจ็บปวดตอนคลอด”
“เรื่องนั้นอันที่จริงข้าเองก็กลัวอยู่เหมือนกันค่ะ”
“หากข้าแบ่งเบาความเจ็บปวดตอนคลอดลูกได้คงจะดีไม่น้อย”
เขาพึมพำอย่างเป็นทุกข์พลางลูบหน้าท้องแบนราบของแพทริเซียที่ยังไม่มีสิ่งใดเติบโตอยู่ในนั้น ความรู้สึกนั้นช่างแปลกประหลาดจนทำให้แพทริเซียเหม่อลอยไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยปาก
“ท่านก็ช่วยแบ่งเบาความทรมานของการเลี้ยงลูกแทนก็แล้วกันค่ะ”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
ลูซิโอหัวเราะเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็เริ่มจูบแพทริเซียอย่างร้อนแรง ทำให้แพทริเซียซึ่งคิดว่าศึกวันนี้สิ้นสุดลงแล้วอดตกใจไม่ได้
“อา…ฝ่าบาท ยังไม่จบ…อีกหรือคะ” นางถามเสียงแผ่ว
“เจ้าบอกว่าจะอยู่กับข้าจนถึงเช้ามิใช่หรือ”
“ตอนนี้ก็…ฮืม เช้าแล้วนะคะ”
“เช้าคือจนถึงเที่ยงของวันนี้”
ลูซิโอแก้คำพูดของแพทริเซียหน้าตาเฉย เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วขบกัดริมฝีปากของนางอย่างเร่าร้อน แพทริเซียยอมรับริมฝีปากที่ทาบทับลงมาจนไม่เหลือช่องว่างและมีลางสังหรณ์ว่า
ผู้ชายคนนี้ไม่คิดจะหยุดจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นกลางท้องฟ้าสินะ
[ภาคแยก 4] Bless his cotton socks! (จบบริบูรณ์)
Comments
Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินีภาคแยก | บทที่ 25 ยังไม่พออีกหรือ
แพทริเซียเดินไปตามทางที่มุ่งหน้าสู่ตำหนักกลาง นางคิดถึงลูซิโอเหลือเกิน และนางต้องได้พบหน้าเขาเดี๋ยวนี้เท่านั้น แม้ตอนแรกนางจะพยายามก้าวเดินอย่างเยือกเย็น ทว่า…
รู้ตัวอีกที แพทริเซียก็พบว่าตัวเองกำลังวิ่ง
ปกติแล้วแพทริเซียเป็นคนให้ความสำคัญกับความสง่างามและความสุขุม แต่เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ นางกำนัลที่ตามหลังมาจึงงงกันเป็นแถบและพลอยวิ่งตามไปด้วย
“ฝ่าบาท…ฝ่าบาทอยู่ข้างในหรือไม่”
หัวหน้านางกำนัลตำหนักกลางก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดินีผู้ซึ่งสง่างามอยู่เสมอปรากฏตัวในสภาพไม่เรียบร้อยเช่นนี้
แม้จะตกใจ แต่นางก็ตอบอย่างนอบน้อม “เพคะ ฝ่าบาท พระจักรพรรดิกำลังทรงงานอยู่ด้านในเพคะ”
“เราต้องพบฝ่าบาท รีบกราบทูลเร็วเข้า”
“เพคะ ฝ่าบาท”
หัวหน้านางกำนัลปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะพูดด้วยเสียงอันดัง
“ฝ่าบาท พระจักรพรรดินีเสด็จเพคะ”
“รีบให้นางเข้ามา”
“เชิญเสด็จเพคะ”
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก แพทริเซียกำชับอย่างหนักแน่นห้ามใครเข้าไปข้างในเด็ดขาด ก่อนจะยกชายชุดเดรสแล้วก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องอย่างตื่นเต้นดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีท่าทีกระตือรือร้นขนาดนี้ คล้อยหลังแพทริเซียที่วิ่งเข้าไปในห้อง หัวหน้านางกำนัลตำหนักกลางก็หันไปมองเหล่านางกำนัลของแพทริเซียด้วยสีหน้าสงสัยเพื่อขอคำอธิบาย แต่นางกำนัลเหล่านั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะพวกนางเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นกัน
“ฝ่าบาท”
แพทริเซียเอ่ยเรียกลูซิโอที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ลูซิโอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เมื่อเห็นว่าเป็นแพทริเซีย เขาก็ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ
“ไหนเมื่อครู่บอกให้เราไปหา ไม่ทันไรก็ทนไม่ไหวจนต้องมาหาเราก่อนเลยหรือ”
“ฮึก…”
เพียงได้ยินคำพูดนั้น สุดท้ายแพทริเซียก็ปล่อยโฮออกมา เห็นดังนั้นลูซิโอที่เป็นฝ่ายพูดกระเซ้าเย้าแหย่ย่อมต้องตกใจเป็นธรรมดา เขาลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วรีบวิ่งมาหาแพทริเซีย
“ริซซี่ เป็นอะไรไป”
ลูซิโอตกใจมากจนเรียกชื่อเล่นของอีกฝ่ายออกมา แต่แพทริเซียก็ไม่ได้รับรู้เรื่องนั้นและยังคงร้องไห้ต่อไป
“ฮึกฮือ ฝ่าบาท…”
“เกิดอะไรขึ้น หืม?”
ลูซิโอปลอบโยนแพทริเซียด้วยสีหน้าสับสนอย่างมาก สำหรับเขาแล้วนี่เป็นสถานการณ์ที่ชวนสับสนจริงๆ จักรพรรดินีที่มักจะยิ้มน้อยๆ และมอบจุมพิตให้เขา จู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมาเช่นนี้! กระทั่งในยามปกตินางก็เป็นคนไม่ค่อยร้องไห้ การที่คนอย่างนางร้องไห้ออกมานั่นหมายความว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ที่ร้ายแรงจริงๆ
สีหน้าของลูซิโอดูเศร้าหมองเพราะความเป็นห่วง
“ริซซี่ ไยเจ้าจึงร้องไห้ ไหนบอกข้าซิ”
แต่ที่สุดแล้วแพทริเซียก็เอาแต่สะอึกสะอื้นไม่ตอบอะไร แปลกมาก แปลกที่ไม่มีคำพูดใดออกมา แค่นางได้เห็นหน้าเขา ได้เห็นว่าเขายิ้มให้ น้ำตาของนางก็พรั่งพรูออกมา แน่นอนว่าที่แพทริเซียร้องไห้อยู่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะเสียใจแต่เป็นเพราะดีใจ ทว่า ลูซิโอไม่มีทางรู้เรื่องนั้น เขาพูดกับแพทริเซียด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“เจ้าไปทำอะไรผิดมาหรือ? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ข้าจะยกโทษให้ทุกอย่าง หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ในฐานะจักรพรรดิแห่งมาวินอส ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง หรือหากเป็นเพราะเรื่องสนม… ”
“ฝ่าบาท”
ในที่สุดแพทริเซียก็หยุดร้องไห้และเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของนางเปียกชื้นด้วยน้ำตา ลูซิโอเห็นดังนั้นก็รู้สึกถึงโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
ใครมันบังอาจทำให้ใบหน้าจักรพรรดินีของข้าต้องมีรอยน้ำตาเช่นนี้
ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร หรือเพราะใคร เห็นทีเขาจะยกโทษให้ไม่ได้
“ใช่แล้ว ริซซี่ ไม่ร้องนะ ไหนค่อยๆ เล่ามาซิ”
ลูซิโอกักเก็บความโกรธนั้นไว้เพียงในใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการปลอบแพทริเซีย ลูซิโอปลอบโยนแพทริเซียด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับปลอบเด็กเล็ก แพทริเซียเห็นท่าทีของอีกฝ่าย น้ำตาก็มาคลออีกครั้ง แต่นางก็พยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถแล้วค่อยๆ เปิดปาก
“ฝ่าบาท หม่อมฉัน…”
“ว่าอย่างไร ริซซี่”
“หม่อมฉันไม่ได้เป็นหมันเพคะ”
“อืมๆ อย่างนี้นี่…”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ลูซิโอก็ตั้งใจบอกว่าไม่เป็นไร ดังนั้นลูซิโอจึงตอบออกไปโดยไม่ทันคิด แต่สักพักเขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงค่อยๆ เงียบเสียง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้ามึนงง
“…เจ้าว่าอะไรนะ”
“หม่อมฉัน” แพทริเซียกลืนน้ำลายและพูดออกมาอีกครั้ง “ไม่ได้เป็นหมันเพคะ ฝ่าบาท”
“นั่น…หมายความว่าอย่างไร”
“ตามที่กราบทูล หม่อมฉันไม่เคยเป็นหมันเพคะ”
ลูซิโอดึงแพทริเซียเข้ามากอดแนบอกก่อนที่นางจะพูดจบประโยค หญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอย่างสงบ นางรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่อกซึ่งแนบชิดอยู่กับอกของลูซิโอ นั่นเป็นเสียงการเต้นของหัวใจของเขา ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นมากเสียจนแรงสั่นสะเทือนส่งมาถึงอกของแพทริเซีย ทำให้อกของนางสั่นไปด้วย
แพทริเซียปล่อยให้น้ำอุ่นๆ ไหลออกจากตาและเรียกอีกฝ่าย
“ฝ่าบาท…”
“ริซซี่ นั่น…เป็นเรื่องจริงหรือ”
“เป็นเรื่องจริงเพคะ ฝ่าบาท” น้ำตาพรั่งพรูออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของแพทริเซีย “เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีคำโป้ปดแม้ครึ่งคำ หม่อมฉันเองก็…สามารถให้กำเนิดลูกของฝ่าบาทได้เพคะ”
“อา!”
ลูซิโอร้องอุทานออกมาแล้วกระชับอ้อมแขนกอดรัดแพทริเซียแน่นขึ้น สาบานได้เลยว่านี่เป็นคำพูดที่เขาได้ยินแล้วรู้สึกดีใจที่สุดในรอบปี ดวงตาของลูซิโอแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว เขาค่อยๆ ดันตัวแพทริเซียออกจากอกแล้วสบตากับนาง
“เรื่องเป็นอย่างไรมาอย่างไรกันแน่ ริซซี่”
“เรื่องมันยาวเพคะ”
แพทริเซียยิ้มบางๆ แล้วพาเขาไปที่เตียง ทั้งคู่นั่งลงเคียงข้างกันที่ขอบเตียง แพทริเซียครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะเริ่มเล่าจากตรงไหน จากนั้นนางก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดจากตอนที่ได้พบกับชายชราไปจนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ครั้นเล่าจนจบแล้วนางก็ยังคงไม่เผยสีหน้าเหนื่อยล้าให้เห็นและพูดกับลูซิโอต่ออย่างตื่นเต้นดีใจ
“…ด้วยเหตุนั้น หม่อมฉันจึงไม่เคยเป็นหมันเพคะ”
“…”
ทว่า สีหน้าของลูซิโอกลับเศร้าหมอง แพทริเซียเห็นดังนั้นก็รู้สึกถึงลางร้ายที่โฉบผ่านหน้า
“ฝ่าบาท”
หรือว่า…เขาไม่ยินดีที่ข้ามีลูกได้?
“ไม่…ดีใจหรือเพคะ”
“ริซซี่”
เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนแพทริเซียพลอยมีสีหน้าเคร่งเครียดตามไปด้วย นางรอฟังคำพูดต่อไปของลูซิโอด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เจ้าคงคิดไม่ถึงหรอกว่าตอนนี้ข้าดีใจมากแค่ไหน”
“แต่เหตุใดสีพระพักตร์ถึง…”
“และเจ้าก็คงคิดไม่ถึงหรอกว่าข้ารู้สึกผิดต่อเจ้ามากแค่ไหน”
“…”
ทันใดนั้นแพทริเซียก็พูดอะไรไม่ออก ลูซิโอเปิดปากอย่างละล้าละลัง
“สุดท้ายแล้ว…ดูเหมือนว่าความโชคร้ายที่เจ้าประสบมาทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข้า…”
“ฝ่าบาท”
แพทริเซียเรียกลูซิโอด้วยน้ำเสียงกระจ่างใส เขาเงยหน้าขึ้นมองแพทริเซีย ในขณะเดียวกันแพทริเซียก็กะพริบตาที่เปียกชื้นด้วยน้ำตาอีกครั้งและจ้องมองลูซิโอ
“หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลอีกเรื่องเพคะ”
“…”
“ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนั้นก็ทำให้หม่อมฉันได้แต่งงานกับฝ่าบาท และมีความสุขเช่นนี้อย่างไรเล่าเพคะ”
“เท่านั้นยังไม่พอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงร้าวราน “แม้จะจบลงด้วยดี แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเจ้าต้องพบกับความเจ็บปวดมากมายกว่าจะมีวันนี้”
“แต่หากฝ่าบาทต้องทุกข์ทรมานเพราะเรื่องนั้น หม่อมฉันจะเสียใจยิ่งกว่านะเพคะ” นางมองเขาด้วยความรักและกระซิบ “ทรงต้องการให้หม่อมฉันเสียใจยิ่งกว่านี้หรือเพคะ ฝ่าบาท”
ลูซิโอส่ายศีรษะเงียบๆ แพทริเซียเห็นดังนั้นจึงเผยยิ้มบาง
“พระองค์เดาไม่ถูกหรอกเพคะว่าตอนนี้หม่อมฉันมีความสุขมากแค่ไหน”
หญิงสาวค่อยๆ ยกมือขึ้นกุมแก้มขวาของเขาเอาไว้
“เพราะฉะนั้น ฝ่าบาท ช่วยกอดหม่อมฉันแทนการตำหนิตัวเองเถิดเพคะ”
จากนั้นก็ยกมืออีกข้างขึ้นกุมแก้มซ้ายของเขา
“หม่อมฉันอยากคลอดลูกของฝ่าบาทเพคะ”
พูดจบ แพทริเซียก็มอบจุมพิตให้เขาทันที
รสจูบในตอนแรกเป็นรสเค็ม
เพราะทั้งสองต่างร้องไห้อย่างหนัก แต่แล้วจูบนั้นก็ค่อยๆ ร้อนแรงยิ่งขึ้นจนรสเค็มเปลี่ยนเป็นรสหวานล้ำ หญิงสาวส่งเสียงราวกับสะอื้นและล้มตัวลงบนเตียงพร้อมกับเขา จากนั้นทั้งสองก็ครอบครองริมฝีปากของกันและกันอย่างดุเดือด และเริ่มเปลื้องผ้าให้กันโดยไม่ต้องมีใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
แพทริเซียรักษาคำพูดที่ตนพูดไว้อย่างซื่อตรง คืนวันนั้นนางอยู่ในอ้อมกอดของลูซิโอตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสางของวันถัดมา เมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยพ้นขอบฟ้านางจึงนอนหมดแรงอยู่ในอ้อมอกของเขา แต่น่าแปลกที่นางไม่รู้สึกง่วงเลย ลูซิโอเองก็เช่นกัน แทนที่จะนอนเขากลับพรมจูบตามร่างกายที่แดงระเรื่อของแพทริเซียที่อยู่ในอ้อมแขนและชวนคุยตลอด ทั้งยังดึงเข้าสู่หัวข้อการวางแผนครอบครัวอย่างเป็นธรรมชาติ
“เจ้าอยากมีลูกสักกี่คน”
อา ข้ายังไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย
จู่ๆ แพทริเซียก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา แต่เมื่อคิดว่าต่อไปนางจะคิดถึงเรื่องนี้สักกี่ครั้งก็ได้ หญิงสาวก็อารมณ์ดีอย่างหาที่สุดมิได้ แพทริเซียนอนตะแคงหนุนอกแกร่งของลูซิโอพลางใช้นิ้วเรียวขาวของตนเขี่ยหน้าอกเขาเบาๆ และพึมพำ
“ข้ากำลังคิดอยู่ค่ะ ท่านล่ะคะ”
“ที่จริงข้าเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยเหมือนกัน”
“อะไรกันคะ”
แพทริเซียหัวเราะคิกคัก ลูซิโอมองภาพนั้นอย่างเบิกบานก่อนจะประทับจูบลงบนหน้าผากราบเรียบของนางแล้วตอบ
“สัก…สิบคน?”
“…ท่านคิดจะฆ่าข้าใช่ไหมคะ”
แพทริเซียถามกลับไปอย่างตะลึง ลูซิโอจึงถามกลับมาอย่างไม่เข้าใจ
“มากไปหรือ?”
“จะให้ข้าอุ้มท้องติดต่อกันสิบปีเลยหรือคะ พระเจ้าช่วย ฝ่าบาท ท่านคิดว่ามันเป็นไปได้หรือคะ”
“ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้แล้วก็เหมือนจะเป็นไม่ได้”
แต่ครู่หนึ่งให้หลังลูซิโอก็ถามออกมาเช่นนี้ “แต่ถ้าคลอดลูกแฝดก็จะลดลงมาเหลือห้าปีมิใช่หรือ”
“…ฝ่าบาท”
“รู้แล้วๆ ข้าล้อเล่นน่ะ ริซซี่”
เขายิ้มบางๆ และจุมพิตที่กลีบปากของคนรักอย่างหยอกเย้า แพทริเซียหรี่ตาลงข้างหนึ่งรับจุมพิตนั้นและหัวเราะออกมาเบาๆ ลูซิโอมองแพทริเซียด้วยแววตารักใคร่และกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดายอย่างสุดซึ้ง
“ถ้าข้าคลอดลูกได้ด้วยก็คงจะดี”
“ทำไมหรือคะ”
“หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เจ้าเป็นหมันจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรับสนม และเจ้าก็จะได้ไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดของเจ้าด้วย”
“…แต่เรื่องก็จบลงด้วยดีแล้วนี่คะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ” ลูซิโอจูบแก้มแพทริเซียเบาๆ และพูดเสริม “ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ ข้าไม่อยากให้เจ้าเจ็บปวดตอนคลอด”
“เรื่องนั้นอันที่จริงข้าเองก็กลัวอยู่เหมือนกันค่ะ”
“หากข้าแบ่งเบาความเจ็บปวดตอนคลอดลูกได้คงจะดีไม่น้อย”
เขาพึมพำอย่างเป็นทุกข์พลางลูบหน้าท้องแบนราบของแพทริเซียที่ยังไม่มีสิ่งใดเติบโตอยู่ในนั้น ความรู้สึกนั้นช่างแปลกประหลาดจนทำให้แพทริเซียเหม่อลอยไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยปาก
“ท่านก็ช่วยแบ่งเบาความทรมานของการเลี้ยงลูกแทนก็แล้วกันค่ะ”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
ลูซิโอหัวเราะเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็เริ่มจูบแพทริเซียอย่างร้อนแรง ทำให้แพทริเซียซึ่งคิดว่าศึกวันนี้สิ้นสุดลงแล้วอดตกใจไม่ได้
“อา…ฝ่าบาท ยังไม่จบ…อีกหรือคะ” นางถามเสียงแผ่ว
“เจ้าบอกว่าจะอยู่กับข้าจนถึงเช้ามิใช่หรือ”
“ตอนนี้ก็…ฮืม เช้าแล้วนะคะ”
“เช้าคือจนถึงเที่ยงของวันนี้”
ลูซิโอแก้คำพูดของแพทริเซียหน้าตาเฉย เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วขบกัดริมฝีปากของนางอย่างเร่าร้อน แพทริเซียยอมรับริมฝีปากที่ทาบทับลงมาจนไม่เหลือช่องว่างและมีลางสังหรณ์ว่า
ผู้ชายคนนี้ไม่คิดจะหยุดจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นกลางท้องฟ้าสินะ
[ภาคแยก 4] Bless his cotton socks! (จบบริบูรณ์)
Comments