Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี 25 เจ้าไม่สะทกสะท้านเลยหรือ
“…เรา”
“…”
“อยากให้เราทำเช่นไร”
“ฟังดูเหมือนพระองค์จะทำทุกอย่างที่หม่อมฉันต้องการเลยนะเพคะ”
“เจ้าจะให้เราไล่นางออกไปหรือ”
“หากเป็นเช่นนั้นล่ะเพคะ”
แพทริเซียถามกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“จักรพรรดินี”
เขาถอนหายใจออกมาสั้นๆ
“เราทอดทิ้งนางไม่ได้”
“…เพราะเหตุใด”
นางถามด้วยรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ก่อนหน้านี้นางก็เคยรู้สึกสงสัย แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เพียงแต่มั่นใจว่ามีอะไรผิดปกติ จะเรียกว่าเป็นสัมผัสที่หกก็ว่าได้
พระจักรพรรดิรักโรสมอนด์ เรื่องนี้เป็นความจริงที่นางและใครต่อใครต่างก็รู้
แต่บางครั้งแพทริเซียก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ โดยเฉพาะตัวโรสมอนด์เอง คล้ายมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่มีใครรู้อยู่ด้วย นางไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งนั้นคืออะไรเพราะนางไม่ได้รู้จักทั้งคู่ดีมากนักจึงไม่สามารถคาดเดาเรื่องนั้นได้ ลูซิโออึกอักอยู่สักครู่ ก่อนจะขยับปากช้าๆ
“นาง…”
“ฝ่าบาท!”
ในตอนนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังทะลุผ่านสายฝนมา แพทริเซียสะดุ้งยืดตัวขึ้น ราฟาเอลาขี่ม้าฝ่าสายฝนมาจนถึงจุดที่พวกนางอยู่ หญิงสาวเรียกผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เดมราฟาเอลา”
“ฝ่าบาท ไม่เป็นไรใช่ไหมเพคะ”
ราฟาเอลาลงจากหลังม้าด้วยสีหน้าร้อนใจรีบวิ่งมาที่ใต้ต้นไม้ แพทริเซียค่อยๆ ลุกเพื่อออกไปรับ ราฟาเอลารีบถามทันที
“ฝ่าบาท ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ”
“ข้าสบายดี”
“อ้าว องค์จักรพรรดิก็ประทับอยู่ด้วยหรือเพคะ”
ในที่สุดราฟาเอลาก็สังเกตเห็นลูซิโอ นางจึงรีบกล่าวถวายบังคมตามมารยาท ลูซิโอรับการเคารพนั้นอย่างไม่เป็นทางการก่อนจะถาม
“เดมราฟาเอลามาทำอะไรที่นี่”
“พระจักรพรรดินีไม่เสด็จกลับมาในเวลาที่กำหนด มิหนำซ้ำฝนยังตกด้วย หม่อมฉันเกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงออกมาตามหาเพคะ… ว่าแต่ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือเพคะ”
“เราไม่ได้ขี่ม้านานแล้วก็เลยมาออกกำลังกายน่ะ”
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง ฝ่าบาทเองก็เสด็จกลับวังพร้อมกันเถอะเพคะ ฝนยังไม่มีทีท่าจะหยุดตก อีกทั้งหากยังทรงฉลองพระองค์ที่เปียกอาจประชวรได้ หม่อมฉันจะอารักขาให้เอง เสด็จขึ้นม้าเถิดเพคะ”
“อืม”
ลูซิโอตอบเสียงเรียบ ก่อนจะขึ้นหลังม้าตัวที่อยู่ข้างๆ ส่วนแพทริเซียได้ราฟาเอลาช่วยพยุงขึ้นหลังม้า ไม่นานม้าของทั้งสามก็ออกเดินอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
“…”
“…”
“…”
ทั้งสามคนไม่มีใครพูดอะไร ราฟาเอลามีเรื่องที่อยากจะถามแพทริเซียยาวเหยียด แต่นางก็อ้าปากสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เพราะลูซิโออยู่ด้วย แพทริเซียกำลังสงสัยว่าเมื่อครู่ลูซิโอจะพูดอะไร แต่จะมาถามตอนนี้ก็รู้สึกแปลกๆ อีกทั้งยังมีราฟาเอลาอยู่ นางจึงไม่สะดวกใจเท่าไร ส่วนลูซิโอกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดเรื่องโรสมอนด์ สุดท้ายแล้ว ระหว่างทางกลับพระราชวังอันยาวไกล ทั้งสามคนก็ไม่ได้พูดคุยกันแม้เพียงครึ่งคำ
***
“เกิดอะไรขึ้นเพคะ ฝ่าบาท”
เมื่อกลับถึงตำหนักจักรพรรดินี ราฟาเอลาก็ถามแพทริเซียที่กำลังผิงไฟอยู่หน้าเตาผิง แพทริเซียดื่มชาโรสแมรีที่มีร์ยานำมาให้อย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาคล้ายว่าเรียบเรียงความคิดเสร็จแล้ว
“ก็แค่บังเอิญเจอพระจักรพรรดิในป่าลึกเท่านั้น โชคไม่ดีที่ไปพบพระองค์เข้ามิหนำซ้ำมือยังเจ็บอีก จึงคิดว่าให้เดินทางต่อไปในสภาพนั้นน่าจะลำบาก แล้วก็อย่างที่เห็น”
“หม่อมฉันเป็นห่วงนะเพคะ โชคดีที่พระองค์ไม่เป็นอะไรไป ถ้าไปเจอพวกใจโฉดเข้าคงจะเป็นเรื่องใหญ่”
แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แพทริเซียก็ไม่อยู่ในสถานะที่จะพูดเช่นนั้นได้ หญิงสาวขอโทษราฟาเอลาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ขอโทษนะคะ เดมราฟาเอลา ข้าไม่ระวังเอง”
“เอาเป็นว่า…ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเพคะ นิลเป็นห่วงมากเลยนะเพคะ”
“ใช่แล้ว ริซซี่ ข้าเพิ่งเข้าวังมาได้ไม่กี่วันก็ทำให้ข้าเป็นห่วงแล้วหรือ นี่ยังได้แผลกลับมาอีก”
เปโตรนิยาตำหนิทั้งที่ตัวเองหน้าซีดอยู่เล็กน้อย แพทริเซียทำหน้าสำนึกผิดก่อนจะขอโทษเปโตรนิยาด้วยอีกคน
“ขอโทษนะ นิล”
“ข้าจะพาม้ากลับไปฝึกใหม่ หากเจ้าต้องการ ข้าจะตำหนิคนเลี้ยงม้าให้เอง”
“เจ้าก็เกินไป ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก แค่บอกให้ระวังก็พอ”
“ได้”
ครั้นพูดจบ หมอหลวงที่มีร์ยาเรียกมาก็เข้ามาในห้อง เขาทำความเคารพแพทริเซียก่อนจะเริ่มการรักษา ผ้าเช็ดหน้าที่ลูซิโอพันให้เมื่อครู่แข็งตัวเพราะบัดนี้เลือดที่ซึมไปทั่วแห้งแล้ว หมอหลวงทำการรักษาอยู่สักครู่ก่อนจะเอ่ย
“ฝ่าบาท โชคดีที่ทรงห้ามพระโลหิตไว้ได้ทันพ่ะย่ะค่ะ แผลนี้อาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ แต่เดี๋ยวกระหม่อมจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝากด้วยนะคะ”
แพทริเซียตอบสั้นๆ ก่อนจะจมอยู่กับความคิด ตอนนั้นลูซิโอจะพูดอะไรกันนะ และเรื่องที่ตนพูดเมื่อครู่จะมีผลอะไรกับเขาหรือไม่
แพทริเซียไม่คาดหวังว่าสิ่งที่ตนพูดจะมีผลกับฝ่ายนั้นอย่างใหญ่หลวง คิดเพียงว่าหากมันมีผลกับเขาแม้สักนิด ตนก็พอใจแล้ว แพทริเซียได้แต่หวังให้เรื่องดำเนินไปในทางที่ส่งผลดีต่อตน
***
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่โรสมอนด์แช่น้ำเสร็จ นางก็วุ่นอยู่กับการต้อนรับลูซิโอที่มาหาถึงตำหนักเวน
“ฝ่าบาท หากประชวรขึ้นมาจะทำอย่างไรเพคะ”
ลูซิโอได้แต่มองโรสมอนด์ที่พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อแล้วเข้ามาให้เขากอด เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดปากเรียกอีกฝ่าย
“โรส”
“เพคะ ฝ่าบาท”
โรสมอนด์ที่กำลังสวมบทเป็นหญิงสาวผู้ว่านอนสอนง่ายเงยหน้าขึ้นมองลูซิโอ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยปาก
“วันที่มีงานเลี้ยงรับรองคณะทูต”
“…”
เมื่อลูซิโอพูดเรื่องนั้นขึ้นมา สีหน้าของโรสมอนด์ก็ซีดเผือดลงเล็กน้อย ทำไมจู่ๆ ถึงถามถึงเรื่องวันนั้นล่ะ โรสมอนด์ถามกลับไปด้วยท่าทีตื่นตระหนก
“เพคะ?”
“วันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“…เรื่องอะไรเล่าเพคะ ฝ่าบาท พระองค์ก็ทรงทราบดีมิใช่หรือเพคะ”
นางตอบเสียงสั่น “หม่อมฉันถูกจักรพรรดินีทำร้ายร่างกาย พระองค์ก็เห็นแล้วมิใช่หรือเพคะ”
“ก่อนหน้านั้นล่ะ จักรพรรดินีคงไม่ตบเจ้าอย่างไร้เหตุผลกระมัง หรือมิใช่?”
“ฝ่าบาท”
โรสมอนด์ตกใจ ลูซิโอไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน คำพูดของนางเปรียบดั่งอาญาสวรรค์สำหรับเขา เขารักนางดั่งบิดาที่หวงแหนบุตรสาว ไม่ว่านางจะทำอะไรผิดเขาก็ยกโทษให้ ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ไม่เคยตำหนิ แต่ไฉนคราวนี้ถึงได้… ครั้นลูซิโอเห็นดวงตาของโรสมอนด์วูบไหวด้วยความสับสน เขาก็ถอนหายใจออกมา
“เจ้าไม่สะทกสะท้านเลยหรือ โรส”
“…ถ้าบอกว่าไม่ล่ะเพคะ”
นางซักไซ้พลางทำสายตาตัดพ้อ
“ถ้าบอกว่าไม่ พระองค์จะทรงทอดทิ้งหม่อมฉันหรือเพคะ”
“โรส”
“พระองค์ไม่รักหม่อมฉันแล้วหรือเพคะ”
หญิงสาวถามด้วยเสียงสะอึกสะอื้น ลูซิโอรู้สึกปวดหัวขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกและพยายามปลอบโยนอีกฝ่าย
“ไม่ใช่อย่างนั้น โรส แต่เรื่องนี้…”
“ฮึก”
โรสมอนด์ทรุดลงไปกองกับพื้นและร้องไห้ทั้งอย่างนั้น ในเวลาแบบนี้น้ำตาคือตัวเลือกที่ดีที่สุด นางรู้ดีกว่าใครว่าลูซิโอแพ้น้ำตาของนาง และเขาก็มีท่าทีตกใจอย่างที่นางคาดไว้
“โรส”
“หม่อมฉัน…ฮึก คิดว่าพระองค์จะเข้าใจหม่อมฉันเสียอีก”
“ข้าน่ะหรือ”
“ฮือ…หากเป็นพระองค์ก็คง…หม่อมฉัน …”
“โรส เรื่องอื่นข้าอาจเข้าใจ แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงจักรวรรดิ หากมันส่งผลไปถึงเรื่องภายนอกจักรวรรดิ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
“ฝ่าบาท”
โรสมอนด์ขนลุกซู่ เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว โรสมอนด์มองเขาด้วยสายตาตื่นกลัว ลูซิโอเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ โรสมอนด์ค่อยๆ เหลือบมองร่างสูง เขายื่นมือมา และนางก็จับมือนั้นไว้ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ฝ่าบาท”
“โรส ข้ารักเจ้า”
“…”
“แต่เรื่องคราวนี้…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ฝ่าบาท?”
โรสมอนด์มองเขาด้วยสายตาตื่นตะลึง แววตาของเขายังคงสั่นไหว และจู่ๆ ความไม่สบายใจก็เข้าครอบงำ
ไยจึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น อย่างน้อยท่านก็ควรจะเข้าใจข้าสิ อย่างน้อยท่านก็ต้องรักข้าสิ ท่านต้องรักข้าและเข้าใจข้าเหมือนที่ข้ารักและเข้าใจท่านสิ นั่นคือความรักมิใช่หรือ ได้รับอะไรไปก็ต้องคืนมาอย่างนั้นสิ
“มีแต่เจ้าที่เข้าใจและคอยปลอบโยนข้า เพราะฉะนั้นข้าถึงรักเจ้า สิ่งที่เจ้าทำ ข้าเข้าใจทั้งหมด แต่…ข้าว่าเรื่องคราวนี้มันไม่ใช่ มันอันตรายมาก เจ้าคงจะรู้ว่าถ้าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจะส่งผลกระทบอะไรต่อทั้งภายในและภายนอกจักรวรรดิบ้าง หากจักรพรรดินีวางแผนเปิดโปงเจ้าขึ้นมา เจ้าก็จบ มันเกินกว่าที่ข้าจะปกป้องเจ้าได้”
“ฝ่าบาท แต่ถ้าจะเป็นจักรพรรดินีก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้น”
“ที่ข้าบอกว่าจะทำให้เจ้าได้เป็นจักรพรรดินี อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในรูปแบบนี้ นอกจากวิธีนี้แล้วก็ยังมีวิธีที่ดีกว่านี้อยู่อีกมากมิใช่หรือ วิธีที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้โดยที่ไม่ต้องมีใครเดือดร้อน ไฉนเจ้าต้องใช้วิธีนี้”
“เพราะนี่จะทำให้หม่อมเป็นจักรพรรดินีได้โดยเร็วที่สุด”
โรสมอนด์กลืนก้อนสะอื้นก่อนจะตอบ วิธีการอื่นที่ดีและสมเกียรติมีมากมายอย่างที่เขาว่า แต่วิธีการเช่นนั้นยังไม่พอ นางต้องการเหตุการณ์ใหญ่ๆ สักเหตุการณ์ แต่คงเป็นการยากที่เหตุการณ์ที่ว่าจะเกิดขึ้นอย่างสมเกียรติ โรสมอนด์หัวเราะออกมาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“พระองค์จะให้หม่อมฉันเป็นบารอเนสไปถึงเมื่อใดเพคะ”
“…โรส ทุกอย่างมีขั้นตอน”
“เช่นนั้นพระองค์จะให้หม่อมฉันเป็นจักรพรรดินีตอนที่หม่อมฉันแก่ใกล้ตายหรือเพคะ”
“โรส เจ้าก็รู้ว่าจักรพรรดินีมีลูกไม่ได้ ข้าสามารถใช้เรื่องนั้นจัดการให้จบเงียบๆ ได้ แค่นี้เจ้ารอไม่ได้เชียวหรือ ต่อให้ข้าเป็นจักรพรรดิ แต่ข้าไม่สามารถปลดจักรพรรดินีโดยไม่มีเหตุผลได้หรอกนะ”
“…”
ที่เขาพูดมาเป็นความจริง สมองของโรสมอนด์เข้าใจเรื่องนั้น แต่หัวใจนั้นหาได้เข้าใจไม่ กว่าเรื่องที่จักรพรรดินีตั้งครรภ์ไม่ได้จะเปิดเผย ตัวนางเองก็คงอายุมากแล้ว และถึงตอนนั้นนางจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่ก็มิอาจรับประกัน
แต่ก็อย่างที่ลูซิโอพูด ถ้าไม่มีเหตุผลเพียงพอก็ยากที่จะปลดจักรพรรดินีลงจากตำแหน่ง ด้วยเหตุนั้นนางถึงได้วางแผนนี้ขึ้นมา… โรสมอนด์กัดริมฝีปากตัวเอง
ใช่ นางยอมรับว่าเรื่องนี้นางทำเกินเหตุไปหน่อย อย่างที่ลูซิโอบอก ดีไม่ดีเรื่องนี้อาจทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดิได้
แต่แผนการที่แน่นอนเช่นนี้หาได้ยากนัก ก่อนอื่น โรสมอนด์ขอโทษลูซิโอด้วยสายตาที่อ่อนลง อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่ต้องยอมถอยหนึ่งก้าว
“ขอประทานอภัยเพคะ”
แม้โรสมอนด์จะพูดด้วยเสียงสลด แต่สีหน้าของลูซิโอก็ยังคงว้าวุ่นใจไม่เปลี่ยน เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อโรสมอนด์ในตอนนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ นางเป็นคนเดียวที่เข้าใจและคอยโอบอุ้มเขา เขาจึงเชื่อว่าความรักที่แท้จริงคือการให้ทุกอย่างที่นางต้องการ อย่างน้อยก็เพื่อตอบแทนสิ่งเหล่านั้น
แต่เรื่องเช่นนี้…จะเป็นความรักจริงๆ หรือ? ลูซิโอรู้สึกราวกับถูกวัตถุบังตาเสียจนตัวตนที่แท้จริงกำลังถูกรุกราน เพราะฉะนั้นเขาจึง…มีความรู้สึกต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโรสมอนด์ในแง่ลบ มันเป็นความสงสัยและลังเลที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ลูซิโอกลัว…กลัวว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยเชื่อว่าจริงแท้ต้องแปดเปื้อน กลัวว่าความเชื่อมโยงระหว่างเขากับโรสมอนด์ที่คนอื่นๆ ไม่เคยรู้จะต้องขาดสะบั้นลง
“…”
ลูซิโอจ้องมองไปที่อีกฝ่าย หญิงสาวเงยหน้าให้เขาเห็นดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตา ในตอนนั้นเอง ลูซิโอคิดว่าตอนนี้เขาไม่สามารถมองใบหน้าของนางได้ ในที่สุดเขาก็เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผาก ลูซิโอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องของหญิงสาวไป
คล้อยหลังลูซิโอ โรสมอนด์ซึ่งอยู่คนเดียวในห้องก็เผยสีหน้าเย็นชาราวกับไม่เคยร้องไห้มาก่อน ใบหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยวอย่างคนเสียแผนขณะสบถคำหยาบคายออกมา
“บ้าเอ๊ย”
ไม่รู้ทำไม นางรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
Comments