Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี 56 วันที่เขาตายเมื่อสิบปีก่อน
แม้จะเป็นความคิดที่โหดร้ายแต่ก็เป็นสิ่งที่ลูซิโอสามารถคิดได้ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ไม่ว่าใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ย่อมคิดได้ทั้งนั้น การถูกทำร้ายอย่างทารุณทำให้ศีลธรรมในใจมัวหมอง ทำลายบรรทัดฐานการแยกแยะผิดชอบชั่วดี เพราะร่างกายของตนรับรู้แล้วว่าในสถานการณ์เช่นนี้ บรรทัดฐานนั้นไม่ได้ช่วยอะไร
สำหรับลูซิโอในเวลานั้น ความคิดเช่นนั้นคือกลไกป้องกันทางจิตอย่างหนึ่ง เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่หากปล่อยไว้แบบนี้เขาอาจตายก็ได้ เด็กหนุ่มกรีดร้องทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดพลางเอ่ยปากร้องขอชีวิตจากอลิซาเป็นครั้งสุดท้ายราวกับเขาใกล้จะตายเต็มที
“ฝะ…ฝ่าบาท…ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“…”
ครั้นสิ้นเสียงของลูซิโอ การทุบตีก็หยุดลงในทันใด แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเขาจะไม่เจ็บ เพราะความเจ็บปวดมักจะตามมาทีหลังเสมอ อลิซามองแผลที่มีเลือดไหลซึมอย่างสงบนิ่ง นางฉีกยิ้มละไมพลางเอ่ยถาม
“หยุดดีไหม”
“ไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย…”
“ข้าบอกหรือว่าข้าจะฆ่าเจ้า?”
ครั้นพูดจบ อลิซาก็ยัดดาบยาวใส่มือเขา สีหน้าของเด็กหนุ่มคล้ายจะสลบไปได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายกำดาบไว้แน่น ไม่รู้ว่าหากเขาทำดาบหลุดมือไปจะมีการทารุณรูปแบบใดรออยู่ อลิซากระซิบกับเขาด้วยน้ำเสียงหวานหู
“ว่าอย่างไร? อยากให้ข้าหยุดตีหรือ”
“ฮึก…พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ได้โปรด…”
เขาอ้อนวอนอย่างร้อนรน แต่อลิซาไม่แม้แต่จะสนใจฟัง นางพูดสิ่งที่ตนต้องการต่อไป
“เช่นนั้นก็ฆ่า”
“…”
“ข้าจะให้เวลาหนึ่งนาที ในหนึ่งนาทีนั้นเจ้าจงปลิดชีวิตนางผู้นั้นเสีย”
“อา…”
เขามองผู้เป็นมารดาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ทว่า สีหน้าของอีกฝ่ายดูไม่เหมือนคนที่จะสั่งให้ลูกไปฆ่าคนได้เลย ลูซิโอคาดเดาอนาคตของตนด้วยสีหน้าขมขื่น ถ้าเขาไม่ฆ่าผู้หญิงคนนั้น มารดาต้องตีเขาอีกแน่ คราวนี้เขาอาจจะตายจริงๆ ก็ได้ ไม่สิ เขาไม่อยากพบเจอกับความทรมานที่โหดร้ายเช่นนั้นอีกแล้ว เขาไม่อยากเจอเรื่องแบบนั้นแล้ว…
“ฮือออออ”
ลูซิโอร้องคำรามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนทั้งเสียงของมนุษย์หรือสัตว์พร้อมทั้งใช้ดาบยันตัวลุกขึ้นจากพื้นช้าๆ ดูเหมือนว่าการทำร้ายร่างกายเมื่อครู่จะทำให้กระดูกหัก ขาของเด็กหนุ่มจึงสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดก้อนใหญ่ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดและรอยน้ำตาเหนียวเหนอะหนะ เขาค่อยๆ เข้าไปใกล้คนที่ถูกมัดในท่านั่งบนเก้าอี้ ผ้าขาวที่พันอยู่ด้านนอกทำให้ดูไม่ออกว่าคนด้านในเป็นใคร แต่ดูเหมือนนางจะรับรู้ได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามาทุกทีจึงร้องไห้ออกมา เด็กหนุ่มจ้องมองคราบน้ำเปียกชุ่มบนผ้าบริเวณที่น่าจะเป็นขอบตาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ข้าขอโทษนะขอรับ”
แต่ข้าอยากมีชีวิตอยู่ ข้าอยากมีชีวิตอยู่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษขอรับ แม้ข้าจะร้องตะโกนว่าอยากมีชีวิตอยู่ แต่ท่านอย่าได้ยกโทษให้ข้าผู้ซึ่งเป็นคนปลิดชีพท่านเลย อย่ายกโทษให้ข้าเด็ดขาด…
– ฉึก
อย่ายกโทษให้ข้าเลย
– ฉึก
– ฉึก
– ฉึก
– ฉึก
…
ไม่แน่ใจว่าเขาแทงไปกี่ครั้ง แต่เขาหยุดมือในตอนที่ผ้าขาวชุ่มโชกไปด้วยเลือดอุ่นๆ เด็กหนุ่มทิ้งดาบลงบนพื้นด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
เคร้ง ดาบร่วงลงบนพื้นพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น ใบหน้าและลำตัวของเขาเต็มไปด้วยรอยเลือด และเลือดที่กระเซ็นมาก็เปื้อนไปถึงขา ลูซิโอหันกลับไปมองอลิซาด้วยสีหน้าเหม่อลอยไร้สติ
อลิซากำลังหัวเราะ
ลูซิโอคิดว่าตนน่าจะเสียสติไปแล้ว ไม่เพียงแต่ตัวเขาเองเท่านั้น นางเองก็เช่นกัน เขาฆ่าคนไปแล้วจริงๆ และนางคือผู้สั่งการ เขาไม่ได้หัวเราะหรือร้องไห้ แต่นางกำลังหัวเราะ นางยินดีกับการที่คนคนหนึ่งตายไปอย่างนั้นหรือ? ลูซิโอพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ทีนี้…”
“…”
“ไว้ชีวิตลูกด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ…”
“ลูซิโอ”
ครั้นได้ยินดังนั้นนางก็ยิ้มกว้างและเดินเข้ามาหา ลูซิโอไม่เหลือเรียวแรงอีกแล้ว หากนางยังตีเขาอีก เขาคงจะตายไปจริงๆ ไม่สิ บางทีเขาอาจจะอยากตายไปเสียเลยก็เป็นได้ เขามองอลิซาที่เดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าว่างเปล่า รอยยิ้มของนางงดงามจนน่ากลัว
“ยินดีด้วยนะ ในที่สุดเจ้าเองก็ลงมือฆ่าคนแล้ว”
“…”
นางกำลังแสดงความยินดีกับเขาในเรื่องที่ไม่มีแม่ที่ไหนทำกัน ครั้นได้ฟังดังนั้นลูซิโอก็เริ่มร้องไห้ เมื่อเด็กหนุ่มเริ่มร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก สีหน้าของอลิซาก็บูดเบี้ยวอย่างรำคาญใจ แต่นางก็เฝ้ารออย่างอดทนจนเสียงร้องไห้เริ่มเงียบไป นางจึงพูดออกมา
“ลูซิโอ”
“…”
“เจ้าอยากเปิดผ้าที่คลุมนางไว้หน่อยไหม”
“…”
“เร็วสิ”
ลูซิโอไม่กล้าทำเช่นนั้น แต่เขาฆ่าคนไปแล้วทั้งคน คิดว่าคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว เขาใช้นิ้วที่สั่นระริกดึงผ้าที่คลุมผู้ตายไว้ออก ผู้หญิงคนหนึ่งตายในสภาพน้ำตานองหน้า ราวกับว่านางร้องไห้อย่างหนักก่อนตาย เมื่อเห็นภาพนั้น คนที่อยู่โดยรอบก็หันหน้าหนี บ้างก็มีอาการคลื่นไส้ แต่ผู้ลงมือสังหารอย่างลูซิโอกลับไม่มีความรู้สึกอันใด สภาพจิตใจของเขาเหนื่อยล้าเกินกว่าจะมีความรู้สึกใดๆ แล้ว
“นางตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ ตายแล้ว”
อลิซายิ้มกว้าง นางเห็นด้วยกับคำพูดของเขา จากนั้นนางก็เรียกลูซิโอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ลูซิโอ”
“…”
“ลูซิโอจ๊ะ”
“…พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่ใคร”
ครั้นได้ฟังคำถาม ลูซิโอก็จ้องมองผู้ตายเป็นครั้งแรก นางเป็นสตรีที่น่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอลิซา มีใบหน้างดงาม ดูจากที่นางสวมเสื้อผ้าธรรมดาทั่วไป บางทีนางอาจจะเป็นข้ารับใช้ในวัง ลูซิโอเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงว่างเปล่า
“…นางกำนัลหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใกล้เคียง นางเป็นใครล่ะ”
“…”
หากจะพูดกันตามตรง เขาไม่รู้สึกสงสัยเลยสักนิด เขาเพียงแต่ต้องการไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวโดยเร็วแล้วเข้านอนเสีย ไม่สิ บางทีเขาอาจจะอยากตายไปเลยก็ได้ เขาแค่อยากจะไปให้พ้นๆ จากตรงนี้เร็วขึ้นแม้สักเสี้ยววินาทีก็ยังดี ได้โปรดเถอะ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ฝนก็ตกหนักขึ้นและเริ่มมีเสียงฟ้าคะนอง เหล่านางกำนัลมีท่าทีลุกลี้ลุกลนคล้ายอยากจะออกไปจากที่นี่เร็วๆ แต่ท่าทีเช่นนั้นของพวกนางไม่ได้มีอิทธิพลอะไรต่อสถานการณ์ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย ลูซิโอยืนเหม่อลอยปล่อยให้สายฝนเทกระหน่ำลงบนร่างกาย ขณะเดียวกันอลิซาก็ยิ้มอย่างสดใสและก้มลงมากระซิบข้างหูเด็กหนุ่ม
“วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า ข้าจะเล่าอะไรสนุกๆ ให้ฟังดีหรือไม่”
“…”
“ลูกเอ๋ย ความจริงแล้วแม่มิได้เป็นคนคลอดเจ้าออกมาหรอก”
ลูกเอ๋ย ลูซิโอเพิ่งเข้าใจในตอนนั้นเองว่าคำเรียกแสนหวานนั้นไม่เหมาะกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางเลยสักนิด หลังจากได้รู้ว่าอลิซาไม่ใช่แม่แท้ๆ ของตน ลูซิโอก็ได้แต่หัวเราะออกมา
ใช่แล้ว เช่นนี้แหละถูกแล้ว หากอลิซาเป็นมารดาบังเกิดเกล้าของเขาจริง นั่นต่างหากที่น่าสะเทือนใจ แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของลูซิโอที่พอจะดูได้ขึ้นมาบ้างกลับต้องแข็งค้างเพราะคำพูดต่อมาของอีกฝ่าย
“แม่แท้ๆ ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่”
“…”
“ไม่สิ เคยมีชีวิตอยู่”
ประโยคเป็นรูปอดีต ลูซิโอตัวสั่นเทิ้ม วูบหนึ่งเขาเผลอจินตนาการถึงเรื่องน่าสำรอกโดยไม่รู้ตัว ไม่สิ ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร บ้าน่า ไม่มีทาง…
“แต่เจ้าสังหารนางไปเสียแล้วนี่นะ”
ไม่มีทาง…
“ทำได้ดีมาก”
“…”
สีหน้าของลูซิโอในตอนนั้นเป็นสีหน้าที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต บางทีอาจจะเป็นสีหน้าที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนเลยก็เป็นได้ หากจะอธิบายสีหน้าของเขาด้วยคำคำเดียวล่ะก็…
“…อา!”
อสูร
“อ๊าาาาาาาาาาก”
เด็กหนุ่มร้องไห้คร่ำครวญ เขาทรุดลงไปกองกับพื้นก่อนจะใช้มือที่อ่อนแรงทุบลงไปบนพื้นหินจนเลือดไหลซึมพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายเลือด เสียงฟ้าคะนองดังอยู่เบื้องหลัง อลิซาเฝ้ามองภาพนั้นด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“อ๊าาาา…อ๊ากกกกกก!”
เขาค่อยๆ คลานเข้าไปหาร่างของจาเน็ตที่นอนแน่นิ่งโดยไม่สนใจใบหน้าของตนที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำตาสีเลือดที่หลั่งออกมา ร่องรอยถูกแทงยังคงอยู่ เมื่อพบว่ามารดาของตนตายไปแล้ว เด็กหนุ่มยิ่งร้องไห้ออกมาด้วยเสียงร้องที่ประหลาด
“อู…อ่อกกกกกกกกก”
ร่างที่ยังอุ่นของจาเน็ตค่อยๆ เย็นลงเพราะสายฝนที่เย็นเฉียบ ลูซิโอร้องไห้คร่ำครวญปล่อยให้น้ำตาไหลรินปนไปกับสายฝน ความรู้สึกด้านลบทั้งหมดเท่าที่มนุษย์จะรู้สึกได้กำลังถาโถมเข้ามา
ความสะเทือนใจครั้งใหญ่ทำให้เขาเสียสติ บางทีนี่อาจเป็นกลไกการป้องกันทางจิตอย่างหนึ่งเช่นกัน เขาฆ่าคน ทั้งยังเป็นมาตุฆาต[1] ต่อหน้าสถานการณ์เช่นนี้ ใครบ้างที่จะไม่เสียสติ
“อึก…อ๊ากกกก!”
เขาสัมผัสร่างไร้ชีวิตของจาเน็ตพลางร้องไห้ ฟูมฟาย และคร่ำครวญอย่างไม่จบสิ้น เขาดูราวกับปีศาจร้ายตนหนึ่งที่ตกอยู่ในสภาพคลุ้มคลั่ง เขากรีดร้องจนเสียงแหบแห้งด้วยหวังให้ตนเป็นบ้าไปเสียเลยยังจะดีกว่า เสียงร้องไห้อันโหดร้ายของเด็กหนุ่มดังก้องไปทั่วพระราชวังที่ไร้เงาของประมุข
และแล้วเขาก็สลบไปเนื่องจากได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างหนักประกอบกับร้องไห้คร่ำครวญเป็นเวลานาน อลิซาที่เฝ้ามองมาโดยตลอดหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าพิลึกพิลั่น
“อ๊า ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า!”
อลิซาหัวเราะอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะร้องไห้ออกมา หลังจากนั้นไม่นานนางก็เริ่มส่งเสียงด้วยสีหน้าอัปลักษณ์พลางหัวเราะสลับกับร้องไห้ นางมองสองแม่ลูกที่นอนนิ่งไร้สติอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายพร้อมทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปพลาง
ฝนตกลงมาไม่หยุด เสียงฟ้าคะนองยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
***
“พระจักรพรรดิ…” ลูซิโอพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เสด็จกลับพระราชวังหลังได้รับชัยชนะ”
“…”
“หลังจากนั้นก็ทรงได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด พระจักรพรรดินีจึงถูกปลดออกจากตำแหน่ง”
ขณะพูด เสียงของเขาไม่สั่นอีกต่อไปแล้ว เป็นน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“เรื่องวันนั้นมักจะโผล่ขึ้นมาในหัวเราเสมอ ภาพที่พระมารดาถูกสังหารด้วยมือที่แสนชั่วร้ายคู่นี้ เราฝันร้าย เราสังหารพระมารดาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วนางก็ยิ้ม พระจักรพรรดินีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มเช่นกัน เราจึงกลายเป็นบ้าเช่นนี้”
เขาพูดต่อไปด้วยสีหน้าว่างเปล่า “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันครบรอบวันตายของพระมารดา…พระมารดา…ที่เราเป็นคนฆ่า…”
เขาทำหน้าราวกับทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงมา เขาหันไปมองแพทริเซียเป็นครั้งแรกหลังจากที่ยอมเปิดปากเล่าทุกอย่าง เขากลัว กลัวว่านางจะประณามเขา แม้ว่าการถูกประณามจะเป็นเรื่องที่สมควรและถูกต้อง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงกลัวการถูกประณาม ในขณะเดียวกันเขาก็มักจะตำหนิและกล่าวโทษตัวเอง
เจ้ายังคงเป็นเด็กที่เห็นแก่ตัวและสกปรกเช่นเคยสินะ
“เจ้าคง…ไม่เข้าใจเรา”
เขายิ้มอย่างขมขื่น และได้สบตากับแพทริเซียเป็นครั้งแรก แพทริเซียนั้น…
“อา…”
มีสีหน้าเหม่อลอย ราวกับคนที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ เมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น ลูซิโอก็พึมพำออกมา
“เจ้าเองก็คง…จะประณามเรา”
“…อา”
“นั่นย่อมเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเรามันไม่ใช่คน เรา…” เขากลืนน้ำลายเหนียวๆ “เป็นสัตว์ประหลาด”
“…”
แพทริเซียไม่พูดอะไร แต่นางกลับ…
“จักรพรรดินี?”
“…”
“เจ้า… ทำไมถึง…”
ร้องไห้
[1] มาตุฆาต คือ การฆ่ามารดาของตนเอง
Comments