[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 54 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 2

Now you are reading [LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก Chapter 54 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Part 2

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฮิโระก็ทิ้งลิชไว้ที่ลานตรงกลาง เมื่อเขาเข้าใกล้ลานกว้างก็ได้ยินเสียงร่าเริงกันมากมาย แต่เป็นเสียงหลายร้อยเสียงที่รวมกันเป็นคอรัสที่สั่นแก้วหู หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดเดินและเห็นกลุ่มทหารถือดาบอย่างเป็นระเบียบ

 

“อืม เรียบร้อยดีนะ”

 

แม้จะเป็นการต่อสู้จำลอง ผู้ที่เรียนรู้การต่อสู้ผ่านเสาฝึก นอกจากนี้ยังมีบางคนเรียนรู้วิธีใช้คันธนู อุปกรณ์หลายอย่างไปตั้งแต่ชุดเกราะเบาไปจนถึงชุดเกราะหนักแม้กระทั่งเสื้อคลุม

 

ยังไงก็ตาม อาจเป็นเพราะที่ว่าชุดส่วนใหญ่เป็นสีดำ มันจึงสร้างฉากที่แปลกประหลาด มีผู้บัญชาการคนเดียวที่รับผิดชอบด้านหน้าของเหล่าทหาร ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆหลายกลุ่ม ผู้บัญชาการยืนอยู่บนแท่นห่างจากทหาร มองพวกเขาอย่างเคร่งครัด

 

ฮิโระเดินขึ้นไปบนเวทีและเงยหน้าขึ้นมองร่างนั่น

 

“ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้ดีเลยใช่ไหม”

 

ชายคนนั้นสวมชุดเกราะเต็มตัว ชุดเกราะสีดำ มองลงมาที่ฮิโระและกระโดดลงกับพื้นด้วยผ้าคลุมขนาดใหญ่ของเขา

 

“พวกเขาเคยเป็นทหารรับจ้าง เลยมีพื้นฐานที่ดีอยู่”

 

ทหารในลานกว้างล้วนเป็นอดีตทหารรับจ้างของกองทัพปลดแอค ฮิโระยอมรับอาสาสมัครที่จะมาเข้าร่วมกับกองทัพ

 

ยังไงก็ตาม ไม่นานหลังจากการฝึกได้เริ่มต้นขึ้น มากกว่าครึ่งหนึ่งต่างถอดใจเนื่องจากการฝึกอบรมที่เข้มงวด ตอนนี้เลยเหลือเพียงประมาณสามพันคนเท่านั้น

 

“แต่จำเป็นต้องให้พวกเขาสวมใส่อุปกรณที่มีสีเช่นเดียวกันเหรอ?”

 

อุปกรณ์ครบชุดที่มอบให้พวกเขานั้นซื้อมาด้วยเงินสนับสนุนจากแม่ม่ายของตระกูลเคลไฮนต์ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ของพวกเขาไม่ได้สลักตราของฮิโระเอาไว้ มีเหตุผลหลายประการสำหรับเรื่องนั้น

 

ไม่ว่าจะเป็นช่างฝีมือขั้นเทพขนาดไหนหรือมีเวิร์กช็อปใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีทางผลิตชุดเกราะได้หลายพันชิ้นในเวลาไม่กี่วันหรอก ก็เลยไปซื้ออุปกรณ์ที่คุณภาพพอๆกันจากเมืองใกล้เคียงมา

 

“ถ้าพวกศัตรูเห็นอุปกรณ์ที่ใส่เหมือนๆกันก็จะระแวงใช่ไหมล่ะ หากเป็นกลุ่มหัวกระทิพวกเราก็จะทำในทางตรงกันข้ามและขยายกลยุทธ์ของพวกเราได้”

 

แม้คำพูดจะดูรุนแรง แต่พวกเขายังไม่สามารถเข้าร่วมกองกำลังได้เพราะทักษะยังไม่เพียงพอ นั่นคือเหตุผล ผู้บังคับบัญชาเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน แต่เขายกมุมปากขึ้นราวกับประชดประชัน

 

“ในไม่ช้าจะทำให้พวกเขาเป็นหัวกะทิของพวกเรากองทัพจักรวรรดิที่สี่ให้ได้ หรือแม้แต่เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด”

 

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยเพิ่มกำลังใจได้มากเลยล่ะ อุปกรณ์ที่พวกเขาต้องใช้อยู่ในห้องเก็บของ หวังว่าจะได้หยิบอุปกรณ์เหล่านั้นออกมาใช้กันนะ”

 

“แน่นอน จะให้พวกเขาได้รับช่วงต่อจากคนที่ตายไปแล้ว”

 

ใบหน้าของชายคนนั้นถูกเปิดเผยภายใต้ชุดเกราะของเขา เป็นสีม่วงอ่อน ซึ่งเป็นสีผิวอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าปีศาจ ดวงตาอันเฉียบคมทำให้แม้แต่นักรบที่กล้าหาญยังลังเล และแม้ว่าชุดเกราะของเขาจะซ่อนร่างกายที่แข็งแรงของเขา แต่ก็ไม่มีการซ่อนกลิ่นอายอันแข็งแกร่งได้

 

เขาเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของปีศาจจากหมู่เกาะทองตอนใต้ ชื่อของเขาคือกาด้า เมเทโอ

 

อาณาจักรเลเบอริ่งซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาจักรวรรดิแกรนท์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นดินแดนของเผ่าปีศาจ แม้แต่ราชวงศ์ก็ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์เพราะมีสายเลือดผสมระหว่างเผ่าพันธุ์อื่นตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือตอนนี้ไม่มีเผ่าพันธุ์ปีศาจสายพันธุ์แท้ในทวีปกลาง หลังจากพิจารณาถึงความปลอดภัยของกาด้าแล้ว กาด้าก็เลือกที่จะสวมชุดเกราะไปทั่วทั้งตัวเพื่อซ่อนสีผิวและหินเวทย์ตรงหน้าผากเขา

 

“ก็ตามที่ว่านับจากนี้ไปพวกเขาจะต้องเข้าสู่สนามรบ”

 

“ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับทักษะของฝ่ายศัตรูแล้ว ถ้าพวกเขาเคลื่อนไหวแบบเดี่ยวๆก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าจะให้สู้ประสานงานแบบกองทัพจักรวรรดิที่สี่คงยากหน่อยนะ”

 

“ถ้าแบบนั้นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามากเท่าไร”

 

“…มีสัญญาณว่าจะเกิดสงครามขึ้นอีกไหม?”

 

ฮิโระตอบคำถามของกาด้าด้วยสีหน้านิ่งๆ เมฆสีขาวที่แต่งแต้มสีสันบนท้องฟ้าอันแจ่มใส แสงแดดส่องผ่านช่องว่างมาบนพื้นดิน สายลมเย็นสบายที่จะกลายเป็นลมร้อนแสนอบอ้าวในอีกเวลาไม่นาน

 

ฮิโระยิ้มขณะมองไปที่กาด้า โดยรู้ว่านี่ก็คงเป็นอีกวันที่อากาศร้อนเช่นเคย

 

“เพราะแบบนี้การเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉินถึงเป็นเรื่องพื้นฐานไง”

 

“นั่นก็จริง……..แต่แกนี่จะหัวดีเกินไปแล้วนะ?”

 

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ ชั้นเองก็มีเรื่องให้ต้องกังวลเล็กน้อย เพราะไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้แน่ชัด มันจะเริ่มตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว”

 

แม้จะค่อนข้างคลุมเครือ แต่กาด้าก็พยักหน้า

 

“ถ้าอย่างงั้นก็ฝึกพวกเขาเท่าที่ทำได้ ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่”

 

กาด้าลดเกราะลงและมองเหล่าทหารที่กำลังฝึก หากคนที่ไม่คุ้นเคยกับฉากตรงหน้า จะสามารถเห็นทหารจำนวนมากกำลังฝึกแทงหอกพร้อมกับตะโกนเป็นจังหวะ ด้วยทักษะที่ท่วมถ้น แต่แท้จริงแล้วทักษะของพวกเขายังไปไม่ถึงไหน

 

แต่ว่าทักษะของผู้บัญชาการจะช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป มันขึ้นอยู่กับเขาที่จะใช้ประโยชน์จากมันให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

“ฝากด้วยล่ะ หวังว่าจะตอบสนองความต้องการของชั้นได้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนฝันลมๆแล้งๆก็เถอะ”

 

“ถ้าอยากให้พวกเขาเก่งขึ้นในเวลาสั้นๆ วิธีเดียวก็มีแค่พวกเขาผ่านการต่อสู้จริงไม่ใช่หรือไง?”

 

“อืมนั่นสินะ การต่อสู้แห่งความเป็นความตายเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง.”

 

ฮิโระยิ้มกว้างขณะคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นมา

 

“ได้รับแจ้งมาว่ามีโจรและผู้ที่หลบหนีมาจากราชอาณาจักรลิชไทน์ ได้รวมหัวกันเพื่อก่อตั้งกองโจรขึ้นมาในละแวกนั้น.”

 

“มันอยู่ใกล้ๆเหรอ?”

 

“ดูเหมือนพวกมันจะใช้ประโยชน์จากสงครามเมื่อเร็วๆนี้เพื่อตั้งฐานที่มั่นในถ้ำและทางเดินแคบๆในดินแดนรกร้าง”

 

ฮิโระยื่นกระดาษหนังสองแผ่นให้กาด้า

 

“อยากจะให้เลือกหนึ่งในนี้ ส่วนที่เหลือกองทัพจักรวรรดิที่สี่จะเป็นคนรับมือเอง”

 

เมื่อเห็นกาด้าที่กำลังตรวจสอบเนื้อหา ฮิโระก็พูดต่อ

 

“ถ้ำแห่งแรกคือใช้เวลาเดินไปทางตะวันออกประมาณหนึ่งวันจะถึง โดยมีถ้ำเยอะถึงห้าสิบถ้ำ แห่งที่สองอยู่ใกล้กับหมู่บ้านสุเรชที่มิลล์อาศัยอยู่ เดินทางไปทิศใต้เวลาหนึ่งวัน ในเส้นทางแคบๆของถิ่นทุรกันดารซึ่งมีจำนวนประมาณสามร้อยคน ได้ยินมาว่ามีพวกทหารหนีทัพเข้าร่วมด้วย จำนวนคนที่จะเข้าร่วมกับกองโจรนั้นดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คิดว่ายังไงล่ะจะไปที่ไหน?”

 

“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปกำจัดพวกโจรที่ทางเดินแคบๆใกล้หมู่บ้านสุเรช มีกำหนดเวลาหรือเงื่อนไขอะไรไหม?”

 

“พวกเราอยากกำจัดพวกมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำกัดจำนวนทหารอยู่ที่แปดร้อยนายจะต้องกลับมาภายในสองถึงสามวันข้างหน้า เนื่องจากม้าเองก็ต้องหยุดพัก ตั้งเงื่อนไขว่าให้มีเวลากำจัดพวกโจรทั้งหมดแค่สามชั่วโมงพอจะไหวไหม?”

 

“นั่นมันบ้าไปแล้ว”

 

“ต้องหัดมีลิมิตในตัวเองบ้าง มิฉะนั้นก็ไม่ได้รับประสบการณ์ดีๆในการต่อสู้หรอกหากฝืนมากเกินไป.”

 

“ถ้างั้น มังกรตาเดียวถ้าเป็นแกจะจัดการพวกมันยังไง?”

 

“ถ้าพวกนั้นมีแค่สามร้อยคน ชั้นจะเข้าไปคนเดียวและสัง――.”

 

เขากลืนคำพูดที่ว่าจะ “สังหารหมู่” นั่นก็เพราะโดนจ้องตาเขม็ง ดูเหมือนว่าวิธีของฮิโระมันก็ใช้ได้สำหรับเขาแค่คนเดียว ไม่มีใครสามารถเลียนแบบเขาได้ พอเขาเห็นแบบนั้นก็รีบเปลี่ยนคำพูด

 

“เรื่องล้อเล่นไว้เท่านี้ก็แล้วกัน ฮะฮะฮ่า แม้ว่าจะได้เปรียบด้านตัวเลข แต่ก็ไม่มีประโยชน์หากพวกเราไม่สามารถใช้ประโยชน์ที่ว่าได้เปรียบด้านจำนวนได้”

 

ฮิโระพูดเช่นนั้นและเสนอไอเดียออกมา

 

“ที่นี่เป็นฐานที่มั่นของพวกมัน พวกมันรู้จักภูมิประเทศเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาคิดว่าจะได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ หากพวกเราไม่ระมัดระวัง เราอาจได้รับความเสียหายมากเกินความจำเป็น ถ้าเป็นชั้น ชั้นจะลากพวกมันออกมาจากจุดที่คิดว่าได้เปรียบและสร้างศึกตัดสินในพื้นที่ๆพวกเราได้เปรียบแทน”

 

เมื่อเขาพูดจบ ฮิโระก็เอานิ้วชี้แตะปากแล้วยิ้ม

 

“อืม ได้เห็นเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีมากเท่านั้น เพราะงั้นเตรียมตัวให้พร้อมทันทีเลยได้ไหม?”

 

“อืม แกจะต้องประหลาดใจกับเหล่าทหารที่ข้าฝึกมาแน่นอน พวกเขาดูดีกว่าตอนเป็นทหารรับจ้างเยอะ”

 

ช่างเย่อหยิ่ง——-ทัศนคติตรงไปตรงมาที่มีต่อเหล่าราวงศ์ หากใครบางคนที่ภักดีต่อมหาจักรวรรดิแกรนท์ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาคงชักดาบออกมาและฟันใส่กาด้าแน่นอน ถ้าดริกส์ซึ่งเป็นคนที่รักสงบได้ยินคงปริ๊ดแตกแน่นอน

 

“ฮ่าฮ่า ก็ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ.”

 

อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะมีความรู้สึกนึกคิดเช่นไร หากมีสิ่งใดที่สามารถหยิบจับใช้งานและนับมาเป็นพันธมิตรได้มันก็ดีกว่าอยู่แล้วและความนิยมในตัวเขาเป็นรองแค่ลิซเท่านั้น

 

ที่กล่าวว่ามันคงไม่เหมาะสมหากเขาปฏิบัติตัวเช่นนี้ต่อเหล่าทหาร ดูเหมือนกาด้าจะเข้าใจสิ่งนี้และหากมีใครได้ยินเข้า ก็คงจะมาเลียแข้งเลียขาจนน่าขนลุก เพราะงั้นพวกเขาจะไม่เสแสร้งใส่กันเมื่อพวกเขามีโอกาสได้เปิดอกคุยกันโดยไม่มีใครขัดจังหวะ

 

“ถ้างั้นก็ฝากนายด้วยล่ะ.”

 

“ก่อนหน้านี้จะให้พวกเขาได้พักสักเล็กน้อย และพวกเราค่อยออกเดินทาง”

 

ฮิโระกำลังจะจากไปจู่ๆก็นึกขึ้นมาได้และหันไปหากาด้า

 

“อ่า มีอีกเรื่อง ชั้นตัดสินใจแล้วว่าจะเอาอุปกรณ์เก่าๆที่เก็บไว้ในคลังออกมาใช้งานด้วย.”

 

“หะ…?”

 

กาด้าพยายามค้นหาคำตอบที่อยู่ในคำพูดเหล่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะพอเข้าใจและพยักหน้า

 

“ก็ได้ ถ้างั้นข้าจะให้พวกเขาเตรียมให้กับแก”

 

“เอาล่ะ ถ้างั้นชั้นไปแล้ว ชั้นเองก็ต้องไปเตรียมตัวเหมือนกัน.”

 

หลังจากนั้นเขาโบกมือและเริ่มเดินออกไป

 

 

 

***

 

 

 

ทหารม้าแปดร้อยนายผ่านถิ่นทุรกันดารภายใต้ฝุ่นที่ปกคลุมอย่างแน่นหนา ห่างออกไปสามกิโลเมตร เพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง กองทัพอีกา กองทัพส่วนตัวของฮิโระจึงหยุดการเดินขบวนและซ่อนตัวอยู่หลังหน้าผา พวกเขาไม่ได้ฝึกมามากพอ แต่ก็มีพลังไม่น้อยไปกว่ากองทัพจักรวรรดิที่สี่

 

“เอาล่ะ ได้เวลาล่อพวกโจรออกมาแล้ว.”

 

ฮิโระส่งสัญญาณไปทางด้านหลัง จากนั้นแนวทหารม้าก็แยกออกเพื่อเผยให้เห็นทหารร้อยคนที่แต่งตัวเป็นทหารรับจ้างมีอีกยี่สิบคนหรือมากกว่านั้นแต่งตัวเป็นชาวนาและพวกเขากำลังลากเกวียน

 

พวกเขามุ่งหน้าไปยังถนนแคบๆข้างหน้าที่เต็มไปด้วยหน้าผา ซึ่งโจรดักซุ่มอยู่ที่นั่น

 

“จากนั้นกองทหารรม้าที่หนึ่งและสองเริ่มเคลื่อนไหวได้เลย.”

 

หลังจากได้รับคำสั่งของฮิโระทหารก็เดินไปทางซ้ายและขวาซ่อนตัวอยู่ภายใต้ฝุนที่เกิดจากเกวียนทหารม้าที่เหลืออีกร้อยนายถูกบัญชาการโดยฮิโระและกาด้าที่เป็นผู้ช่วย

 

“หวังว่าจะไปได้สวย แต่พวกนั้นเองก็ไม่ใช่มือสมัครเล่น ไม่คิดว่าพวกเขาจะโดนหลอกง่ายๆ”

 

“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ผู้คนน่ะถูกหลอกง่ายจะตายไป ในบางกรณีแม้แต่ผู้มากประสบการณ์ยังโดนหลอกง่ายกว่าเหล่ามือสมัครเล่นอีกนะจะบอกให้.”

 

หลังจากบอกกาด้าเช่นนั้น ฮิโระก็มองไปไกล กาด้าเองก็มองไปในทิศทางเดียวกัน ต่อหน้าต่อตาทั้งสองกองกำลังที่แต่งตัวเป็นชาวนาได้หยุดอยู่ตรงหน้าทางเดินแคบๆ

 

“ตอนนี้พวกเขากำลังโดนสอบปากคำงั้นเหรอ คิดว่าพวกนั้นจะทำยังไงเมื่อเห็นเหยื่อ?”

 

“ส่วนใหญ่ก็จะสงสัยว่าเป็นกับดักหมดนั่นแหละ.”

 

“เพราะแบบนั้นเลยมีเกวียนที่มีชุดเกราะมากมายบรรทุกไว้งั้นเหรอ”

 

เกวียนนั้นเต็มไปด้วยเกราะและดาบ หากโจรเห็นพวกมันคงต้องการเป็นอย่างมาก พวกมันไม่มีเงินเพียงพอที่จะจัดหาอุปกรณ์คุณภาพดี และไม่มีวิธีการปล้นสะดมเหล่าทหารด้วย ที่พวกเขาทำได้คือการปล้นอาหารและน้ำเท่านั้น

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ฮิโระให้เหล่าลูกน้องปลอมตัวเป็นพวกพ่อค้าและชาวนา

 

“แต่คนคุ้มกันตั้งหนึ่งร้อยคนมันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?”

 

“มันมีไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการสงสัยไงล่ะ”

 

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกมันระมัดระวังตัวมากเกินไปและไม่ยอมออกมาจากทางเดินแคบๆนั่น?”

 

สิ่งที่กาด้าพูดนั้นถูกต้อง มีเพียงประมาณสามร้อยคนเท่านั้น หากพวกมันรู้ว่าฝั่งนี้มีคนคุ้มกันหนึ่งร้อยคน ก็มีโอกาสที่พวกมันจะกลัวเกินกว่าจะเคลื่อนไหว ถึงกระนั้นบางคนก็อาจจะโผล่ออกมาและข่มขู่พวกเรา พวกมันจะข่มขู่ด้วยจำนวนที่มากกว่าและให้ส่งเกวียนให้พวกมัน

 

“ถ้าเป็นกรณีนั้นก็ได้สั่งให้โจมตีโดยไม่ลังเล”

 

“โฮ่ว แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”

 

“ก็ให้พวกเขาวิ่งหนีกลับมาหาพวกเราทันทีที่ยั่วยุพวกโจร”

 

จากนั้นพวกโจรมันจะโกรธแค้นและออกมาจากทางเดินแคบๆเพื่อแก้แค้นและไล่ล่าเหยื่อที่หนี หลังจากนั้นหน่วยทหารม้าที่หนึ่งและสองซึ่งพวกโจรกำลังถูกเบี่ยงเบนความสนใจจะปิดทางเข้าออกและเริ่มการกวาดล้าง

 

“ไปกันเถอะ พวกเราเองก็ควรจะไปด้วย.”

 

การต่อสู้เริ่มขึ้น ลมได้พัดพาเสียงของการต่อสู้มายังที่นี่ รถม้าที่พวกฮิโระนั่งม้าเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆกาด้าซึ่งขี่อยู่บังคับบังเหียนและมองไปข้างหน้า ฮิโระและคนอื่นๆพร้อมด้วยทหารม้าอีกร้อยนาย โผล่ออกจากหลังหน้าผา

 

“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนจะเป็นไปตามแผนที่ชั้นวางไว้เลยนะ”

 

“พวกมันตกหลุมพรางได้ง่ายๆขนาดนี้เลยเรอะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ราชอาณาจักรลิชไทน์จะแพ้.”

 

“ถึงกระนั้นพวกมันก็แข็งแกร่งกว่าโจรทั่วไป อย่าลดการป้องกันลงเพียงเพราะพวกศัตรูติดกับดักเราก็พอ”

 

หลังจากพูดแบบนั้น ฮิโระก็สั่งให้ทหารม้าอีกร้อยนายเข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาที่ได้รับคำสั่งก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วและเริ่มโจมตี โดยมีกาด้าและฮิโระอยู่แนวหลัง

 

เมื่อฮิโระและคนอื่นๆไปถึงการต่อสู้คงจบลงแล้ว

 

“เจ้าต้องการให้พวกที่ยอมจำนนมีชีวิตรอดงั้นเหรอ แน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนั้น?”

 

“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่มีปัญหาตรงไหนเหรอ?”

 

“ถ้าเป็นข้าคงสั่งให้ฆ่าทุกคนทิ้งหมดแล้ว นั่นเป็ตเหตุผลที่ข้าสงสัยไงว่าทำไมเจ้าถึงปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่.”

 

“อ่า เหตุผลนั้นง่ายมาก หากพวกเราฆ่าพวกมันตายจนหมด ศพน่ะดึงดูดพวกมอนสเตอร์มาใช่ไหมล่ะ จากนั้นหมู่บ้านรอบๆจะได้รับผลกระทบ พอเข้าใจรึยัง?”

 

แม้ว่าศพจะถูกฝังหรือถูกเผา กลิ่นเลือดก็ยังคงดึงดูดมอนสเตอร์มาอยู่ดี แม้ว่าจะอาศัยอยู่ในทางเดินแคบๆและพวกมันเมื่ออาหารหมดตอนไหน จะเข้าโจมตีหมู่บ้านรอบๆ และนั่นจะทำให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุด นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาจะต้องไม่ฆ่าศัตรูทั้งหมดและปล่อยให้มีชีวิต

 

“พวกเขาแพ้สงครามมา ยังไงก็ต้องยอมจำนน”

 

เมื่อฮิโระและกาด้ามองไปในสนามรบ โจรส่วนใหญ่ก็ยอมแพ้ตามที่คิด

 

อย่างไรก็ตาม มีไม่น้อยที่เป็นเหยื่อของเหล่าทหารม้า จำนวนโจรลดลงเหลือประมาณสองร้อยคน ศพถูกบรรทุกขึ้นเกวียนและจะถูกกำจัดจากหน่วยที่อยู่ไกลออกไป ผู้ที่โดนจับได้ก็จะได้รับโทษ เขาวางแผนเรื่องบทลงโทษให้กับดริกส์ไว้เรียบร้อยแล้ว

 

“อืมดูเหมือนจะจบลงเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาถึงสามชั่วโมงก็สามารถสยบโจรกว่าสามร้อยคนได้ในเวลาอันสั้น.”

 

ฮิโระยิ้มและพยักหน้ากับคำพูดของกาด้า เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก แต่กองทัพฝ่ายเราทำได้ดีกว่าที่คาด

 

“ถ้างั้นก็พักกันสักหน่อยแล้วค่อยกลับป้อมเบิร์ก.”

 

ฮิโระพูดเช่นนั้นและกาด้าก็ออกคำสั่งกับเหล่าทหาร ขณะที่ฮิโระเฝ้าดู เขาก็เงยหน้ามองเหนือเขา เมฆกำลังเข้ามาปกคลุม แสงของดวงอาทิตย์เล็ดรอดออกมาเพียงเล็กน้อย

 

(เดี๋ยวก็คงจะถูกเรียกไปที่มหาจักรวรรดิในไม่ช้า แล้วจะทำยังไงดีกับ “กองทัพอีกา”)

 

คงเป็นการเสียเที่ยวที่จะให้พวกเขาไปเดินตามตรวจตราอย่างสงบสุข ถ้าอย่างงั้นก็ปล่อยให้พวกเขาฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆจนกว่าฮิโระจะกลับมาดีกว่า

 

(แต่ถ้าพวกเขาขอให้ชั้นไปที่เฟลเซ็น ก็คงต้องพาพวกเขาไปด้วย)

 

มีจดหมายมาจากออร่า เมื่อวันก่อน ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเฟลเซ็น จะยังคาดเดาไม่ได้ และมีความเป็นไปได้สูงที่จักรพรรดิกำลังเบื่อและอาจสั่งให้เขาไปยังเฟลเซ็นได้

 

ถ้าอย่างนั้นมันคงเป็นโอกาสอันดีในการให้ “กองทัพอีกา”ได้รับประสบการณ์

 

(ตอนนี้ไม่มีประโยชน์มาคิดอะไรแบบนั้น สิ่งที่ต้องคิดสำหรับตอนนี้มันจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคตว่าเขาจะถูกส่งไปที่ไหน.)

 

ฮิโระดึงคอเสื้อเล็กน้อยและเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมา จากนั้นก็หลับตาลงและหายใจเบาๆเพื่อพักผ่อนสักเล็กน้อย

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด