Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 71 วันหยุดพักผ่อนในต่างโลก 4: ร้านอาหาร

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 71 วันหยุดพักผ่อนในต่างโลก 4: ร้านอาหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ว้าว…เธอทั้งคู่นี้กินเยอะจริงๆนะ…”” ผู้กล้าพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งขุ่นเคืองกึ่งประทับใจในขณะที่มองผมกับเลฟี่สวาปามอาหารลงท้อง  

 

เธอพาผมกับเลฟี่มายังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่ จากนั้นพวกเราทั้งสามก็นั่งรวมกันบนโต๊ะกลม ภายในร้านมีผู้หญิงที่ดูมีอายุหน่อยๆทำงานอยู่ ธุรกิจได้รับความนิยมสูงเลยด้วย ทำให้ลูกค้านั้นเกินมือ ส่งผลให้มีเด็กสาวที่ดูจะเป็นลูกสาวของเธอออกมาช่วย หน้าตาดูดีเลยทีเดียว และดูเป็นเด็กที่สดใสร่างเริงดีด้วย กว่าครึ่งของชายในร้านต่างมองเธอด้วยใบ หน้าที่แดงเถือก ซึ่งคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ร้านนี้ได้รับความนิยม

 

“พอมาคิดๆดูก็รู้สึกว่าชั้นกินเยอะกว่าปกติใช้ได้อยู่เหมือนกันนะ แปลกจังแหะ”

“เดี๋ยวสิ! แล้วทำไมนายถึงเป็นคนสับสนซะเองเล่า!?” 

“ก็ตอนที่ชั้นอยู่ในดันเจี้ยนชั้นไม่ได้กินเยอะขนาดนี้ จู่ๆรู้สึกหิวๆแบบนี้มันแปลกๆน่า”

 

เท่าที่จำได้ความอยากของผมไม่เคยแปลกขนาดนี้มาก่อนเลย ผมว่าผมก็กินเท่าที่ผู้ชายปกติทั่วไปเขากินกันนะ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสามารถกินได้เป็นเท่าตัวของปกติเลย

 

“นั่นเป็นเพราะภูมิภาคนี้ไม่มีอนุภาคเวทย์มนตร์นะสิ ความหนาแน่นมันต่ำกว่าที่เจ้าคุ้นเคยมาก” เลฟี่พูด “ในเมื่อมันไม่มีพลังงานให้ร่างกายซึมซับผ่านอากาศ เจ้าก็ต้องหามาทดแทนด้วยวิธีอื่นยังไงล่ะ”

 

หญิงสาวผมเงินพูดขึ้นในขณะที่ปากเต็มไปด้วยสปาเก็ตตี้ที่อยู่ตรงหน้า เธอตบทั้งเล้นและซอสเนื้อพิเศษในรูปแบบที่น่าประทับใจจนทำให้เธอได้รับรอยยิ้มและคำชมจากเจ้าของร้านที่บังเอิญเดินผ่านมาพอดี “ว้าว! เธอกินได้เก่งเหมือนแชมป์เลย! เต็มที่เลยนะแม่หนู!”

 

“เดี่ยวก่อนนะ แค่ความหน่าแน่นของอนุภาคเวทย์มนตร์ลดน้อยลงมันสร้างความแตกต่างได้ขนาดนี้เลยหรอ?”

“แน่นอนสิ”

“โว้ว ชั้นไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย”

“นั้นเป็นผลจากการไร้ความสมารถของเจ้ายังไงล่ะ”

“…” ไม่มีจุดให้เถียงกลับเลย โดนเลฟี่พูดจี้จุดเข้าจนได้ รู้สึกแย่ชะมัด… แต่เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าตอนนี้ร่างกายผมยังขาดพลังงานที่ต้องการอยู่อีก? นี้ก็กินเท่าจำนวนที่คนคนนึงจะกินได้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกอิ่มเลยซักนิด

 

“โอ้ พอพูดถึงเวทมนต์ก็นึกขึ้นได้” ผมหันไปทางผู้กล้า “ทำไมต่าแก่เจ้าเมืองถึงได้ตื่นตัวกับไอเจ้าอาวุธเวทมนต์ขนาดนั้นกัน?”

 

ผมถามเธอพลางขยับมือตักอาหารเข้าปากต่อไป [TL:ที่จริงจุดนี้พระเอกมันพูดถึงอาหารยาวเป็น 3-4 บรรดทัดเลยจิ แต่ผมขี้เกียจและมันดูไม่สำคัญ ก็เหลือตามที่เห็นนี้แหละจิ]

 

“ก็…” ผู้กล้าหยุดคิดไปแปปนึง “มันก็ไม่ใช่ความลับสำคัญอะไร คงจะบอกนายได้อยู่ จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยนะ”

 

“โอ้?” ผมหยุดมือและมองไปยังผู้กล้าด้วยความสนใจ “หรือก็คือมันมีอาวุธเวทมนต์ต้องสาปนอกจากเจ้าขวานที่ชั้นเก็บมาได้สินะ?”

“ไม่ ชั้นไม่ได้หมายความอย่างนั้น คนที่ครอบครองอาวุธเวทมนต์ต้องสาปมีเพียงแค่คนเดียวคือคนที่นายจัดการไปเมื่อวาน ไอส่วนที่คล้ายกันคือขวานมันทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้ ซึ่งเมืองนี้ก็เจอเหตุที่มีความบ้าคลั่งเกี่ยวข้องเข้ามาบ่อยครั้ง แยกเป็นเคสหลักได้ 2 เคส อันแรกคือการที่คนปกติ ขยันทำงานหาเงิน อยู่ๆก็หยิบอาวุธมาไล่ฆ่าฟันผู้คน อันที่สองคือผู้คนจู่ๆก็ทะเลาะวิวาทกันอย่างไร้สาเหตุ เจ้าเมืองเลย์โรวคาดการว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับยาหรืออะไรคล้ายๆกัน แต่เขาก็ยังไม่เจอหลักฐานที่ระบุอะไรได้ชัดเจนเลย”

 

“เธอแน่ใจหรอว่ามันไม่ใช่แค่เรื่ยงบังเอิญนะ?” I asked.

“เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่” ผู้กล้าส่ายหน้า “เจ้าเมืองบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นภายใน 1 เดือน และมีถี่เกินกว่าจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”

“งี้นี้เอง”

“อ้อ แล้วนายจำคนที่นายได้ขวานมาหรือเปล่า?”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยหรอ?”

“ก็นะ อาวุธเวทมนต์ต้องสาปที่ทรงพลังขนาดนั้นไม่เคยโผล่ในตลาดที่ไหนมาก่อนเลย มันเป็นของที่หายากมากๆ พวกทหารเลยสอบสวนพรรคพวกของเขาว่าไปได้มายังไง ปรากฏว่ามีคนให้เขามา” [TL:จุดนี้อิงใช้แค่ him ผมก็งง คนตายไปแล้ว มันเอามาสอบสวนได้ไง หรือเราแปลผิด ผมเลยเดาว่าน่าจะเป็นพวกคนอื่นๆที่โดนพระเอกทุ่มสลบเอา]

“อย่างนี้นี่เอง พอจะเข้าใจที่เธอจะสื่อแล้ว” ดูเหมือนจะมีคนซักใยอยู่เบื่องหลัง คอยให้ของที่ทำให้คนเป็นบ้าขึ้นมาได้สินะ

 

“เพราะงี้ถึงได้มีทหารเดินเพ่นพ่านกันไปหมดงั้นหรอ?” ผมมองไปข้างนอกและเห็นหน่วยลาดตะเวนเดินผ่านไปพอดี เป็นกลุ่มสามนายที่ใส่ชุดเต็มยศ ไอเราก็นึกว่าเป็นเรื่ยงปกติของที่นี้ซะอีก 

“พวกเธอคิดว่ามันมีคนจ้องที่จะมาทำลายเมืองหรืออะไรพวกนี้นะหรอ?”

“ถ้านับพวกนายด้วยก็ใช่”

“โถ่เอ๊ย…ทางเราบริสุทธิ์กันนา ก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้มาที่นี้เพื่อจะฆ่าใครเขาซักหน่อย”

“ฉันรู้น่า วิธีของพวกนายคงเป็นการเข้ามาตรงๆเลยนั้นแหละ”

 

ก็ปฏิเสธไม่ลงแหะ ถ้าผมอยากจะทำลายที่นี้จริงๆ ก็คงจะเรียกฝูงมอนเตอร์มาถล่มไปเลย ถึงมอนเตอร์ถูกๆของดันเจี้ยนอาจจะสู้ระดับในป่าต้องห้ามไม่ได้ แต่ก็แข็งแกร่งการคนทั่วไปเขาอยู่ดี

 

“ดังนั้นก็ระวังตัวกันด้วยละ! ฉันรู้ว่ายูกินะคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่เธอต้องระวังตัวเองให้ดีเลยนะเลฟี่ ในเมืองตอนนี้นะอันตรายต่อผู้หญิงอย่างเธอสุดๆเลยล่ะ”

“เอ่อออ… ก็นะ…” จริงด้วยสิ… เราไม่เคยบอกเธอว่าเลฟี่เป็นมังกรชั้นสูงนี้น่า “ได้ยินหรือเปล่าเลฟี่? เนลล์บอกให้เธอระวังตัวไว้นะ”

“ระวังตัว?” มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกขมวดคิ้วด้วยความสับสน “อะไรที่เราต้องระวังไว้ล่ะ? การกินเกินกว่าที่ท้องเราจะรับไว้นะรึ?”

“เอ่อออ… ก็เอาเป็นอย่างนั้นแล้วกัน” ยัยนี้เอาแต่สนใจอาหารจนไม่ได้ฟังเรื่ยงที่เขาพูดกันแน่นอน

“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อย…”

 

ผู้กล้าถอนหายใจ ไหล่ตก ชั้นก็เข้าใจนะแต่เธอไม่ต้องห่วงไปหรอกเนลล์ เลฟี่นะแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดเป็นร้อยเท่าได้เลยล่ะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 71 วันหยุดพักผ่อนในต่างโลก 4: ร้านอาหาร

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 71 วันหยุดพักผ่อนในต่างโลก 4: ร้านอาหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ว้าว…เธอทั้งคู่นี้กินเยอะจริงๆนะ…”” ผู้กล้าพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งขุ่นเคืองกึ่งประทับใจในขณะที่มองผมกับเลฟี่สวาปามอาหารลงท้อง  

 

เธอพาผมกับเลฟี่มายังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่ จากนั้นพวกเราทั้งสามก็นั่งรวมกันบนโต๊ะกลม ภายในร้านมีผู้หญิงที่ดูมีอายุหน่อยๆทำงานอยู่ ธุรกิจได้รับความนิยมสูงเลยด้วย ทำให้ลูกค้านั้นเกินมือ ส่งผลให้มีเด็กสาวที่ดูจะเป็นลูกสาวของเธอออกมาช่วย หน้าตาดูดีเลยทีเดียว และดูเป็นเด็กที่สดใสร่างเริงดีด้วย กว่าครึ่งของชายในร้านต่างมองเธอด้วยใบ หน้าที่แดงเถือก ซึ่งคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ร้านนี้ได้รับความนิยม

 

“พอมาคิดๆดูก็รู้สึกว่าชั้นกินเยอะกว่าปกติใช้ได้อยู่เหมือนกันนะ แปลกจังแหะ”

“เดี๋ยวสิ! แล้วทำไมนายถึงเป็นคนสับสนซะเองเล่า!?” 

“ก็ตอนที่ชั้นอยู่ในดันเจี้ยนชั้นไม่ได้กินเยอะขนาดนี้ จู่ๆรู้สึกหิวๆแบบนี้มันแปลกๆน่า”

 

เท่าที่จำได้ความอยากของผมไม่เคยแปลกขนาดนี้มาก่อนเลย ผมว่าผมก็กินเท่าที่ผู้ชายปกติทั่วไปเขากินกันนะ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสามารถกินได้เป็นเท่าตัวของปกติเลย

 

“นั่นเป็นเพราะภูมิภาคนี้ไม่มีอนุภาคเวทย์มนตร์นะสิ ความหนาแน่นมันต่ำกว่าที่เจ้าคุ้นเคยมาก” เลฟี่พูด “ในเมื่อมันไม่มีพลังงานให้ร่างกายซึมซับผ่านอากาศ เจ้าก็ต้องหามาทดแทนด้วยวิธีอื่นยังไงล่ะ”

 

หญิงสาวผมเงินพูดขึ้นในขณะที่ปากเต็มไปด้วยสปาเก็ตตี้ที่อยู่ตรงหน้า เธอตบทั้งเล้นและซอสเนื้อพิเศษในรูปแบบที่น่าประทับใจจนทำให้เธอได้รับรอยยิ้มและคำชมจากเจ้าของร้านที่บังเอิญเดินผ่านมาพอดี “ว้าว! เธอกินได้เก่งเหมือนแชมป์เลย! เต็มที่เลยนะแม่หนู!”

 

“เดี่ยวก่อนนะ แค่ความหน่าแน่นของอนุภาคเวทย์มนตร์ลดน้อยลงมันสร้างความแตกต่างได้ขนาดนี้เลยหรอ?”

“แน่นอนสิ”

“โว้ว ชั้นไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย”

“นั้นเป็นผลจากการไร้ความสมารถของเจ้ายังไงล่ะ”

“…” ไม่มีจุดให้เถียงกลับเลย โดนเลฟี่พูดจี้จุดเข้าจนได้ รู้สึกแย่ชะมัด… แต่เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าตอนนี้ร่างกายผมยังขาดพลังงานที่ต้องการอยู่อีก? นี้ก็กินเท่าจำนวนที่คนคนนึงจะกินได้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกอิ่มเลยซักนิด

 

“โอ้ พอพูดถึงเวทมนต์ก็นึกขึ้นได้” ผมหันไปทางผู้กล้า “ทำไมต่าแก่เจ้าเมืองถึงได้ตื่นตัวกับไอเจ้าอาวุธเวทมนต์ขนาดนั้นกัน?”

 

ผมถามเธอพลางขยับมือตักอาหารเข้าปากต่อไป [TL:ที่จริงจุดนี้พระเอกมันพูดถึงอาหารยาวเป็น 3-4 บรรดทัดเลยจิ แต่ผมขี้เกียจและมันดูไม่สำคัญ ก็เหลือตามที่เห็นนี้แหละจิ]

 

“ก็…” ผู้กล้าหยุดคิดไปแปปนึง “มันก็ไม่ใช่ความลับสำคัญอะไร คงจะบอกนายได้อยู่ จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยนะ”

 

“โอ้?” ผมหยุดมือและมองไปยังผู้กล้าด้วยความสนใจ “หรือก็คือมันมีอาวุธเวทมนต์ต้องสาปนอกจากเจ้าขวานที่ชั้นเก็บมาได้สินะ?”

“ไม่ ชั้นไม่ได้หมายความอย่างนั้น คนที่ครอบครองอาวุธเวทมนต์ต้องสาปมีเพียงแค่คนเดียวคือคนที่นายจัดการไปเมื่อวาน ไอส่วนที่คล้ายกันคือขวานมันทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้ ซึ่งเมืองนี้ก็เจอเหตุที่มีความบ้าคลั่งเกี่ยวข้องเข้ามาบ่อยครั้ง แยกเป็นเคสหลักได้ 2 เคส อันแรกคือการที่คนปกติ ขยันทำงานหาเงิน อยู่ๆก็หยิบอาวุธมาไล่ฆ่าฟันผู้คน อันที่สองคือผู้คนจู่ๆก็ทะเลาะวิวาทกันอย่างไร้สาเหตุ เจ้าเมืองเลย์โรวคาดการว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับยาหรืออะไรคล้ายๆกัน แต่เขาก็ยังไม่เจอหลักฐานที่ระบุอะไรได้ชัดเจนเลย”

 

“เธอแน่ใจหรอว่ามันไม่ใช่แค่เรื่ยงบังเอิญนะ?” I asked.

“เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่” ผู้กล้าส่ายหน้า “เจ้าเมืองบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นภายใน 1 เดือน และมีถี่เกินกว่าจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”

“งี้นี้เอง”

“อ้อ แล้วนายจำคนที่นายได้ขวานมาหรือเปล่า?”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยหรอ?”

“ก็นะ อาวุธเวทมนต์ต้องสาปที่ทรงพลังขนาดนั้นไม่เคยโผล่ในตลาดที่ไหนมาก่อนเลย มันเป็นของที่หายากมากๆ พวกทหารเลยสอบสวนพรรคพวกของเขาว่าไปได้มายังไง ปรากฏว่ามีคนให้เขามา” [TL:จุดนี้อิงใช้แค่ him ผมก็งง คนตายไปแล้ว มันเอามาสอบสวนได้ไง หรือเราแปลผิด ผมเลยเดาว่าน่าจะเป็นพวกคนอื่นๆที่โดนพระเอกทุ่มสลบเอา]

“อย่างนี้นี่เอง พอจะเข้าใจที่เธอจะสื่อแล้ว” ดูเหมือนจะมีคนซักใยอยู่เบื่องหลัง คอยให้ของที่ทำให้คนเป็นบ้าขึ้นมาได้สินะ

 

“เพราะงี้ถึงได้มีทหารเดินเพ่นพ่านกันไปหมดงั้นหรอ?” ผมมองไปข้างนอกและเห็นหน่วยลาดตะเวนเดินผ่านไปพอดี เป็นกลุ่มสามนายที่ใส่ชุดเต็มยศ ไอเราก็นึกว่าเป็นเรื่ยงปกติของที่นี้ซะอีก 

“พวกเธอคิดว่ามันมีคนจ้องที่จะมาทำลายเมืองหรืออะไรพวกนี้นะหรอ?”

“ถ้านับพวกนายด้วยก็ใช่”

“โถ่เอ๊ย…ทางเราบริสุทธิ์กันนา ก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้มาที่นี้เพื่อจะฆ่าใครเขาซักหน่อย”

“ฉันรู้น่า วิธีของพวกนายคงเป็นการเข้ามาตรงๆเลยนั้นแหละ”

 

ก็ปฏิเสธไม่ลงแหะ ถ้าผมอยากจะทำลายที่นี้จริงๆ ก็คงจะเรียกฝูงมอนเตอร์มาถล่มไปเลย ถึงมอนเตอร์ถูกๆของดันเจี้ยนอาจจะสู้ระดับในป่าต้องห้ามไม่ได้ แต่ก็แข็งแกร่งการคนทั่วไปเขาอยู่ดี

 

“ดังนั้นก็ระวังตัวกันด้วยละ! ฉันรู้ว่ายูกินะคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่เธอต้องระวังตัวเองให้ดีเลยนะเลฟี่ ในเมืองตอนนี้นะอันตรายต่อผู้หญิงอย่างเธอสุดๆเลยล่ะ”

“เอ่อออ… ก็นะ…” จริงด้วยสิ… เราไม่เคยบอกเธอว่าเลฟี่เป็นมังกรชั้นสูงนี้น่า “ได้ยินหรือเปล่าเลฟี่? เนลล์บอกให้เธอระวังตัวไว้นะ”

“ระวังตัว?” มังกรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกขมวดคิ้วด้วยความสับสน “อะไรที่เราต้องระวังไว้ล่ะ? การกินเกินกว่าที่ท้องเราจะรับไว้นะรึ?”

“เอ่อออ… ก็เอาเป็นอย่างนั้นแล้วกัน” ยัยนี้เอาแต่สนใจอาหารจนไม่ได้ฟังเรื่ยงที่เขาพูดกันแน่นอน

“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อย…”

 

ผู้กล้าถอนหายใจ ไหล่ตก ชั้นก็เข้าใจนะแต่เธอไม่ต้องห่วงไปหรอกเนลล์ เลฟี่นะแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดเป็นร้อยเท่าได้เลยล่ะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+