Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 42 อาเธอร์ กาเรน ปะทะ วัวคลัง
บทที่ 42 อาเธอร์ กาเรน ปะทะ วัวคลัง
เหมิงเหล่ยไม่รู้ว่าหัวหน้าอาจารย์นั้นพูดถึงการไม่มาเรียนของเขา ตอนนี้เขาได้สําเร็จการฝึกวิชามังกรไฟแล้วกําลังจะไปสนามเพลิงคนเดียวอยู่
และแล้ววันที่เขาต้องขึ้นสังเวียนวันแรกก็มาถึง
“ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไหม”
“ติ้ง เก็บสําเร็จ ค่าร่างกายเจ้าของ +2”
“ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไหม”
“ติ้ง เก็บสําเร็จ..”
รอบนี้เหมิงเหล่ยไม่ได้ขึ้นรถเวทมนตร์แต่เดินไปด้วยตัวเอง เพราะว่าเขาออกเดินทางก่อนเวลาตั้งแต่เที่ยง
เขาไม่จําเป็นต้องรีบอะไรเพราะว่าเวลานี้มันเป็นเวลาว่างที่เขาใช้ในการเดินเล่นเก็บของตามทางอยู่แล้ว
ทั้งตลาดเครื่องมือเวทมนตร์ ตลาดค้าทาส ตลาดประมูลแกนเวทมนตร์ โถงทหารรับจ้าง โรงเรียนนักรบ.
เขาเดินเก็บผลึกอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทาง เขาพัฒนาค่าความสามารถของตัวเองไปได้มากกว่าตอนที่นั่งทําจิตสมาธิตอนกลางวันซะอีก ทั้งค่าพลังวิญญาณ กับค่าร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 100 ส่วนค่าพลังเวทของเขาเพิ่มขึ้นมาน้อยที่สุด
ถ้าเดินรอบวิทยาลัย ก็จะได้แต่พลังเวท ถ้าอยากได้ค่าร่างกายก็ต้องเดินออกมาข้างนอกแบบนี้ละ
ตอนกลางคืน ที่ลานประลองระดับทองแดงที่ 20 คนดูก็แห่เข้ามาชมแน่นเต็มไปหมด
สนามประลองทองแดงนั้นมีระดับที่ต่ำที่สุด ซึ่งสนาม 20 นั้น ด้อยกว่าสยามทองคําทุกอย่าง ทั้งเรื่องการตกแต่งและขนาด แม้แต่ราคาตัวก็ยังถูกกว่า
ดังนั้น คนดูในสนามทองแดงส่วนมากจึงมีระดับต่ำลงมาด้วย อย่างเช่น ขุนนางเบื้องล่าง นักธุรกิจรายย้อย หรือชาวบ้านที่รวยหน่อย แต่ที่คนมันเยอะเพราะว่าราคาตั๋วมันถูกนั้นเอง
จํานวนที่นั่งในสนามที่ 20 นั้นเต็มหมด คนนั่งเรียงกันเป็นตับ นั่งแทะแตงโม กินเบียร์ โม้เรื่องของตัวเองกันไปมาดูมีความสุข หลังจากทํางานหนักมาทั้งวัน ในที่สุด สถานที่นี้ละที่ทําให้พวกเขาได้ปลดปล่อยได้ดีที่สุด
ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม เสียงกลองดังเคาะ 3 ครั้งดังขึ้น ทําให้คนดูทุกคนเงียบสนิทลง
แสงไฟหลายเส้นสาดลงมาที่ลานประลองเบื้องล่าง พิธีกรมใส่ชุดสูทอย่างเป็นทางการยืนอยู่บนเวทีตะโกนเสียงดัง
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี มิตรสหายทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามประลองเพลิงแห่งความเป็นความตาย ข้าจะมาเป็นผู้ดําเนินรายการในค่ำคืนนี้ ข้ามเรื่องไร้สาระกันเลยดีกว่า ขอแนะนําให้ท่านได้รู้จัก กับ2ผู้ท้าชิงที่จะมาประลองกันในค่ำคืนนี้ ขอเสียงปรบมือให้กับ นักสู้ระดับทองแดง 2 ดาว ฮาเรล วววววว คลั่งงงงงง!!!!!!”
พิธีกรพูดเสียงดังลั่น “อย่างที่ทุกท่านทราบดี ฮาเรลนั้นเป็นนักสู้หน้าใหม่ที่พึ่งเข้ามาในสนามประลองเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับทําผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการประลอง 11 ครั้ง ชนะ 10 แพ้แค่ 1 และตอนนี้ฮาเรลกําลังอยู่ในช่วงชนะต่อเนื่อง 5 ครั้งแล้ว ถ้าเขาชนะในครั้งนี้ เขาก็จะได้เลื่อนขั้นกลายไปเป็นนักสู้ ระดับ 3 ดาว ขอเสียงปรบมือด้วยครับ!”
“มอออออออออ”
ทันทีที่พิธีกรพูดจบ เสียงร้องมอก็ดังลั่นขึ้นมา ชายขนดกร่างโตที่มีหัวเป็นวัวกระโดดขึ้นมาบนสังเวียน ตัวของเขาสูงกว่า 2.5 เมตร กล้ามแน่นเป็นมัดๆ พร้อมเขาคู่สีเข้มบนหัว
“ม้ออออออออ”
แฮเรลทุกแผงหน้าอกแล้วร้องดัง
“วัวคลั่ง!!”
“วัวคลั่ง!!”
“วัวคลั่ง!!”
คนดูตะโกนดังลั่น พวกเขาโบกมือไปมาพร้อมเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่ม บรรยากาศนั้นเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
พอพิธีกรพึงพอใจกับเสียงตอบรับแล้ว เขาก็ยกมือขึ้นขอความสงบเพื่อพูดต่อ
“ส่วนอีกด้านนึงนั้น เป็นมือใหม่ปริศนาที่พึ่งเข้ามาเป็นนักสู้ได้เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น หรือจะให้พูดก็คือ นี้คือการขึ้นสังเวียนครั้งแรกของเขาเลย แต่ช้าแต่ อย่าพึ่งเบื่อกันไปนะครับ คงคิดกันละซิครับ ว่าเป็นแค่มือใหม่ จะมาเทียบอะไรกับวัวคลั่งแฮเรลของเราได้”
เหล่าคนดูต่างพยักหน้าและโห่ร้องไล่ด้วยความไม่พอใจ มือใหม่ไม่มีสิทธิ์และชื่อเสียงมากพอจะมาสู้กับแฮเรลด้วยซ้ำ
“แต่ทุกคนกําลังคิดผิดมหันต์เลยครับ!” พิธีกรพูดเสียงดังฟังชัด “เพราะถึงแม้ว่ามือใหม่คนนี้จะพึ่งเข้ามา แต่เขาเป็นนักสู้แบบพิเศษที่เรามักจะไม่ค่อยเห็นกันในสนามเพลิงเลย นั้นก็เพราะ..!!” พิธีกรเร่งเสียงขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของคนตอนที่ตะโกน “เพราะว่าเขา คือจอมเวทยังไงละครับ”
อะไรนะ
จอมเวทเหรอ
คนดูเงียบกริบไปแปปใหญ่ๆ ก่อนที่จะตะโกนร้องออกมา
นักสู้ที่เป็นจอมเวท ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆแน่นอน
คนดูต่างตาลุกเป็นไฟ จากความผิดหวังและไม่พอใจก่อนหน้านี้กลายเป็นความสงสัยและอยากรู้ว่าฝีมือเป็นยังไง
สําหรับขุนนางระดับสูงแล้ว นักเวทปรกติก็ธรรมดางั้นๆ แต่สําหรับขุนนางชั้นล่างรวมไปถึงสามัญชนฐานะดีแล้ว จอมเวทนั้นดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ดีเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับกฎของสนามประลองที่บอกว่าต้องเป็นจอมเวทระดับ 4 ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมาเป็นนักสู้ได้ การที่จะได้เห็นจอมเวทระดับ 4 สู้แบบเอาจริงนั้นหาได้ยากมาก อีกอย่าง จอมเวทที่เป็นนักสู้เองก็แทบไม่มีเลยด้วย ทําให้ตัวเข้าดูจอมเวทประลองนั้น คุ้มค่าอย่างยิ่ง
“ผู้ท้าชิงของเขา ข้าขอต้อนรับ ท่านลอร์ดจอมเวท ท่านอาเธอร์ กาเรน ปรบมือให้ด้วยครับ (ชื่อปลอมของเหมิงเหล่ย)!!
เฮ เฮ!!!!!!!!
ในมุมมืดนั้นเองสายฟ้าปะทุและระเบิดออกมาจํานวนมาก และท่ามกลางสายฟ้านั้นคือชายหนุ่มที่ใช้สายฟ้าพาตัวเองเข้าสนาม
ประลอง
เขาสวมหน้ากากสีทองปกปิดใบหน้า สายฟ้าที่ผ่ารอบๆตัวของเขาทําให้เขาดูลึกลับน่าเกรงขาม ตามแบบฉบับที่จอมเวทควรจะเป็น
“จอมเวท”
“จอมเวท”
“จอมเวท”
พอเห็นชายที่ชื่อ อาเธอร์ กาเรน ขึ้นมาบนสนามเรียบร้อย คนดูก็ตื่นเต้นบ้าคลั่งส่งเสียงเชียร์ดังลั่น
“ก่อนอื่นเลยขอชี้แจงกฎของการต่อสู้ก่อน การประลองของเราจะเป็นแบบชี้เป็นชี้ตาย การต่อสู้จะยุติ ต่อเมื่ออีกฝ่าย ยอมแพ้ ยอมรับความพ่ายแพ้ หมดสติ หรือตาย ทั้งคู่เข้าใจตรงกันนะครับ”
“เข้าใจแล้ว”
“ได้”
“เยี่ยมมาก ถ้าอย่างนั้น การประลองจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัด นี้!!”
ฟูม!!
เสียงคนดูจู่ๆก็เงียบกริบลงกะทันหัน สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่สนามประลองด้วยความคาดหวัง
ในขณะเดียวกัน ในห้องวีไอพีของสนามหมายเลข 20 อูโน่ ชายผู้คุมลานประลองเพลิง ยืนอยู่ต่อหน้าแผงกระจกแบบฝรั่งเศส มองดู อาเธอร์กาเรนเบื้องล่างพร้อมด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้
“อัจฉริยะตัวท็อปของวิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟ มาที่สนามเพลิงแห่งนี้เพื่อมาเป็นนักสู้ด้วยตัวเอง … เจ้าหนูนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่นะ”
อูโนรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ จอมเวทอัจฉริยะนั้นไม่เท่าไร แต่วิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟ ที่ๆเขาจากมาเนี่ยซิ
ถ้าเหมิงเหล่ยตายที่นี่ละก็ ความซวยจะตามมาแน่ๆ
“ลองทดสอบความสามารถของเขาก่อนละกัน ถ้าเขาทําไม่ได้ละก็ ฉันค่อยหาทางไล่เขาออกไปอีกที”
“จอมเวทเหรอ หึม ยอมแพ้ไปซะเหอะ ก่อนที่จะเจ็บตัว”
ไอน้ำสีขาวถูกพ่นออกมาอย่างแรงจากรูจมูกทั้ง 2 ของวัวคลั่งแฮเรล ดวงตาที่ใหญ่พอๆกับระฆัง มองจ้องเขม่นเหมิงเหล่ยไม่กระพริบ “ข้าจะหักแขนขาเล็กๆของเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วบดขยี้ให้ต่อกลับไปไม่ได้เลย”
“เหอะๆ ก็มาซิวะไอ้วัวกระจอก”
เหมิงเหล่ยหัวเราะเย้ยสวน
“หึมงั้นก็รับหมัดนี้ไปซะ” วัวคลั่งคํารามก่อนจะกระทืบพื้นอย่างแรงเคลื่อนที่ด้วยน้ำหนักตัวมหาศาล ตามมาด้วยหมัดหนักที่พุ่งเข้าหาหน้าของเหมิงเหล่ย
Comments
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 42 อาเธอร์ กาเรน ปะทะ วัวคลัง
บทที่ 42 อาเธอร์ กาเรน ปะทะ วัวคลัง
เหมิงเหล่ยไม่รู้ว่าหัวหน้าอาจารย์นั้นพูดถึงการไม่มาเรียนของเขา ตอนนี้เขาได้สําเร็จการฝึกวิชามังกรไฟแล้วกําลังจะไปสนามเพลิงคนเดียวอยู่
และแล้ววันที่เขาต้องขึ้นสังเวียนวันแรกก็มาถึง
“ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไหม”
“ติ้ง เก็บสําเร็จ ค่าร่างกายเจ้าของ +2”
“ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไหม”
“ติ้ง เก็บสําเร็จ..”
รอบนี้เหมิงเหล่ยไม่ได้ขึ้นรถเวทมนตร์แต่เดินไปด้วยตัวเอง เพราะว่าเขาออกเดินทางก่อนเวลาตั้งแต่เที่ยง
เขาไม่จําเป็นต้องรีบอะไรเพราะว่าเวลานี้มันเป็นเวลาว่างที่เขาใช้ในการเดินเล่นเก็บของตามทางอยู่แล้ว
ทั้งตลาดเครื่องมือเวทมนตร์ ตลาดค้าทาส ตลาดประมูลแกนเวทมนตร์ โถงทหารรับจ้าง โรงเรียนนักรบ.
เขาเดินเก็บผลึกอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทาง เขาพัฒนาค่าความสามารถของตัวเองไปได้มากกว่าตอนที่นั่งทําจิตสมาธิตอนกลางวันซะอีก ทั้งค่าพลังวิญญาณ กับค่าร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 100 ส่วนค่าพลังเวทของเขาเพิ่มขึ้นมาน้อยที่สุด
ถ้าเดินรอบวิทยาลัย ก็จะได้แต่พลังเวท ถ้าอยากได้ค่าร่างกายก็ต้องเดินออกมาข้างนอกแบบนี้ละ
ตอนกลางคืน ที่ลานประลองระดับทองแดงที่ 20 คนดูก็แห่เข้ามาชมแน่นเต็มไปหมด
สนามประลองทองแดงนั้นมีระดับที่ต่ำที่สุด ซึ่งสนาม 20 นั้น ด้อยกว่าสยามทองคําทุกอย่าง ทั้งเรื่องการตกแต่งและขนาด แม้แต่ราคาตัวก็ยังถูกกว่า
ดังนั้น คนดูในสนามทองแดงส่วนมากจึงมีระดับต่ำลงมาด้วย อย่างเช่น ขุนนางเบื้องล่าง นักธุรกิจรายย้อย หรือชาวบ้านที่รวยหน่อย แต่ที่คนมันเยอะเพราะว่าราคาตั๋วมันถูกนั้นเอง
จํานวนที่นั่งในสนามที่ 20 นั้นเต็มหมด คนนั่งเรียงกันเป็นตับ นั่งแทะแตงโม กินเบียร์ โม้เรื่องของตัวเองกันไปมาดูมีความสุข หลังจากทํางานหนักมาทั้งวัน ในที่สุด สถานที่นี้ละที่ทําให้พวกเขาได้ปลดปล่อยได้ดีที่สุด
ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม เสียงกลองดังเคาะ 3 ครั้งดังขึ้น ทําให้คนดูทุกคนเงียบสนิทลง
แสงไฟหลายเส้นสาดลงมาที่ลานประลองเบื้องล่าง พิธีกรมใส่ชุดสูทอย่างเป็นทางการยืนอยู่บนเวทีตะโกนเสียงดัง
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี มิตรสหายทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามประลองเพลิงแห่งความเป็นความตาย ข้าจะมาเป็นผู้ดําเนินรายการในค่ำคืนนี้ ข้ามเรื่องไร้สาระกันเลยดีกว่า ขอแนะนําให้ท่านได้รู้จัก กับ2ผู้ท้าชิงที่จะมาประลองกันในค่ำคืนนี้ ขอเสียงปรบมือให้กับ นักสู้ระดับทองแดง 2 ดาว ฮาเรล วววววว คลั่งงงงงง!!!!!!”
พิธีกรพูดเสียงดังลั่น “อย่างที่ทุกท่านทราบดี ฮาเรลนั้นเป็นนักสู้หน้าใหม่ที่พึ่งเข้ามาในสนามประลองเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับทําผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการประลอง 11 ครั้ง ชนะ 10 แพ้แค่ 1 และตอนนี้ฮาเรลกําลังอยู่ในช่วงชนะต่อเนื่อง 5 ครั้งแล้ว ถ้าเขาชนะในครั้งนี้ เขาก็จะได้เลื่อนขั้นกลายไปเป็นนักสู้ ระดับ 3 ดาว ขอเสียงปรบมือด้วยครับ!”
“มอออออออออ”
ทันทีที่พิธีกรพูดจบ เสียงร้องมอก็ดังลั่นขึ้นมา ชายขนดกร่างโตที่มีหัวเป็นวัวกระโดดขึ้นมาบนสังเวียน ตัวของเขาสูงกว่า 2.5 เมตร กล้ามแน่นเป็นมัดๆ พร้อมเขาคู่สีเข้มบนหัว
“ม้ออออออออ”
แฮเรลทุกแผงหน้าอกแล้วร้องดัง
“วัวคลั่ง!!”
“วัวคลั่ง!!”
“วัวคลั่ง!!”
คนดูตะโกนดังลั่น พวกเขาโบกมือไปมาพร้อมเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่ม บรรยากาศนั้นเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
พอพิธีกรพึงพอใจกับเสียงตอบรับแล้ว เขาก็ยกมือขึ้นขอความสงบเพื่อพูดต่อ
“ส่วนอีกด้านนึงนั้น เป็นมือใหม่ปริศนาที่พึ่งเข้ามาเป็นนักสู้ได้เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น หรือจะให้พูดก็คือ นี้คือการขึ้นสังเวียนครั้งแรกของเขาเลย แต่ช้าแต่ อย่าพึ่งเบื่อกันไปนะครับ คงคิดกันละซิครับ ว่าเป็นแค่มือใหม่ จะมาเทียบอะไรกับวัวคลั่งแฮเรลของเราได้”
เหล่าคนดูต่างพยักหน้าและโห่ร้องไล่ด้วยความไม่พอใจ มือใหม่ไม่มีสิทธิ์และชื่อเสียงมากพอจะมาสู้กับแฮเรลด้วยซ้ำ
“แต่ทุกคนกําลังคิดผิดมหันต์เลยครับ!” พิธีกรพูดเสียงดังฟังชัด “เพราะถึงแม้ว่ามือใหม่คนนี้จะพึ่งเข้ามา แต่เขาเป็นนักสู้แบบพิเศษที่เรามักจะไม่ค่อยเห็นกันในสนามเพลิงเลย นั้นก็เพราะ..!!” พิธีกรเร่งเสียงขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของคนตอนที่ตะโกน “เพราะว่าเขา คือจอมเวทยังไงละครับ”
อะไรนะ
จอมเวทเหรอ
คนดูเงียบกริบไปแปปใหญ่ๆ ก่อนที่จะตะโกนร้องออกมา
นักสู้ที่เป็นจอมเวท ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆแน่นอน
คนดูต่างตาลุกเป็นไฟ จากความผิดหวังและไม่พอใจก่อนหน้านี้กลายเป็นความสงสัยและอยากรู้ว่าฝีมือเป็นยังไง
สําหรับขุนนางระดับสูงแล้ว นักเวทปรกติก็ธรรมดางั้นๆ แต่สําหรับขุนนางชั้นล่างรวมไปถึงสามัญชนฐานะดีแล้ว จอมเวทนั้นดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ดีเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับกฎของสนามประลองที่บอกว่าต้องเป็นจอมเวทระดับ 4 ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมาเป็นนักสู้ได้ การที่จะได้เห็นจอมเวทระดับ 4 สู้แบบเอาจริงนั้นหาได้ยากมาก อีกอย่าง จอมเวทที่เป็นนักสู้เองก็แทบไม่มีเลยด้วย ทําให้ตัวเข้าดูจอมเวทประลองนั้น คุ้มค่าอย่างยิ่ง
“ผู้ท้าชิงของเขา ข้าขอต้อนรับ ท่านลอร์ดจอมเวท ท่านอาเธอร์ กาเรน ปรบมือให้ด้วยครับ (ชื่อปลอมของเหมิงเหล่ย)!!
เฮ เฮ!!!!!!!!
ในมุมมืดนั้นเองสายฟ้าปะทุและระเบิดออกมาจํานวนมาก และท่ามกลางสายฟ้านั้นคือชายหนุ่มที่ใช้สายฟ้าพาตัวเองเข้าสนาม
ประลอง
เขาสวมหน้ากากสีทองปกปิดใบหน้า สายฟ้าที่ผ่ารอบๆตัวของเขาทําให้เขาดูลึกลับน่าเกรงขาม ตามแบบฉบับที่จอมเวทควรจะเป็น
“จอมเวท”
“จอมเวท”
“จอมเวท”
พอเห็นชายที่ชื่อ อาเธอร์ กาเรน ขึ้นมาบนสนามเรียบร้อย คนดูก็ตื่นเต้นบ้าคลั่งส่งเสียงเชียร์ดังลั่น
“ก่อนอื่นเลยขอชี้แจงกฎของการต่อสู้ก่อน การประลองของเราจะเป็นแบบชี้เป็นชี้ตาย การต่อสู้จะยุติ ต่อเมื่ออีกฝ่าย ยอมแพ้ ยอมรับความพ่ายแพ้ หมดสติ หรือตาย ทั้งคู่เข้าใจตรงกันนะครับ”
“เข้าใจแล้ว”
“ได้”
“เยี่ยมมาก ถ้าอย่างนั้น การประลองจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัด นี้!!”
ฟูม!!
เสียงคนดูจู่ๆก็เงียบกริบลงกะทันหัน สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่สนามประลองด้วยความคาดหวัง
ในขณะเดียวกัน ในห้องวีไอพีของสนามหมายเลข 20 อูโน่ ชายผู้คุมลานประลองเพลิง ยืนอยู่ต่อหน้าแผงกระจกแบบฝรั่งเศส มองดู อาเธอร์กาเรนเบื้องล่างพร้อมด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้
“อัจฉริยะตัวท็อปของวิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟ มาที่สนามเพลิงแห่งนี้เพื่อมาเป็นนักสู้ด้วยตัวเอง … เจ้าหนูนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่นะ”
อูโนรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ จอมเวทอัจฉริยะนั้นไม่เท่าไร แต่วิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟ ที่ๆเขาจากมาเนี่ยซิ
ถ้าเหมิงเหล่ยตายที่นี่ละก็ ความซวยจะตามมาแน่ๆ
“ลองทดสอบความสามารถของเขาก่อนละกัน ถ้าเขาทําไม่ได้ละก็ ฉันค่อยหาทางไล่เขาออกไปอีกที”
“จอมเวทเหรอ หึม ยอมแพ้ไปซะเหอะ ก่อนที่จะเจ็บตัว”
ไอน้ำสีขาวถูกพ่นออกมาอย่างแรงจากรูจมูกทั้ง 2 ของวัวคลั่งแฮเรล ดวงตาที่ใหญ่พอๆกับระฆัง มองจ้องเขม่นเหมิงเหล่ยไม่กระพริบ “ข้าจะหักแขนขาเล็กๆของเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วบดขยี้ให้ต่อกลับไปไม่ได้เลย”
“เหอะๆ ก็มาซิวะไอ้วัวกระจอก”
เหมิงเหล่ยหัวเราะเย้ยสวน
“หึมงั้นก็รับหมัดนี้ไปซะ” วัวคลั่งคํารามก่อนจะกระทืบพื้นอย่างแรงเคลื่อนที่ด้วยน้ำหนักตัวมหาศาล ตามมาด้วยหมัดหนักที่พุ่งเข้าหาหน้าของเหมิงเหล่ย
Comments