Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 47 ตอบแบบมักง่าย บังเอิญพัฒนาระดับ
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเต…
บทที่ 47 ตอบแบบมักง่าย บังเอิญพัฒนาระดับ
แลนซ์นั้นโดนช็อตไฟฟ้าด้วยกระแสไฟฟ้ารุนแรงก่อนจะกระแทกลงมากับพื้นแล้วหมดสภาพการต่อสู้ การประลองจบลงทันทีด้วยชัยชนะแบบไม่ค่อยลุ้นเท่าไร
ตอนนี้เขาได้ชิงเงิน 5หมื่นเหรียญทองไปพร้อมๆกับศักดิ์ศรีของเหล่าครึ่งมังกร
“พี่ชาย โคตรเจ๋งเลยวะ ช่วยบอกหน่อยได้ปะว่าเจ้าทํายังไงกันถึงได้ร่ายเวทระดับ 3 ได้เร็วแบบนั้นอะ หรือว่า เจ้ากลายไปเป็นจอมเวทระดับ 7 แล้วอย่างงั้นเหรอ”
“ถ้าข้าบอกเจ้าจะเชื่อข้าไหมละ”
“เออ
ก็ ไม่น่าจะเชื่อหรอก”
“ถ้างั้นจะถามทําไมละ”
“เออก็ได้ ไหนๆก็ไหนๆละ เจ้าเองก็พึ่งได้เงินมาตั้ง 5 หมื่นเหรียญทองนี้เราไปหาร้านอาหารดีๆกินฉลองกันไหม”
“ข้าว่าคงยังไม่น่าได้หรอก”
“ทําไมละ”
“เพราะว่าข้าต้องไปพบกับหัวหน้าแผนกเดิร์คก่อนหนะซิจะไปด้วยกันไหมละ”
“ไปเจอจารย์เดิร์คนะเหรอเหอะไม่เอาด้วยหรอกขอบใจที่ชวนนะ”
ทันทีที่เหมิงเหล่ยพูดถึงชื่อของอาจารย์เดิร์คหน้าของฮาร์ตก็เปลี่ยนสีขึ้นมาทันทีเขาส่ายหน้าแล้ววิ่งจากไปทันทีเหมือนกับว่ากําลังวิ่งหนีจากอะไรบางอย่าง
“ว่าแล้วเชียว…”
เหมิงเหล่ยยิ้มแล้วส่ายหัวก่อนที่จะออกเดินทางไปที่ตึกฝ่ายการสอนแล้วในที่สุดเขาก็ไปถึงห้องทํางานของอาจารย์เดิร์ค
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าแผนกที่ควบคุมการสอนของเด็กปี 1 ทั้งหมดห้องทํางานของอาจารย์เดิร์คจึงใหญ่มาก แต่ถึงอย่างนั้นการจัด ห้องกลับเรียกได้ว่าธรรมดามากๆเพราะว่าของส่วนใหญ่ที่อยู่ ในห้องนี้คือชั้นหนังสือจํานวนมากที่เหลือคือพื้นที่ว่าโล่งๆ
ตอนที่เหมิงเหล่ยเข้ามาในห้องทํางานแล้ว เดิร์คนอร์เวยกําลังยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือ กําลังอ่านตําราเวทมนตร์อยู่
เหมิงเหล่ยเข้ามาแล้วทําท่าเคารพก่อนจะถามด้วยความเคารพ “อาจารย์เดิร์คครับ เรียกผมมาหาใช่รึเปล่าครับ”
อาจารย์หัวหน้าแผนกเดิร์คไม่ตอบคําถามนั้น แต่ชี้ไปที่ชั้นหนังสือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหมิงเหล่ยเจ้าคิดยังไงกับชุดหนังสือสะสมของข้า”
“อาจารย์มีตําราเวทสะสมไว้เยอะมากเลยครับ”
เหมิงเหลี่ยมองตําราเวทมนตร์จํานวนมากแล้วชมอย่างจริงใจ จํานวนตําราในห้องนี้เทียบได้พอๆกับในหอสมุดเลย
“ใช่ไหมละ หึหึ”
อ.เดิร์คพูดดด้วยความภูมิใจ “ข้าเก็บรวบรวมตําราเวทมนตร์ทั้ง 10 ธาตุไว้ในนี้รวมถึงตําราพื้นฐานเวทมนตร์ ทฤษฎีเวทมนตร์ รวมไปถึงพวกข้อมูลทางการวิจัยวิชาเล่นแร่แปรธาตุ วิชาวงแหว นเวท วิชาดาราศาสตร์และอื่นๆอีกมากมาย อ้อ ใช่ แถมยังมีตํารา เวทมนตร์วจนมังกรมีตําราเวทเฉพาะของเผ่าพันธุ์ยักษ์ เผ่าพันธุ์ ติ แล้วก็มีตําราข้อมูลเสาเวทมนตร์ของพวกครึ่งสัตว์ด้วยนะ 555 มี เกือบทุกอย่างเลย”
“ดูเหมือนว่าอาจารย์เดิร์คจะชอบหนังสือมากเลยนะเนี่ย”
เหมิงเหล่ยอึ้ง เขาอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“เวทมนตร์หน่ะมันก็เหมือนการเดินทางนั้นละ เส้นทางของมันล้ําลึกและซับซ้อน เหมือนดวงดาวบนฟ้านั้นละ ไม่ว่าเราจะค้นหาพวกมันตลอดชีวิตแต่สุดท้ายสิ่งที่เราเข้าใจก็มีเพียงแค่เศษเสี้ยวของเวทมนตร์ที่แท้จริงเท่านั้น” อาจารย์เดิร์คพูดเปรียบ “ที่เราทําได้มีเพียงแค่ค้นหา และศึกษามัน พยายามมากยิ่งขึ้นเพื่อให้รู้ จักมันเพิ่มมากขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณสําหรับคําสอนมากครับอาจารย์”
เหมิงเหล่ยนั้นเชื่อคล้อยตาม ตอนนั้นเขาเข้าใจเลยว่าทําไมอาจารย์เดิร์คถึงได้กลายมาเป็นจอมเวทระดับ 9ได้ ตั้งแต่อายุแค่ 50 กว่าๆเขาสมควรแก่ตําแหน่งนี้มาก มันเป็นผลจากความพยายามในการศึกษาของเขาเอง
เขาอายุแค่ 50 กว่าๆ แต่ตอนนี้เป็นถึงขั้นสุดยอดของระดับ 9 ซี่งอีกแค่ก้าวเดียวก็จะได้ไปเป็นระดับเซียนเทพแล้ว นี้ถือว่าเป็นความสําเร็จที่หาได้ยากมากแล้ว
“เจ้าน่ะมีพรสวรรค์มากนะ เป็นพรสวรรค์แบบที่คนนับไม่ ถ้วนใฝ่ฝันหาแต่เจ้าเข้าใจไหมวะ พรสวรรค์น่ะเบี้ยเพียงแค่กุญแจที่ไขไปสู่สมบัติที่เรียกว่าเวทมนตร์แต่การที่เจ้าจะเอาสมบัตินั้นกลับไปได้ไหมสุดท้ายมันก็ต้องขึ้นอยู่กับความทุ่มเทและความพยายามของเจ้าอยู่ดี” อาจารย์เดิร์คมองเหมิงเหล่ยแล้วถาม “เจ้าเข้าใจใช่ ไหม”
“ครับ” เหมิงเหล่ยพยักหน้า
“ถ้างั้น เจ้าจะยังโดดเรียนต่ออีกไหม”
“โดดครับ”
อาจารย์เดิร์คผงะไปแปปใหญ่ๆก่อนจะเริ่มหัวเสียบรรยากาศการสอนที่ดูจะน่าเลื่อมใสเมื่อกี้นี้มันหายวับไปในชั่วพริบตา
ยังโดดอยู่อีก อย่างงั้นเหรอ จะตรงไปตรงมาเกินไปแล้วนะ!!
เขาโกรธจัด ตอนที่เขากําลังจะเริ่มเทศนาเหมิงเหล่ยนั้นเองจู่ๆประตูห้องทํางานก็เปิดขึ้นมา แล้วอาจารย์ที่รับผิดชอบคุมสนามประลองก็เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“อาจารย์เดิร์ค ยินดีด้วยนะครับ”
อาจารย์ประจําสนามประลองเดินเข้ามาแล้วพูดเสียงดังลั่นแต่แล้วเขาก็เห็นเหมิงเหล่ยกับอาจารย์เดิร์คยืนเผชิญหน้ากัน เขาเลยแอบๆตกใจเหมือนกัน “อ้าวเหมิงเหล่ยเองก็อยู่ที่นี้ด้วยงั้นเหรอ
ทันทีที่เขาพูดจบประโยค เขาก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มร่าทันที “อ้ออาจารย์เดิร์คคงกําลังชมเหมิงเหลี่ยอยู่ละซิท่า ใช่แล้วละ เหมิงเหล่ยออกจะเก่งขนาดนั้นก็ควรค่าแก่การชมเชยอยู่แหล่ะ”
อาจารย์เดิร์คงงงทันที เขามองหน้าเหมิงเหล่ยก่อนจะหันกลับไปถามอาจารย์อย่าง งงๆ “อาจารย์โจ พูดถึงเรื่องอะไรน่ะ”
“โถ่ว อาจารย์เดิร์คก็ ไม่เห็นต้องทําฟอร์ม”
อาจารย์คุมสนามประลอง ชื่อ โจ โบลตั้นหัวเราะแล้วพูด “เหมิงเหล่ยน่ะไปประลองกับแลนซ์ที่เป็นอันดับ 1 ของคลาส 2 ในสนามแล้วร่ายเวทระดับ3ฉับพลันใส่เขารัวๆเลยนะ”
“เดี๋ยวก่อน..!” อาจารย์เคิร์คขัดแล้วถามด้วยความงงๆ “เหมิงเหล่ยใช้เวทมนตร์ระดับ 3 แบบฉับพลันได้งั้นเหรอ เจ้าบอกว่าระดับ 3 ด้วยงั้นเหรอ”
“อ้าว อาจารย์เดิร์คยังไม่รู้เรื่องนี้อีกเหรอครับ” พอเห็นสีหน้าของอาจารย์เดิร์คแล้ว โจก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพูด “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ”
หลังจากที่ฟังโจเล่าเรื่องจบ อาจารย์เดิร์คก็ตกใจมากเขามองเหมิงเหลี่ยแล้วพูด “ที่อาจารย์โจพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ นี้เจ้าทําแบบ นั้นได้จริงๆงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ” เหมิงเหล่ยพนักหน้า เขาไม่ปฏิเสธ และไม่มีความจําเป็นต้องปฏิเสธด้วย เขาเชื่อว่าเรื่องของเขาตอนนี้ยังไงก็น่าจะแพร่กระจายไปทั่ววิทยาลัยแล้ว
“มีเพียงจอมเวทระดับ 7 เท่านั้นที่ร่ายเวทระดับ 3 แบบฉับพลัน ได้”
อาจารย์เดิร์ค มองเหมิงเหลยด้วยสายตาจ้องเขม็งเหมือนกับกําลังมองเหมิงเหล่ยให้ออก “แต่เจ้าเป็นแค่จอมเวทระดับ 3 เจ้าทําได้ยังไงกัน”
“อาจารย์ครับคือผม บังเอิญพัฒนาระดับไปได้อีกขั้นแล้วครับ” เหมิงเหล่ยเกาหัวแกรกๆ “ตอนนี้ผมเป็นจอมเวทระดับ 4 แล้วครับ”
เหมงเหลยพยายามจะพูดให้ดูขี้โม้เกินไป เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาตอนนี้เป็นจอมเวทระดับ 5 แล้ว ความเร็วในการพัฒนาของเขามันเร็วเกินไปจนเขาเริ่มกังวลว่าเขาอาจจะมีปัญหาตามมาได้
“บังเอิญงั้นเหรอ”
“จอมเวทระดับ 4 เหรอ”
ทั้งอาจารย์โจและอาจารย์เดิร์คต่างมองหน้ากันไปมาโดยที่ไม่พูดอะไรต่อกันหลังจากที่อาจารย์เดิร์คตั้งสติแล้วเขาก็พูด “ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นจอมเวทระดับ 4 แล้วแต่เจ้าก็ยังไม่น่าจะร่ายเวทระดับ 3 ฉับพลันได้นี้ไม่เห็นมีเหตุผลอไรเลย”
เหมิงเหล่ยเกาหัวแล้วพูด “บางที่อาจจะเป็นเพราะว่าพลังวิญญาณของข้ามันมีมากเกินไปมั้งครับ”
“พลังวิญญาณงั้นเหรอ” อาจารย์โจถาม “เหมิงเหล่ยพลังวิญญาณของเจ้าตอนที่เจ้าทดสอบครั้งก่อนหน้านี้ เจ้าได้ระดับพลังวิญญาณของเจ้าอยู่ระดับไหนกัน”
“ข้าได้ทําการทดสอบตอนสอบกลางภาคก็จริง แต่ข้าจงใจปกปิดพลังวิญญาณของข้าเองตอนนั้น” เหมิงเหล่ยยิ้ม “ทําให้ตอนสอบข้าวัดพลังวิญญาณได้แค่จอมเวทระดับ 3”
“แล้วพลังวิญญาณจริง ๆ ของเจ้าละ” อาจารย์โจถาม
“ยังไม่เคยวัดเลยครับ น่าจะมากกว่าจอมเวทระดับ 3 มั้งครับ”เหมิงเหล่ยตอบ
“แล้วทําไมเจ้าไม่วัดมันเล่า” อาจารย์โจหันไปมองอาจารย์เดิร์ค “อาจารย์ครับพอจะมีที่ตรวจสอบพลังวิญญาณอยู่ด้วยไหมครับให้เหมิงเหลี่ยได้ทดสอบพลังวิญญาณเดี๋ยวนี้เลยไหมครับ”
“ไม่จําเป็นหรอก” เดิร์คพูด “มีเพียงแค่จอมเวทระดับ 7 เท่านั้นที่ไม่ต้องร่ายเวทก็ปลดปล่อยเวทมนตร์ระดับ 3 ได้ ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณของเหมิงเหล่ยจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่มันก็คงห่างกันไม่ไกลหรอกไม่จําเป็นต้องวัดก็ได้”
“จริงครับ” อาจารย์โจตอบ แล้วหันไปหาเหมิงเหล่ย “อายุยังน้อยแท้ๆแต่กลับมีพลังวิญญาณมหาศาล เหมิงเหล่ยอนาคตของเจ้าต้องรุ่งโรจน์แน่นอน”
“ขอบคุณครับอาจารย์โจ”
เหมิงเหล่ยยิ้ม เขารู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงร่ายเวทได้ทันทีนั้นไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณของเขาหรอกแต่เป็นเพราะระบบตั้งหาก
Comments
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 47 ตอบแบบมักง่าย บังเอิญพัฒนาระดับ
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเต…
บทที่ 47 ตอบแบบมักง่าย บังเอิญพัฒนาระดับ
แลนซ์นั้นโดนช็อตไฟฟ้าด้วยกระแสไฟฟ้ารุนแรงก่อนจะกระแทกลงมากับพื้นแล้วหมดสภาพการต่อสู้ การประลองจบลงทันทีด้วยชัยชนะแบบไม่ค่อยลุ้นเท่าไร
ตอนนี้เขาได้ชิงเงิน 5หมื่นเหรียญทองไปพร้อมๆกับศักดิ์ศรีของเหล่าครึ่งมังกร
“พี่ชาย โคตรเจ๋งเลยวะ ช่วยบอกหน่อยได้ปะว่าเจ้าทํายังไงกันถึงได้ร่ายเวทระดับ 3 ได้เร็วแบบนั้นอะ หรือว่า เจ้ากลายไปเป็นจอมเวทระดับ 7 แล้วอย่างงั้นเหรอ”
“ถ้าข้าบอกเจ้าจะเชื่อข้าไหมละ”
“เออ
ก็ ไม่น่าจะเชื่อหรอก”
“ถ้างั้นจะถามทําไมละ”
“เออก็ได้ ไหนๆก็ไหนๆละ เจ้าเองก็พึ่งได้เงินมาตั้ง 5 หมื่นเหรียญทองนี้เราไปหาร้านอาหารดีๆกินฉลองกันไหม”
“ข้าว่าคงยังไม่น่าได้หรอก”
“ทําไมละ”
“เพราะว่าข้าต้องไปพบกับหัวหน้าแผนกเดิร์คก่อนหนะซิจะไปด้วยกันไหมละ”
“ไปเจอจารย์เดิร์คนะเหรอเหอะไม่เอาด้วยหรอกขอบใจที่ชวนนะ”
ทันทีที่เหมิงเหล่ยพูดถึงชื่อของอาจารย์เดิร์คหน้าของฮาร์ตก็เปลี่ยนสีขึ้นมาทันทีเขาส่ายหน้าแล้ววิ่งจากไปทันทีเหมือนกับว่ากําลังวิ่งหนีจากอะไรบางอย่าง
“ว่าแล้วเชียว…”
เหมิงเหล่ยยิ้มแล้วส่ายหัวก่อนที่จะออกเดินทางไปที่ตึกฝ่ายการสอนแล้วในที่สุดเขาก็ไปถึงห้องทํางานของอาจารย์เดิร์ค
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าแผนกที่ควบคุมการสอนของเด็กปี 1 ทั้งหมดห้องทํางานของอาจารย์เดิร์คจึงใหญ่มาก แต่ถึงอย่างนั้นการจัด ห้องกลับเรียกได้ว่าธรรมดามากๆเพราะว่าของส่วนใหญ่ที่อยู่ ในห้องนี้คือชั้นหนังสือจํานวนมากที่เหลือคือพื้นที่ว่าโล่งๆ
ตอนที่เหมิงเหล่ยเข้ามาในห้องทํางานแล้ว เดิร์คนอร์เวยกําลังยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือ กําลังอ่านตําราเวทมนตร์อยู่
เหมิงเหล่ยเข้ามาแล้วทําท่าเคารพก่อนจะถามด้วยความเคารพ “อาจารย์เดิร์คครับ เรียกผมมาหาใช่รึเปล่าครับ”
อาจารย์หัวหน้าแผนกเดิร์คไม่ตอบคําถามนั้น แต่ชี้ไปที่ชั้นหนังสือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหมิงเหล่ยเจ้าคิดยังไงกับชุดหนังสือสะสมของข้า”
“อาจารย์มีตําราเวทสะสมไว้เยอะมากเลยครับ”
เหมิงเหลี่ยมองตําราเวทมนตร์จํานวนมากแล้วชมอย่างจริงใจ จํานวนตําราในห้องนี้เทียบได้พอๆกับในหอสมุดเลย
“ใช่ไหมละ หึหึ”
อ.เดิร์คพูดดด้วยความภูมิใจ “ข้าเก็บรวบรวมตําราเวทมนตร์ทั้ง 10 ธาตุไว้ในนี้รวมถึงตําราพื้นฐานเวทมนตร์ ทฤษฎีเวทมนตร์ รวมไปถึงพวกข้อมูลทางการวิจัยวิชาเล่นแร่แปรธาตุ วิชาวงแหว นเวท วิชาดาราศาสตร์และอื่นๆอีกมากมาย อ้อ ใช่ แถมยังมีตํารา เวทมนตร์วจนมังกรมีตําราเวทเฉพาะของเผ่าพันธุ์ยักษ์ เผ่าพันธุ์ ติ แล้วก็มีตําราข้อมูลเสาเวทมนตร์ของพวกครึ่งสัตว์ด้วยนะ 555 มี เกือบทุกอย่างเลย”
“ดูเหมือนว่าอาจารย์เดิร์คจะชอบหนังสือมากเลยนะเนี่ย”
เหมิงเหล่ยอึ้ง เขาอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“เวทมนตร์หน่ะมันก็เหมือนการเดินทางนั้นละ เส้นทางของมันล้ําลึกและซับซ้อน เหมือนดวงดาวบนฟ้านั้นละ ไม่ว่าเราจะค้นหาพวกมันตลอดชีวิตแต่สุดท้ายสิ่งที่เราเข้าใจก็มีเพียงแค่เศษเสี้ยวของเวทมนตร์ที่แท้จริงเท่านั้น” อาจารย์เดิร์คพูดเปรียบ “ที่เราทําได้มีเพียงแค่ค้นหา และศึกษามัน พยายามมากยิ่งขึ้นเพื่อให้รู้ จักมันเพิ่มมากขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณสําหรับคําสอนมากครับอาจารย์”
เหมิงเหล่ยนั้นเชื่อคล้อยตาม ตอนนั้นเขาเข้าใจเลยว่าทําไมอาจารย์เดิร์คถึงได้กลายมาเป็นจอมเวทระดับ 9ได้ ตั้งแต่อายุแค่ 50 กว่าๆเขาสมควรแก่ตําแหน่งนี้มาก มันเป็นผลจากความพยายามในการศึกษาของเขาเอง
เขาอายุแค่ 50 กว่าๆ แต่ตอนนี้เป็นถึงขั้นสุดยอดของระดับ 9 ซี่งอีกแค่ก้าวเดียวก็จะได้ไปเป็นระดับเซียนเทพแล้ว นี้ถือว่าเป็นความสําเร็จที่หาได้ยากมากแล้ว
“เจ้าน่ะมีพรสวรรค์มากนะ เป็นพรสวรรค์แบบที่คนนับไม่ ถ้วนใฝ่ฝันหาแต่เจ้าเข้าใจไหมวะ พรสวรรค์น่ะเบี้ยเพียงแค่กุญแจที่ไขไปสู่สมบัติที่เรียกว่าเวทมนตร์แต่การที่เจ้าจะเอาสมบัตินั้นกลับไปได้ไหมสุดท้ายมันก็ต้องขึ้นอยู่กับความทุ่มเทและความพยายามของเจ้าอยู่ดี” อาจารย์เดิร์คมองเหมิงเหล่ยแล้วถาม “เจ้าเข้าใจใช่ ไหม”
“ครับ” เหมิงเหล่ยพยักหน้า
“ถ้างั้น เจ้าจะยังโดดเรียนต่ออีกไหม”
“โดดครับ”
อาจารย์เดิร์คผงะไปแปปใหญ่ๆก่อนจะเริ่มหัวเสียบรรยากาศการสอนที่ดูจะน่าเลื่อมใสเมื่อกี้นี้มันหายวับไปในชั่วพริบตา
ยังโดดอยู่อีก อย่างงั้นเหรอ จะตรงไปตรงมาเกินไปแล้วนะ!!
เขาโกรธจัด ตอนที่เขากําลังจะเริ่มเทศนาเหมิงเหล่ยนั้นเองจู่ๆประตูห้องทํางานก็เปิดขึ้นมา แล้วอาจารย์ที่รับผิดชอบคุมสนามประลองก็เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“อาจารย์เดิร์ค ยินดีด้วยนะครับ”
อาจารย์ประจําสนามประลองเดินเข้ามาแล้วพูดเสียงดังลั่นแต่แล้วเขาก็เห็นเหมิงเหล่ยกับอาจารย์เดิร์คยืนเผชิญหน้ากัน เขาเลยแอบๆตกใจเหมือนกัน “อ้าวเหมิงเหล่ยเองก็อยู่ที่นี้ด้วยงั้นเหรอ
ทันทีที่เขาพูดจบประโยค เขาก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มร่าทันที “อ้ออาจารย์เดิร์คคงกําลังชมเหมิงเหลี่ยอยู่ละซิท่า ใช่แล้วละ เหมิงเหล่ยออกจะเก่งขนาดนั้นก็ควรค่าแก่การชมเชยอยู่แหล่ะ”
อาจารย์เดิร์คงงงทันที เขามองหน้าเหมิงเหล่ยก่อนจะหันกลับไปถามอาจารย์อย่าง งงๆ “อาจารย์โจ พูดถึงเรื่องอะไรน่ะ”
“โถ่ว อาจารย์เดิร์คก็ ไม่เห็นต้องทําฟอร์ม”
อาจารย์คุมสนามประลอง ชื่อ โจ โบลตั้นหัวเราะแล้วพูด “เหมิงเหล่ยน่ะไปประลองกับแลนซ์ที่เป็นอันดับ 1 ของคลาส 2 ในสนามแล้วร่ายเวทระดับ3ฉับพลันใส่เขารัวๆเลยนะ”
“เดี๋ยวก่อน..!” อาจารย์เคิร์คขัดแล้วถามด้วยความงงๆ “เหมิงเหล่ยใช้เวทมนตร์ระดับ 3 แบบฉับพลันได้งั้นเหรอ เจ้าบอกว่าระดับ 3 ด้วยงั้นเหรอ”
“อ้าว อาจารย์เดิร์คยังไม่รู้เรื่องนี้อีกเหรอครับ” พอเห็นสีหน้าของอาจารย์เดิร์คแล้ว โจก็พอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วพูด “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ”
หลังจากที่ฟังโจเล่าเรื่องจบ อาจารย์เดิร์คก็ตกใจมากเขามองเหมิงเหลี่ยแล้วพูด “ที่อาจารย์โจพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ นี้เจ้าทําแบบ นั้นได้จริงๆงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ” เหมิงเหล่ยพนักหน้า เขาไม่ปฏิเสธ และไม่มีความจําเป็นต้องปฏิเสธด้วย เขาเชื่อว่าเรื่องของเขาตอนนี้ยังไงก็น่าจะแพร่กระจายไปทั่ววิทยาลัยแล้ว
“มีเพียงจอมเวทระดับ 7 เท่านั้นที่ร่ายเวทระดับ 3 แบบฉับพลัน ได้”
อาจารย์เดิร์ค มองเหมิงเหลยด้วยสายตาจ้องเขม็งเหมือนกับกําลังมองเหมิงเหล่ยให้ออก “แต่เจ้าเป็นแค่จอมเวทระดับ 3 เจ้าทําได้ยังไงกัน”
“อาจารย์ครับคือผม บังเอิญพัฒนาระดับไปได้อีกขั้นแล้วครับ” เหมิงเหล่ยเกาหัวแกรกๆ “ตอนนี้ผมเป็นจอมเวทระดับ 4 แล้วครับ”
เหมงเหลยพยายามจะพูดให้ดูขี้โม้เกินไป เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาตอนนี้เป็นจอมเวทระดับ 5 แล้ว ความเร็วในการพัฒนาของเขามันเร็วเกินไปจนเขาเริ่มกังวลว่าเขาอาจจะมีปัญหาตามมาได้
“บังเอิญงั้นเหรอ”
“จอมเวทระดับ 4 เหรอ”
ทั้งอาจารย์โจและอาจารย์เดิร์คต่างมองหน้ากันไปมาโดยที่ไม่พูดอะไรต่อกันหลังจากที่อาจารย์เดิร์คตั้งสติแล้วเขาก็พูด “ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นจอมเวทระดับ 4 แล้วแต่เจ้าก็ยังไม่น่าจะร่ายเวทระดับ 3 ฉับพลันได้นี้ไม่เห็นมีเหตุผลอไรเลย”
เหมิงเหล่ยเกาหัวแล้วพูด “บางที่อาจจะเป็นเพราะว่าพลังวิญญาณของข้ามันมีมากเกินไปมั้งครับ”
“พลังวิญญาณงั้นเหรอ” อาจารย์โจถาม “เหมิงเหล่ยพลังวิญญาณของเจ้าตอนที่เจ้าทดสอบครั้งก่อนหน้านี้ เจ้าได้ระดับพลังวิญญาณของเจ้าอยู่ระดับไหนกัน”
“ข้าได้ทําการทดสอบตอนสอบกลางภาคก็จริง แต่ข้าจงใจปกปิดพลังวิญญาณของข้าเองตอนนั้น” เหมิงเหล่ยยิ้ม “ทําให้ตอนสอบข้าวัดพลังวิญญาณได้แค่จอมเวทระดับ 3”
“แล้วพลังวิญญาณจริง ๆ ของเจ้าละ” อาจารย์โจถาม
“ยังไม่เคยวัดเลยครับ น่าจะมากกว่าจอมเวทระดับ 3 มั้งครับ”เหมิงเหล่ยตอบ
“แล้วทําไมเจ้าไม่วัดมันเล่า” อาจารย์โจหันไปมองอาจารย์เดิร์ค “อาจารย์ครับพอจะมีที่ตรวจสอบพลังวิญญาณอยู่ด้วยไหมครับให้เหมิงเหลี่ยได้ทดสอบพลังวิญญาณเดี๋ยวนี้เลยไหมครับ”
“ไม่จําเป็นหรอก” เดิร์คพูด “มีเพียงแค่จอมเวทระดับ 7 เท่านั้นที่ไม่ต้องร่ายเวทก็ปลดปล่อยเวทมนตร์ระดับ 3 ได้ ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณของเหมิงเหล่ยจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่มันก็คงห่างกันไม่ไกลหรอกไม่จําเป็นต้องวัดก็ได้”
“จริงครับ” อาจารย์โจตอบ แล้วหันไปหาเหมิงเหล่ย “อายุยังน้อยแท้ๆแต่กลับมีพลังวิญญาณมหาศาล เหมิงเหล่ยอนาคตของเจ้าต้องรุ่งโรจน์แน่นอน”
“ขอบคุณครับอาจารย์โจ”
เหมิงเหล่ยยิ้ม เขารู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงร่ายเวทได้ทันทีนั้นไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณของเขาหรอกแต่เป็นเพราะระบบตั้งหาก
Comments