Scholar’s Advanced Technological System 104 ตอนจบที่คาดไว้
ลู่โจวยอมรับภารกิจก่อนจะออกจากมิติของระบบ จากนั้นเขาก็เปิดคอมพิวเตอร์แล้วเข้าสู่เว็บไซต์ของวารสารวัสดุศาสตร์ด้านการคำนวณ
ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาส่งวิทยานิพนธ์ ดังนั้นเขาจึงกรอกข้อมูลอย่างรวดเร็วแล้วอัปโหลดวิทยานิพนธ์
เวลานั้นเองประตูหอพักก็ถูกเปิดออก
สือช่างถือกีตาร์กับดอกไม้เดินเข้ามาอย่างมั่นใจ
ลู่โจวที่กำลังอัปโหลดวิทยานิพนธ์ เขากำลังจะถามสือช่างว่าไปร้องเพลงมาเป็นอย่างไร แต่หลิวรุ่ยก็เข้ามาในห้องทันทีแล้วตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“เชี่ยโจว วันนี้สือช่างหล่อมาก!”
หวงกวงหมิงเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เขายิ้มมุมปากแล้วกล่าวอย่างมีเลศนัย “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนให้ดอกไม้เจ้าน่าเกลียดคนนี้”
“เฮ้ย นายพูดว่าไงนะ!” สือช่างกล่าวอย่างไม่พอใจ เขากระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะแล้วกล่าว “คืนนี้ฉันจะนั่งใต้เตียงนายแล้วเล่นกีตาร์ทั้งคืน!”
“ลูกพี่ ฉันผิดไปแล้ว ยกโทษให้ฉันด้วย!”
“สือช่าง ยกโทษให้ฉันด้วย!”
“ได้โปรด!”
“ก็ได้ๆ” สือช่างกล่าวพลางลูบจมูก จากนั้นเขาก็เอาดอกไม้ใส่ในแก้วใส่แปรงสีฟัน เมื่อลู่โจวเห็นสีหน้าของสือช่าง เขาก็แทบอดถ่ายหน้าสือช่างแล้วให้เสี่ยวไอทำเป็นอิโมจิไม่ได้
ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หญิงสาวที่มอบดอกไม้ให้เขาอาจเป็นเด็กใหม่ในชมรมกีตาร์ และเธออาจเล่นหูเล่นตากับเขามานานแล้ว
มันราวกับว่าพวกเขาอิจฉา
ก็ได้ เมื่อลู่โจวมาคิดดู เขาก็ยังรู้สึกค่อนข้างอิจฉา
เขาไม่ได้อิจฉาเรื่องที่มีคนสนใจหรือได้ร้องเพลงต่อหน้าฝูงชน
เพียงแต่…
เนื่องจากเขาร้องเพลงได้ย่ำแย่ ลู่โจวจึงอิจฉาคนที่ร้องเพลงได้
สือช่างหยุดไปชั่วครู่แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงก่อนจะพูดช้าๆ “ฉันบอกแล้วตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในหอพักนี้ครั้งแรกว่าจะไม่ลืมเพื่อน ถ้าฉันได้แฟน งานแรกของฉันคือการหาแฟนให้พวกนาย!”
หลิวรุ่ยยกมือขึ้น “หัวหน้าหอ นายวางแผนจะทำยังไง?”
สือช่างกล่าว “ฉันจะไปตีสนิทกับหอพักหญิง!”
“ดีๆ”
“สุดยอดๆ”
แล้วสือช่างก็พูดจาเหลวไหลไปจนถึงกลางดึก
สุดท้ายลู่โจวก็แทบไม่ได้ฟังด้วยซ้ำ
เมื่อเขาอัปโหลดวิทยานิพนธ์ เขาก็เตรียมพาวเวอร์พอยนต์เพื่อประชุมพรุ่งนี้ กว่าเขาจะดันโน๊ตบุ๊คไว้ข้างๆ มันก็ตีหนึ่งแล้ว
ลู่โจวกำลังจะนอน แต่แล้วเขาก็นึกบางอย่างได้ เขาเปิดวีแชทแล้วไปที่หน้าฟีดข่าวเพื่อน
โพสต์ล่าสุดบนฟีดข่าวเป็นตอนสามชั่วโมงก่อน
มันมีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
ถ้าแปลเป็นภาษาปกติ มันก็ได้ประมาณว่า ‘เฮ้ ฉันถูกสารภาพรักอีกแล้ว’ ‘ขอโทษ’ ‘คุณเป็นคนดี’
เมื่อเห็นแบบนี้ ลู่โจวก็ถอนหายใจ
นี่เป็นฉากจบที่คาดไว้แล้ว
เขารู้สึกไม่ดีกับเด็กที่ซื่อตรงคนนี้…
…..
วันต่อมา ณ ตึกเอ ห้องกิจกรรม…
ในการประชุม ลู่โจวทำตามสัญญาของตน เขาใช้หุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเขาแล้วแบ่งให้กับหุ้นส่วนทุกคน
นอกจากห้าเปอร์เซ็นต์ที่สัญญาไว้กับเจ้าอ้วนอู๋ หยวนลี่เหว่ยกับหรงไห่ก็ได้คนละห้าเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ส่วนที่เหลืออีก ห้าเปอร์เซ็นต์มันถูกแจกจ่ายให้คนที่เหลืออีกห้าคนตามสัดส่วนความช่วยเหลือของพวกเขา
เงินห้าแสนหยวนได้รับมาล่วงหน้าแล้ว พวกเขาสามารถใช้เงินนี้เช่าพื้นที่สำนักงาน จ้างโปรแกรมเมอร์ อัปเกรดเซิร์ฟเวอร์…
จากนี้ชมรมแคมปัสแอสซิสแตนซ์จะขยายตัวต่อไป
ถัดไปคือการจัดการบุคลากร
ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคยังคงเป็นหรงไห่ อย่างไรก็ตามลู่โจวเรียนรู้จากสตาร์ทอัพคนอื่นแล้วเปลี่ยนตำแหน่งของเขาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคซึ่งฟังดูดีกว่า
ในทำนองเดียวกัน เขาเปลี่ยนชื่อตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปเป็นผู้บริหารด้วยเช่นกัน
ที่น่าแปลกใจก็คือทุกคนคิดว่าลู่โจวจะแต่งตั้งอู๋ต้าไห่เป็นผู้บริหารแต่เขากลับแต่งตั้งหยวนลี่ไห่แทน
ทุกคนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินตำแหน่งของหยวนลี่เหว่ย
แน่นอนอัจฉริยะคณะบริหารธุรกิจแปลกใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่เขาก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว
อันที่จริงนี่เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด
การแบ่งหุ้นและแต่งตั้งบุคลากรก็จบลง ตั้งแต่นี้ไปทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเป็นสมาชิกชมรมแคมปัสแอสซิสแตนซ์หรือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทีมผู้ประกอบการเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นผู้ถือหุ้นแคมปัสแอสซิสแตนซ์อีกด้วย การพัฒนาแคมปัสแอสซิสแตนซ์ในอนาคตจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพวกเขาอย่างใกล้ชิด
ก่อนที่โปรเจกต์จะมีกำไรหรือได้รับเงินทุนซีรีส์ A เงินเดือนของทุกคนจะเป็นเพียงเงินหยวนเท่านั้น ไม่มีใครขายหุ้นได้ในสามปี
สุดท้ายเพื่อป้องกันการเสียหุ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงบุคลากร ลู่โจวจึงทำข้อเสนอพิเศษ
ถ้ามีใครออกจากทีม บอร์ดบริหารจะเริ่มการโหวต เมื่อสมาชิกโหวตมากกว่าสองในสาม จะเกิดข้อตกลงซื้อหุ้นคืนแบบบังคับ บริษัทจะซื้อหุ้นคืนจากอีกฝ่ายด้วยราคาทางการเงินล่าสุด บริษัทจะสามารถฝากหุ้นไว้ที่กองกลางเพื่อเป็นรางวัลให้ผู้บริหารคนอื่น
นี่เป็นวิธีหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่คู่แข่งจะซื้อหุ้นในราคาพิเศษเช่นกัน
เมื่อทุกคนออกจากที่ประชุม ลู่โจวก็ไปหาอู๋ต้าไห่แล้วคุยเรื่องตำแหน่งงานของเขา
ลู่โจวกล่าว “ฉันให้ตัวเลือกนายสองทาง หนึ่งผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล…”
อู๋ต้าไห่ถาม “แล้วอีกหนึ่งล่ะ?”
ลู่โจวกล่าว “รองประธานฝ่ายบริหาร”
อู๋ต้าไห่กลั้นหายใจ
ตำแหน่งนี้ก็คล้ายกับประธาน ความแตกต่างก็คือปกติแล้วประธานจะเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุด แต่สมาชิกคณะกรรมการจะถูกเลือกโดยรองประธานฝ่ายบริหาร ในแง่ของอำนาจ ทั้งสองไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
เจ้าอ้วนอู๋เงียบไปเกือบนาที เขาไม่ได้เลือก แต่เขากลับถามแทน “แล้วนายล่ะ?”
ฉัน?
ลู่โจวหัวเราะ
อันที่จริงเขาคิดเรื่องนี้นานแล้ว มันก่อนที่เขาจะตัดสินใจแบ่งหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ให้หุ้นส่วนคนอื่นๆเสียอีก
หยวนลี่เหว่ยจะเป็นผู้บริหารซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานเฉพาะของบริษัท เจ้าอ้วนอู๋จะเป็นรองประธานฝ่ายบริหารที่รับผิดชอบในการประสานความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นและทำการตัดสินใจในนามของคณะกรรมการที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ถือหุ้น
ด้วยตำแหน่งใหญ่ทั้งสองนี้ ตราบใดที่พวกเขาไม่มีความขัดแย้งกัน ทีมผู้ประกอบการก็จะอยู่รอดได้โดยไม่มีผู้ก่อตั้ง
อันที่จริงมันอาจดีกว่าด้วยซ้ำ?
แทนที่จะบริหารธุรกิจ ลู่โจวรู้สึกว่าความสามารถของเขาเหมาะกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่า
แม้ว่าผู้ประกอบการจะฟังดูน่าสนใจ แต่พลังของคนเรามีจำกัด เขาต้องใช้พลังที่มีจำกัดในที่ๆมีความหมาย เพราะงั้นลู่โจวจึงไม่เลือกภารกิจที่หนึ่งแล้วเลือกภารกิจที่สามแทน
ลู่โจวคิดมานานแล้วและรู้สึกว่าตำแหน่ง’ผู้ถือหุ้นใหญ่’เหมาะกับเขามากกว่า
ถ้าในอนาคต เขาต้องการเงินวิจัย เขาก็สามารถขายหุ้นของตนได้
ทางที่ดีที่สุดก็คือการให้เจ้าอ้วนอู๋นำแคมปัสแอสซิสแตนซ์แล้วทำให้บริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
แน่นอนนี่เป็นเพียงความปรารถนา
สิ่งเดียวที่ลู่โจวทำได้ก็คือการส่งเจ้าอ้วนอู๋เข้าสู่การแข่งขัน
“ฉันอยากเรียนต่อ” ลู่โจวตอบ
หลังจากหยุดสักพัก ลู่โจวก็กล่าวต่อ “เวทีของนายถูกสร้างแล้ว นั่นเป็นทั้งหมดที่ฉันทำได้ อนาคตของแคมปัสแอสซิสแตนซ์ขึ้นอยู่กับนาย”
เจ้าอ้วนอู๋ตกตะลึง
ผู้บริหารแบบไหนกันที่เลือกออกจากบริษัทในช่วงระยะแรกเริ่ม?
แม้ว่าอู๋ต้าไห่จะรู้สึกไม่เลวกับรองหัวหน้าก็ตาม…
“ยังเรียนอะไรอีก! นายเป็นประธานบริษัททรัพย์สินระดับล้านแล้ว! เรียนแล้วจะทำให้เราเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้เหรอ?” เจ้าอ้วนอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาอยากเสริมอีกเช่นกันว่า ‘แถมนายเรียนคณิตศาสตร์ทุกอย่าง’
ลู่โจวมองเจ้าอ้วนอู๋แล้วถอนหายใจ
ทำไมนายถึงพูดเกินจริง?
เราพึ่งได้เงินทุน แต่นายก็คิดถึงการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว
มีหลายล้านบริษัทสตาร์ทอัพที่หาเงินทุนไม่ได้และมีอีกหลายล้านที่หาเงินทุนได้ อย่างไรก็ตามบริษัทที่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้มีเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น อย่างมากพวกเขาก็ได้แค่เงินทุนซีรีส์ B เท่านั้น
ลู่โจวส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ การเรียนไม่ทำให้เราเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์”
เจ้าอ้วนอู๋ตบต้นขาแล้วกล่าว “นั่นแหละที่ฉันอยากพูด!”
“แต่” ลู่โจวกล่าว เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “สักวันฉันจะเก่งมากจนคนอื่นมาขอร้องให้ฉันช่วยทำให้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์…”
เจ้าอ้วนอู๋ “…”
ทำไมเขาถึงอวดดีแบบนี้?
เขาละอยากจะพูดคำว่า ‘เชี่ย’ จริงๆ
……………………………………..
Comments