Scholar’s Advanced Technological System 1402 ลงสู่นรก

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1402 ลงสู่นรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากนั่งรถเป็นเวลา 20 นาที รถสำรวจก็มาถึงเขตพื้นที่ของเดอะเกตส์ออฟเฮลล์

ฟานถงพบเส้นทางที่รถสำรวจดาวอังคารสามารถขับเข้าไปได้ ฟานถงหมุนพวงมาลัยและขับรถสำรวจเข้าไป

รถสำรวจขับไปในเส้นทางที่แคบและขรุขระสู่ส่วนลึกของภูเขา สัญญาณได้รับผลกระทบจากฮีมาไทต์ที่อยู่ใกล้เคียงและเริ่มลดลงเรื่อยๆ

ออเบรย์เหลือบไปมองหน้าผาสูงชันและกำแพงหินที่อยู่รอบๆ ตอนที่เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศหดหู่ เขาหดคอและพูดออกมา

“ทำไมที่นี่จึงถูกเรียกว่าเดอะเกตส์ออฟเฮลล์เหรอครับ พวกคุณไม่รู้สึกประหม่ากับชื่อของมันกันบ้างเหรอ”

ฟานถงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ผมเกรงว่าคุณคงต้องถามนาซาเองแล้วล่ะเพราะพวกเขาเป็นคนตั้งชื่อมัน”

ในฐานะองค์กรแรกที่ส่งเครื่องมือตรวจสอบมายังดาวอังคาร ผืนดินส่วนใหญ่ถูกตั้งชื่อโดยกลุ่มสำรวจ

บางทีนักวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ทำหน้าที่ตั้งชื่อในตอนนั้นอาจจะรู้สึกว่าชื่อนั่นมีรสนิยมก็ได้ มันก็ยากที่จะตัดสินว่ามันเป็นชื่อที่มีรสนิยมหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ มันเป็นชื่อที่เข้ากับสถานที่จริงๆ

“รอบๆ EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ร่องรอยเหล่านี้คล้ายกับรอยแตกของแผ่นดินไหว ซึ่งคุณสามารถตรงเข้าไปยังซากปรักหักพังได้ แน่นอนว่ารอยแตกเหล่านี้ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะเข้าซากปรักหักพัง ตอนที่ผมออกมาผมเดินผ่านทางเข้าจริงๆ ของมัน มันน่าจะตั้งอยู่ตรงกลางเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ที่ถูกตรึงด้วยกำแพงหินทั้งสองข้าง…อยู่นั่นไง เรามาถึงแล้ว”

เขาดับเครื่องยนต์รถสำรวจ รถค่อยๆ จอดตรงสันเขา หลังจากที่ลงจากรถกันแล้ว พวกเขาเดินตามฟานถงไปยังเสาหินที่มีความสูงประมาณสี่ถึงห้าเมตร

ด้านหลังเสาหินคือทางลาดลงที่สูงชัน

เมื่อแสงอรุณส่องกระทบหลังเสาหิน ผู้คนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยความกลัวเกรงราวกับปาฏิหาริย์ทางธรรมชาติ

สิ่งที่เห็นดูเหมือนโบราณวัตถุ

“แปลกมาก…”

ศาสตราจารย์เวอร์นัล นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ขมวดคิ้วและเดินไปยังเสาหิน เขานั่งยองๆ และคลำพื้นผิวของเสาหินอยู่สักพัก แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า

“นี่คือสภาพแวดล้อมการตกตะกอนของน้ำเหรอ”

ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของฟานถง เขาพยักหน้าและพูด

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน หลายพันปีก่อนที่นี่น่าจะเป็นมหาสมุทร”

“ระดับความสูงของมันค่อนข้างลึกทีเดียว” ศาสตราจารย์เวอร์นัลใช้ฝ่ามือลากโครงร่างของเสาหินและสัมผัสพื้นผิวที่แข็งทื่อผ่านชุดของเขา เขาพึมพำ “สภาพแวดล้อมทางอุทกธรณีวิทยาที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันน่าจะมีภัยพิบัติทางธรณีวิทยาครั้งใหญ่หลายครั้งในอดีต การปะทุของภูเขาไฟ การชนกันของแผ่นเปลือกโลก และการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกแบบพิเศษที่ไม่มีให้เห็นบนโลก… นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ”

“มาสนใจซากปรักหักพังใต้ดินกันดีกว่า” นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ออเบรย์เดินน้ำหน้าคนอื่นๆ และหันกลับมามองลู่โจว “คุณคิดว่าอย่างไรบ้าง หัวหน้า”

“ผมไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าเรายังยืนอยู่ข้างนอกเราก็คงไม่เจออะไร” ลู่โจวคิดเรื่องนั้นอยู่สักพักและพูดต่อ “ไปกันเลย ผมจะเป็นคนนำเอง”

หวังเผิงยกมือขึ้นพร้อมปืนไรเฟิลในมือและเดินตรงไปที่ทางเข้าถ้ำ

“ผมเข้าไปก่อน”

ออเบรย์และเวอร์นัลมองหน้ากันแปลกๆ ฟางถงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เขาโยนหินตัวอย่างที่เขาถือในมือ

“ผมบอกแล้วว่าอาวุธนั่นไร้ประโยชน์ แต่ถ้าคุณยังยืนกรานแบบนั้น อยากทำอะไรก็เชิญเลย”

แต่การมีคนถือปืนนำทางทำให้คนในกลุ่มรู้สึกปลอดภัย

แม้ว่าทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเกิดมีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงๆ อาวุธบนโลกก็คงจะป้องกันอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยในแง่ของจิตวิทยา ปากกระบอกปืนก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจอยู่ดี

ชูลทซ์ถามเงียบๆ ขณะที่เดินข้างๆ ลู่โจว “คุณแน่ใจเหรอว่าสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารตายแล้ว”

ลู่โจวมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ อย่างระมัดระวัง เขายักไหล่และตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…แต่ถ้าพวกเขายังไม่ตายเราก็น่าจะเห็นพวกเขาจากโลกมาตั้งนานแล้ว”

ถ้าพวกเขาสามารถอยู่รอดในจักรวาลนี้นานหลายพันปี..

ถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมทางช้างเผือกได้ พวกเขาก็น่าจะควบคุมระบบสุริยะมานานแล้ว

ดร.โลโมนอฟ วิศวกรการบินและอวกาศที่ยังไม่ได้พูดอะไร จู่ๆ ก็พูดขึ้น “ถ้าเกิดว่าเราเคยเจอพวกเขาแล้ว แต่เราไม่รู้ตัวล่ะ”

ออเบรย์ตัวสั่นเทา เขาพูดพร้อมกับไอแห้งๆ

“อย่าพูดแบบนั้นสิ”

คนทั้งหมดเดินตรงไปยังส่วนลึกของอุโมงค์

จนถึงตอนนี้การสำรวจยังคงราบรื่นดี โดยไม่มีการบิดหรือเปลี่ยนทิศทาง

พวกเขาอาศัยเครื่องหมายที่ฟานถงทิ้งไว้ตอนที่เขาออกมา พวกเขาจึงเดินเข้าไปในถ้ำประมาณสองกิโลเมตรอย่างราบรื่น จากข้อมูลที่แสดงจากเครื่องตรวจจับความลึก EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq 200 เมตร

ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ความรู้สึกที่ผิดปกติจากอารยธรรมก็มีมากขึ้นเช่นกัน พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นทารกถูกตัดจากสายสะดือและถูกโยนลงไปในบ่อน้ำลึก

พวกเขาพูดกันน้อยลงเรื่อยๆ ทุกคนยังคงอยู่ในความเงียบ

จู่ๆ ฟานถงก็หยุดเดินและมองไปยังทางแยกที่อยู่ข้างหน้า

“มีบางอย่างผิดปกติ…”

ทุกคนหยุดเดิน

ลู่โจวชำเลืองมองเขาด้วยความสงสัย

“อะไรเหรอ?”

“เครื่องหมายจบลงตรงนี้”

ฟานถงเดินไปยังกำแพงหิน เขาเอื้อมมือออกไปคลำบนกำแพงหินอยู่สักพัก เขาพบรอยแยกบนกำแพงหิน

นี่คือเครื่องหมายที่ใช้พลั่วอเนกประสงค์ขุดตอนที่เขาออกมาจากซากปรักหักพังใต้พื้นดิน เดิมทีแล้วเบาะแสนี้ควรชี้ตรงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพัง แต่มันถูกตัดออกไปแล้ว

ฟานถงมองดูทางแยกที่อยู่ตรงหน้าเขา EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq “เข้าใจแล้ว…เส้นทางที่อยู่ด้านในซากปรักหักพังเกิดการเปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็นทางแยกและผมเดินประมาณหนึ่งกิโลเมตรก่อนที่จะเห็นทางแยกที่หนึ่ง”

“แต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่ตรงนี้”

“ผมเกรงว่าเรื่องมันจะไม่ง่ายขนาดนั้น”

ศาสตราจารย์เวอร์นัลก้าวออกมาและนั่งยองๆ ตรงทางแยก เขาใช้พลั่วอเนกประสงค์ในมือขุดกำแพงหิน เขาขยี้เศษหินในมือ

“เหลือเชื่อเลย”

ชูลทซ์กลืนน้ำลายพลางมองไปที่เขาและพูด “อะไรเหรอที่เหลือเชื่อ”

“สามพันปีก่อน…หรืออาจจะนานกว่านั้น ที่นี่น่าจะเป็นถ้ำที่ถูกปกคลุมด้วยโลหะผสม” ศาสตราจารย์เวอร์นัลยืนขึ้นและค่อยๆ เก็บตัวอย่างลงในถุงตัวอย่างด้วยความระมัดระวัง เขาทำเครื่องหมายลงบนฉลากตัวอย่างและพูด “แม้ว่าร่องรอยของอารยธรรมจะผุกร่อนไปตามกาลเวลา แต่ก้อนหินก็ไม่โกหก”

ศาสตราจารย์ออเบรย์ขมวดคิ้ว

“พวกคุณพูดถึงเรื่องอะไรกัน”

“สิ่งที่ผมกำลังจะบอกก็คือถ้าดูจากสภาพที่ผุพังของเส้นทางแล้ว โครงสร้างของเส้นทางซ้ายมือดูซับซ้อนกว่าเส้นทางขวามือ” หลังจากที่ศาสตราจารย์เวอร์นัลเหลือบไปมองฟานถง เขามองลู่โจวและพูด “คุณเป็นหัวหน้า คุณเลือกได้เลยว่าต้องไปทางไหน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 1402 ลงสู่นรก

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1402 ลงสู่นรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากนั่งรถเป็นเวลา 20 นาที รถสำรวจก็มาถึงเขตพื้นที่ของเดอะเกตส์ออฟเฮลล์

ฟานถงพบเส้นทางที่รถสำรวจดาวอังคารสามารถขับเข้าไปได้ ฟานถงหมุนพวงมาลัยและขับรถสำรวจเข้าไป

รถสำรวจขับไปในเส้นทางที่แคบและขรุขระสู่ส่วนลึกของภูเขา สัญญาณได้รับผลกระทบจากฮีมาไทต์ที่อยู่ใกล้เคียงและเริ่มลดลงเรื่อยๆ

ออเบรย์เหลือบไปมองหน้าผาสูงชันและกำแพงหินที่อยู่รอบๆ ตอนที่เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศหดหู่ เขาหดคอและพูดออกมา

“ทำไมที่นี่จึงถูกเรียกว่าเดอะเกตส์ออฟเฮลล์เหรอครับ พวกคุณไม่รู้สึกประหม่ากับชื่อของมันกันบ้างเหรอ”

ฟานถงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ผมเกรงว่าคุณคงต้องถามนาซาเองแล้วล่ะเพราะพวกเขาเป็นคนตั้งชื่อมัน”

ในฐานะองค์กรแรกที่ส่งเครื่องมือตรวจสอบมายังดาวอังคาร ผืนดินส่วนใหญ่ถูกตั้งชื่อโดยกลุ่มสำรวจ

บางทีนักวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ทำหน้าที่ตั้งชื่อในตอนนั้นอาจจะรู้สึกว่าชื่อนั่นมีรสนิยมก็ได้ มันก็ยากที่จะตัดสินว่ามันเป็นชื่อที่มีรสนิยมหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ มันเป็นชื่อที่เข้ากับสถานที่จริงๆ

“รอบๆ EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ร่องรอยเหล่านี้คล้ายกับรอยแตกของแผ่นดินไหว ซึ่งคุณสามารถตรงเข้าไปยังซากปรักหักพังได้ แน่นอนว่ารอยแตกเหล่านี้ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะเข้าซากปรักหักพัง ตอนที่ผมออกมาผมเดินผ่านทางเข้าจริงๆ ของมัน มันน่าจะตั้งอยู่ตรงกลางเดอะเกตส์ออฟเฮลล์ที่ถูกตรึงด้วยกำแพงหินทั้งสองข้าง…อยู่นั่นไง เรามาถึงแล้ว”

เขาดับเครื่องยนต์รถสำรวจ รถค่อยๆ จอดตรงสันเขา หลังจากที่ลงจากรถกันแล้ว พวกเขาเดินตามฟานถงไปยังเสาหินที่มีความสูงประมาณสี่ถึงห้าเมตร

ด้านหลังเสาหินคือทางลาดลงที่สูงชัน

เมื่อแสงอรุณส่องกระทบหลังเสาหิน ผู้คนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยความกลัวเกรงราวกับปาฏิหาริย์ทางธรรมชาติ

สิ่งที่เห็นดูเหมือนโบราณวัตถุ

“แปลกมาก…”

ศาสตราจารย์เวอร์นัล นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ขมวดคิ้วและเดินไปยังเสาหิน เขานั่งยองๆ และคลำพื้นผิวของเสาหินอยู่สักพัก แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า

“นี่คือสภาพแวดล้อมการตกตะกอนของน้ำเหรอ”

ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของฟานถง เขาพยักหน้าและพูด

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน หลายพันปีก่อนที่นี่น่าจะเป็นมหาสมุทร”

“ระดับความสูงของมันค่อนข้างลึกทีเดียว” ศาสตราจารย์เวอร์นัลใช้ฝ่ามือลากโครงร่างของเสาหินและสัมผัสพื้นผิวที่แข็งทื่อผ่านชุดของเขา เขาพึมพำ “สภาพแวดล้อมทางอุทกธรณีวิทยาที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันน่าจะมีภัยพิบัติทางธรณีวิทยาครั้งใหญ่หลายครั้งในอดีต การปะทุของภูเขาไฟ การชนกันของแผ่นเปลือกโลก และการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกแบบพิเศษที่ไม่มีให้เห็นบนโลก… นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ”

“มาสนใจซากปรักหักพังใต้ดินกันดีกว่า” นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ออเบรย์เดินน้ำหน้าคนอื่นๆ และหันกลับมามองลู่โจว “คุณคิดว่าอย่างไรบ้าง หัวหน้า”

“ผมไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าเรายังยืนอยู่ข้างนอกเราก็คงไม่เจออะไร” ลู่โจวคิดเรื่องนั้นอยู่สักพักและพูดต่อ “ไปกันเลย ผมจะเป็นคนนำเอง”

หวังเผิงยกมือขึ้นพร้อมปืนไรเฟิลในมือและเดินตรงไปที่ทางเข้าถ้ำ

“ผมเข้าไปก่อน”

ออเบรย์และเวอร์นัลมองหน้ากันแปลกๆ ฟางถงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เขาโยนหินตัวอย่างที่เขาถือในมือ

“ผมบอกแล้วว่าอาวุธนั่นไร้ประโยชน์ แต่ถ้าคุณยังยืนกรานแบบนั้น อยากทำอะไรก็เชิญเลย”

แต่การมีคนถือปืนนำทางทำให้คนในกลุ่มรู้สึกปลอดภัย

แม้ว่าทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเกิดมีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงๆ อาวุธบนโลกก็คงจะป้องกันอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยในแง่ของจิตวิทยา ปากกระบอกปืนก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจอยู่ดี

ชูลทซ์ถามเงียบๆ ขณะที่เดินข้างๆ ลู่โจว “คุณแน่ใจเหรอว่าสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารตายแล้ว”

ลู่โจวมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ อย่างระมัดระวัง เขายักไหล่และตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…แต่ถ้าพวกเขายังไม่ตายเราก็น่าจะเห็นพวกเขาจากโลกมาตั้งนานแล้ว”

ถ้าพวกเขาสามารถอยู่รอดในจักรวาลนี้นานหลายพันปี..

ถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมทางช้างเผือกได้ พวกเขาก็น่าจะควบคุมระบบสุริยะมานานแล้ว

ดร.โลโมนอฟ วิศวกรการบินและอวกาศที่ยังไม่ได้พูดอะไร จู่ๆ ก็พูดขึ้น “ถ้าเกิดว่าเราเคยเจอพวกเขาแล้ว แต่เราไม่รู้ตัวล่ะ”

ออเบรย์ตัวสั่นเทา เขาพูดพร้อมกับไอแห้งๆ

“อย่าพูดแบบนั้นสิ”

คนทั้งหมดเดินตรงไปยังส่วนลึกของอุโมงค์

จนถึงตอนนี้การสำรวจยังคงราบรื่นดี โดยไม่มีการบิดหรือเปลี่ยนทิศทาง

พวกเขาอาศัยเครื่องหมายที่ฟานถงทิ้งไว้ตอนที่เขาออกมา พวกเขาจึงเดินเข้าไปในถ้ำประมาณสองกิโลเมตรอย่างราบรื่น จากข้อมูลที่แสดงจากเครื่องตรวจจับความลึก EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq 200 เมตร

ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ความรู้สึกที่ผิดปกติจากอารยธรรมก็มีมากขึ้นเช่นกัน พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นทารกถูกตัดจากสายสะดือและถูกโยนลงไปในบ่อน้ำลึก

พวกเขาพูดกันน้อยลงเรื่อยๆ ทุกคนยังคงอยู่ในความเงียบ

จู่ๆ ฟานถงก็หยุดเดินและมองไปยังทางแยกที่อยู่ข้างหน้า

“มีบางอย่างผิดปกติ…”

ทุกคนหยุดเดิน

ลู่โจวชำเลืองมองเขาด้วยความสงสัย

“อะไรเหรอ?”

“เครื่องหมายจบลงตรงนี้”

ฟานถงเดินไปยังกำแพงหิน เขาเอื้อมมือออกไปคลำบนกำแพงหินอยู่สักพัก เขาพบรอยแยกบนกำแพงหิน

นี่คือเครื่องหมายที่ใช้พลั่วอเนกประสงค์ขุดตอนที่เขาออกมาจากซากปรักหักพังใต้พื้นดิน เดิมทีแล้วเบาะแสนี้ควรชี้ตรงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพัง แต่มันถูกตัดออกไปแล้ว

ฟานถงมองดูทางแยกที่อยู่ตรงหน้าเขา EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq “เข้าใจแล้ว…เส้นทางที่อยู่ด้านในซากปรักหักพังเกิดการเปลี่ยนแปลง ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็นทางแยกและผมเดินประมาณหนึ่งกิโลเมตรก่อนที่จะเห็นทางแยกที่หนึ่ง”

“แต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่ตรงนี้”

“ผมเกรงว่าเรื่องมันจะไม่ง่ายขนาดนั้น”

ศาสตราจารย์เวอร์นัลก้าวออกมาและนั่งยองๆ ตรงทางแยก เขาใช้พลั่วอเนกประสงค์ในมือขุดกำแพงหิน เขาขยี้เศษหินในมือ

“เหลือเชื่อเลย”

ชูลทซ์กลืนน้ำลายพลางมองไปที่เขาและพูด “อะไรเหรอที่เหลือเชื่อ”

“สามพันปีก่อน…หรืออาจจะนานกว่านั้น ที่นี่น่าจะเป็นถ้ำที่ถูกปกคลุมด้วยโลหะผสม” ศาสตราจารย์เวอร์นัลยืนขึ้นและค่อยๆ เก็บตัวอย่างลงในถุงตัวอย่างด้วยความระมัดระวัง เขาทำเครื่องหมายลงบนฉลากตัวอย่างและพูด “แม้ว่าร่องรอยของอารยธรรมจะผุกร่อนไปตามกาลเวลา แต่ก้อนหินก็ไม่โกหก”

ศาสตราจารย์ออเบรย์ขมวดคิ้ว

“พวกคุณพูดถึงเรื่องอะไรกัน”

“สิ่งที่ผมกำลังจะบอกก็คือถ้าดูจากสภาพที่ผุพังของเส้นทางแล้ว โครงสร้างของเส้นทางซ้ายมือดูซับซ้อนกว่าเส้นทางขวามือ” หลังจากที่ศาสตราจารย์เวอร์นัลเหลือบไปมองฟานถง เขามองลู่โจวและพูด “คุณเป็นหัวหน้า คุณเลือกได้เลยว่าต้องไปทางไหน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+