Scholar’s Advanced Technological System 327 อัจฉริยะคนเดียวที่คู่ควรแก่การชื่นชมของอัจฉริยะ
“วันที่ 11 เมษายน สมาคมเคมีสหรัฐได้จัดงานประชุมเชิงวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ในซานฟรานซิสโกและเปิดเผยผู้ชนะรางวัลเคมีอดัมส์”
“รางวัลนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงนักเคมีผู้โด่งดังอย่าง โรเจอร์ อดัมส์ นับตั้งแต่ปีหนึ่งเก้าเก้าห้าสมาคมเคมีสหรัฐได้มอบรางวัลนี้ให้แก่นักวิชาการที่โดดเด่นในสาขาเคมีอินทรีย์ในทุกสองปี ท่ามกลางผู้ชนะทั้งยี่สิบเก้าท่าน มีสิบเอ็ดท่านที่เป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาเคมีด้วยเช่นกัน”
“ผู้ชนะรางวัลเคมีอดัมส์ปีนี้คือศาสตราจารย์ลู่โจวจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เขาชนะรางวัลนี้เนื่องจากงานวิจัยที่เกี่ยวกับวัสดุฟิล์มพีดีเอ็มเอสดัดแปลงที่แก้ปัญหาตกค้างกว่าสามสิบปี…”
ข่าวกำลังฉายอยู่บนทีวีในโรงอาหารภายในบริเวณมหาวิทยาลัยจินหลิง
เมิ่งฉีถือตะเกียบอยู่ในมือ เธอจ้องมองลู่โจวที่กำลังรับเหรียญมาจากมือชายชรา
รูมเมททั้งสามของเธอก็เห็นข่าวเช่นกัน แต่ปฏิกิริยาของพวกเธอไม่ได้มากเท่าเมิ่งฉี พวกเธอเริ่มคุยกัน
หลี่ฟางดูทีวีแล้วกล่าว “สุดยอด…เป็นศิษย์เก่าที่น่าประทับใจมาก”
หลัวเหมิงถาม “จะว่าไป เขาเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณใช่ไหม?”
ซูเจียเหวิน “เป็นเขาแหละ ฉันได้ยินจากประธานสภานักศึกษาว่าเขาเก่งมาก ทุกครั้งที่เขากลับมามหาลัย นักวิชาการของมหาวิทยาลัยเราจะไปต้อนรับเขาด้วยตัวเอง เอ้อ…เมิ่งฉีเป็นนักศึกษาฝึกงานที่สถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณใช่ไหม?”
หลี่ฟางเหลียวไปมองเมิ่งฉี “เมิ่งฉี เธอเคยเห็นลู่โจวกับตาตัวเองมาก่อนไหม?”
สองเดือนก่อน สถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิงได้รับนักศึกษาฝึกงานโดยอิงจากผลการเรียน
มีโอกาสไม่มากนักที่นักศึกษาปริญญาตรีจะได้สัมผัสกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักศึกษาที่อยากอยู่วงการการเมือง
เมิ่งฉีเป็นหนึ่งในสามที่ได้รับโอกาสฝึกงาน
หานเมิ่งฉีพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
“เอ่อ…ใช่ ฉันเคยเห็นเขามาก่อน”
แม้ว่าจะไม่ใช่ที่สถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณก็ตาม…
หลี่ฟางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “บอกเรามา ตัวจริงเขาเหมือนกับในทีวีไหม?”
หานเมิ่งฉีคิดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “เกือบเหมือน…เขาหล่อกว่าบนทีวีนิดหน่อย”
“จะว่าไป เขาไม่ได้อยู่สาขาคณิตศาสตร์เหรอ?” หลัวเหมิงถามไปด้วยกินไปด้วย “เขาไปทำวิจัยเคมีตอนไหนกัน?”
หลี่ฟางกล่าว “ใช่…ฉันไม่เข้าใจอัจฉริยะพวกนี้จริงๆ เขาคงเป็นอัจฉริยะในตำนาน”
ซูเจียเหวิน “มีแต่สาวสวยอย่างเมิ่งฉีแค่นั้นแหละที่คบกับผู้ชายที่มีความสามารถอย่างเทพลู่ได้”
ซูเจียเหวินแค่หยอกล้อเท่านั้น เธอไม่คาดหวังเลยว่าเมิ่งฉีจะคิดจริงจัง
เมิ่งฉีหน้าแดงระเรื่อทันที
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ…”
เมิ่งฉีเงียบ
เธอพลันสังเกตว่าเพื่อนทั้งสามกำลังจ้องมองมาที่เธอ
หานเมิ่งฉีถามอย่างกระวนกระวาย “พวกเธอเป็นอะไร?”
ซูเจียเหวินลูบคาง “ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจะสังเกตรึเปล่า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฉีหน้าแดงกับผู้ชาย”
หลัวเหมิงพยักหน้า “ไม่มั้ง…”
หลี่ฟางกล่าว “ใช่…”
หานเมิ่งฉีโดนรูมเมททั้งสามรุมถาม เธอก็ตระหนก
“ไม่ มันไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิดนะ!”
“ไม่มีอะไรแปลกหรอก ก็แค่ไอดอล” หลี่ฟางยิ้ม “แม้แต่อัจฉริยะก็ยังชื่นชมอัจฉริยะคนอื่น ฉันสนับสนุนเธอ!”
หานเมิ่งฉียิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“…ขอบใจ”
เมิ่งฉีถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เธอก็รู้สึกเศร้าๆ อย่างห้ามไม่ได้
เขาเป็นไอดอล?
ดูเหมือนในสายตาคนอื่น ลู่โจวจะเป็นระดับที่ไม่มีทางไล่ตามทัน
อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้มีความคิดสกปรกแบบนั้น…
หลี่ฟางคบบ่าเธอ “เธอชอบส่วนไหนของเทพลู่?”
หลี่ฟางไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกสนใจ แม้แต่หลัวเหมิงกับซูเจียเหวินก็สนใจเหมือนกัน
“อย่าเข้าใจผิด มันไม่ได้เป็นแบบนั้น…” เมิ่งฉีกล่าว “เขาเป็นเหมือนพี่ชายมากกว่า”
หลัวเหมิงกล่าว “พี่ชาย? เขาแก่กว่าเธอนี่นา”
ซูเจียเหวินกล่าว “เมิ่งฉีเป็นลูกคนเดียวใช่ไหม? พอเธอมีพี่ เธอจะรู้สึกเองว่ามันน่ารำคาญมาก”
หานเมิ่งฉียิ้ม “ไม่มีทาง ฉันคิดว่าพี่น้องไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้น…”
ฉันอยู่บ้านไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลย บางทีถ้าเกิดมีพี่ชายมันอาจจะดีกว่าก็ได้
นับตั้งแต่หานเมิ่งฉีพบกับเสี่ยวถงที่ฟิลาเดลเฟีย เธอก็คิดว่าชีวิตของตัวเองจะดีขนาดไหนนะถ้าเธอกับเสี่ยวถงสลับกันลึกลงไป หานเมิ่งฉีปรารถนาว่าลู่โจวจะคบกับเฉินยู่ซาน เธอกระทั่งพยายามจับคู่ให้ทั้งสองหลายต่อหลายครั้ง
ด้วยวิธีนี้ เธอจะได้เรียกลู่โจวว่าพี่ชายที่อยู่ข้างๆเขาได้…
ผู้หญิงมักเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้เร็วเสมอ ไม่นานพวกเธอก็เริ่มพูดถึงพี่ชายของซูเจียเหวินแทน
ปกติแล้วหานเมิ่งฉีจะร่วมแจมด้วย
อย่างไรก็ตามวันนี้สาวน้อยคนนี้กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่
เมื่อครู่หลี่ฟางทำให้เธอนึกถึงอะไรบางอย่าง
มันจะดีไหมนะถ้าลู่โจวเป็นไอดอลของฉัน?
ถ้าเขาเป็นไอดอลของฉัน ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเก็บไปคิดจริงจัง
บางทีฉันควรพูด…
“พี่ พี่ชา-…”
หานเมิ่งฉีสะบัดหัวไปมาและขบฟันเพื่อไม่ให้คำพูดที่น่าอายหลุดออกจากปาก
สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้ เธอกระแทกหัวลงกับโต๊ะ
เป็นไปตามคาด มันยากเกินไปสำหรับเธอ…
…
หลังกินข้าวเสร็จ หานเมิ่งฉีก็แยกกับรูมเมททั้งสามแล้วไปสถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณ
แม้ว่างานที่เธอทำจนถึงตอนนี้จะเป็นงานเล็กน้อย แต่เมื่อเธอทำงานอย่างการจัดเอกสาร เธอก็ได้เรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์มากมายจากงานนี้
หานเมิ่งฉีทำงานหนักทุกวัน
ทันใดนั้นเองก็มีคนหยุดเธอไว้
“เฮ้ สถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิงอยู่ไหน?”
หานเมิ่งฉีชะงักไปครู่หนึ่งขณะหันไปมองอีกฝ่าย
เธอเห็นชายคนนี้สวมเสื้อลายสก็อตและสวมแว่นตาดำ รูปร่างหน้าตาเขาไม่ได้มีอะไรพิเศษ เขาดูเป็นวิศวกรทั่วไป แม้ว่า
จะดูไม่เหมือนคนเลว แต่เขาก็ดูลับๆล่อๆ
“คุณไม่ใช่คนแถวนี้เหรอ?”
มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าสถาบันวัสดุเชิงคำนวณจินหลิงอยู่ที่ไหน?
ข่าวแพร่กระจายไปทั่ววิทยาเขตเมื่อสาขาเคมีตัดสินใจให้เทพลู่ยืมอาคารทั้งหมด
ชายคนนี้ตื่นตระหนก “คือแบบนี้…ผมมาพบดอกเตอร์หยาง ผมมีเรื่องบางอย่างอยากถามเขา คุณช่วยบอกผมทีว่ามันอยู่ไหน ขอบคุณครับ!”
การแสดงของเขาแย่มาก
หานเมิ่งฉีเริ่มสงสัยเขามากขึ้น
ใครจะสนใจกันว่าคุณมาที่นี่ทำไม แล้วคุณมาบอกฉันทำไม…
หานเมิ่งฉีชี้ทางบอกอีกฝ่าย
“แค่เดินตามถนนเส้นนี้…”
หานเมิ่งฉีก็ไปทางเดียวกัน แต่ชายคนนี้น่าสงสัยเกินไป เธอจึงไม่อยากเดินไปพร้อมกับเขา
ชายคนนี้ขอบคุณเธอแล้วเดินไปตามทาง
หานเมิ่งฉีมองเขาแล้วคิ้วขมวด
ทำไมฉันถึง…
ฉันถึงรู้สึกเหมือน…
ชายคนนี้แปลกๆ?
………………………………….
Comments