Scholar’s Advanced Technological System 402 เธอสูงขึ้น
เฒ่าถังทำงานเป็นศาสตราจารย์มาหลายปีแล้ว แม้ว่าความสำเร็จด้านวิชาการของเขาจะไม่โดดเด่น แต่เขาก็ได้สั่งสอนลูกศิษย์อัจฉริยะมากมาย นอกจากลูกเขา คนที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือศิษย์เขานี่แหละ
ลู่โจวออกจากออฟฟิศของเฒ่าถังแล้วครุ่นคิดสิ่งที่เฒ่าถังกล่าว
เขาเดินไปรอบๆ ไม่นานเขาก็มาถึงออฟฟิศของนักวิชาการหรูโดยไม่รู้ตัว
นอกจากเฒ่าถัง ในมหาวิทยาลัยจินหลิง นักวิชาการหรูเป็นคนที่ลู่โจวนับถือที่สุด
อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึง ชายชราก็ดันไม่อยู่ที่นี่ มีแต่นักศึกษาปริญญาโทสวมแว่นกำลังนั่งอยู่ นักศึกษาคนนี้กำลังอ่านเอกสารการวิจัยอย่างทุกข์ทรมาน
ลู่โจวจำได้ว่ามีคนบอกเขาว่านักวิชาการหรูไม่รับนักศึกษาปริญญาโท
แต่ตอนนี้ดูเหมือนชายชราจะเปลี่ยนกฎและเริ่มฝึกฝนนักศึกษาปริญญาโทที่มีศักยภาพสูงบ้างแล้ว
ลู่โจวมองนักศึกษาที่กำลังขยันขันแข็งก่อนจะเคาะประตู
นักศึกษาปริญญาโทคนนั้นหันมามองลู่โจว “คุณมาหานักวิชาการหรูใช่ไหม? นักวิชาการหรูไม่อยู่จินหลิง คุณมาช้าเกินไป”
ลู่โจวถาม “เขาไปไหน?”
ชายสวมแว่น “เขาไปประชุมที่ดาย่าเบย์”
แม้มันจะน่าเสียดาย แต่ลู่โจวก็คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
ปกติแล้วนักวิชาการจะยุ่งมาก โดยเฉพาะคนที่ทำฟิสิกส์เชิงทฤษฎี มีงานประชุมนับไม่ถ้วนรอบโลกที่พวกเขาต้องไปเข้าร่วม
“เข้าใจแล้ว…งั้นฝากบอกเขาด้วยว่าลูกศิษย์มาเยี่ยมเขา”
ลู่โจววางกล่องชาไว้บนโต๊ะ
“ตกลง ผมจะบอกเขาให้ แต่ผมไม่รับปากนะว่านักวิชาการหรูจะยอมรับของขวัญของคุณไหม”
นักศึกษาปริญญาโทมองลู่โจวอย่างแปลกใจ ลู่โจวอึ้งกับปฏิกิริยาของนักศึกษาคนนี้ เขาบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่เป็นไร…แค่บอกเขาว่ามันมาจากศิษย์ที่ชื่อลู่โจว เขาจะรับไปอย่างยินดี”
การมอบของขวัญให้ระหว่างการสอบอาจทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นได้ นักศึกษาปริญญาโทคนนี้อาจคิดว่าลู่โจวเป็นนักศึกษาที่เรียนปริญญาตรีอยู่
ลู่โจวหันหลังกลับแล้วออกจากออฟฟิศ
ทันใดนั้นชายสวมแว่นก็ร้องตะโกนเรียก
“รอเดี๋ยว!”
ลู่โจวหยุดเดิน เขาหันหลังกลับไป “ครับ?”
ชายสวมแว่นพยายามไม่เปล่งเสียงตื่นเต้นจนเกินงาม แต่เขาก็ยังพูดติดอ่างอยู่ “คุณ…คุณคือเทพลู่จริงๆ?”
ลู่โจวกล่าว “…เรียกผมลู่โจวก็ได้”
ถ้าคนอื่นเรียกเขาเทพลู่บนเว่ยป๋อ มันไม่มีปัญหา แต่มาเรียกเขาเทพลู่ในชีวิตจริงนี่มัน…
มันแปลกๆหน่อยนะ
ชายคนนั้นแววตาเปล่งประกาย
เขารีบเปิดลิ้นชักแล้วหยิบจดหมายออกมา เขาเดินมาหาลู่โจวแล้วกล่าว “ก่อนที่เขาไป นักวิชาการหรูบอกให้ผมส่งจดหมายฉบับนี้ให้!”
ลู่โจวรับจดหมายมาแล้วพยักหน้า “ขอบคุณครับ”
“ด้วยความยินดี…” ชายคนนั้นยิ้ม เขาเกาหัวแกร่กๆ “เอ่อ…คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม?”
“ช่วยอะไรครับ?”
“คุณช่วยเขียนลายเซ็นให้หน่อยได้ไหม? เซ็นตรงหนังสือเล่มนี้”
โอ้ แค่นี้เอง?
ลู่โจวยิ้มและตอบตกลงอย่างง่ายดาย
เขารับหนังสือเรียนมาจากอีกฝ่ายแล้วพลิกไปหน้าแรก ชื่อของชายคนนี้ถูกเขียนไว้บนหน้านี้
ซ่งเสวี่ยเหวิน
ไม่เลว ชื่อที่ดี
ฉันสงสัยว่าทำไมนักวิชาการหรูถึงยอมรับเขาเป็นศิษย์นะ
ซ่งเสวี่ยเหวินพูดขึ้นมาขณะที่ลู่โจวกำลังเซ็นชื่อลงหนังสือ
“อืม…เทพลู่ครับ”
ลู่โจวกล่าว “แค่ผมรุ่นพี่ก็พอ”
“ครับ รุ่นพี่!” ซ่งเสวี่ยเหวินยิ้ม “ถ้างั้นผมขอถามหน่อย ตอนที่คุณได้รับรางวัลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติระดับประเทศอันดับหนึ่ง คุณรู้สึกยังไง?”
ลู่โจวหยุดมือ เขามองดูลายเซ็นที่เขียนอย่างประณีตและคิดไปพลางๆ
หลังจากนั้นสักครู่ เขาก็ตอบ “ค่อนข้างประหม่า”
ซ่งเสวี่ยเหวินคิดว่าลู่โจวจะมีคำตอบยาวๆเสียอีก
“แค่…นี้?”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วกล่าว “แค่นี้แหละ”
ซ่งเสวี่ยเหวิน “…”
…
ลู่โจวออกมาจากตึกทดลองแล้วเดินเตร็ดเตร่ไปรอบ
เขาเดินไปรอบๆ และมาอยู่ใกล้ๆสถาบันวัสดุเชิงคำนวณโดยไม่รู้ตัว
เขากำลังจะเดินตรงไปสถาบันวิจัย แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงจากข้างหลัง
“ครู?!”
ลู่โจวได้ยินเสียงที่คุ้นหูจึงหันกลับไปมอง
เขาเห็นหานเมิ่งฉีสวมเสื้อกันหนาวสีขาวยืนอยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตร เธอกำลังถือกล่องตัวอย่างมองมาทางลู่โจวอย่างแปลกใจ
ผมดำขลับถูกมัดเป็นผมหางม้า คางจิ้มลิ้มของเธอถูกปิดด้วยผ้าพันคอสีดำ เหลือไว้เพียงปากนิดจมูกหน่อยที่โผล่ให้เห็น
เมื่อเทียบกับฤดูร้อนล่าสุด สาวน้อยคนนี้ดูโตขึ้นนิดหน่อย แต่เธอก็ยังตัวเล็กเมื่อเทียบกับพี่สาว
ลู่โจวมองเมิ่งฉีแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมเธอถึงอยู่นี่ล่ะ? ไม่กลับบ้านเหรอ?”
ก่อนหน้านี้เสี่ยวถงได้โพสต์รูปออกไปเที่ยวกับเพื่อนบนหน้าฟีดข่าว
หานเมิ่งฉีมองลู่โจวแล้วกล่าว “แต่บ้านฉันอยู่จินหลิง…”
โอ้…
เธอพูดถูก
ลู่โจวตระหนักว่าเขากำลังถามคำถามโง่ๆ ออกไป เขาจึงรีบเบี่ยงหน้าหนีแก้เขิน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อและมองดูกล่องตัวอย่างบนมือ
“นี่คือ?”
หานเมิ่งฉีกล่าว “มันเป็นวัสดุที่ส่งมาจากสถาบันวิจัยวัสดุนาโนคาร์บอน อาจารย์ในห้องแล็บบอกให้ฉันเอากลับไป”
ลู่โจวพยักหน้า “โอ้ ตัวอย่างทดลอง จะไปทางเดียวกันพอดี ไปกันเถอะ”
หานเมิ่งฉีพยักหน้าอย่างมีความสุข
สถาบันวัสดุเชิงคำนวณอยู่ใกล้ๆ
ระหว่างทาง หานเมิ่งฉีก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยให้ลู่โจวฟังมากมาย
ลู่โจวบอกได้ว่าเธอตั้งใจเรียนมากและเติบโตขึ้นมาก
เมื่อก้าวขึ้นบันได จู่ๆ หานเมิ่งฉีก็เรียกลู่โจวด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ครู”
ลู่โจว “ว่าไง?”
เมิ่งฉีดึงผ้าพันคอออกเบาๆ “เอ่อ ไม่ได้เจอกันนาน…”
ลู่โจวกล่าว “นั่นสิ”
“ครูไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?”
เมื่อลู่โจวได้ยินคำถามนี้ จู่ๆ เขาก็เงียบ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะเดียวกันแก้มของเมิ่งฉีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสดใส เธออดคิดย้อนกลับไปไม่กี่ปีก่อนตอนที่เขาสอนคณิตศาสตร์ให้เธอไม่ได้…
หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรง
สุดท้ายลู่โจวก็กล่าว “…เธอสูงขึ้น?”
หานเมิ่งฉี “???”
…………………………………
Comments