Scholar’s Advanced Technological System 406 วันที่งดงามที่สุดของชีวิตสือช่าง
หนึ่งวันก่อนวันแต่ง สือช่างเชิญเพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนจ้าวสาวออกมาทานอาหารร่วมกัน มันยังเป็นการทำความรู้จักกันก่อนวันแต่งงานด้วย
มีเพื่อนเจ้าบ่าวสามคนและเพื่อนเจ้าสาวสามคน บังเอิญที่เพื่อนเจ้าสาวก็เป็นรูมเมทตอนมหาวิทยาลัยของเจ้าสาวเช่นกัน แม้ว่าหลังจบการศึกษา ทุกคนจะแยกย้ายไปตามทางของตนเอง แต่ทุกคนก็มารวมตัวกันเพื่องานแต่งงาน
แต่ก่อน ตอนที่ลู่โจวยังเรียนปริญญาตรี สือช่างได้จัดกลุ่มของสองหอพัก
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองหอพักจะไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่พวกเขาก็รู้จักชื่อกันและกัน
สาวสวยสวมแว่นกลมชื่อเติ้งเล่อ สาวสวยผมดำยาวสลวยชื่อเซียวหยุนหยุน ส่วนสาวผมสั้นชื่อเฉียนฮวา
แม้จะผ่านมาหลายปี สาวๆ หอพักสี่ศูนย์หกก็ยังดูดีเหมือนเคย
“โอ้ เทพลู่มาแล้ว!” เติ้งเล่อจ้องมองลู่โจวครู่หนึ่งอย่างไม่เชื่อสายตา “จิ้งหย่าบอกเราว่าคุณเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเหมือนกัน แล้วเราดันไม่เชื่อเธอ”
เซียวหยุนหยุนที่นั่งอยู่ข้างเธอเผยรอยยิ้มแล้วกล่าว “ใช่ เราไม่คิดเลยว่าคุณจะมาด้วย”
ลู่โจวยิ้ม “สือช่างเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะพลาดงานแต่งเขาได้ไง?”
เติ้งเล่อถามด้วยความสงสัย “เอ่อ เทพลู่ เราอยากถามคุณมาตลอด เป็นศาสตราจารย์ที่พรินซ์ตันเป็นยังไงบ้าง?”
ลู่โจวกล่าว “ชีวิตที่น่าเบื่อ ต้องทำงานหนักทุกวัน”
เซียวหยุนหยุนยิ้มและกล่าวอย่างให้ท่า “นั่นเป็นเพราะคุณยังไม่มีแฟนไง”
“มั้งนะ!”
ลู่โจวเบือนหน้าหนีและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ทั้งสี่คุยกันอย่างสนุกสนาน
แม้ว่าจะไม่มีเหล้ามาเพิ่มบรรยากาศ แต่การสนทนาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น
แต่เว้นเฉียนฮวาคนหนึ่ง เพราะเหตุการณ์อู๋เหยียน เธอจึงมีเรื่องกับลู่โจวเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องนานมาแล้ว และเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาแล้ว ถึงกระนั้นบรรยากาศระหว่างเธอกับลู่โจวก็ยังกระอักกระอ่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งสองคุยกันสั้นๆ เท่านั้น
เมื่อทุกคนทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาก็ไปร้องคาราโอเกะกัน
อย่างไรก็ตามเพราะพรุ่งนี้มีงานใหญ่รออยู่ จึงไม่มีใครอยู่จนดึก ทุกคนแยกย้ายกันตอนสามทุ่ม
เมื่อลู่โจวออกจากร้านคาราโอเกะ เขาก็โทรเรียกคนขับรถ หวังเผิง ลู่โจวบอกให้หวังเผิงกลับบ้านไป เพราะเขาจองห้องที่โรงแรมจื่อจินชานกับเพื่อนๆ
วันงานแต่ง
ลู่โจวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตู เขารีบสวมชุดสูทและเซ็ตผมอยู่หน้ากระจก จากนั้นเขาก็ออกนอกโรงแรมไปรวมตัวกับสหาย
ทุกคนขึ้นรถและไปบ้านสือช่างกันก่อน จากนั้นพวกเขาก็ไปบ้านเจ้าสาว สุดท้ายก็กลับมาที่โรงแรมจื่อจินซาน
สื่อช่างไม่ได้พูดอะไรเลยตอนขับรถ อย่างไรก็ตามเขาจะมองเพื่อนๆผ่านกระจกหลังแล้วเผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งคราว
นี่อาจเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเขาแล้ว
…
แม้พวกเขาจะบอกว่าเพื่อนเจ้าบ่าวมีงานหลายอย่างต้องทำ แต่ที่จริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือเป็นกองหนุนไปรับเจ้าสาว พวกเขาต้องช่วยเจ้าบ่าวดื่มเหล้าตอนงานแต่งด้วยเช่นกัน
คู่บ่าวสาวทั้งสองเป็นคนจินหลิง ซึ่งมันช่วยลดปัญหาไปมากมาย
ก่อนงานแต่งจะเริ่ม หลิวรุ่ยเอามือจับบ่าของสือช่างแล้วตบเบาๆ
“พี่เฟย นายประหม่าไหม?”
สือช่างสูดหายใจลึกๆแล้วปรับเนคไทตัวเอง
“ประหม่าสิ! ฉันไม่เคยประหม่าขนาดนี้มาก่อน!”
หวงกวงหมิงยิ้ม “งั้นพี่เฟย นายจะยังแต่งงานอยู่ไหม?”
สือช่างถลึงตามองเขา
“ไร้สาระ!”
ฉันจะถอยกลับตอนนี้ได้ไง…
คำพูดหยอกล้อของหวงกวงหมิงทำให้สือช่างหายกังวล
สือช่างถูกพนักงานงานแต่งเรียก เขาไปหาเจ้าสาวและขึ้นไปบนเวที
งานแต่งดำเนินต่อไป และเพื่อนเจ้าบ่าวก็ไม่มีอะไรต้องทำ
ปกติแล้วพวกเขาต้องไปช่วยรับมือกับแขก แต่สมัยนี้มีพนักงานงานแต่งมาช่วยรับมือแขกแทนแล้ว
ลู่โจวลองไปช่วยอยู่สองสามครั้ง แต่เขาไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่ม สุดท้ายเขาจึงมานั่งทานเมล็ดทานตะวันอยู่มุมห้องและพูดคุยกับเพื่อนๆ
หลังงานแต่ง ลู่โจวต้องรีบไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงอีก
เขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลิวรุ่ยพูดถึงประสบการณ์การเรียนที่มหาวิทยาลัยเยี่ยน แต่เวลานั้นเองพนักงานงานแต่งก็เดินมาหา
“ท่านใดคือลู่โจวครับ?”
ลู่โจวคายเมล็ดทานตะวันแล้วยกมือขึ้น
“ผมเอง มีไรครับ?”
แววตาของพนักงานเปล่งประกายด้วยรอยยิ้ม
“ผมมาหาคุณ ขั้นตอนต่อไป ตัวแทนเพื่อนเจ้าบ่าวจะต้องขึ้นไปพูดบนเวที”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลู่โจวก็อึ้ง “พูดเรื่องอะไร?”
ตัวแทนเพื่อนเจ้าบ้าวอะไรกันเนี่ย?
เขาไม่เห็นได้ยินสือช่างพูดเรื่องนี้เลย
พนักงานยิ้ม “เพื่อนสนิทของคุณกำลังแต่งงาน คุณไม่อยากบอกอะไรเขาเหรอครับ? มาเป็นตัวแทนหอพักแล้วพูดอะไรสักสองสามคำ คุณไม่ต้องพูดยาวก็ได้ ประโยคเดียวก็พอแล้ว”
หวงกวงหมิงมีความสุขที่ได้เห็นความทุกข์ของสหาย “สหาย ไปเป็นตัวแทนเราแล้วพูดอะไรสักหน่อย พูดอะไรก็ได้”
ลู่โจวงง เขาถาม “ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ?”
หลิวรุ่ยกล่าว “พวกเราสองคนเป็นนักศึกษาปริญญาโท ส่วนนายเป็นด็อกเตอร์และเป็นศาสตราจารย์ นายเป็นคนที่มีการศึกษามากสุด”
หวงกวงหมิงกล่าว “บ้าเอ้ย! ทำไมนายถึงพูดเหมือนฉันไม่มีการศึกษาห๊ะ?”
หลิวรุ่ยมองเขาแล้วถาม “นายอยากขึ้นไปพูดเหรอ?”
หวงกวงหมิงปั้นหน้ายิ้มทันที “ไม่เป็นไร ฉันพูดไม่เก่ง ฉันอาจทำให้คนอื่นไม่พอใจก็ได้ แถมฉันยังไม่อยากให้งานใหญ่ของสือช่างล่มเอา…ปล่อยให้เป็นหน้าที่โจวเถอะ”
พิธีกรงานแต่งกำลังพูดผ่านไมโครโฟนอยู่บนเวที
“…ถัดไป เราขอต้อนรับเพื่อนร่วมห้องมหาวิทยาลัยของเจ้าบ่าวที่เดินทางมาจากอเมริกา ศาสตราจารย์ลู่! ศาสตราจารย์ลู่จะเป็นตัวแทนเพื่อนเจ้าบ่าวมาพูดอวยพรให้คู่บ่าวสาว!”
งานแต่งปะทุขึ้นด้วยเสียงปรบมือ
บางคนเคยได้ยินเรื่องลู่โจวมาก่อน พวกเขาต่างมองไปรอบๆ งานอย่างตื่นเต้น พวกเขาต่างก็อยากเห็นผู้ชนะรางวัลคราฟอร์ดในตำนาน
บางคนก็ไม่เคยได้ยินเรื่องลู่โจว แต่พวกเขารู้ว่าการเป็นศาสตราจารย์ที่อเมริกาเป็นอะไรที่สุดยอดมาก
เนื่องจากพิธีกรงานแต่งประกาศแล้ว ลู่โจวจึงต้องขึ้นไปพูดบนเวที
เขาปัดเมล็ดทานตะวันออกจากเสื้อผ้าก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ เขาปรับเนคไทแล้วเดินผ่านฝูงชนขึ้นไปบนเวที
เขายืนอยู่ตรงหน้าแขก ปรับไมโครโฟนอย่างใจเย็น
ลู่โจวมองคู่บ่าวสาวและเริ่มคิด
ลู่โจวไม่เคยกลัวเวทีอยู่แล้ว
แต่เขาจะพูดอะไรดีล่ะ?
………………………………….
Comments