Scholar’s Advanced Technological System 438 จดหมายขอบคุณจากสถาบันมักซ์พลังค์ (รีไรท์)
[เรียนศาสตราจารย์ลู่โจว ผมคือศาสตราจารย์แคริเบอร์แห่งห้องทดลองเวนเดลสไตน์เซเว่นเอ็กซ์ เราเคยพบกันเมื่อปีที่แล้ว ไม่แน่ใจว่าคุณยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า…]
[การเขียนจดหมายนี้ไม่มีจุดประสงค์อื่นใด ผมแค่ต้องการเป็นตัวแทนของสถาบันมักซ์พลังค์ นักวิชาการทุกคนที่มีส่วนร่วมในสาขานิวเคลียร์ฟิวชั่นนี้อยากจะขอขอบคุณ]
[อันที่จริง เมื่อเดือนก่อน เราได้ทำการติดตั้งไดเวอร์เตอร์ระบายความร้อนด้วยน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ได้ดีเท่าที่คาดหวังเอาไว้]
[อีกอย่าง… ผมได้รับคำเชิญให้ตรวจสอบวิทยานิพนธ์แล้วด้วย จากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่คุณประยุกต์ขึ้น เราได้สร้างและออกแบบอัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์ระบบใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าอัศจรรย์มาก!]
[คุณนึกภาพไม่ออกเลยล่ะว่าตอนนั้นพวกเราดีใจขนาดไหน ทั้งนี้ พลาสมามีความเสถียรมากกว่าเดิมตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์!]
[ผมเชื่อว่าหากเราทำการปรับปรุงรูปแบบการควบคุมและความไวในการควบคุมต่อไป ตัวเลขพวกนี้ก็จะสูงขึ้นอีกแน่ อีกทั้ง ยังมีพื้นที่อีกมากสำหรับการใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของคุณด้วย แต่ทว่า มันก็ถูกจำกัดโดยเงื่อนไขทางเทคนิคนิดหน่อย เราจึงไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่]
[แล้วก็เรื่องอัลกอริทึมที่ถูกปรับปรุงไปแล้ว เราจะนำผลลัพธ์ที่ได้ไปรายงานในงานสัมมนาระดับนานาชาติของ IAEA หากคุณสนใจ ผมสามารถส่งคำเชิญไปให้ได้เลย และแน่นอน ถ้าหากคุณไม่มีเวลา คุณก็สามารถดูข้อมูลบนเว็บไซต์ของเราได้]
[ถึงอย่างไร ผมต้องขอขอบคุณด้วยความจริงใจ และผมก็เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการที่จะขอบคุณเช่นกัน…]
ทันทีที่อ่านอีเมลจบ ท่าทีของลู่โจวแปลกไปเล็กน้อย
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรเช่นนี้
ผู้ตรวจสอบวิทยานิพนธ์เป็นศาสตราจารย์แคริเบอร์?
ทั้งนี้ มันก็น่าสมเหตุสมผลแล้ว นอกจากศาสตราจารย์แคริเบอร์แล้ว ก็คงไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นผู้ตรวจสอบวิทยานิพนธ์ได้ดีกว่านี้แล้วแหละ
ลู่โจวเพิ่งได้ยินมาว่าการเปิดเครื่องสเตลล่าเรเตอร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเหมือนกับการผลาญเงินในระดับมิลลิวินาทีเลยด้วยซ้ำ
นี่อาจจะเป็นการทบทวนวิทยานิพนธ์ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ PRX เลยก็ว่าได้…
ทันใดนั้นเอง จิมมี่ก็เดินเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไรหรอก” ลู่โจวส่ายหัว เขายืนอยู่ริมทะเลสาบและรีบเก็บโทรศัพท์ “ฉันต้องกลับก่อนนะ พอดีที่ธุระที่ต้องทำน่ะ นี่เป็นการแข่งขันระดับมหาวิทยาลัยครั้งสุดท้ายของนายแล้วนะ สู้หน่อย!”
“ได้เลยครับ!” จิมมี่เผยยิ้มพร้อมพูดต่อด้วยน้ำเสียงติดตลก “ผมวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะต้องได้รางวัลก่อนเรียนจบ”
การฝึกฝนของชมรมโดรนยังคงดำเนินต่อไป หลังจากอำลาสมาชิกชมรมทุกคนแล้ว ลู่โจวก็กลับไปที่สำนักงานสถาบันวิจัยชั้นสูง
ทันทีที่เขาถึงห้องทำงาน เวร่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับกองเอกสาร
ทันทีที่เห็นลู่โจวกลับมา เวร่าก็พลันเบิกตากว้าง
“ศาสตราจารย์คะ นี่คือประวัติส่วนตัวของนักเรียนที่จะลงทะเบียนในฤดูใบไม้ผลิหน้าค่ะ หนูพิมพ์ออกมาให้เรียบร้อยแล้ว”
ลู่โจวพยักหน้า “คงเหนื่อยน่าดูสินะ วางไว้บนโต๊ะทำงานเลย”
เหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปีแล้ว
โดยปกติแล้ว ลู่โจวจะนั่งดื่มกาแฟพร้อมหยิบประวัติส่วนตัวสักสองสามฉบับขึ้นมาเปิดดู จากนั้น เขาก็จะทำการสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอ แล้วสุดท้ายก็ตัดสินว่าใครคือ “ผู้โชคดี” ที่จะได้รับข้อเสนอ
แต่ทว่า ลู่โจวเองก็ไม่มีแผนที่จะรับสมัครนักศึกษาใหม่ในปีนี้
หนึ่งคือมันเป็นปีที่ยุ่งเกินไป
สองคือ หลังจากพวกนักเรียนเรียนจบแล้ว เขาก็น่าจะกลับประเทศจีน
“ต้องการให้ช่วยไหมคะ?” เวร่ากล่าวคำพูด
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ลู่โจวกล่าวพร้อมเผยยิ้ม
“ก็ได้ค่ะ”
ทันทีที่รู้ว่าลู่โจวไม่ต้องการความช่วยเหลือ เวร่าก็พยักหน้าและกลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อสะสางงานตัวเองต่อ
เหว่ยเหวินที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากลู่โจวนักก็พลันมองไปยังประวัติส่วนตัวพร้อมกล่าวคำพูด “ปีนี้ไม่รับสมัครนักเรียนใหม่เหรอครับ?”
“ปีนี้ฉันยุ่งทั้งปีเลยน่ะ” ลู่โจวกล่าว
เหว่ยเหวินพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและไม่พูดอะไรต่อ นั่นเป็นเพราะเขาเข้าใจ
ดูเหมือนว่าเหว่ยเหวินเองก็จะต้องมีวิทยานิพนธ์ให้จบ…
เหว่ยเหวินพลันส่ายหัวและสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป จากนั้น เขาก็กลับมานั่งทำงานเช่นเดิม
…
ทั้งนี้ บทความล่าสุดใน PRX นั้นทำให้ทั้งสาขาฟิสิกส์พลาสมาตื่นเต้นไม่น้อย
กล่าวคือ ไม่ใช่แค่สมาคมฟิสิกส์พลาสมาเท่านั้น อิทธิพลของบทความนี้ได้แผ่ขยายไปยังสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ กลศาสตร์ของไหล อุทกวิทยา อุตุนิยมวิทยารวมถึงสาขาอื่นที่มีความเกี่ยวข้องอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ ความปั่นป่วนของพลาสมาเป็นที่ยอมรับว่าไม่สามารถถูกแก้ไขได้ อีกทั้ง มันยังเป็นปัญหาที่ซับซ้อนที่สุดอีกด้วย
นักวิชาการส่วนใหญ่นั้นรู้สึกความประหลาดใจกับวิทยานิพนธ์ของลู่โจวเป็นอย่างมาก
มันเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงเลยสักนิด!
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะลู่โจวเคยแก้ไขปัญหาสมการนาเวียร์-สโตกส์เอาไว้ หรือถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเคยถูกกล่าวอ้างว่าเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คนส่วนใหญ่คงจะเชื่อว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลกไปแล้ว…
วิทยานิพนธ์นั้นเต็มไปด้วยสมการและวิธีการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนจำนวนมาก สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานในเรื่องเรขาคณิตเชิงอนุพันธ์และสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่อยู่แล้ว บางคนก็อาจจะยังสับสนอยู่ด้วย
ทว่า ถึงแม้จะมีผู้ที่สนใจอ่านและเข้าใจกับความหมายที่แท้จริง พวกเขาเองก็ต้องตกใจกับสูตรและสมการทางคณิตศาสตร์ที่ลู่โจวใช้ในทันใด
นี่เป็นเช่นเดียวกับครึ่งศตวรรษที่แล้ว โรเบิร์ตเองก็ได้ใช้วิธีทฤษฎีสนามควอนตัมในการแก้สมการพลังงานสนามที่ปั่นป่วนในทางสถิติ ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นไปตามสมการนาเวียร์-สโตกส์ ทั้งนี้ มันก็เป็นเพียงทฤษฎีที่อิงตามโมเมนตัมที่สอดคล้องกันเท่านั้น
ในแง่หนึ่ง วิจัยของลู่โจวก็คล้ายกับโรเบิร์ต แม้ว่าลู่โจวจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า
ก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีใครคิดถึงเรื่องนี้เลย เพราะมันยังคงเป็นปัญหาที่ยังสามารถแก้ไขได้
หลังจากบทความถูกตีพิมพ์ออกมาในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน โลกแห่งวิชาการก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง
ในจดหมายทบทวนวิทยานิพนธ์ฉบับล่าสุด นักฟิสิกส์พลาสมาชื่อดังอย่างศาสตราจารย์ดีเทอร์ ฮอฟแมน ผู้ซึ่งเป็นอดีตคณบดีภาควิชาฟิสิกส์นิวเคลียร์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีดาร์มสตัดท์ก็ได้รับคำเชิญให้มาเขียนแสดงความคิดเห็นในวิทยานิพนธ์ของลู่โจว
“เขาใช้ความคิดของตนเองสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ไม่เหมือนใครขึ้นมา ถึงแม้ว่าเครื่องมือทางทฤษฎีที่ใช้นั้นจะไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ก็เถอะ นอกจากนี้ สิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาก็ได้รับการตีพิมพ์ลงหนังสือคณิตศาสตร์ประจำปี อีกทั้งยังถูกใช้ในการศึกษาและแก้สมการนาเวียร์-สโตกส์อีกด้วย”
“โดยทั่วไปแล้ว การนำคณิตศาสตร์มาใช้กับฟิสิกส์เป็นงานของนักฟิสิกส์ เมื่อเครื่องมือที่น่าเชื่อถือได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ที่เหลือก็แค่ต้องรอเวลาเท่านั้น”
“ถ้าไม่มีวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ในวันนี้ วิทยานิพนธ์ฉบับอื่นที่เกี่ยวข้องก็อาจจะโผล่ขึ้นมาในอีกห้าหรือสิบไปข้างหน้าก็ได้”
“แต่สำหรับตอนนี้ เขาเป็นคนทำให้เราก้าวไปสู่อนาคตได้เร็วขึ้นเกือบทศวรรษเลยล่ะ!”
…………………………………………………..
Comments