Scholar’s Advanced Technological System 652 แก้สมการได้แล้วงั้นเหรอ?
“คุณพิสูจน์ได้อย่างไรว่าลิมิตขนาดขั้นตอนกริดมีแนวโน้มที่จะเป็นศูนย์?”
ทันทีที่ศาสตราจารย์ไบรอันได้ยินคำถามนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันทันที
คุณต้องการจะถามจริงเหรอ?
และคำตอบคือชัดเจน…
คำพูดนั้นอยู่ที่ปลายลิ้นของไบรอัน อย่างไรก็ตามเขาตัวแข็งไป
ปากของเขาเปิดกว้าง แต่กลับไม่มีอะไรออกมา
จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าลิมิตขนาดขั้นตอนกริดมีแนวโน้มที่จะเป็นศูนย์
บ้าจริง… ฉันจะพิสูจน์ไปสิ่งนี้ได้ยังไง!
เมื่อเขากำลังเขียนวิทยานิพนธ์ยี่สิบหน้า เขาใช้สิ่งนี้เป็นทฤษฎีบทโดยไม่มีการพิสูจน์ใดๆ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด นี่เป็นรายละเอียดเล็กน้อยๆ ที่เกือบจะไม่มีนัยสำคัญที่จะนำมาพิสูจน์ในวิทยานิพนธ์เลยสักนิด
ตอนนี้หยาดเหงื่อเย็นหยดลงบนหน้าผากของเขา
“นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจ… อืม น่าสนใจ แน่นอนผมสามารถพิสูจน์ได้…” ไบรอันพูดคำที่ไร้ความหมายโดยหวังว่าจะให้เขามีเวลาคิดมากขึ้น สมองของเขาทำงานที่หนึ่งร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เขาพยายามหาทางพิสูจน์อย่างสิ้นหวัง
และยิ่งเขาวิตกกังวลมากเท่าไร ความคิดของเขาก็ยิ่งช้าลงมากเท่านั้น
สถานที่เกิดเหตุตอนนี้กลับเงียบสงัด
เป็นความเงียบที่น่ากลัวสำหรับไบรอัน
การทำช้าไม่ได้ช่วยอะไรไบรอันการพิสูจน์สมการเลย
เมื่อฝูงชนเห็นว่าศาสตราจารย์ไบรอันไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ก็ได้ยินเสียงกระซิบไปทั่วห้องบรรยาย
วิทเทนนั่งอยู่ด้านหนึ่งของห้องบรรยาย เขาปิดสมุดจดและยิ้มในขณะที่พูดว่า “ดูเหมือนว่าผมจะไม่ต้องกังวลกับการเชิญนักวิจารณ์จากวิชาฟิสิกส์คณิตศาสตร์แล้วล่ะ”
การกระทำคงที่ในกาลอวกาศทิรัส-ยูคลิเดียน
การตรวจจับข้อผิดพลาดในกาลอวกาศที่ซับซ้อนเช่นนี้เป็นเรื่องยาก
ถ้าวิทเทนต้องทบทวนวิทยานิพนธ์ เขาจะไม่พลาดรายละเอียดนี้เด็ดขาด การค้นหาข้อผิดพลาดเช่นนี้ในระหว่างการรายงานสดเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมีหลายอย่างที่ควรให้ความสนใจมากเกินไป
และเมื่อวิทเทนจำได้ว่าหลัวเหวินซวนกำลังทำงานที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เขารู้ว่าหลัวเหวินซวนต้องเคยคุยเรื่องนี้กับลู่โจวมาก่อนแน่นอน…
ก็อดดาร์ดมองไปที่ศาสตราจารย์ไบรอันด้วยความเห็นใจและพยักหน้า
“ใช่”
ในฐานะชาวอังกฤษ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ศาสตราจารย์ไบรอันทำได้ถูกต้อง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ไบรอันจะไม่สามารถพิสูจน์ช่องโหว่ร้ายแรงนี้ได้ในวิทยานิพนธ์ของตัวเอง การบรรยายนี้จะต้องจบลงด้วยความผิดหวัง
น่าเสียดายที่การเดินทางมาที่นี่นั้นต้องสูญเปล่าไป
ไม่นแปลกใจที่ศาสตราจารย์ลู่จะไม่มา…
สถานที่จัดงานได้เกิดความโกลาหลขึ้น ผู้คนจำนวนมากถึงกับเริ่มออกจากสถานที่ไป
พวกเขารู้ว่ามันไม่คุ้มค่าที่จะรอให้ไบรอันตอบ
และนักข่าวที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างของสถานที่ก็สังเกตเห็นความโกลาหล พวกเขาจึงเริ่มกดชัตเตอร์กล้องอย่างเมามัน นักข่าวหลายคนพร้อมที่จะวิ่งไปหาศาสตราจารย์ไบรอันหลังจากรายงานและเอาไมโครโฟนติดหน้าเขา
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดจะพยายามรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่าความโกลาหลจะควบคุมไม่ได้
ศาสตราจารย์หลัวเหวินเซวียนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น และรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อศาสตราจารย์ไบรอันจ้องมองเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว มันยิ่งทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
เดิมทีเขาต้องการพักผ่อนที่นี่สักสองสามวัน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า…
เขาควรกลับบ้านแทนแล้วล่ะ
…
ณ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง
ตรงหัวมุมภายในห้องทำงาน
ลู่โจวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา เขากำลังเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษร่าง
เนื่องจากหลัวเหวินซวนไปแล้วจึงไม่มีใครควรค่าแก่การพูดคุยด้วยที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง และด้วยเพราะลู่โจวหายไปจากมหาวิทยาลัยจินหลิงมาระยะหนึ่งแล้ว เขาจึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้ทำงานในออฟฟิศของเขาที่มหาวิทยาลัยจินหลิง
การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทำให้เขาความคิดมากขึ้น และเขายังสามารถช่วยนักเรียนของเขาด้วยสมการที่พวกเขาพบ
เหอชางเหวินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานขณะดูรายงานฉบับเต็มอยู่ เขาดันแว่นขึ้นเล็กน้อยแล้วถามลู่โจว “ศาสตราจารย์ คุณบอกศาสตราจารย์หลัวเกี่ยวกับช่องโหว่ในวิทยานิพนธ์ของศาสตราจารย์ไบรอันใช่มั้ยครับ?”
ลู่โจวหยุดเขียนและไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง
“ที่จริงผมพูดถึงเอฟเฟกต์กาลอวกาศทิรัส-ยูคลิเดียนกับเขาแล้ว ถึงจะไม่ได้พูดถึงมัน เขาก็คงจะสังเกตเห็นความผิดพลาดนั้นเองอยู่ดี”
เหอชางเหวินปรับแว่นตาของเขาอีกครั้ง เขามีใบหน้าที่นิ่งเฉย แต่ข้างในกลับตรงข้าม
เขารู้ว่าศาสตราจารย์หลัว เป็นนักเรียนของวิทเทน และอยู่ในโครงการหมื่นอัจฉริยะโดยกระทรวงของจีน แต่เขาไม่เคยเห็นความสำเร็จทางฟิสิกส์เชิงทฤษฎีของศาสตราจารย์หลัวเลย เขาไม่คิดว่าศาสตราจารย์หลัวจะเก่งขนาดนี้
ไม่รวมถึงว่าศาสตราจารย์ไบรอันไม่ได้เป็นแค่คนทั่วไป แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักวิชาการระดับสูง แต่เขาก็ยังอยู่ในระดับสูงในโลกวิชาการ เขาได้ค้นคว้าสมการของหยาง-มิลส์มานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ดังนั้การค้นหาข้อผิดพลาดในวิทยานิพนธ์ของไบรอันไม่ใช่เรื่องปกติที่คนทั่วไปจะทำได้แน่นอน
ลู่โจวมองดูท่าทางไม่เชื่อของเหอชางเหวินและกล่าวว่า “คิดว่ามันน่าเหลือเชื่อเหรอ?”
เหอชางเหวินพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ครับ”
ลู่โจวยิ้ม “ไม่มีอะไรน่าเหลือเชื่อหรอก เพราะชื่อเสียงเป็นเพียงผลพลอยได้จากความแข็งแกร่งเท่านั้น เมื่อมีคนไปถึงระดับหนึ่ง ชื่อเสียงและเกียรติยศย่อมมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว”
เหอชางเหวิน “คุณคิดว่าศาสตราจารย์หลัวอยู่ในระดับไหนครับ?”
ลู่โจวหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบไป “เหรียญฟิลด์นั้นยากเกินไป และรางวัลโนเบลก็ขึ้นอยู่กับโชคมากเกินไปเช่นกัน แต่ถ้าเขาใส่ใจในเส้นทางของฟิสิกส์คณิตศาสตร์ เขาสามารถชนะรางวัลรางวัลแดนนี่ ไฮเนอมันได้อย่างแน่นอน”
รางวัลแดนนี่ ไฮเนอมัน!
เหอชางเหวินตกตะลึง
แม้ว่ารางวัลนี้จะไม่เป็นที่รู้จักกันดีนอกสาขาฟิสิกส์ แต่ใครก็ตามในโลกฟิสิกส์คณิตศาสตร์ก็ล้วนรู้จักรางวัลนี้ดี
รางวัลนี้ไม่มีนัยสำคัญในหมู่นักวิจัยของเซิร์น แต่สำหรับนักวิจัยชาวจีนแล้วการได้รับรางวัลนี้เพียงอย่างเดียวอาจทำให้ใครบางคนสามารถกลายเป็นผู้นำในสังคมวิชาการได้เลย…
เหอชางเหวินหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า “คุณคิดว่าศาสตราจารย์ไบรอันจะสามารถพิสูจน์ข้อผิดพลาดของเขาได้ไหมครับ?”
“ผมคิดว่าไม่นะ…”
ลู่โจวหยุดกะทันหัน
ปากกาของเขาหยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน
เหอชางเหวินหยุดชั่วครู่ก่อนจะถาม “ศาสตราจารย์?”
ศาสตราจารย์ลู่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างไม่ขยับเขยื้อนราวกับเขาเป็นรูปปั้น
เหอชางเหวินกำลังจะพูดอีกครั้ง แต่ปากกาของลู่โจวกลับขยับเช่นเดิม เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ มันเบาจนมีแต่เพียงเขาที่ได้ยิน
“อย่างนี้นี่เอง…”
อนุภาคของมวล m เป็นกุญแจสำคัญในการพิสูจน์สมการ ตามแนวคิดการพิสูจน์ของเจฟฟ์ นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการมีปฏิสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของสมการการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น
แต่ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคำนวณค่าเฉพาะนี้
มวลของอนุภาคไม่ได้ถูกกำหนดในโลกควอนตัมโครโมไดนามิกส์ ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่แม้แต่อนุภาค
และตอนนี้เขาไม่มีค่าเท่ากับ m ด้วย
แต่เขาก็ยังมีหลักฐานการมีอยู่ของมัน
ตราบใดที่ยังมีอยู่ทฤษฎีบทก็สามารถพิสูจน์ได้
และเขาก็ไม่ต้องหาค่ามวลให้เหนื่อยเลย!
ลู่โจวมองดูเส้นการคำนวณบนกระดาษ และดวงตาของเขาค่อยๆ สว่างขึ้นด้วยความตื่นเต้น
เขายืนขึ้นทันทีราวกับว่าเขาเพิ่งได้รับไฟฟ้าช็อตไปเมื่อซักครู่
“ผมพิสูจน์มันได้แล้ว!”
เหอชางเหวิน: “…?”
ขณะเดียวกันกับคนอื่นๆ ในออฟฟิศ “???”
เวลาได้ผ่านไปโดยไม่รู้ว่านานเท่าไหร่
ออฟฟิศก็ยังคงเงียบกริบเช่นเดิม
…………………………………………..
Comments