Scholar’s Advanced Technological System 68
ตอนที่ 68 ฉันจับถ้วยรางวัลนายหน่อยได้ไหม?
ลู่โจวนอนไม่หลับ
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเข้าเว่ยป๋อ
เขาไม่ได้เข้าไปดูนานแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าเขาได้รับผู้ติดตามเพิ่มอีก 10,000 คน เขาก็รู้สึกค่อนข้างมีความสุข
เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์ขนาดนี้
อ่า นี่มันน่ากระอักกระอ่วน
ฉันเป็นแค่เด็ก ฉันไม่อยากดัง!
หืมม…
ฉันควรพูดอะไรกับแฟนคลับที่เคารพดี?
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแตะบนหน้าจอแล้วเริ่มพิมพ์
[วันนี้ผมไปมหาลัยเยียนและได้รับรางวัล Higher Education Society Cup รู้สึกไม่เลวเลย]
[รูปถ่าย (ภาพสกรีนช็อตประกาศนียบัตรบนเว็บไซต์ทางการ)]
มันเป็นครั้งแรกที่เขาโพสต์ เขารู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนประถมที่กำลังเขียนเรียงความ
ช่างมัน ใครจะสน!
ลู่โจวกดโพสต์
เขาเข้าไปดูหน้ามาแรงและเห็นว่ากระทู้ทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับข่าวซุบซิบของดาราอันน่าเบื่อ พอเขาเบื่อ เขาจึงกลับไปหน้าเว่ยป๋อของตนเอง
เขาไม่คิดเลยว่าโพสต์เขาจะมีคอมเมนต์มากมายแล้ว
คนพวกนี้ไม่มีอะไรให้ทำแล้วเหรอ?
ลู่โจวรู้สึกสนใจคอมเมนต์ เขาจึงเข้าไปอ่านเพื่อดูว่าแฟนคลับเขาจะพูดว่าไงบ้าง
[รางวัล Higher Education Society Cup คืออะไร?]
[ลูกพี่ คุณจะไปการแข่งขันของUSปีหน้าไหม?]
[ท่านเทพ! ถ้าคุณทำตัวแบบนี้ คุณจะไม่มีเพื่อน!]
[ตอนนี้ฉันกำลังเตรียมสอบเข้ามหาลัย ฉันเลิกติดตาม]
[อีกแล้ว ฉันกำลังดูชีวิตมหาลัยของคนอื่น]
[ฉันกดอันฟอลแล้วแสร้งทำเป็นเหมือนไม่เห็นอะไร ฉันไถหน้าจอข้ามไปเลย (สุนัข)]
[ขอโทษที่มารบกวน]
ลู่โจว “???”
เชี่ย ทำไมแฟนคลับถึงหันหลังให้ฉัน?
ลู่โจวกดรีเฟรชแล้วเห็นว่าผู้ติดตามลดไป 10 คน เขาพูดไม่ออก
…..
เช้าตรู่ ลู่โจวล้างหน้าก่อนจะออกจากห้องพร้อมกับกระเป๋าสะพาย
เมื่อเขาเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ เขาก็เห็นหลินอวี่เซียง
“คุณ…โอเคไหม?” หลินอวี่เซียงถามเมื่อเห็นขอบตาดำคล้ำของลู่โจว เธอประหลาดใจ “ฉันมีครีมทาขอบตา…คุณต้องการไหม?”
ลู่โจวหาว “ไม่เป็นไร”
เขาไม่ได้สนใจขอบตาดำของตน สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือการขึ้นไปหลับบนรถไฟ
ทั้งสามเรียกแท็กซี่แล้วซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีรถไฟ ลู่โจวเผลอหลับไปสองครั้งขณะรอรถไฟ ครั้งแรกเขาสะดุ้งตื่นเพราะเด็ก ส่วนครั้งที่สองเขาตื่นเพราะหวังเสี่ยวตง
“รถไฟจะมาแล้ว”
“…จะมาแล้ว?”
ลู่โจวขยี้ตาแล้วมองดูหน้าจอเหนือจุดตรวจตั๋ว ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงเวลาขึ้นรถไฟแล้ว
“นอนไม่หลับหรือ?”
“ใช่…ฉันจะไปห้องน้ำสักหน่อย”
ลู่โจวอยากจะบอกจริงๆ
ไม่ใช่ว่าฉันนอนไม่หลับ แต่ฉันไม่ได้นอนเลยต่างหาก…
หวังเสี่ยวตงมองลู่โจวที่กำลังหาวแล้วพยักหน้า
มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้แชมป์ระดับประเทศ เมื่อคืนเขาก็ตื่นเต้นมาก เขาคุยกับครอบครัวทางโทรศัพท์นานกว่าหนึ่งชั่วโมง และใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะข่มตานอนได้
ลู่โจวไปล้างหน้าในห้องน้ำก่อนจะไปต่อแถวตรวจตั๋ว
เขาผ่านจุดตรวจตั๋วแล้วเดินขึ้นรถไฟเพื่อที่จะหลับต่อ เมื่อหลินอวี่เซียงปลุกเขา เขาก็มาถึงสถานีจินหลิงแล้ว
ทริปปักกิ่งสามวันก็จบลงเช่นนี้
…..
ลู่โจวนั่งรถไฟใต้ดินกลับมหาลัย เมื่อเขามาถึงหอพัก เขาก็ถูกรูมเมทล้อมทันที
“ถ้วยรางวัลอยู่ไหน?”
“โจว ฉันหมายถึงพี่โจว! ฉันขอจับถ้วยนายหน่อยได้ไหม?”
หวงกวงหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มแล้วยื่นแขนไปจับกระเป๋าสะพายของลู่โจว
“ออกไป ออกไป” ลู่โจวกล่าว เขาขยับหลบไปข้างๆแล้วกล่าว “ถ้วยไม่ได้อยู่นี่ มันถูกส่งไปยังมหาลัยโดยตรง อย่ามาขอฉัน ถ้านายอยากจับ นายก็ไปขออาจารย์นู่น”
“ใครจะสนเรื่องถ้วยรางวัลกัน…เรื่องเลี้ยงข้าวล่ะ?”
“ฉันจะเลี้ยง รอจนกว่าฉันจะได้เงินรางวัลก่อน!”
โดยทั่วไปแล้ว การแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์จะได้รับเพียงประกาศนียบัตรเป็นรางวัลเท่านั้น มีเพียงแชมป์ระดับประเทศที่จะได้รับถ้วยรางวัล มหาลัยต้องจ่ายค่าถ้วย มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ทางมหาลัยจะเก็บถ้วยเอาไว้
มหาลัยจะเก็บถ้วยรางวัลแล้วถ่ายรูปผู้ชนะทั้งสามเพื่อบันทึกเกียรติยศของพวกเขา
ระหว่างทางกลับ ลู่โจวได้รับสายจากศาสตราจารย์หลิว เขาก็ถูกเรียกให้ไปที่สำนักบริหารวิชาการเพื่อถ่ายรูป
หวังเสี่ยวตงและหลินอวี่เซียงไปนู่นแล้ว ลู่โจวไม่อยากให้พวกเขารอ ดังนั้นเขาจึงโยนกระเป๋าทิ้งไว้ที่หอพักก่อนจะออกมา
เมื่อสือช่างเห็นลู่โจวออกไปแล้ว เขาจึงกล่าว “ฉันคิดว่าโจวกำลังจากเราไป เขาไปไกลเกินไป”
“นั่นสิ ได้รับรางวัล Higher Education Society Cup ตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขึ้นเรื่อยๆ” หวงกวงหมิงกล่าวขณะเล่นเกมบนโทรศัพท์
“แต่เมื่อฉันคิดว่าโจวยังโสด ฉันก็ใจเย็นได้อีกครั้ง พวกเขาว่ายังไงนะ? การเรียนไม่ใช่ทั้งชีวิต แม้ว่าเราจะเป็นอัจฉริยะไม่ได้ เราก็ยังสามารถมีชีวิตวัยรุ่นและความรักอย่างไม่ต้องเสียใจ” สือช่างกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
เมื่อหวงกวงหมิงได้ยินแบบนั้น เขาก็แทบทำโทรศัพท์หล่น
“เชี่ย พี่เฟย ฉันขอแก้ไขสักหน่อย ฉันเกรงว่านาย…ฉันพานายไปหาหมอไหม?”
“หาหมอมีประโยชน์อะไร? เจ้าหมอนี่อาจกินยาลืมเขย่าขวด” หลิวรุ่ยกล่าวขณะทำการบ้านฟิสิกส์ เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ
“เลิกเรียกฉันว่าพี่เฟยได้แล้ว เรียกฉันว่าพี่ช่าง” สือช่างกล่าว เขาไม่ค่อยพอใจกับชื่อเล่นใหม่เขานัก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นายไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นหรอก”
หลิวรุ่ย “…”
หวงกวงหมิง “…”
สือช่างกล่าวอย่างช้าๆ “ดังนั้น ที่ฉันพยายามจะพูดก็คือมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะในด้านวิชาการ เจ้าหมอนี่เป็นปีศาจ แต่ในแง่ของความรู้สึกหรือEQ เราอาจไม่แย่ไปกว่าเขา ดังนั้นอย่าดูถูกตัวเองนัก…”
จู่ๆหลิวรุ่ยก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นั่นอาจไม่ใช่ความจริง”
สือช่างถาม “อะไรนะ?”
หลิวรุ่ยกล่าว “ช่วงซัมเมอร์ ฉันไปห้องสมุดแล้วเห็นเขานั่งเรียนกับสาว”
เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น สีหน้าของสือช่างก็ดูกระอักกระอ่วน เขากระแอมก่อนจะกล่าว “เขาแค่นั่งเรียนด้วย ฉันก็เคยนั่งเรียนกับสาว…”
หลิวรุ่ยกล่าวต่อ “จากนั้นฉันก็เห็นพวกเขากินข้าวด้วยกันในโรงอาหาร ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนจ่าย”
หอพักก็เงียบลง
สือช่างกับหวงกวงหมิงมองหน้ากันเองก่อนจะหันมาจ้องมองหลิวรุ่ยเงียบๆ
หวงกวงหมิง “…ผู้หญิงคนนั้นน่าเกลียดใช่ไหม? ฉันได้ยินมาว่าพวกผู้หญิงอัจฉริยะจะน่าเกลียด”
หลิวรุ่ยส่ายหน้า “ไม่ อันที่จริงมันตรงกันข้าม เธอสวยมาก…”
หวงกวงหมิง “…”
สือช่าง “…”
พวกเขาพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์
ไม่เพียงแต่จะพ่ายแพ้ในด้าน IQ เท่านั้น แต่ด้าน EQ พวกเขาก็ถูกบดขยี้อย่างไร้ความปราณีเช่นกัน
“กวงหมิง ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันเต็มไปด้วยความมืดมน” สือช่างกล่าว เขาถอนหายใจ “ทำไมชีวิตมหาลัยของฉันถึงต่างจากคนอื่น”
“เอาน่า ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน” หวงกวงหมิงกล่าวและโยนโทรศัพท์ไว้ข้างๆ
“พรุ่งนี้…เรามาเรียนกันไหม?”
“ไม่ต้องพูดถึงพรุ่งนี้ ฉันจะเริ่มเดี๋ยวนี้” หวงกวงหมิงกล่าวขณะปืนลงบันได
Comments