Scholar’s Advanced Technological System 774 เราต่างตายกันหมด

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 774 เราต่างตายกันหมด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่การทดลองจอห์นสันแอนด์จอห์นสันประสบความสำเร็จ ศาสตราจารย์เกรนจ์ก็เป็นศูนย์กลางของการวิพากษ์วิจารณ์โดยสาธารณชน

คนส่วนใหญ่ต่อต้านการพัฒนาเทคโนโลยีการแช่แข็งมนุษย์

ถึงแม้ว่ามันจะเพิ่มโอกาสให้กับผู้ป่วยโรคร้ายแรง คนส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินมากพอที่จะใช้งานตู้แช่แข็งนานหลายสิบปี

เทคโนโลยีเช่นนี้มีมาเพื่อรับใช้แค่ชนชั้นสูง ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนชนชั้นล่างจะสนับสนุนการมีอยู่ของมัน

ศิลปินชาวดัตช์ยังได้วาดรูปน้ำมันล้อเลียนประเด็นนี้ เขาวาดรูปมัมมี่แช่แข็งในโลงศพน้ำแข็งนั่งอยู่บนบัลลังก์ มีกลุ่มบริวารในชุดสูทคุกเข่ารอบมัมมี่ เขากำลังล้อเลียนว่าพวกบริวารคิดว่าตัวเองอาจจะได้นั่งบนบัลลังก์ คล้ายกับฟาโรห์เมื่อหลายพันปีก่อน

นักเขียนไซไฟชาวอเมริกันวาดรูปสังคมที่ล่มสลายถูกปกครองโดยบริวารที่ไม่เคยปลุกเจ้านายให้ตื่น

ในสังคมล่มสลาย ผู้คนมีชีวิตที่ยากจนมาก การพัฒนาสังคมถูกชะงักไว้ และสังคมแข็งตัวถึงจุดที่มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนชนชั้นผ่านการพยายามด้วยตัวเอง นี่เป็นเพราะว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดย ‘มัมมี่แช่แข็ง’

ในมุมหนึ่ง แง่มุมพวกนี้ค่อนข้างสุดโต่ง แต่มันก็มีตรรกะเบื้องหลังเรื่องพวกนี้ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ดึงดูดความสนใจได้อย่างมาก

คำถามว่าเทคโนโลยีนี้ถูกศีลธรรมหรือไม่ถูกถกเถียงทั้งในและนอกแวดวงวิชาการ

ระหว่างที่การโต้เถียงกำลังดำเนินอยู่ มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น

ระหว่างที่ทุกคนวุ่นวายกับการเขียนความเห็นตัวเองเรื่องเทคโนโลยีนี้ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงค่อยๆ ก่อตั้งกลุ่มวิจัยการแช่แข็งจำศีลมนุษย์ พวกเขาเชิญหลิวจัวปิง ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการห้องแล็บการแพทย์การแช่แข็งเซลล์ที่โรงพยาบาลทั่วไป PLA ให้เป็นผู้จัดการโปรเจกต์

เมื่อข่าวนี้หลุดออกไป มีเสียงอื้ออึงเกิดขึ้นในชุมชนสากล

พวกเขาจะไม่สนใจถ้ามันเป็นสถาบันไม่มีชื่อเสียง แต่นี่เป็นสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง!

คนเหล่านี้เป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้

คนเหล่านี้เป็นผู้ออกแบบยานอวกาศสกายโกลว์!

ที่สำคัญที่สุด ศาสตราจารย์ลู่เป็นหัวหน้าสถาบัน…

คนที่ต่อต้านการแช่แข็งเริ่มกังวลขึ้นกะทันหัน

บ้าเอ๊ย!

ศาสตราจารย์ลู่สนใจ!

ถ้าเขาทำสำเร็จได้จริงล่ะ?

ถึงแม้ว่าลู่โจวไม่เคยแสดงความสามารถในด้านชีววิทยาหรือว่าเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับการวิจัยทางชีววิทยา ไม่มีใครแน่ใจกับทักษะที่แท้จริงของเขา

ท้ายที่สุดแล้ว ลู่โจวสร้างปาฏิหาริย์มาแล้วนับไม่ถ้วน

หลายคนที่ช่างสังเกตการณ์มากกว่าเห็นว่าศาสตราจารย์หลิวจัวปิงเป็นหัวหน้าโปรเจกต์วิจัย และพวกเขาชี้ว่าชื่อของหลิวจัวปิงถูกอ้างอิงในธีสิสของศาสตราจารย์เกรนจ์…

สัญญาณทั้งหมดนี้ชี้ว่าลู่โจวไม่ได้ล้อเล่น และเขาจริงจังเรื่องการแก้ปัญหานี้

อาคารภาคเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน

แองกัส ดีตันออฟฟิศ นั่งในออฟฟิศของเขา เขาถอดแว่นตาและโยนหนังสือพิมพ์ไว้บนโต๊ะ

“ไม่อยากจะเชื่อเลย!”

ศาสตราจารย์วิทเทนนั่งตรงข้ามเขา วิทเทนยิ้มและจิบชา

“มีอะไรเหรอ? เพื่อน”

ห้าปีก่อน วิทเทนเริ่มหัวล้านและตอนนี้เขาเหลือผมบนหัวไม่กี่เส้น

นี่ล่ะชีวิต

เขาเกิดปี 1951 ตอนนี้เขาอายุ 70 กว่าปีแล้ว และเขาเข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิตแล้ว

สองปีก่อน ศาสตราจารย์อติยาห์เสียชีวิตระหว่างที่ทำภารกิจหาทางไขการคาดคะเนของรีมันน์ เรื่องนี้ส่งผลอย่างมากต่อวิทเทน จนถึงตอนนี้ วิทเทนอยู่อย่างสันโดษที่พรินซ์ตัน

“ผมไม่รู้ว่าทำไมลู่โจวถึงทำเรื่องแบบนี้! ไม่มีทางที่คนฉลาดแบบเขาจะไม่รู้เรื่องแบบนี้!” ศาสตราจารย์แองกัสเปิดอีเมลอย่างโกรธเกรี้ยว นิ้วของเขาสั่นระหว่างที่กำลังพิมพ์ลงคีย์บอร์ด

วิทเทนมองดูเพื่อนของเขาแล้วยิ้ม

“ใจเย็นก่อน เพื่อน เราไม่ได้เด็กๆ กันแล้ว ระวังเรื่องความดันด้วย”

“แต่…ผมต้องหยุดเขา!”

วิทเทนวางถ้วยชาลงแล้วคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดต่อ “บางที…เขาอาจจะมีเหตุผลของตัวเอง?”

แองกัสหยุดพิมพ์ลงคีย์บอร์ด เขาขมวดคิ้วและหันมองวิทเทน

“คุณกำลังพูดว่า…รัฐบาลจีนกำลังบังคับให้เขาทำสิ่งนี้?”

“ไม่น่าหรอกแต่มันก็เป็นไปได้!” เอ็ดเวิร์ด วิทเทน ยิ้มและพูดว่า “เขาเป็นคนที่ดื้อดึงมาก เขาไม่น่าจะทำอะไรที่เขาไม่อยากทำ ในทางกลับกัน เขาทำทุกอย่างที่เขาตั้งเป้าไว้สำเร็จ”

แองกัสเงียบไปและเขาเอนหลังที่เก้าอี้

“ในเมื่อคุณรู้จักเขาดี ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?”

“คุณพูดผิดแล้ว ผมไม่รู้จักเขาดีขนาดนั้น แม้แต่ตอนที่เขาอยู่ที่พรินซ์ตัน ผมแค่รู้จักเขาในฐานะนักวิชาการที่มีความสามารถ” วิทเทนพูด “ในทางกลับกัน ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนรู้จักเขาดีมากกว่าผมเยอะ ผมแค่เห็นว่าเขาเป็นนักวิชาการที่มีเกียรติ”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดด้วยความโกรธ “แต่เขากำลังใช้ความรู้ทำเรื่องผิดศีลธรรม!”

“ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต บางทีผมอาจจะไม่ถูกต้องทางการเมือง แต่ผมไม่คิดว่าการแช่แข็งจำศีลมนุษย์นั้นแย่แบบที่คุณคิด” ศาสตราจารย์วิทเทนยิ้มและพูดว่า “มันจะไม่ใช่กว่าการประดิษฐ์คิดค้นโทรศัพท์มือถือใช่ไหม? สิ่งที่พวกมิลเลนเนียมทำทุกวันนี้คือเล่นโทรศัพท์มือถือ”

แองกัสส่ายหน้าและพูดว่า “คุณไม่เข้าใจ”

วิทเทนยิ้มและพูดว่า “คุณพูดถูก ผมไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์ ผมเป็นแค่นักฟิสิกส์ แต่ผมคิดว่าเราคล้ายกันมากกว่าที่คุณคิด ผมใช้คณิตศาสตร์เพื่อศึกษาฟิสิกส์ คุณใช้คณิตศาสตร์เพื่อศึกษาเศรษฐศาสตร์”

แองกัสพูดว่า “แต่โมเดลเศรษฐศาสตร์ของผมเป็นโมเดลปรากฏการณ์ที่ได้รับการทดสอบมาอย่างละเอียด! มันคาดการณ์พฤติกรรมของมนุษย์โดยไม่ลำเอียง” จากนั้นแองกัสพูดอย่างเสียดสี “ถ้าคุณคิดว่ามันง่ายแบบนั้น ทำไมคุณไม่ใช้โมเดลเศรษฐศาสตร์เชิงคณิตศาสตร์เพื่อชนะรางวัลโนเบลล่ะ?”

วิทเทนยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้…ผมแก่ไปสำหรับเรื่องนั้น บางทีผมอาจจะใช้เทคโนโลยีการแช่แข็งเพื่อชนะรางวัลโนเบล”

“เพื่อน เราต่างตายกันหมดในท้ายที่สุด การยอมรับความตายไม่มีอะไรผิดเลย” แองกัสมองดูวิทเทนและพูดว่า “ผมรู้ว่าการจากไปของวิทเทนส่งผลอย่างมากต่อคุณ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเราด้วย ไม่มีอะไรต้องกังวลไป”

“ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับคุณ” วิทเทนยิ้มและพูดตอบ “ในเมื่อคุณมีเรื่องจะพูดกับลู่โจว ทำไมคุณไม่ไปถามเขาต่อหน้าล่ะ? ทุกครั้งที่ผมคุยกับเขาต่อหน้า ผมฉลาดมากขึ้นเล็กน้อย…ถ้าหมอไม่ได้แนะนำให้ผมบินน้อยลง ผมคงจะไปกับคุณ”

“ไอเดียเยี่ยม!”

ศาสตราจารย์แองกัสปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ เขาเริ่มเดินออกจากออฟฟิศ

วิทเทนมองดูเพื่อนเก่าเดินออกจากออฟฟิศแล้วยิ้ม

“ฝากสวัสดีศาสตราจารย์ลู่เผื่อผมด้วย แล้วบอกเขาด้วยว่าเพื่อนของเขาอยากเล่นไพ่ด้วย!”

แองกัสไม่ได้ตอบอะไร

เขาจากไปนานแล้ว

วิทเทนยิ้มและส่ายหน้า เขาจับแขนโซฟาและลุกขึ้นอย่างช้าๆ

“เมื่อคุณแก่ขึ้น เวลามักจะผ่านไปรวดเร็วมาก…”

เขามองดูนอกหน้าต่างแล้วเห็นนกพิราบเต่าเกาะกิ่งไม้ ทันใดนั้น เขาพึมพำกับตัวเอง ‘ดีจัง’

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 774 เราต่างตายกันหมด

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 774 เราต่างตายกันหมด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่การทดลองจอห์นสันแอนด์จอห์นสันประสบความสำเร็จ ศาสตราจารย์เกรนจ์ก็เป็นศูนย์กลางของการวิพากษ์วิจารณ์โดยสาธารณชน

คนส่วนใหญ่ต่อต้านการพัฒนาเทคโนโลยีการแช่แข็งมนุษย์

ถึงแม้ว่ามันจะเพิ่มโอกาสให้กับผู้ป่วยโรคร้ายแรง คนส่วนใหญ่ก็ไม่มีเงินมากพอที่จะใช้งานตู้แช่แข็งนานหลายสิบปี

เทคโนโลยีเช่นนี้มีมาเพื่อรับใช้แค่ชนชั้นสูง ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนชนชั้นล่างจะสนับสนุนการมีอยู่ของมัน

ศิลปินชาวดัตช์ยังได้วาดรูปน้ำมันล้อเลียนประเด็นนี้ เขาวาดรูปมัมมี่แช่แข็งในโลงศพน้ำแข็งนั่งอยู่บนบัลลังก์ มีกลุ่มบริวารในชุดสูทคุกเข่ารอบมัมมี่ เขากำลังล้อเลียนว่าพวกบริวารคิดว่าตัวเองอาจจะได้นั่งบนบัลลังก์ คล้ายกับฟาโรห์เมื่อหลายพันปีก่อน

นักเขียนไซไฟชาวอเมริกันวาดรูปสังคมที่ล่มสลายถูกปกครองโดยบริวารที่ไม่เคยปลุกเจ้านายให้ตื่น

ในสังคมล่มสลาย ผู้คนมีชีวิตที่ยากจนมาก การพัฒนาสังคมถูกชะงักไว้ และสังคมแข็งตัวถึงจุดที่มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนชนชั้นผ่านการพยายามด้วยตัวเอง นี่เป็นเพราะว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดย ‘มัมมี่แช่แข็ง’

ในมุมหนึ่ง แง่มุมพวกนี้ค่อนข้างสุดโต่ง แต่มันก็มีตรรกะเบื้องหลังเรื่องพวกนี้ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ดึงดูดความสนใจได้อย่างมาก

คำถามว่าเทคโนโลยีนี้ถูกศีลธรรมหรือไม่ถูกถกเถียงทั้งในและนอกแวดวงวิชาการ

ระหว่างที่การโต้เถียงกำลังดำเนินอยู่ มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น

ระหว่างที่ทุกคนวุ่นวายกับการเขียนความเห็นตัวเองเรื่องเทคโนโลยีนี้ สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงค่อยๆ ก่อตั้งกลุ่มวิจัยการแช่แข็งจำศีลมนุษย์ พวกเขาเชิญหลิวจัวปิง ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการห้องแล็บการแพทย์การแช่แข็งเซลล์ที่โรงพยาบาลทั่วไป PLA ให้เป็นผู้จัดการโปรเจกต์

เมื่อข่าวนี้หลุดออกไป มีเสียงอื้ออึงเกิดขึ้นในชุมชนสากล

พวกเขาจะไม่สนใจถ้ามันเป็นสถาบันไม่มีชื่อเสียง แต่นี่เป็นสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง!

คนเหล่านี้เป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้

คนเหล่านี้เป็นผู้ออกแบบยานอวกาศสกายโกลว์!

ที่สำคัญที่สุด ศาสตราจารย์ลู่เป็นหัวหน้าสถาบัน…

คนที่ต่อต้านการแช่แข็งเริ่มกังวลขึ้นกะทันหัน

บ้าเอ๊ย!

ศาสตราจารย์ลู่สนใจ!

ถ้าเขาทำสำเร็จได้จริงล่ะ?

ถึงแม้ว่าลู่โจวไม่เคยแสดงความสามารถในด้านชีววิทยาหรือว่าเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับการวิจัยทางชีววิทยา ไม่มีใครแน่ใจกับทักษะที่แท้จริงของเขา

ท้ายที่สุดแล้ว ลู่โจวสร้างปาฏิหาริย์มาแล้วนับไม่ถ้วน

หลายคนที่ช่างสังเกตการณ์มากกว่าเห็นว่าศาสตราจารย์หลิวจัวปิงเป็นหัวหน้าโปรเจกต์วิจัย และพวกเขาชี้ว่าชื่อของหลิวจัวปิงถูกอ้างอิงในธีสิสของศาสตราจารย์เกรนจ์…

สัญญาณทั้งหมดนี้ชี้ว่าลู่โจวไม่ได้ล้อเล่น และเขาจริงจังเรื่องการแก้ปัญหานี้

อาคารภาคเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน

แองกัส ดีตันออฟฟิศ นั่งในออฟฟิศของเขา เขาถอดแว่นตาและโยนหนังสือพิมพ์ไว้บนโต๊ะ

“ไม่อยากจะเชื่อเลย!”

ศาสตราจารย์วิทเทนนั่งตรงข้ามเขา วิทเทนยิ้มและจิบชา

“มีอะไรเหรอ? เพื่อน”

ห้าปีก่อน วิทเทนเริ่มหัวล้านและตอนนี้เขาเหลือผมบนหัวไม่กี่เส้น

นี่ล่ะชีวิต

เขาเกิดปี 1951 ตอนนี้เขาอายุ 70 กว่าปีแล้ว และเขาเข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิตแล้ว

สองปีก่อน ศาสตราจารย์อติยาห์เสียชีวิตระหว่างที่ทำภารกิจหาทางไขการคาดคะเนของรีมันน์ เรื่องนี้ส่งผลอย่างมากต่อวิทเทน จนถึงตอนนี้ วิทเทนอยู่อย่างสันโดษที่พรินซ์ตัน

“ผมไม่รู้ว่าทำไมลู่โจวถึงทำเรื่องแบบนี้! ไม่มีทางที่คนฉลาดแบบเขาจะไม่รู้เรื่องแบบนี้!” ศาสตราจารย์แองกัสเปิดอีเมลอย่างโกรธเกรี้ยว นิ้วของเขาสั่นระหว่างที่กำลังพิมพ์ลงคีย์บอร์ด

วิทเทนมองดูเพื่อนของเขาแล้วยิ้ม

“ใจเย็นก่อน เพื่อน เราไม่ได้เด็กๆ กันแล้ว ระวังเรื่องความดันด้วย”

“แต่…ผมต้องหยุดเขา!”

วิทเทนวางถ้วยชาลงแล้วคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดต่อ “บางที…เขาอาจจะมีเหตุผลของตัวเอง?”

แองกัสหยุดพิมพ์ลงคีย์บอร์ด เขาขมวดคิ้วและหันมองวิทเทน

“คุณกำลังพูดว่า…รัฐบาลจีนกำลังบังคับให้เขาทำสิ่งนี้?”

“ไม่น่าหรอกแต่มันก็เป็นไปได้!” เอ็ดเวิร์ด วิทเทน ยิ้มและพูดว่า “เขาเป็นคนที่ดื้อดึงมาก เขาไม่น่าจะทำอะไรที่เขาไม่อยากทำ ในทางกลับกัน เขาทำทุกอย่างที่เขาตั้งเป้าไว้สำเร็จ”

แองกัสเงียบไปและเขาเอนหลังที่เก้าอี้

“ในเมื่อคุณรู้จักเขาดี ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?”

“คุณพูดผิดแล้ว ผมไม่รู้จักเขาดีขนาดนั้น แม้แต่ตอนที่เขาอยู่ที่พรินซ์ตัน ผมแค่รู้จักเขาในฐานะนักวิชาการที่มีความสามารถ” วิทเทนพูด “ในทางกลับกัน ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนรู้จักเขาดีมากกว่าผมเยอะ ผมแค่เห็นว่าเขาเป็นนักวิชาการที่มีเกียรติ”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดด้วยความโกรธ “แต่เขากำลังใช้ความรู้ทำเรื่องผิดศีลธรรม!”

“ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต บางทีผมอาจจะไม่ถูกต้องทางการเมือง แต่ผมไม่คิดว่าการแช่แข็งจำศีลมนุษย์นั้นแย่แบบที่คุณคิด” ศาสตราจารย์วิทเทนยิ้มและพูดว่า “มันจะไม่ใช่กว่าการประดิษฐ์คิดค้นโทรศัพท์มือถือใช่ไหม? สิ่งที่พวกมิลเลนเนียมทำทุกวันนี้คือเล่นโทรศัพท์มือถือ”

แองกัสส่ายหน้าและพูดว่า “คุณไม่เข้าใจ”

วิทเทนยิ้มและพูดว่า “คุณพูดถูก ผมไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์ ผมเป็นแค่นักฟิสิกส์ แต่ผมคิดว่าเราคล้ายกันมากกว่าที่คุณคิด ผมใช้คณิตศาสตร์เพื่อศึกษาฟิสิกส์ คุณใช้คณิตศาสตร์เพื่อศึกษาเศรษฐศาสตร์”

แองกัสพูดว่า “แต่โมเดลเศรษฐศาสตร์ของผมเป็นโมเดลปรากฏการณ์ที่ได้รับการทดสอบมาอย่างละเอียด! มันคาดการณ์พฤติกรรมของมนุษย์โดยไม่ลำเอียง” จากนั้นแองกัสพูดอย่างเสียดสี “ถ้าคุณคิดว่ามันง่ายแบบนั้น ทำไมคุณไม่ใช้โมเดลเศรษฐศาสตร์เชิงคณิตศาสตร์เพื่อชนะรางวัลโนเบลล่ะ?”

วิทเทนยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้…ผมแก่ไปสำหรับเรื่องนั้น บางทีผมอาจจะใช้เทคโนโลยีการแช่แข็งเพื่อชนะรางวัลโนเบล”

“เพื่อน เราต่างตายกันหมดในท้ายที่สุด การยอมรับความตายไม่มีอะไรผิดเลย” แองกัสมองดูวิทเทนและพูดว่า “ผมรู้ว่าการจากไปของวิทเทนส่งผลอย่างมากต่อคุณ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเราด้วย ไม่มีอะไรต้องกังวลไป”

“ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับคุณ” วิทเทนยิ้มและพูดตอบ “ในเมื่อคุณมีเรื่องจะพูดกับลู่โจว ทำไมคุณไม่ไปถามเขาต่อหน้าล่ะ? ทุกครั้งที่ผมคุยกับเขาต่อหน้า ผมฉลาดมากขึ้นเล็กน้อย…ถ้าหมอไม่ได้แนะนำให้ผมบินน้อยลง ผมคงจะไปกับคุณ”

“ไอเดียเยี่ยม!”

ศาสตราจารย์แองกัสปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ เขาเริ่มเดินออกจากออฟฟิศ

วิทเทนมองดูเพื่อนเก่าเดินออกจากออฟฟิศแล้วยิ้ม

“ฝากสวัสดีศาสตราจารย์ลู่เผื่อผมด้วย แล้วบอกเขาด้วยว่าเพื่อนของเขาอยากเล่นไพ่ด้วย!”

แองกัสไม่ได้ตอบอะไร

เขาจากไปนานแล้ว

วิทเทนยิ้มและส่ายหน้า เขาจับแขนโซฟาและลุกขึ้นอย่างช้าๆ

“เมื่อคุณแก่ขึ้น เวลามักจะผ่านไปรวดเร็วมาก…”

เขามองดูนอกหน้าต่างแล้วเห็นนกพิราบเต่าเกาะกิ่งไม้ ทันใดนั้น เขาพึมพำกับตัวเอง ‘ดีจัง’

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+