Scholar’s Advanced Technological System 776 ไว้รับมือทีหลัง

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 776 ไว้รับมือทีหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ห้องรับรองแขก สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง

เมื่อลู่โจวเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นศาสตราจารย์แองกัสนั่งอยู่ที่โซฟา ศาสตราจารย์แองกัสมีเคราสีเทาอยู่บนหน้า หวังเผิงนั่งตรงข้ามเขา

ลู่โจวยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ศาสตราจารย์แองกัสในขณะที่เขาทักทาย

“แองกัส ดีตัน อะไรพาคุณมาถึงที่นี่?”

ศาสตราจารย์แองกัสปรับแว่น ดวงตาเก่าแก่ของเขาทำงานไม่ได้ดีอีกแล้ว เขาจำลู่โจวได้ในที่สุดแล้วตอบกลับอย่างจริงจัง “มันเป็นเพราะว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น คุณน่าจะรู้ว่าทำไมผมมาที่นี่”

มีเรื่องอะไรเพิ่งเกิดขึ้นล่ะ?

ลู่โจวรู้ทันทีว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร เขาหันมองหวังเผิงซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้หวังเผิงลุกออกไป

หวังเผิงลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะลุกขึ้น

แต่เขาไม่ได้ออกจากห้องไปทันที แต่เขากลับเดินไปพูดกับลู่โจวว่า “ผมได้ยินข่าวร้ายมา คุณควรระวังมากขึ้นอีก”

ลู่โจวมองเขาและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่ทำอะไรที่อันตราย นอกจากนี้ ชุมชนจีนนั้นต่างจากชุมชนต่างชาติ ผมมั่นใจว่าปัญหาที่ศาสตราจารย์เกรนจ์เจออยู่ไม่ใช่ปัญหาที่นี่เลย”

นับตั้งแต่ที่ธีสิสของเกรนจ์ถูกเผยแพร่ สื่อจีนเลือกที่จะเงียบในประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงนี้

“ไม่ ผมไม่ได้หมายถึงองค์กรสิทธิมนุษยชน พวกเขาไม่ใช่ปัญหา มันคือ…” หวังเผิงลังเลอยู่สักพักแล้วมองศาสตราจารย์แองกัส เขากระซิบให้ลู่โจวฟัง “มันคือ CIA…ผมได้ยินมาว่าพวกนั้นมีแผนอะไรบางอย่างอยู่”

ลู่โจวนิ่งไปสักพักแล้วมองดูหวังเผิงด้วยสีหน้าประหลาด

“คุณคิดจริงๆ หรือว่า CIA กำลังบ่อนทำลายเราตอนนี้อยู่?”

ทันใดนั้นหวังเผิงนึกถึงพื้นหลังของดีตันได้ เขายิ้มประหม่า

“ผมคิดว่าคุณพูดถูก”

แองกัส ดีตัน เป็นนักวิชาการรางวัลโนเบล ไม่มีทางที่ CIA จะใช้แองกัสเป็นสายลับได้…

แม้แต่ฮอลลีวูดก็คิดพล็อตเรื่องเสียสติแบบนี้ไม่ได้

ลู่โจวยักไหล่และพูดว่า “ความกังวลของคุณไม่จำเป็นเลย”

หวังเผิงพูดตอบ “ระวังไว้แล้วกันครับ เขาเป็นคนอเมริกัน”

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่สนใจว่าเขาเป็นคนอเมริกันหรือเปล่า ผมเชื่อใจเขา ไม่ต้องพูดถึง…” ลู่โจวพูดติดตลกว่า “ผมไม่กลัวชายชราวัยเจ็ดสิบปีหรอกนะ”

หวังเผิงตัดสินใจเดินออกจากห้องรับรองในที่สุด

ศาสตราจารย์แองกัสและลู่โจวนั่งกันอยู่สองคนในห้องรับรอง

ลู่โจวนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามแองกัส เขาหยิบกาน้ำชาแล้วรินชาให้ตัวเอง จากนั้นเขาเอนตัวที่โซฟาและพูดว่า “ผมเดาว่าคุณมีเรื่องจะพูดเยอะ คุณเริ่มได้เลย”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดว่า “ผมแค่อยากจะพูดเรื่องเดียว…ได้โปรดหยุดสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้! การวิจัยของคุณอาจจะปล่อยปีศาจอันตรายออกมา! “

ลู่โจวมองดูควันที่ลอยขึ้นจากถ้วยชา ผ่านไปสักพัก เขาพูดขึ้น

“ผมไม่รู้เรื่องเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยามากนักหรอก ผมเลยไม่ค่อยเข้าใจที่คุณพูดถึงปีศาจอันตราย”

ศาสตราจารย์แองกัสยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าคุณไม่เข้าใจ ผมสอนคนให้ได้นะ”

ลู่โจวพยักหน้าให้แองกัสพูดต่อ

ศาสตราจารย์แองกัสพูดต่อ “ผมต้องการไวท์บอร์ดหรือ…กระดานดำ”

ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา เรามีไวท์บอร์ดและกระดานดำเพียงพอ”

ลู่โจวเจอไวท์บอร์ดแล้วหยิบมันเข้าห้องรับรอง

ศาสตราจารย์แองกัสหยิบปากกามาร์กเกอร์ขึ้นมาแล้วเขียนการคำนวณลงไวท์บอร์ด เขาอธิบายทฤษฎีของตัวเองให้ลู่โจวฟังอย่างเรียบง่าย จากนั้นเขาเขียนบรรทัดที่พูดถึงการคาดคะเนของเขาสำหรับเทรนด์เศรษฐกิจในอนาคต

แองกัสพูดถึงข้อกังวลของเขาในเรื่องเทคโนโลยีจำศีล ปัญหาพวกนี้ทำให้เกิดการตกตะกอนทรัพย์สินปริมาณมาก เปลี่ยนทิศทางชนชั้นสูงไปอนาคต ทำให้ความแตกต่างระหว่างชนชั้นชัดยิ่งขึ้น…เขาบอกว่าปัจจัยพวกนี้จะนำไปสู่การล่มสลายของสังคม

ท้ายที่สุดแล้ว คนรวยพวกนี้โลภกันหมด

ถ้าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตที่ดีในอนาคตได้ จะมีใครอยากอยู่ในยุคนี้กันล่ะ?

“…ในสังคมของเรา วิธีการผลิตถูกควบคุมโดยกลุ่มคนไม่กี่คน ดังนั้น พวกเราได้ปรับใช้หลายวิธีการเพื่อไม่ให้ปรากฏการณ์นั้นเกิดขึ้น อย่างเช่น กฎ ข้อกำหนด ภาษี ประมาณนี้

แต่การวิจัยของคุณจะทำลายความพยายามของผู้คนที่จะสร้างสังคมที่สมดุล”

หลังจากได้ฟังทฤษฎีของศาสตราจารย์แองกัส ลู่โจวไตร่ตรองอยู่สักพักก่อนที่จะพูดต่อ “ถึงแม้ผมจะยอมรับว่าข้อกังวลของคุณฟังดูสมเหตุสมผล ผมไม่สามารถเห็นด้วยกับคุณ”

“ทำไมน่ะเหรอ?”

ลู่โจวยิ้มแล้วส่ายหน้า

“มันไม่ใช่แค่เทคโนโลยีการแช่แข็งจำศีลมนุษย์ ปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง VR เครื่องจักรกล…มันมีอีกหลายอย่างที่จะทำให้สังคมล่มสลายได้ ถ้าคุณอยากรักษาสังคมให้เป็นแบบนี้ ผมเกรงว่าทางออกเดียวของคุณคือการแบนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดว่า “คุณเป็นฟาสซิสต์!”

“ไม่ ผมไม่ได้เป็น ผมแค่มองเรื่องนี้อย่างเป็นกลาง” ลู่โจวส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “เทคโนโลยีในตัวมันเองนั้นบริสุทธิ์ ผู้คนต่างหากที่ไม่บริสุทธิ์”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดขึ้นทันทีว่า “ถูกต้อง แล้วคุณจะสัญญาอย่างไรว่าผู้คนจะใช้เทคโนโลยีอย่างถูกศีลธรรมและจริยธรรมได้อย่างไร?”

“ผมสัญญาอะไรไม่ได้ เหมือนกับที่นักการเมืองไม่สามารถการันตีสันติภาพโลกได้ นักเศรษฐศาสตร์ไม่สามารถการันตีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ แม้แต่นักพยากรณ์อากาศก็ยังพยากรณ์อากาศผิดเป็นบางครั้ง…แล้วทำไมคุณถึงเรียกร้องให้ผมสัญญาว่าเทคโนโลยีของผมจะถูกใช้อย่างถูกต้อง?”

ศาสตราจารย์แองกัสนิ่งไปสักพัก

เขาลังเลไปชั่วครู่แล้วขมวดคิ้ว

“คุณพูดถูก…แต่มันเป็นความเสี่ยงที่เราไม่อาจจะรับได้”

“หลายความเสี่ยงหลีกเลี่ยงไม่ได้” ลู่โจวจ้องมองศาสตราจารย์แองกัสและพูดว่า “มนุษยชาติเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเสมอ ถึงแม้ว่าผมตัดสินใจจะไม่วิจัยเทคโนโลยีนี้ ก็จะมีคนอื่นทำ

มันเหมือนกับนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ มีคนจำนวนมากเกลียดผมเพราะว่าผมกำจัดงานเป็นล้านหรือสิบล้านงาน แต่ผมก็เชื่อว่ามีคนจำนวนมากกว่าที่จะขอบคุณผมในอนาคตเพราะมีคนต้องทนทุกข์น้อยลงในเหมืองถ่านหิน คุณภาพชีวิตของผู้คนจะพัฒนามากขึ้น”

นั่นเป็นกฎของการพัฒนาอารยธรรม ถึงแม้ว่าเรื่องอาจจะดูแย่ลงหรือติดขัดชั่วคราว ในระยะยาว คุณภาพชีวิตจะพัฒนาขึ้นเสมอ

ปัญญาประดิษฐ์จะฉลาดมากยิ่งขึ้นมากกว่ามนุษย์ วันหนึ่ง มนุษย์สามารถทำตัวเป็นพระเจ้า แก้ไขยีนและทำให้ตัวเองมีอำนาจเหนือทุกอย่าง…

“การแช่แข็งจำศีลมนุษย์ก็เหมือนกัน มันจะให้โอกาสที่สองสำหรับผู้ป่วยโรคร้ายแรง มันก็จะทำให้อารยธรรมด้ขยายไปทั่วกาแล็กซี่

มันจะส่งผลกระทบต่อสังคมในแง่ลบ…ปัญหาที่คุณพูดถึงนั้นถูกต้อง แต่ผมคิดว่ามนุษยชาติจะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมสำหรับปัญหาพวกนี้ เหมือนกับที่พวกเราหาวิธีแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์”

ลู่โจวมองดูศาสตราจารย์แองกัสและพูดเสริมว่า “และงานของคุณคือการปรับใช้เทคโนโลยีพวกนี้ในสังคมด้วยทางที่ไม่ทำลายล้าง”

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 776 ไว้รับมือทีหลัง

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 776 ไว้รับมือทีหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ห้องรับรองแขก สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง

เมื่อลู่โจวเปิดประตูเข้าไป เขาเห็นศาสตราจารย์แองกัสนั่งอยู่ที่โซฟา ศาสตราจารย์แองกัสมีเคราสีเทาอยู่บนหน้า หวังเผิงนั่งตรงข้ามเขา

ลู่โจวยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ศาสตราจารย์แองกัสในขณะที่เขาทักทาย

“แองกัส ดีตัน อะไรพาคุณมาถึงที่นี่?”

ศาสตราจารย์แองกัสปรับแว่น ดวงตาเก่าแก่ของเขาทำงานไม่ได้ดีอีกแล้ว เขาจำลู่โจวได้ในที่สุดแล้วตอบกลับอย่างจริงจัง “มันเป็นเพราะว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น คุณน่าจะรู้ว่าทำไมผมมาที่นี่”

มีเรื่องอะไรเพิ่งเกิดขึ้นล่ะ?

ลู่โจวรู้ทันทีว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร เขาหันมองหวังเผิงซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้หวังเผิงลุกออกไป

หวังเผิงลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะลุกขึ้น

แต่เขาไม่ได้ออกจากห้องไปทันที แต่เขากลับเดินไปพูดกับลู่โจวว่า “ผมได้ยินข่าวร้ายมา คุณควรระวังมากขึ้นอีก”

ลู่โจวมองเขาและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่ทำอะไรที่อันตราย นอกจากนี้ ชุมชนจีนนั้นต่างจากชุมชนต่างชาติ ผมมั่นใจว่าปัญหาที่ศาสตราจารย์เกรนจ์เจออยู่ไม่ใช่ปัญหาที่นี่เลย”

นับตั้งแต่ที่ธีสิสของเกรนจ์ถูกเผยแพร่ สื่อจีนเลือกที่จะเงียบในประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงนี้

“ไม่ ผมไม่ได้หมายถึงองค์กรสิทธิมนุษยชน พวกเขาไม่ใช่ปัญหา มันคือ…” หวังเผิงลังเลอยู่สักพักแล้วมองศาสตราจารย์แองกัส เขากระซิบให้ลู่โจวฟัง “มันคือ CIA…ผมได้ยินมาว่าพวกนั้นมีแผนอะไรบางอย่างอยู่”

ลู่โจวนิ่งไปสักพักแล้วมองดูหวังเผิงด้วยสีหน้าประหลาด

“คุณคิดจริงๆ หรือว่า CIA กำลังบ่อนทำลายเราตอนนี้อยู่?”

ทันใดนั้นหวังเผิงนึกถึงพื้นหลังของดีตันได้ เขายิ้มประหม่า

“ผมคิดว่าคุณพูดถูก”

แองกัส ดีตัน เป็นนักวิชาการรางวัลโนเบล ไม่มีทางที่ CIA จะใช้แองกัสเป็นสายลับได้…

แม้แต่ฮอลลีวูดก็คิดพล็อตเรื่องเสียสติแบบนี้ไม่ได้

ลู่โจวยักไหล่และพูดว่า “ความกังวลของคุณไม่จำเป็นเลย”

หวังเผิงพูดตอบ “ระวังไว้แล้วกันครับ เขาเป็นคนอเมริกัน”

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่สนใจว่าเขาเป็นคนอเมริกันหรือเปล่า ผมเชื่อใจเขา ไม่ต้องพูดถึง…” ลู่โจวพูดติดตลกว่า “ผมไม่กลัวชายชราวัยเจ็ดสิบปีหรอกนะ”

หวังเผิงตัดสินใจเดินออกจากห้องรับรองในที่สุด

ศาสตราจารย์แองกัสและลู่โจวนั่งกันอยู่สองคนในห้องรับรอง

ลู่โจวนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามแองกัส เขาหยิบกาน้ำชาแล้วรินชาให้ตัวเอง จากนั้นเขาเอนตัวที่โซฟาและพูดว่า “ผมเดาว่าคุณมีเรื่องจะพูดเยอะ คุณเริ่มได้เลย”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดว่า “ผมแค่อยากจะพูดเรื่องเดียว…ได้โปรดหยุดสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้! การวิจัยของคุณอาจจะปล่อยปีศาจอันตรายออกมา! “

ลู่โจวมองดูควันที่ลอยขึ้นจากถ้วยชา ผ่านไปสักพัก เขาพูดขึ้น

“ผมไม่รู้เรื่องเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยามากนักหรอก ผมเลยไม่ค่อยเข้าใจที่คุณพูดถึงปีศาจอันตราย”

ศาสตราจารย์แองกัสยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าคุณไม่เข้าใจ ผมสอนคนให้ได้นะ”

ลู่โจวพยักหน้าให้แองกัสพูดต่อ

ศาสตราจารย์แองกัสพูดต่อ “ผมต้องการไวท์บอร์ดหรือ…กระดานดำ”

ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา เรามีไวท์บอร์ดและกระดานดำเพียงพอ”

ลู่โจวเจอไวท์บอร์ดแล้วหยิบมันเข้าห้องรับรอง

ศาสตราจารย์แองกัสหยิบปากกามาร์กเกอร์ขึ้นมาแล้วเขียนการคำนวณลงไวท์บอร์ด เขาอธิบายทฤษฎีของตัวเองให้ลู่โจวฟังอย่างเรียบง่าย จากนั้นเขาเขียนบรรทัดที่พูดถึงการคาดคะเนของเขาสำหรับเทรนด์เศรษฐกิจในอนาคต

แองกัสพูดถึงข้อกังวลของเขาในเรื่องเทคโนโลยีจำศีล ปัญหาพวกนี้ทำให้เกิดการตกตะกอนทรัพย์สินปริมาณมาก เปลี่ยนทิศทางชนชั้นสูงไปอนาคต ทำให้ความแตกต่างระหว่างชนชั้นชัดยิ่งขึ้น…เขาบอกว่าปัจจัยพวกนี้จะนำไปสู่การล่มสลายของสังคม

ท้ายที่สุดแล้ว คนรวยพวกนี้โลภกันหมด

ถ้าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตที่ดีในอนาคตได้ จะมีใครอยากอยู่ในยุคนี้กันล่ะ?

“…ในสังคมของเรา วิธีการผลิตถูกควบคุมโดยกลุ่มคนไม่กี่คน ดังนั้น พวกเราได้ปรับใช้หลายวิธีการเพื่อไม่ให้ปรากฏการณ์นั้นเกิดขึ้น อย่างเช่น กฎ ข้อกำหนด ภาษี ประมาณนี้

แต่การวิจัยของคุณจะทำลายความพยายามของผู้คนที่จะสร้างสังคมที่สมดุล”

หลังจากได้ฟังทฤษฎีของศาสตราจารย์แองกัส ลู่โจวไตร่ตรองอยู่สักพักก่อนที่จะพูดต่อ “ถึงแม้ผมจะยอมรับว่าข้อกังวลของคุณฟังดูสมเหตุสมผล ผมไม่สามารถเห็นด้วยกับคุณ”

“ทำไมน่ะเหรอ?”

ลู่โจวยิ้มแล้วส่ายหน้า

“มันไม่ใช่แค่เทคโนโลยีการแช่แข็งจำศีลมนุษย์ ปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง VR เครื่องจักรกล…มันมีอีกหลายอย่างที่จะทำให้สังคมล่มสลายได้ ถ้าคุณอยากรักษาสังคมให้เป็นแบบนี้ ผมเกรงว่าทางออกเดียวของคุณคือการแบนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดว่า “คุณเป็นฟาสซิสต์!”

“ไม่ ผมไม่ได้เป็น ผมแค่มองเรื่องนี้อย่างเป็นกลาง” ลู่โจวส่ายหน้าและพูดอย่างใจเย็น “เทคโนโลยีในตัวมันเองนั้นบริสุทธิ์ ผู้คนต่างหากที่ไม่บริสุทธิ์”

ศาสตราจารย์แองกัสพูดขึ้นทันทีว่า “ถูกต้อง แล้วคุณจะสัญญาอย่างไรว่าผู้คนจะใช้เทคโนโลยีอย่างถูกศีลธรรมและจริยธรรมได้อย่างไร?”

“ผมสัญญาอะไรไม่ได้ เหมือนกับที่นักการเมืองไม่สามารถการันตีสันติภาพโลกได้ นักเศรษฐศาสตร์ไม่สามารถการันตีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ แม้แต่นักพยากรณ์อากาศก็ยังพยากรณ์อากาศผิดเป็นบางครั้ง…แล้วทำไมคุณถึงเรียกร้องให้ผมสัญญาว่าเทคโนโลยีของผมจะถูกใช้อย่างถูกต้อง?”

ศาสตราจารย์แองกัสนิ่งไปสักพัก

เขาลังเลไปชั่วครู่แล้วขมวดคิ้ว

“คุณพูดถูก…แต่มันเป็นความเสี่ยงที่เราไม่อาจจะรับได้”

“หลายความเสี่ยงหลีกเลี่ยงไม่ได้” ลู่โจวจ้องมองศาสตราจารย์แองกัสและพูดว่า “มนุษยชาติเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเสมอ ถึงแม้ว่าผมตัดสินใจจะไม่วิจัยเทคโนโลยีนี้ ก็จะมีคนอื่นทำ

มันเหมือนกับนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ มีคนจำนวนมากเกลียดผมเพราะว่าผมกำจัดงานเป็นล้านหรือสิบล้านงาน แต่ผมก็เชื่อว่ามีคนจำนวนมากกว่าที่จะขอบคุณผมในอนาคตเพราะมีคนต้องทนทุกข์น้อยลงในเหมืองถ่านหิน คุณภาพชีวิตของผู้คนจะพัฒนามากขึ้น”

นั่นเป็นกฎของการพัฒนาอารยธรรม ถึงแม้ว่าเรื่องอาจจะดูแย่ลงหรือติดขัดชั่วคราว ในระยะยาว คุณภาพชีวิตจะพัฒนาขึ้นเสมอ

ปัญญาประดิษฐ์จะฉลาดมากยิ่งขึ้นมากกว่ามนุษย์ วันหนึ่ง มนุษย์สามารถทำตัวเป็นพระเจ้า แก้ไขยีนและทำให้ตัวเองมีอำนาจเหนือทุกอย่าง…

“การแช่แข็งจำศีลมนุษย์ก็เหมือนกัน มันจะให้โอกาสที่สองสำหรับผู้ป่วยโรคร้ายแรง มันก็จะทำให้อารยธรรมด้ขยายไปทั่วกาแล็กซี่

มันจะส่งผลกระทบต่อสังคมในแง่ลบ…ปัญหาที่คุณพูดถึงนั้นถูกต้อง แต่ผมคิดว่ามนุษยชาติจะหาทางแก้ไขที่เหมาะสมสำหรับปัญหาพวกนี้ เหมือนกับที่พวกเราหาวิธีแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์”

ลู่โจวมองดูศาสตราจารย์แองกัสและพูดเสริมว่า “และงานของคุณคือการปรับใช้เทคโนโลยีพวกนี้ในสังคมด้วยทางที่ไม่ทำลายล้าง”

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+