Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ 530

Now you are reading Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ Chapter 530 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 530 บัลลังก์สิบปี เอกสิทธิ์เสนอชื่อ

ใต้ภูเขาเวหาอมตะ บ้านพักบ่อน้ำร้อน

ผู้แทนองค์กรวิญญาณแห่งฝ่ายจัดการประลองเทียนเซี่ย เทียนทิงยืนอยู่ข้างบ่อ สายตาจับจ้องไปยังไอสีขาวที่พ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง

เขายืนอยู่ตรงนี้ลำพังเป็นเวลานานแล้ว เหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับสิบของอำนาจต่าง ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตล้วนไม่กล้าเข้ามารบกวน

ในตอนนี้ มีคนที่อยู่ในระดับสิบของอำนาจต่าง ๆ ประมาณห้าสิบคน คนเหล่านี้ต่างอยู่ในสวนแห่งนี้ ราวกับรอคอยบางอย่าง

“น้องชายหยู่ซ่าง สิบปีกำลังจะผ่านไปอีกแล้ว พริบตาเดียว เจ้าเองก็อายุมากขึ้นแล้วเหรอ ! ” ชายที่มีหนวดสีขาว มองดูอายุประมาณห้าสิบปีพูดเพราะเสียงหัวเราะเล็กน้อย

เจ้าตำหนักหยู่มองไปยังชายหน้ายิ้มคนนี้ ฉีกยิ้มเล็กน้อยที่ยากจะเห็น พูดประชดว่า “เจ้าตำหนักหลิง อยู่โลกตะวันออกไม่มีอะไรทำ กลับมาใช้ชีวิตเกษียณที่เมืองเทียนเซี่ยเหรอ”

“เพ้อเจ้อ ข้ายังไม่ถึงอายุที่เกษียณ เหล่าดวงวิญญาณของข้าเหมือนกับข้า เต็มไปด้วยพลัง ครั้งนี้ข้ามาเพื่อการเสนอชื่อบัลลังก์เทียนเซี่ยนี้ ! ” ชายที่ถูกเรียกว่าเจ้าตำหนักหลิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง

“ที่แท้มาเพื่อเรื่องนี้ เจ้ามาไวเกินไป การประลองฟ้าดินระหว่างวัยหนุ่มยังไม่จบลง ว่าแต่ ตอนแรกเจ้าตำหนักหลิงบอกว่าจะชิงสี่ที่นั่งไม่ใช่เหรอ” เจ้าตำหนักหยู่ยิ้มแล้วพูดขึ้น

เจ้าตำหนักหลิงเผยสีหน้าลำบากใจออกมาทันที พูดพร้อมยิ้มฝืน ๆ ว่า “สิบปีนี้คงไม่มีหวังแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งรับมือกับเทียนทิงสี่ที่นั่ง เขาอัญเชิญดวงวิญญาณหลักตัวเดียวก็จัดการข้าได้แล้ว…”

เจ้าตำหนักหยู่อึ้งเล็กน้อย ต่อมาได้เผยความประหลาดใจออกมาจากนัยน์ตา

ตำแหน่งเจ้าตำหนักในตำหนักวิญญาณมีสามระดับ เจ้าตำหนักหลัก เจ้าตำหนักรอง และเจ้าตำหนักสาม

ก่อนหน้านี้เจ้าตำหนักหยู่ถูกผู้คนเรียกว่า เจ้าตำหนักหยู่หลัก นี่เป็นชื่อเรียกสำหรับเจ้าตำหนักหยู่ในตำหนักวิญญาณเท่านั้น เขาเป็นแค่เจ้าตำหนักสามคนหนึ่ง

ความสามารถของเจ้าตำหนักทั้งสามระดับมีการแบ่งอยู่แล้ว โดยปกติความสามารถของเจ้าตำหนักสามเทียบเท่าเจ้าโลกคนหนึ่ง

ชายชราที่อยู่ตรงหน้าเจ้าตำหนักหยู่คนนี้เป็นเจ้าตำหนักของตำหนักวิญญาณ มีตำแหน่งรองจากท่านอาวุโสของตำหนักวิญญาณ ความสามารถเก่งกว่าเจ้าโลกอย่างมาก ผู้แข็งแกร่งแบบนี้มีสิทธิ์ที่จะเข้าชิงบัลลังก์เทียนเซี่ยจริง ๆ

แต่ว่าที่ทำให้หยู่ซ่างคาดไม่ถึงคือ การต่อสู้ระหว่างเจ้าตำหนักหลิงกับเทียนทิง กลับพ่ายแพ้อย่างอนาถแบบนี้ !

ในบัลลังก์ฟ้าดินมีสี่ที่นั่ง เป็นผู้แข็งแกร่งทั้งสี่คนที่มีความสามารถรองจากผู้ครองบัลลังก์ สี่ที่นั่งนี้แบ่งเป็นขององค์กรวิญญาณ วังมารนิรย ตำหนักวิญญาณ และวังดวงวิญญาณ ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่คนนี้เป็นผู้นำสูงสุดของฝ่ายจัดการประลองฟ้าดินทั้งหมดนี้ พวกเขาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดของการประลองฟ้าดิน

เทียนทิงองค์กรวิญญาณ อายุของเขาไม่มาก แต่กลับเป็นหัวหน้าสี่ที่นั่ง เป็นคนที่มีความสามารถใกล้กับผู้ครองบัลลังก์มากที่สุด

และสิบปีนี้ หลังจากหลีหงแล้ว เทียนทิงองค์กรวิญญาณเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดบัลลังก์นี้ !

“เห้อ ไม่พูดแล้ว ถ้าปีนี้ไม่ได้เสนอชื่อ รอให้ถึงสิบปีต่อมา ข้าก็อายุมากแล้ว จะไปเข้าชิงได้อย่างไร หยู่ซ่าง เจ้าต้องพยายามหน่อย เข้าชิงเสนอชื่อให้ได้” เจ้าตำหนักหลิงบอก

“มังกรอัญมณีแก้วของข้าพุ่งทะลายถึงเทียบเท่าราชันเมื่อไม่นาน ความสามารถเท่านี้….สิบปีนี้ข้ายังไม่เข้าร่วมดีกว่า” เจ้าตำหนักหยู่บอก

โดยปกติแล้ว คนที่มีตำแหน่งเจ้าตำหนักวิญญาณซึ่งเป็นระดับสิบจะต้องมีดวงวิญญาณระดับราชันอย่างน้อยหนึ่งตัว เจ้าโลกคนหนึ่งที่คิดจะรักษาหน้าตัวเอง ก็จำต้องมีดวงวิญญาณระดับนี้

แต่ว่า ต่อให้เป็นเจ้าโลกหรือเจ้าตำหนักระดับสิบ ก็ต้องมีความสามารถโดดเด่นอย่างเจ้าตำหนักหลิง มิฉะนั้น ยากที่จะมีสิทธิ์เข้าเสนอชื่อในการประลองฟ้าดินนี้ !

“ท่านเทียนทิง ! ”

“ผู้นำเทียนทิง ! ”

ตอนที่กำลังสนทา ผู้นำสี่ที่นั่งเทียนทิงหันกลับมาอย่างช้า ๆ กวาดตามองไปยังเหล่าตัวแทนระดับสิบของอำนาจต่าง ๆ นี้

ตำแหน่งของเทียนทิงในเมืองเทียนเซี่ยสูงส่งมาก และเป็นสิ่งที่ผู้คนพูดถึงว่า เหนือคนนับหมื่น เป็นรองผู้เดียว ความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าเหล่าระดับสิบนี้หลายท่านมาก

เผชิญกับผู้แข็งแกร่งแบบนี้ ไม่มีใครไม่เผยท่าทีเกรงขามออกมา !

“ปีที่ผ่านมาเกิดแร้งเลือดไม่น้อย คาดว่าทุกคนได้ยินมาบ้างแล้ว เหล่านักปราชญ์ได้คาดการณ์ไว้ ด้วยลักษณะของหุบเขาตัดหมื่นมังกร ปีหลังจากนี้ จะเกิดแร้งมังกรอีกครั้ง และครั้งนี้จะสาหัสกว่าสองปีที่ผ่านมา จะกระทบทั้งสี่เขตโลกคือ โลกตะวันตก โลกจั้นหลี โลกหลัว โลกน้ำแข็งเหนือ โลกตะวันตกอยู่ในเขตปกครองของวังมารนิรย แล้วเจ้าวังของวังมารนิรยอยู่ที่ใด” เทียนทิงบอก

“เจ้าวังมารนิรยไป๋ซั่ว เข้าพบผู้นำเทียนทิง” ชายที่มองดูอายุประมาณสามสิบกว่าปียืนขึ้น

ชายคนนี้มองดูอายุไม่ต่างจากรุ่นวัยหนุ่มขั้นหนึ่งมากเท่าไร ยืนอยู่ระหว่างเจ้าตำหนักรุ่นผู้ใหญ่เกินครึ่งนี้ โดดเด่นเป็นพิเศษ

“ไป๋ซั่ว ที่แท้เจ้าเด็กนี่มารับงานที่เมืองเทียนเซี่ยแล้ว” เจ้าตำหนักหลิงพูดกับเจ้าตำหนักหยู่เสียงเบา

ไป๋ซั่วเป็นอัจฉริยะของวังมารนิรย เป็นผู้แข็งแกร่งยิ่งที่มีชื่อเสียงรองจากราชโอรสของตำหนักวิญญาณ อายุน้อย ๆ แต่ได้ตำแหน่งเจ้าวังมารนิรยระดับสิบแล้ว นับว่าเป็นคนที่อยู่ในระดับเดียวกับเจ้าตำหนักหยู่คนหนึ่ง !

ไป๋ซั่วเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้แข็งแกร่งระดับที่สิบ หลายคนทำนายว่า สิบปีครั้งหน้า ถ้าจะเสนอชื่อในสี่ที่นั่ง จะต้องมีชื่อของไป๋ซั่วแน่นอน

“โลกตะวันตกและโลกน้ำแข็งเหนืออยู่ในการปกครองของวังมารนิรยของพวกเจ้า ออกคำสั่งให้เจ้าเมืองของเขตโลกทั้งสองกระจายข่าวไปยังเจ้าเมืองทั้งหมด ทำการป้องกันล่วงหน้า เกณฑ์พลทหาร ทำการรับมือกับแร้งมังกรที่จะมาถึงเมื่อไม่นานนี้” เทียนทิงบอก

หลังจากพูดจบ เทียนทิงได้บอกสิ่งเดียวกันให้กับตำหนักวิญญาณที่ปกครองโลกจั้นหลี และผู้เกี่ยวข้องของวังดวงวิญญาณที่ปกครองโลกหลัว

การป้องกันเรื่องแร้งมังกรของโลกจั้นหลีอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าตำหนักหยู่ คาดว่าตอนที่แร้งมังกรมาถึง เจ้าตำหนักหยู่ต้องไปโลกจั้นหลีอีกครั้ง

“ต่อมาเป็นเรื่องการเสนอชื่อสิบปี ท่านหลีหงในตอนนี้กำลังจัดการเรื่องยากเรื่องหนึ่ง ให้ข้าเป็นคนส่งสารแทน”เทียนทิงบอก

ตอนที่พูด ผู้นำสามคนที่เหลือได้เดินเข้ามาด้วย ยืนฟังอยู่ข้างเทียนทิง

“แร้งมังกรเป็นหายนะที่มีมาเนิ่นนาน จำต้องรับมือให้ได้ ส่วนการเสนอชื่อสิบปีนี้ จะให้แร้งมังกรเป็นหัวข้อ ให้เวลาทุกคนสองปี ในสองปีนี้ พวกเจ้าสามารถเข้าไปในหุบเขาหักมังกรหมื่นได้ตามใจ ถ้าได้หัวของแมลงปีศาจเวหาสิบปีกตัวหนึ่งก็จะมีเอกสิทธิเข้าเสนอชื่อ” เทียนทิงบอก

พอพูดแบบนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับสิบทั้งห้าสิบคนได้ส่งเสียงขึ้น !

แมลงปีศาจเวหาสิบปีกเป็นระดับราชันขั้นต่ำ !!!

จะฆ่าดวงวิญญาณระดับราชันขั้นต่ำตัวหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับพวกเขาแล้ว แล้วนี่ยังเป็นดวงวิญญาณระดับราชัน และเป็นแมลงปีศาจเวหาที่มีจำนวนนับหมื่นตัว !

เท่ากับว่า ถ้าคิดจะฆ่าแมลงปีศาจเหวาสิบปีกตัวหนึ่ง ไม่เพียงแต่ต้องมีดวงวิญญาณระกดับราชันขั้นต่ำขึ้นไป ยังต้องมีความสามารถที่จะรับมือกับกองทับของแมลงปีศาจเวหานี้ด้วย และพลังต่อสู้ของกองทัพแมลงปีศาจเวหาเหล่านี้ไม่ด้อยไปกว่าพลังของราชันตัวหนึ่ง !!!

“นี่คิดจะคร่าชีวิตคนแก่อย่างข้าเหรอ ! ” เจ้าตำหนักหลิงร้องขึ้นมา

แมลงปีศาจเหวาระดับราชันจะปรากฏตัวแค่ตอนแร้งมังกร เดิมหุบเขาตัดหมื่นมังกรนี้ก็เป็นป่าช้าของผู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว ให้พวกเขาบุกเข้าไปเพื่อฆ่าแมลงปีศาจเวหาระดับราชันตัวหนึ่ง เท่ากับให้พวกเขาส่งดวงวิญญาณของพวกเขาไปตายชัด ๆ !

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับสิบคนอื่นต่างส่งเสียงร้องขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ไม่คิดว่า เอกสิทธิ์เสนอชื่อนี้จะยากขนาดนี้ !!!

“นี่เป็นเจตนาของหลีหง แม้จะยากไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แน่นอนว่า ยังมีทางอื่นที่จะได้เอกสิทธิ์เสนอชื่อนี้ นี่เป็นแค่หนึ่งในนั้น หุบเขาตัดมังกรหมื่นนี้เป็นหนึ่งในหายนะของทั่วฟ้าดินนี้ ส่วนตัวข้ายังหวังว่า จะมีผู้ที่มีความสามารถตั้งแมลงปีศาจเหวาเป็นเป้าหมาย ส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งก็เป็นบททดสอบของพวกเจ้าเอง” ท่านอาวุโสถิงแห่งตำหนักวิญญาณพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เมื่อเทียบกับน้ำเสียงเคร่งเครียดของเทียนทิงแล้ว น้ำเสียงของท่านอาวุโสถิงตำหนักวิญญาณนี้อ่อนโยนกว่ามาก เห็นได้ชัดว่า เป็นชายชราอารมณ์ดีคนหนึ่ง

“หลังจบการประลองฟ้าดิน เหล่าผู้แข็งแกร่งที่คัดจากขั้นที่หนึ่งและขั้นที่สองจะถูกส่งไปยังเมืองใหญ่ของเขตโลกทั้งสี่เพื่อจัดการเรื่องแร้งมังกร รับผิดชอบในการกวาดล้างแมลงปีศาจเหวาแปดปีกกับหกปีก เรื่องนี้จะประกาศหลังจบการประลองฟ้าดิน” ท่านอาวุโสวังดวงวิญญาณไห่ชิวพูดขึ้น

เรื่องเป็นแบบนี้ ผู้คนทำได้แค่ยอมรับเรื่องนี้ แต่เสียงถอนหายใจยังคงไม่น้อย

หลังจากสั่งสองเรื่องนี้แล้ว เทียนทิงได้จากไปทันที

เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับสิบของอำนาจต่าง ๆ ได้เจรจาตอนที่จากไป พวกเขาได้ยินเรื่องแร้งมังกรมาบ้างแล้ว แต่พวกเขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับการชิงบัลลังก์ฟ้าดินด้วย

หลังจากผู้คนจากไป ชายผมขาว แต่ใบหน้ากลับไม่ต่างจากวัยผู้ใหญ่ได้เดินออกมา

รอยตีนกาของชายคนนี้ลึกมาก เห็นได้ชัดว่าอายุมากแล้ว แต่บนตัวเขากลับไม่เผยท่าทีไร้เรี่ยวแรงของคนชราออกมา แต่กลับมั่นคง แน่วแน่

ตอนที่ท่านอาวุโสถิงตำหนักวิญญาณเห็นชายชราคนนี้เดินออกมา ได้เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา รีบโค้งคำนับ” ท่านผู้เฒ่าอาวุโส!”

ผู้มีอำนาจสูงสุดของสวนตำหนักวิญญาณ ท่านผู้เฒ่าอาวุโส !

ท่านผู้เฒ่าอาวุโสในตำหนักวิญญาณแทบไม่ยุ่งเรื่องใด พวกเขาจะทำการตัดสินหลังจากที่เกิดเรื่องใหญ่ให้ตำหนักวิญญาณเท่านั้น !

ชายชราผมขาวพยักหน้าไปยังท่านอาวุโสถิง สะบัดมือเล็กน้อย เป็นการบอกให้ท่านอาวุโสถิง เย้เทา ไห่ชิวทั้งสามคนออกไป

ถิงฟง เย้เทา ไห่ชิว เป็นสามที่นั่งของบัลลังก์ ต่อให้เป็นเย้เทา ท่านอาวุโสวังมานิรยที่เป็นศัตรูของตำหนักวิญญาณเห็นท่านผู้เฒ่าอาวุโสตำหนักวิญญาณคนนี้ ก็ไม่กล้าทำท่าทีเย่อหยิ่งใด ๆ ถอยออกไปนอกสวนเงียบ ๆ

“ท่านผู้เฒ่าอาวุโสอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยตลอดเหรอ” เทียนทิงมองไปยังท่านผู้เฒ่าอาวุโสตำหนักวิญญาณคนนี้ แล้วถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“พักใหญ่แล้ว” ท่านผู้เฒ่าอาวุโสบอก

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงให้ท่านหลีหงกับข้าบอก แต่ไม่บอกเองละ หรือว่าท่านไม่กลัวว่า คนอย่างข้าน้อยเทียนทิงคิดกบฎ ลงมือตั้งแต่ก่อนการประลองฟ้าดิน” น้ำเสียงของเทียนทิงประหลาดมาก

“ถ้าเจ้าคิดจะลงมือละก็ ข้าก็ห้ามไม่ได้ แต่บางคนไม่ได้คิดเยอะเหมือนคนแก่อย่างข้า ข้าก็แค่ไม่อยากกระตุ้นความมัวหมองนี้เท่านั้น” ท่านผู้เฒ่าอาวุโสบอก

“ปีที่ผ่านมายังรอมาแล้ว หนึ่งเดือนนี้คงไม่เป็นอะไร ถึงตอนนั้นหวังว่า ท่านผู้เฒ่าอาวุโสจะพูดแทนข้า “น้ำเสียงของเทียนทิงราบเรียบขึ้นมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด