Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ 575

Now you are reading Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ Chapter 575 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 575 มุ่งหน้าไปยังด่านที่สิบ (1)

“นายท่าน พกพวกนี้ไปด้วย เกราะวิญญาณขั้นเก้า นอกจากพวกที่อยู่ในรายชื่อแข็งแกร่งที่สุด คนอื่นไม่น่าจะมีเงินมากพอที่จะซื้อได้ ให้ดวงวิญญาณของเจ้าสวมชุดทั้งหมดนี้ ถ้าเจอผู้แข็งแกร่งขั้นหนึ่งเหล่านั้น ให้ดวงวิญญาณอื่นของเจ้าจัดการก็พอแล้ว ให้มั่วเย้เก็บแรงไว้ มิฉะนั้น ตอนที่เจอผู้หญิงดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์คนนั้น จะไม่มีพลังต่อสู้แล้ว” ผู้เฒ่าหลีบอก

ตอนที่พูด ผู้เฒ่าหลีได้นำแหวนช่องว่างของฉิงเย้กับเซี่ยกว่างหานและชุดทั้งหมดให้ชู่มู่ ถึงตอนนี้แล้ว ผู้เฒ่าหลีเองก็ไม่กล้าซ่อนของไว้

ชู่มู่พยักหน้า เร่งให้ผู้เฒ่าหลีพาเย้หวันเชิงกับเย้ชิงจือกลับไป

“ชู่มู่ ฝากด้วยละ” เย้หวันเชิงบอก พลางโอบเย้ชิงจือไว้ ขี่ปีศาจลูกม้าวายุ เริ่มกลับไปตามลายเส้นสีเขียว

“แล้วก็ นายท่าน แม้การฟื้นพลังของดวงวิญญาณราชันจะไม่ยาก แต่พวกมันกินเยอะมาก จำต้องเก็บแรงของจิ้งจอกน้อยไว้ มิฉะนั้น เศษวิญญาณไม่สามารถเติมเต็มท้องของราชันได้ และจะไม่สามารถฟื้นพลังของดวงวิญญาณระดับราชันได้…” ก่อนที่ผู้เฒ่าหลีจะจากไป ได้พูดเตือนอีกครั้ง

ชู่มู่พยักหน้า มองดูเย้หวันเชิงกับผู้เฒ่าหลีพาเย้ชิงจือจากไป

หลังจากพวกเขาจากไป ชู่มู่ยังยากที่จะใจเย็นลงได้ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปรับอารมณ์ของตัวเอง

“อู อู อู” มั่วเย้เองก็ใช้ภาวะอาวรณ์อย่างฉลาด กลายเป็นราชันอัคคีตัวน้อย รูปร่างไม่ต่างจากอาวรณ์แบบเดิม น่ารักอย่างยิ่งเช่นกัน

มั่วเย้กระโดดขึ้นไหล่ของชู่มู่ ใช้ลิ้นเลียแก้มของชู่มู่ ราวกับเป็นการบอกให้ชู่มู่ไม่ต้องกังวล

ชู่มู่ลูบหางจิ๋วทั้งเก้าเส้นของมั่วเย้ ค่อย ๆ ปรับอารมณ์

“ชู่มู่ เซี่ยกว่างหานกับฉิงเย้มีเกราะวิญญาณขั้นเก้าทั้งหมดสี่ตัว ชุดวิญญาณโจมตีรอบด้านขั้นเก้าหนึ่งตัว ให้ดวงวิญญาณของเจ้าใส่เถอะ” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก

“แล้วเจ้าละ” ชู่มู่ถามขึ้น

“ข้ากับปิงอิ๋งมีเกราะวิญญาณขั้นเก้าทั้งคู่ ต่อจากนี้พวกเราต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งขั้นหนึ่งที่เข้าสู่ด่านที่สิบได้ ในบรรดาดวงวิญญาณของข้ามีเพียงปีศาจจิ้งจอกผนึกน้ำแข็งพิฆาตกับมารนิรยขาวที่ก่อให้เกิดประโยชน์ได้บ้าง ดวงวิญญาณอื่นเข้าร่วมการต่อสู้ไม่ได้ ยังต้องให้เจ้าเป็นกำลังหลักในการต่อสู้” องค์หญิงจิ่งโหลวเองก็ไม่ฝืน บอกความต่างของความสามารถตัวเองออกมา

องค์หญิงจิ่งโหลวแทบไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุน เธอผู้เป็นที่รักของท่านอาวุโส และผู้อาวุโสมักจะได้รับการดูและเป็นพิเศษ สิ่งที่องค์หญิงจิ่งโหลวยังขาดอยู่คือการฝึกดวงวิญญาณ

“อืม” ชู่มู่พยักหน้า นำเกราะวิญญาณขั้นเก้าของฉิงเย้ เซี่ยกว่างหานเก็บเข้าช่องว่างดวงวิญญาณ

ความจริงแล้ว ส่วนใหญ่แหวนช่องว่างของฉิงเย้กับเซี่ยกว่างหานเต็มไปด้วยยากับผลึกวิญญาณ เศษวิญญาณ ไม่มีสิ่งที่มีค่าเท่าไร

นี่เป็นเรื่องที่ปกติ ผู้คุมดวงวิญญาณส่วนใหญ่ ถ้ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งของตัวเอง ตอนที่พวกเขาออกเดินทางหรือมุ่งหน้าไปยังที่อันตรายบางแห่ง โดยปกติจะเก็บของมีค่าของตัวเองไว้ที่นั่น เพื่อป้องกันเวลาที่แหวนสูญหายหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น สมบัติทั้งหลายจะไม่หายไปหมด

จั้นเย้กับมารนิรยขาวมีเกราะวิญญาณขั้นเก้าแล้ว ชุดวิญญาณโจมตีรอบด้านชู่มู่ได้ให้กับจั้นเย้ ให้จั้นเย้สวมชุดทั้งหมด

จั้นเย้อยู่ในลักษณะเก้าขั้นกลาง หลังจากได้ชุดวิญญาณโจมตีรอบด้านแทบไม่ต้องใช้ดวงใจแห่งมังกรหาญ ความสามารถของมันก็เทียบเท่ากับจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบได้แล้ว คาดว่าแค่พลังกับความสามารถแตกหักงอกใหม่ของจั้นเย้ฟื้นกลับมาหมด ดวงใจแห่งมังกรหาญของจั้นเย้ระเบิดออกในตอนสุดท้ายจะทำให้มันเข้าใกล้ระดับจักรพรรดิชั้นยอดอย่างมาก

มารนิรยขาวได้สวมชุดทั้งหมดแล้ว พลังฟื้นที่แย่งจากองค์หญิงปีศาจขาวจะหายไปอย่างรวดเร็ว มันจะกลับสู่จักรพรรดิขั้นสูง แน่นอนว่า อาศัยไฟปีศาจเก้าวิญญาณ มารนิรยขาวที่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิชั้นยอดที่ไม่มีหมวดรองเหล่านั้นห่างแค่ขั้นเดียว เพียงพอที่จะสู้กับจักรพรรดิชั้นยอดได้

ในบรรดาชุดวิญญาณสี่ตัวนี้ ได้ให้มั่วเย้ใส่เกราะวิญญาณขั้นเก้าตัวหนึ่ง เพิ่มพลังป้องกันให้มั่วเย้เล็กน้อย แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับการป้องกันของราชันแล้ว เกราะวิญญาณขั้นเก้าตัวนี้ก็เป็นแค่เครื่องประดับเท่านั้น

“ชู่มู่เจ้าเองก็ต้องใส่ตัวหนึ่ง มิฉะนั้น ถ้าผู้หญิงคนนั้นโจมตีไปยังเจ้า เจ้าจะไม่มีความสามารถต้านทานได้” องค์หญิงจิ่งโหลวเห็นชู่มู่คิดจะให้ดวงวิญญาณใส่เกราะวิญญาณทั้งหมด ได้เตือนชู่มู่

องค์หญิงจิ่งโหลวเองก็หมดคำพูดกับการกระทำของชู่มู่อย่างมาก ผู้คุมดวงวิญญาณอื่นมีเกราะวิญญาณ จะใส่ให้กับตัวเองก่อน และแล้วชู่มู่ในตอนนี้มีชุดวิญญาณขั้นเก้าหกตัว กลับไม่คิดจะใส่ให้ตัวเองตัวหนึ่ง

ชู่มู่พยักหน้า รู้สึกว่าจำเป็น ในตอนนี้จึงได้หยิบเกราะวิญญาณตัวหนึ่ง ใส่ให้กับตัวเอง

อีกสองตัวที่เหลือ ชู่มู่ได้ใส่ให้อสูรสายฟ้านิมิตราตรีตัวหนึ่ง อีกตัวหนึ่งใส่ให้กับราชันผีหินผา

การต่อสู้ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นภูตพันววายุ ภูตเวหาน้ำแข็งหรือปีศาจนักรบไม้ พวกมันล้วนยากที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ได้ และในตอนนี้ ราชันผีหินผาที่มีการป้องกันแข็งแกร่งยิ่งกลับรับมือได้

ราชันผีหินผาในตอนนี้อยู่ในลักษณะเก้าขั้นสอง เดิมการป้องกันก็เพิ่มขึ้นจนอยู่ในขั้นเก้าระยะสุดท้ายแล้ว หลังจากแปรเปลี่ยนผีราชัน จะอยู่ในขั้นเก้าระยะสมบูรณ์ ถ้าสวมเกราะวิญญาณขั้นเก้านี้ด้วย ราชันผีหินผาจะรับมือกับทักษะขั้นสิบได้ !

การสวมชุดแบบนี้ ความสามารถของชู่มู่ได้เพิ่มขึ้นด้วย

ราคาของเกราะวิญญาณขั้นเก้าทุกตัวอยู่ที่ห้าพันล้าน สำหรับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงในขั้นหนึ่งแล้ว พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือนเพื่อทำประกาศขั้นเก้าราคาหนึ่งพันล้านให้สำเร็จ อีกทั้งมีโอกาสสำเร็จต่ำมาก

ยิ่งกว่านั้น ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ยังต้องจ่ายเงินเพื่อเลี้ยงดวงวิญญาณและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ดวงวิญญาณ มีไม่กี่คนที่จะมีเงินเหลือไปซื้อชุดวิญญาณราคาแพงได้

ดังนั้น ต่อให้อยู่ในขั้นหนึ่ง เกราะวิญญาณขั้นเก้าก็เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมาก ไม่มีใครที่จะสวมชุดทั้งหมดแบบชู่มู่ ชู่มู่จะได้เปรียบด้านชุดอย่างมาก

“จั้นเย้ เจ้ากลับไปพักก่อน ปีศาจขาวเจ้าอยู่สู้ต่อไป” ชู่มู่บอก

ความสามารถแตกหักงอกใหม่ของจั้นเย้หมดแล้ว ต้องพักผ่อนเพื่อให้ฟื้นกลับมา มารนิรยขาวเป็นเพราะได้แย่งพลังฟื้นขององค์หญิงปีศาจขาว พลังต่อสู้ยังเต็มอิ่มอยู่ ต่อไปต้องให้ปีศาจขาวกวาดล้างเส้นทางทั้งหมด

“องค์หญิง พวกเราไปเถอะ” ชู่มู่เดินไปพูดกับองค์หญิงจิ่งโหลว

องค์หญิงจิ่งโหลวอุ้มปิงอิ๋งจิ้งจอกน้อยสีน้ำแข็งในภาวะอาวรณ์ ขี่ปีศาจลูกม้าวายุของวังมารนิรย เดินอยู่ข้างชู่มู่

ลานกว้างแท่นบูชาอสูรเลือด รันทดอย่างมากแล้ว หลังจากองค์หญิงจิ่งโหลวกับชู่มู่จากไปครึ่งวัน ผู้อาวุโสของวังมารนิรยเย้เทาได้รีบมาถึงที่นี่

ผู้อาวุโสเย้เทามาที่นี่ก็เพื่อลดกำลังของอสูรเลือดที่ถูกผนึกไว้ตัวนั้น แต่ว่า ในตอนที่เขาเห็นผู้เฝ้าหินทั้งหมดในลานกว้างนี้ได้กลายเป็นเศษ ความตกใจบนใบหน้าทวีคูณขึ้น!

“เกิดอะไรขึ้น ! นี่…นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ !” ผู้อาวุโสเย้เทาร้องขึ้นอย่างเสียสติ

ผู้อาสุโสเย้เทารู้ดี ถ้าผู้เฝ้าหินทั้งหมดถูกฆ่าตายละก็ จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของผนึกที่สอง

ในตอนนี้ ผู้อาวุโสเย้เมาเริ่มตรวจดูสถานการณ์ของผนึก ที่ทำให้สีหน้าของประธานเปลี่ยนไปคือ ผนึกที่สองถูกพลังบางอย่างฉีกออกแล้ว !

ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ ดวงวิญญาณระดับราชันที่แข็งแกร่งยิ่งตัวนั้นซึ่งอยู่ด้านล่างผนึกที่สองกำลังจะทำลายผนึก !

เย้เทารู้ความสาหัสของเรื่องนี้ รีบรวมร่ายวิญญาณให้เป็นเสียง ตะโกนขึ้นฟ้าว่า

“ข้าคือประธานเย้เทา ! ผู้เข้าแข่งขันเข้าชิงเกียรติสุดท้ายขั้นสองฟังไว้ รีบออกจากเมืองอมตะนี้ไปตามสัญลักษณ์สีเขียว ผู้ที่ไม่เชื่อฟัง รับผิดชอบเรื่องหลังจากนี้เอง !!!”

“…รีบออกจากเมืองอมตะนี้ไปตามสัญลักษณ์สีเขียว ผู้ที่ไม่เชื่อฟัง รับผิดชอบเรื่องหลังจากนี้เอง !!!”

เสียงนี้กระจายไปทั่วทั้งเมืองอมตะ เหล่าผู้เข้าแข่งขันขั้นสองที่ไม่รู้เรื่องยังวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ แท่นบูชาอสูรเลือดอยู่ พยายามเข้าไปที่นั่น แต่หลังจากได้ยินเสียงนี้ ต่างมึนงงอย่างมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าจะยกเลิกการแข่งขันงั้นหรือ”

“ฝ่ายจัดการประลองหมายความว่าอย่างไร พวกเราทุ่มเททุกอย่างเพื่อมาถึงที่นี่ จะถึงแท่นบูชาอสูรเลือดแล้ว กลับให้พวกเรากลับไปงั้นหรือ”

“ไม่ได้เกียรติสุดท้ายขั้นที่สอง ข้าจะไม่ออกจากเมืองอมตะนี้ !”

“อาจมีเรื่องอันตราย เพื่อความปลอดภัย พวกเราออกจากที่นี่เถอะ”

เสียงดังขึ้นจากตำแหน่งต่าง ๆ ของเมืองอมตะแห่งนี้

คนส่วนใหญ่ได้เชื่อฟังคำสั่งของผู้อาวุโสเย้เทา ต่อให้ไม่เข้าใจ ต่อให้ลังเล แต่ก็เริ่มออกจากเมืองอมตะ

แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่ดื้อดัน อย่างไรก็ตาม พวกเขาเข้าใกล้แท่นบูชาอสูรเลือดอย่างมากแล้ว ชัยชนะอยู่ตรงหน้า จะให้พวกเขาจากไปเป็นเรื่องที่ยากมากจริง ๆ

ลานกว้างเทียนเซี่ย

“สถานการณ์ของเมืองอมตะในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

สถานการณ์ที่แท่นบูชาอสูรเลือดเป็นสิ่งที่ทุกคนจดจ่อในตอนนี้ แม้แต่ข่าวขั้นหนึ่งก็ไม่น่าสนใจเท่าเรื่องอของชู่มู่

ตอนที่ชู่มู่กับมั่วเย้เข้าสู่ผนึก หายนะกลุ่มยังคงดำเนินต่อ พูดได้ว่า คนทั้งหมดในที่นี่อยู่กับดวงวิญญาณส่งสารบริเวณแท่นบูชาอสูรเลือดอยู่ ได้เห็นขั้นตอนทั้งหมดที่ผู้เฝ้าหินฆ่าล้างกันเองจนเหลือไม่กี่ตัว “กับตา”

จนกระทั่งตอนท้ายที่สุด ผู้คนแทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงการคาดเดาจากผู้คุมดวงวิญญาณมากประสบการณ์ นั่นอาจเป็นทักษะภูตวิญญาณที่ดวงวิญญาณระดับราชันของชู่มู่ ทำให้ผู้เฝ้าหินเหล่านั้นฆ่ากันเอง

“เย้หวันเชิงพาเย้ชิงจือที่ได้รับบาดเจ็บออกจากเมืองอมตะ” ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารได้กระจายข่าวของพวกเขา

“ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณละ ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณเป็นอย่างไรบ้าง ดวงวิญญาณราชันตัวนั้นเป็นของเขา หรือเป็นสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งบางอย่างของเมืองอมตะที่บังเอิญเข้ามาช่วยชู่เฉิง” ยังคงมีหลายคนที่ไม่เชื่อว่าชู่มู่จะมีดวงวิญญาณราชันจริง ๆ

ในรุ่นวัยหนุ่ม ชั้นยอดของขั้นหนึ่งคือจักรพรรดิชั้นยอด ไม่มีทางที่จะมีดวงวิญญาณระดับราชันปรากฏตัวขึ้น !

“ไม่เห็นดวงวิญญาณราชันตัวนั้น แต่ว่า…ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณ องค์หญิงจิ่งโหลว พวกเขามุ่งหน้าไปส่วนลึกของเมืองอมตะแล้ว…ทิศทางนี้…ทิศทางนี้ เหมือนจะมุ่งหน้าไปด่านที่สิบ !” ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารบอก

“อะไร !!! ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณกับองค์หญิงจิ่งโหลวมุ่งหน้าไปด่านที่หนึ่งแล้วงั้นหรือ”

ข่าวนี้ทำให้ลานกว้างเทียนเซี่ยระเบิดออกทันที !!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด