Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ 622 เมืองเจ็ดสี การอพยพครั้งใหญ่ (1)

Now you are reading Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ Chapter 622 เมืองเจ็ดสี การอพยพครั้งใหญ่ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 622 เมืองเจ็ดสี การอพยพครั้งใหญ่ (1)

ผลึกหมวดไม้ขั้นห้าเป็นไม้เทิดทูน โดยปกติมีเพียงดวงวิญญาณหมวดไม้ระดับราชันเท่านั้นถึงจะมีผลึกหมวดไม้ระดับห้านี้ ปีศาจนักรบไม้ได้เรียนรู้ผลึกหมวดไม้ระดับห้านี้ในระดับจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว ทำให้ชู่มู่ยิ้มกว้างกว่าเดิม

ผลึกหมวดไม้ไม่ได้แปลว่าปีศาจนักรบไม้มีความสามารถระดับราชัน แต่ว่า อย่างน้อยนี่ทำให้ปีศาจนักรบไม้เรียนรู้ไวกว่าดวงวิญญาณหมวดไม้ที่อยู่ในจักรพรรดิชั้นยอดแต่ยังควบคุมแค่ผลึกหมวดไม้ระดับสี่อยู่

ผลึกหมวดไม้เป็นอาวุธโจมตีของดวงวิญญาณโลกภูตอสูร ปีศาจนักรบไม้ได้เรียนรู้ไม้เทิดทูนแล้ว เท่ากับว่าได้พื้นฐานของจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว บวกกับชุดวิญญาณโจมตีรอบด้านขั้นสิบตัวหนึ่ง แก้ปัญหาพลังอ่อนแอและการโจมตีที่กระจายออกมาเกินไปของปีศาจนักรบไม้ได้แล้ว นอกจากว่าจะเจอหมวดไฟที่เป็นปรปักษ์กับตระกูลพืช ต่อให้ปีศาจนักรบไม้เผชิญกับจักรพรรดิชั้นยอด ก็จัดการได้

“ดีมาก ดีมาก เรียนรู้ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ ดวงวิญญาณของนายท่านสู้มากจริงๆ!”ผู้เฒ่าหลียิ้มออกมา

ชู่มู่ตบไหล่ของปีศาจนักรบไม้เบาๆ ฉีกยิ้มออกมา การเพิ่มขึ้นของปีศาจนักรบไม้ในครั้งนี้ ได้แก้ปัญหาใหญ่ให้ชู่มู่อันหนึ่งแล้ว

ต่อให้ปีศาจนักรบไม้ยังไม่ถึงระดับราชัน แต่การปล่อยทักษะมากมายและการโจมตีกลุ่มหมวดไม้ของมันที่แข็งแกร่ง สร้างประโยชน์เทียบเท่าราชันตัวหนึ่งแล้ว ที่สำคัญยังปกป้องคนได้ไม่น้อยด้วย

“นายท่าน มีปีศาจนักรบไม้ ความสามารถของเจ้าในตอนนี้จัดการชนเผ่ากลุ่มเสือดาวทั้งกลุ่มได้แล้ว ปัญหาในตอนนี้คือการคุกคามของบ่อน้ำตะวันตก อีกทั้งคนในตระกูลชู่ไม่น้อยต้องการให้ท่านปกป้องด้วย”ผู้เฒ่าหลีบอก

“ข้ามีวิธี ถึงจะเสี่ยง แต่ลองดูได้”ชู่มู่บอก

วิธีที่ชู่มู่บอกไม่ใช่เพียงแค่ปกป้องตระกูลชู่ทั้งตระกูลได้ อีกทั้งยังต้องได้แหล่งวิญญาณมาด้วย!

“ชู่มู่ เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”ในห้องโถงใหญ่ ชู่เทียนหลิงพูดพร้อมเบิกตากว้าง

สมาชิกสำคัญของตระกูลชู่อยู่ในห้องโถงใหญ่หมด คนทั้งหมดหลังจากได้ยินแผนการของชู่มู่ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“นี่เสี่ยงเกินไปแล้ว ถ้าไม่ระวัง พวกเราทั้งหมดรวมถึงคนนับหมื่นของเมืองเจ็ดสีจะต้องตายลงหมด!”ชู่เทียนเจี๋ยคัดค้าน

เหล่าวัยหนุ่มต่างนั่งอยู่ที่นี่หมด สีหน้านิ่งสงบ ไม่กล้าออกความเห็นใดๆ

ครั้งนี้ ถึงเวลาที่ตระกูลชู่ต้องตัดสินใจแล้ว ก่อนหน้านี้คนทั้งหมดยังเจรจาว่า จะหลบลงใต้ดินดีไหม รอให้การช่วยเหลือของโลกตะวันตกมาถึง หรือให้คนส่วนใหญ่ลงใต้ดิน แค่ให้คนส่วนน้อยของตระกูลชู่ฝ่าออกไป

การหลบลงใต้ดินใช้ได้แค่กับตอนที่ยังไม่เกิดการถล่ม ทันทีที่เมืองถล่ม ต่อให้หลบลงใต้ดินสุดท้ายก็จะถูกฆ่าตายอยู่ดี อย่างไรดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งเหล่านั้นสามารถได้กลิ่นไอของมนุษย์

ส่วนคนส่วนน้อยของตระกูลชู่ที่ฝ่าออกไป ตระกูลชู่มี 500 กว่าคนที่อยู่ร่วมทุกข์สุขด้วยกัน ให้พวกเขาทิ้งคนพวกนี้ไว้แล้วหนีไป พวกเขาจะรู้สึกผิดตลอดชีวิต อย่างไรไม่ใช่ทุกคนจะมีจิตใจที่โหดเหี้นม นั่นเป็นคนของครอบครัวตัวเอง 400 กว่าคนกับประชาชน 3 หมื่นกว่าชีวิต

ไม่ว่าจะเลือกอะไร สำหรับตระกูลชู่แล้ว เป็นเรื่องที่ยากมาก

“กองทัพบ่อน้ำตะวันตกจะกลืนกินเมืองเจ็ดสีสักวัน เมืองเจ็ดสีเอาไม่อยู่แล้ว จำต้องอพยพ”ชู่มู่พูดอย่างจริงจัง

ชู่เทียนเหิงใบหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดสักคำเป็นเวลานาน

ในตอนนี้ คนทั้งหมดมองไปยังชู่เทียนเหิง พวกเขารู้สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ก็ต้องตัดสินใจให้ได้ข้อสรุปออกมา

“ชู่มู่ ทำตามที่เจ้าบอก!ทั้งตระกูลชู่ 500 กว่าคน ทั้งเมืองเจ็ดสีมีคนที่ไร้ที่ไป 3 หมื่นกว่าคน จะเป็นจะตาย ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”ในที่สุด ชู่เทียนเหิงพูดออกมา เขามองไปยังชู่มู่ด้วยสายตาแน่วแน่

“วางใจได้ ข้าจะปกป้องคนทั้งหมดสุดกำลัง”ชู่มู่พยักหน้า

ชู่มู่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง และเขาต้องการความเชื่อใจของชู่เทียนเหิงที่มีต่อตัวเองด้วย มิฉะนั้นหากระหว่างที่อพยพเกินความสงสัยใดๆ จะพังทลายหมด

คืนนั้น ชู่มู่ได้บอกแผนการของตัวเองให้ผู้แข็งแกร่งองค์กรการค้า

ผู้แข็งแกร่งองค์กรการค้าล้วนเป็นคนฉลาด ใครก็ไม่อยากถูกขังตายอยู่ที่นี่ ถ้ามีพวกเขาเข้าร่วมละก็ การอพยพครั้งนี้ จะมีพวกเขาคอยปกป้องคนของเมืองเจ็ดสี ปลอดภัยมาก

“ล้อเล่นอะไรกัน พาคนนับหมื่นพุ่งไปยังชนเผ่ากลุ่มเสือดาวทิศใต้?สมองเจ้าไปหมดแล้วเหรอ!!”ซุนหยวนร้องขึ้น

“ต่อให้พวกเราเชื่อว่าเจ้ามีดวงวิญญาณระดับราชันคอยช่วยเหลือ พอที่จะกำจัดชนเผ่ากลุ่มเสือดาว แต่จะไม่เข้าเสี่ยงแน่นอน ยิ่งไปทางใต้ ก็ยิ่งเข้าใกล้เมืองต้องห้าม จะหาทางออกจากที่นั่น เหมือนฆ่าตัวตายทั้งเป็น”ซุนพันบอก

ซุนพันผิดหวังมาก เพราะเห็นได้ชัดว่าชู่มู่ไม่คิดจะเข้าร่วมการฝ่าของพวกเขา แต่กลับโง่อย่างยิ่งที่คิดจะพาคนทั้งเมืองออกจากสถานการณ์อันตรายนี้ไป

คนทั้งเมืองมี 3 หมื่นกว่าคน เป้าหมายมหาศาลแบบนี้ ทันทีที่ออกจากเมือง เท่ากับเป็นการเอาอาหารโอชารสออกไปล่อ เหล่าสิ่งมีชีวิตหิวโหยดุร้ายพวกนี้จะไม่มาแย่งชิงกันได้อย่างไร ดังนั้นต่อให้ซุนพันเชื่อว่าชู่มู่มีดวงวิญญาณระดับราชันคอยช่วยเหลือ จะไม่เข้าร่วมแผนการของชู่มู่แน่นอน ถ้าทำอย่างนั้นจะตายอนาถกว่าคนของประตูเมืองหลัวอีก

“ด้านใต้ไม่มีกลุ่มของบ่อน้ำตะวันตก เดินสวนทางกัน เป็นวิธีที่ไม่แย่ เจ้าบอกว่าในหุบเขาที่มีหน้าผารอบด้านซึ่งเป็นพื้นที่ของชนเผ่ากลุ่มเสือดาวปลอดภัยกว่าเมืองเจ็ดสีมาก นั่นเป็นสถานที่หลบภัย เสียดายการเปลี่ยนแปลงนี้มากเกินไป ข้านับถือความสามารถและความกล้าของเจ้า แต่ข้าก็ทำได้แค่ขอให้เจ้าโชคดี”วัยหนุ่มเจ้าวิญญาณหกร่ายพูดขึ้น

ชู่มู่มองไปยังวัยหนุ่มเยือกเย็นคนนี้ คำพูดของเขาไม่ดุดันเหมือนซุนหยวน เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นวัยหนุ่มที่มีความแน่วแน่อย่างแท้จริง

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นขอให้พวกเจ้าโชคดี”ชู่มู่รู้ว่าไม่มีทางบังคับให้คนอื่นเข้าร่วม เดิมแผนการนี้ต้องการความเชื่อใจจากคนอื่นอยู่แล้ว ยังต้องใช้ชีวิตเข้าเสี่ยงด้วย พวกเขาไม่เข้าร่วมก็เป็นเรื่องของพวกเขาเอง

“ข้าน้อยซุนซือหลง หวังว่าหลังจากนี้พวกเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีก”วัยหนุ่มที่ชื่อซุนซือหลงยิ้มเล็กน้อย แสดงความเป็นมิตร

“อำนาจของกองทัพบ่อน้ำตะวันตกไม่ด้อยกว่าชนเผ่าหนึ่ง คาดจะล้อมทั้งเขตเมืองตะวันตกแล้ว ส่วนเขตเมืองอื่นมีเรื่องแบบนี้อีกหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่พวกเจ้าระวังตัวเถอะ”ชู่มู่ยังเป็นมิตรกับซุนซือหลง ถือว่าเป็นการเตือน

หลังจากชู่มู่พุดจบ องค์กรการค้าหลายคนเผยสีหน้าตกใจออกมา

ตอนที่พวกเขาได้สติ ชู่มู่ได้หันหลังจากไปแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ชู่มู่พูดเป็นจริงหรือเท็จ

“คุณชาย เจ้าเชื่อว่าเขามีราชันจริงไหม?”ซุนพันถามเสียงเบา

ซุนหยวนหัวเราะด้วยความเยือกเย็น พูดขึ้นว่า “เขาอยากให้พวกเราเข้าร่วมจึงสร้างเรื่องแบบนี้พวกหลอกพวกเราแน่นอน ส่วนรอบๆ เมืองเจ็ดสีเป็นชนเผ่าขั้นหนึ่ง?จะเป็นไปได้อย่างไร!”

“รอบๆ นี้เป็นเขตโลกหลายแห่ง คนที่มีดวงวิญญาณระดับราชันพวกเราต่างรู้ดี อีกทั้งคนที่มีดวงวิญญาณระดับราชันด้วยอายุเท่านี้มีอยู่จริงเหรอ?”

แม้ซุนซือหลงจะอายุน้อย กลับแน่วแน่และมีไหวพริบกว่าคนอื่นขององค์กรการค้ามาก ตอบอย่างนิ่งๆ ว่า”ในเมืองเทียนเซี่ยกลับมีคนหนึ่งที่มีดวงวิญญาณระดับราชัน อีกทั้งยังมีอายุยี่สิบกว่าปี”

“หรือว่า…คุณชายหมายถึงที่ถูกห้ามเข้าแข่งขัน…”

“ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณ!!วัยหนุ่มที่คว้าเกียรติสุดท้ายของการประลองฟ้าดินขั้นหนึ่ง!!”ซุนพันได้สติกลับมา ร้องออกมาทันที!

“เป็นไปไม่ได้หรอก ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตำหนักวิญญาณแอบฝึก เป็นการมีอยู่ที่เทียบเท่าระดับโอรสของตำหนักวิญญาณ เขาจะเกิดในตระกูลเล็กๆ นี้ได้อย่างไร ต่อให้พวกเขานามสกุลชู่เหมือนกัน ใช่ว่าจะเป็นเขา?”ซุนหยวนพูดด้วยความไม่เชื่อ

“นั่น…นั่นถ้าเขาเป็นชู่เฉิงจริง สิ่งที่เขาพูดอาจเป็นจริงได้ บ่อน้ำตะวันตกมีขนาดเท่าชนเผ่าขั้นหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นเมืองตะวันตกทั้งหมดจะถูกล้อมไว้หมด ความสามารถของพวกเราก็ใช่ว่าจะฝ่าออกไปได้…”

ซุนซือหลงส่ายหัว พูดต่อว่า”ถ้าเขาเป็นชู่เฉิง มีดวงวิญญาณระดับราชันแค่ไม่กี่ตัว เกรงว่าดวงวิญญาณอื่นคงไม่เกิดประโยชน์อะไร แค่ตัดการชนเผ่ากลุ่มเสือดาว ยากเกินไป อีกทั้งยังมีคนเยอะขนาดนั้น อันตรายเกินไป พวกเรายังคงทำตามแผนเดิมของพวกเราเถอะ”

คนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขายังคงเชื่อในพลังของตัวพวกเขาเอง

หลังจากที่ชู่มู่บอกแผนการให้คนขององค์กรการค้าแล้ว คิดจะไปดูที่ประตูเมืองหลัว

ตอนนี้คนทั้งหมดได้ลงเรือลำเดียวกัน ชู่มู่จะปกป้องคนทั้งหมดของเมืองเจ็ดสี ย่อมหวังว่าคนเหล่านี้จะเข้าร่วมด้วย ต่อให้ก่อนหน้านี้เจ้าพวกนี้ได้ยื่นข้อเสนอที่เหยียบหยามและไร้มารยาทต่อตระกูลชู่มากเพียงใด

และแล้ว ตอนที่ชู่มู่มั่งหน้าไปถึงที่อยู่ของประตูเมืองหลัว กลับพบว่า คนของประตูเมืองหลัวได้หายไปหมดแล้ว!

“ทุเรศเกินไปแล้ว พวกเขาไม่บอกพวกเราสักคำ หนีไปแบบนี้แล้ว!ยังบอกว่าจะรับมือเมืองนี้ ถ้าให้พวกเขาปกครองเมืองเจ็ดสี มีอันตรายก็หนีไป คนในเมืองก็อย่าคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!!”ชู่หลั่งที่มากับชู่มู่ด่าออกมา!

ชู่มู่จะไม่ทำดีกับใครจนลำบากตัวเองและจะไม่ทำร้ายใครด้วย ใช้กฎเดียวกับเย้ชิงจือ ช่วยคนเท่าที่ไม่ทำร้ายตัวเอง

แต่การกระทำของประตูเมืองหลัวในวันนี้ ทำให้หมดความเป็นมนุษย์อย่างถึงที่สุด!ไม่พูดสักคำ หนีไปทันที!

ชู่มู่รู้ว่าโอกาสที่พวกเขาจะเข้าร่วมเป็นศูนย์ แต่พวกเขาทำแบบนี้ ทำให้คนอื่นหมดคำพูด สมน้ำหน้าที่พวกเขาถูกคนขององค์กรการค้าหลอกใช้

ก่อนหน้านี้ตอนที่ประตูเมืองหลัวเสนอจะยึดครองตระกูลชู่กับเมืองเจ็ดสี ชู่มู่ก็ไม่รู้สึกดีต่อพวกเขาแล้ว ตอนนี้หนีไปลำพัง ยิ่งทำให้ชู่มู่เกลียดพวกเขาถึงที่สุด

“ต่อให้พวกเขาหนีออกไปได้ ข้าก็จะกำจัดพวกเขา”สายตาของชู่มู่เยือกเย็น เกิดความอาฆาตขึ้น!

หลังจากที่ชู่เทียนเหิงตัดสินใจแล้ว ได้รวมตัวให้ประชาชนทั้งหมดของเมืองเจ็ดสีรวมกันในคืนนี้ ประกาศการตัดสินใจอพยพครั้งใหญ่

ที่อยู่ในเมืองเจ็ดสีล้วนเป็นชาวบ้านที่อยู่มานาน พวกเขารู้จักเมืองเจ็ดสีดีกว่าใคร

อย่างสถานการณ์ในวันที่ผ่านมา ไม่เคยเกินขึ้นในสิบกว่าปีนี้ ดังนั้น พวกชาวบ้านสัมผัสได้ถึงหายนะที่กำลังมาถึงแล้ว

เดิมที คน 3 หมื่นกว่าเดาได้แล้วว่า ตระกูลชู่ที่เพิ่งจะปกครองเมืองนี้ไม่กี่ปีอาจละทิ้งเมืองนี้ไป แล้วจากไป

และแล้ว ในตอนที่เจ้าเมืองชู่เทียนเหิงตัดสินใจแบบนี้ 3 หมื่นกว่าคนสะเทือนใจทันที

พวกเขารู้ดีเป็นอย่างมาก ทันทีที่ภัยแร้งมาถึง พวกเขาเป็นแค่ภาระ ผู้ปกครองพาพวกเขาทั้งหมดจากไป เป็นการทำให้พวกเขาตายลงเช่นกัน การกระทำแบบนี้ ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตา

เดิม 3 หมื่นกว่าคนก็ควบคุมยากอยู่แล้ว แต่ที่น่าแปลกใจคือ ครั้งนี้คนทั้งหมดรู้ตัวเป็นอย่างดี เชื่อฟังการจัดระเบียบของตระกูลชู่หมด

ตอนเช้าตรู่ เริ่มย้ายคนออกจากทางออกทิศใต้

บนอาคาร ชู่มู่ที่ขี่จั้นเย้มองดูกลุ่มคนนับหมื่นเหล่านี้ อารมณ์ซับซ้อนอย่างมาก

เขาเองก็ไม่รู้ว่าพาคนเยอะขนาดนี้หนีไปหุบเขาชนกลุ่มเสือดาวเป็นการกระทำที่ฉลาดหรือไม่ สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่ พยายามจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้า…

——————————————————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด