SSS-Class Suicide Hunte 48.1 วิธีการยืนหยัดต่อหน้าคนทั้งโลก (2
SSS-Class Suicide Hunter SSSH ตอนที่ 48.1 วิธีการยืนหยัดต่อหน้าคนทั้งโลก (2)
SSSH ตอนที่ 48.1 วิธีการยืนหยัดต่อหน้าคนทั้งโลก (2)
แบ ยุรยอง
ผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าจักรพรรดิดาบเป็นผู้ชายที่มีแนวโน้มที่จะโผล่ออกมาถ้าคุณผสมคนโรคจิตกับคนแก่ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง ด้วยอัตราส่วนที่สมบูรณ์แบบนี้ 99% ของเวลาที่จักรพรรดิดาบพูดกับฉัน มันมักเป็นเรื่องบ้าๆบอกๆหรือเรื่องไร้สาระ
– เมื่อฉันแกว่งดาบมันไม่ได้มีแค่สกิลของฉันเท่านั้นที่สำคัญ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ 1% มีสาระสำคัญของคนแก่-โรคจิตอยู่
– ความศรัทธา! ความมั่นใจ! การมีศรัทธาในตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
แบ ยุรยองมีสีหน้าที่เคร่งขรึม
– แม้แต่กับเรื่องไร้สาระของนายก็เหมือนกัน
มันเป็นเสียงวิจารณ์ที่ดังสนั่นซึ่งมาจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของเขา
– ฉันหลอกตัวเองว่าสามารถหลอกลวงฝ่ายตรงข้ามได้! นายต้องเชื่อในคำโกหกของตัวนายเองก่อน จงมีความมั่นใจ! ไม่ว่าคำโกหกของนายจะน่าเชื่อแค่ไหนหากนายทำโดยไม่มั่นใจ ฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่มีทางเชื่อ ถึงแม้ว่ามันจะไร้สาระแค่ไหนตราบใดที่นายมีความมั่นใจ นายก็จะล่อพวกมั่นให้ติดกับได้
“จริงเหรอ?”
– ฉันรู้เพราะฉันทำมันมาบ่อยแล้ว!
บางทีอัตราส่วนคนโรคจิตกับคนแก่อยู่ที่ประมาณ 6: 4 แทนล่ะมั้ง
– แน่นอนว่าถ้ามันเป็นเรื่องโกหก 100% ฝ่ายตรงข้ามจะไม่เชื่อนายและนายจะไม่เชื่อตัวเองดังนั้นจงผสมคำโกหกของนายเข้ากับความจริง! ผสมความจริง 10% กับเรื่องโกหก 90%!
*ผสม?
– ถูกต้อง นั่นแหละคือความงดงามของคำโกหก หากนายเชื่อในความจริง 10% ของนาย คำโกหกอีก 90% ที่เหลือจะตามออกมาเองโดยธรรมชาติแน่นอน
– จำไว้ซะซอมบี้ การโกหกต้องมีความมั่นใจ!
“อือฮือ”
ฉันมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา
กองทัพมาจากทั่วทวีปเพื่อจับเอสเทล ราชาปีศาจ ในหมู่พวกเขาทหารของกองทัพจักรวรรดิเอจิมซึ่งเป็นผู้ดูแลกิงทหารแนวหน้าพร้อมกับนายพลที่นำทหารกำลังจ้องมองมาที่ฉัน
ถ้าฉันไม่หลอกลวงพวกเขา ฉันจะตกอยู่ในอันตราย
“เหตุใดทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจึง…”
“แต่ดาบนั้นแน่นอนว่าเป็น…”
“ทำไมทูตถึงอยู่ในสถานที่เช่นนี้ล่ะ?”
พึมพำ
ทหารบางคนมองมาที่ฉันอย่างสงสัย กองทัพจักรวรรดิเอจิมก้มศีรษะเบ ๆ แต่นั่นคือทั้งหมดทหารที่สังกัดหน่วยอื่นไม่ได้มีสีหน้าสงสัย ตามที่คาดไว้แม้แต่กองทัพจักรวรรดิก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครองได้
“ว่า ว่าแต่ท่านเป็นทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งงั้นหรือ…?”
ผู้นำสูงสุดของกองทัพจักรวรรดิตรวจสอบท่าทางของฉันอย่างระมัดระวัง
“ข้าขอถามคำถามโง่ๆกับท่านได้ไหม?”
“คำถามอะไร?”
“เหตุผลที่เรามาที่นี่ในวันนี้อย่างที่เคยพูดไปก็คือการปราบแม่มด เหตุใดทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจึงมาอยู่ที่นี่…?”
ฉันหลับตาลงครู่หนึ่ง
“การโกหกเป็นเรื่องของความมั่นใจ
ฉันอุทานพร้อมกับเปิดตากว้าง
“สุภาพบุรุษจากกองทัพจักรวรรดิ! แม่มดได้ถูกฉันปราบไปแล้ว!”
เสียงที่เต็มไปด้วยออร่าของฉันดังก้องไปทั่วทุ่งดอกอาซาเซีย
นายพลซาบาสต์ เอจิมตกใจ
“ฮะ – หาาาา? ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ว่าท่านปราบเธอไปแล้ว ท่านกำลัง.”
“โปรดมองทางนี้!”
ฉันเปิดทาง จากนั้นวิญญาณอาฆาตที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉันก็ถูกเปิดเผย ไม่ว่าพวกเขาจะรู้จักรูปร่างหน้าตาของเอสเทลอยู่แล้ว แต่บางคนก็จำเธอได้และตะโกนออกมา
“เอส- มันเป็นเอสเทล!”
“มันคือแม่มดแห่งตะวันตก!”
“ข้าเคยเห็นนางมาก่อน! เป็นผู้หญิงคนนั้น!”
“เผาแม่มดให้ตาย!”
ปากของวิญญาณอาฆาตส่งเสียงครวญครางและสะอีก
แต่ฉันพูดโดยไม่สนใจ
“วิญญาณอาฆาตเอ๋ย”
“คะ…?”
“มาคุกเข่าต่อหน้าพวกเขา”
คำสั่งที่หนักแน่น
วิญญาณอาฆาตที่ถูกลดฐานะจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของร้อยวิญญาณของฉันไม่มีอำนาจที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของฉัน เธอสะดุดและคุกเข่าลง
มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
“ก้มหัวลง”
วิญญาณอาฆาตก้มศีรษะของเธอลง
“ลงบนพื้น”
วิญญาณอาฆาตแตะพื้นด้วยมือที่สั่นเทาของเธอ เป็นเพราะความโกรธ? หรือเป็นเพราะความอับอายขายหน้า? ไม่ว่าจะอย่างไรเธอไม่สามารถพูดได้หรือเธอกำลังกัดลิ้นของเธอ แก้มทั้งสองข้างของวิญญาณดูแปลกไป หลังจากนั้นไม่นานเลือดไหลลงมาที่กรามของเธอจนถึงริมฝีปาก
“วางหน้าผากของเธอไว้ที่พื้น”
วิญญาณอาฆาตทำตามคำสั่งของฉัน
เหล่าทหารเฝ้าดู กลั้นหายใจขณะที่อดีตราชาปีศาจก้มหน้าผากของเธอลงบนพื้น ความโกรธและความอัปยศยิ่งปะปนไปกับเสียงลมหายใจของวิญญาณอาฆาต อย่างไรก็ตามเพื่อปกป้องสวรรค์เล็กๆของเธอ เธอเชื่อฟังคำสั่งของฉัน
ด้านหนึ่ง มันเป็นฉากที่น่าประทับใจ
สำหรับวิญญาณอาฆาต ฉันสั่งอย่างเคร่งขรึม
“ทำแบบนั้น เหยียดเท้าทั้งสองข้าง เตะพื้นแล้วหมุนตัวไปข้างหน้า”
เงียบสงัด
ความเงียบสงบปกคลุมทุ่มอาซาเซียไปชั่วขณะ
“…ฮะ?”
วิญญาณอาฆาตหันหน้ามามองฉัน
เธอดูราวกับว่าเธอได้ยินอะไรผิดไป
ฉันขมวดคิ้ว
“ไม่ได้ยินฉันหรือยังไง?”
“เอ่อ เอ่อ หา…?”
“ไปข้างหน้าและกลิ้งตัวไปข้างหน้า!”
คลุก คลุก คลุก
ร่างเล็กๆกลิ้งไปตามทุ่งหญ้าและผมสีบลอนด์ของเธอที่ยาวกว่าตัวของเธอก็ปลิวไสวและกวาดกลีบดอกอาซาเซียที่ร่วงลงบนพื้น หลังจากกลิ้งไปหนึ่งรอบวิญญาณอาฆาตยังคงมีสีหน้าราวกับว่าเธอไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรหรือทำไมเธอต้องทำอะไรแบบนี้
“ หืมมม”
ฉันพยักหน้า
“ ต่อไปก็ยืนด้วยมือ”
วิญญาณอาฆาตหันกลับมามองฉันอีกครั้ง
ดูเหมือนเธอจะสงสัยในสุขภาพจิตของเจ้านายคนใหม่ของเธอ
แน่นอนว่าฉันไม่ได้ยกคิ้วเลยแม้แต่น้อย
“เร็วเข้า นี่เธอยืนด้วยแขนไม่เป็นหรือยังไง?”
“อีกกก”
วิญญาณอาฆาตตัวสั่นและแตะพื้นด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ และในขณะที่เธอพยายามทำยืนด้วยแขนช้าๆ “อ๊ากกก!” บางทีเธออาจมีกำลังไม่พอ เธอจึงล้มลง “อึก อึก…” ราวกับว่ายน้ำอยู่บนพื้นดิน วิญญาณอาฆาตก็น้ำตาไหลพราก
ไม่ว่าจะยังไง ฉันยังคงสั่งด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด
“กระโดดตบยี่สิบครั้ง!”
“สควอตสิบครั้ง เริ่ม!”
“วิดพื้นสิบครั้งทันทีที่ทำเสร็จ!”
“ฉันสั่งให้เธอซิทอัพสิบครั้ง!”
“อยู่ในท่าแพลงก์เป็นเวลายี่สิบวินาที!”
หลังจากนั้นไม่นาน
“ไม่ ไม่เอาอีกแล้วนายท่าน ข้า ข้าขยับร่างกายไม่ได้”
อดีตราชาปีศาจไม่มีพลังแม้แต่จะยกนิ้วและทิ้งตัวลงบนพื้น
น้ำตาคลอเบ้าตาของเธอ
“อืม”
ฉันมองไปที่ซาบาสต์ เอจิม
” ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยัง?”
ซาบาสต์ เอจิมอ้าปากกว้าง ไม่เพียงแต่นายพลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทหารภายใต้การบังคับบัญชาของเขาด้วย กองทัพของทั้งทวีปมองอย่างงุนงงไปที่วิญญาณอาฆาตที่กำลังร้องไห้เหมือนเด็กๆ
“ทะ – ท่านทูตศักดิ์สิทธิ์ นี่มันอะไรกัน…”
“อย่างที่ฉันพูด”
ฉันเบิกตากว้างและจ้องอย่างไม่เกรงกลัว
“แม่มดพ่ายแพ้ให้แก่ฉันแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่มดก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของฉันได้!”
แน่นอนฉันพูดเสริมเข้าไป
“เป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่เธอจะสร้างความเสียหายให้กับผู้คนในทวีปนี้อีกต่อไป สุภาพบุรุษ พวกคุณสามารถมั่นใจได้เกี่ยวกับเรื่องแม่มดนี้”
เหล่าทหารโห่ร้อง
จากนั้นทหารก็สั่นเทา ผู้บัญชาการของกองทัพก็สับสนไปกับพวกเขา
“เอิ่ม ถ้าท่านทูตศักดิ์สิทธิ์…ถ้าท่านพูดอย่างนั้น…”
“ไม่ ช้าก่อน!”
ซาบาสต์ เอจิมซึ่งยอมอยู่ใต้อำนาจของดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครองดูเหมือนจะพยายามที่จะเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด แต่ผู้บัญชาการคนอื่นๆมีการแสดงออกว่า “นี่มันเรื่องไร้สาระห่าเหวอะไรกันวะ” บนใบหน้าของพวกเขา
ในหมู่พวกเขา หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก้าวไปข้างหน้าและตะโกน
“ นี่เจ้าทำบ้าอะไร! เรามาที่นี่เพื่อปราบแม่มด”
“ข้าหมายถึง ท่านทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งได้พูดไปแล้ว แม่มดพ่ายแพ้ไปแล้ว…”
“แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไร?!”
“ในทางกับกัน ข้าจะไม่เชื่อใจเขาได้อย่างไร? ในเมื่อท่านทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งสั่งเช่นนั้น แต่เจ้าไม่เห็นแม่มดทำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเหรอ?”
ซาบาสต์ เอจิมโกรธ พลังของดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครองนั้นน่าทึ่งมาก
หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์มีใบหน้าที่เหมือนจะพูดว่า “ฉันจะกระโดดขึ้นลงอย่างบ้าคลั่ง” เขาตะโกนขณะกระโดด
“มันจะเชื่อได้ยังไงว่าไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ตั้งแต่แรก! ไม่ใช่ดาบเล่มเดียวที่พิสูจน์ได้ว่าชายหนุ่มนั่นเป็นทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งไม่ใช่หรือ? ที่เจ้าทำแบบนี้เป็นเพียงเพราะดาบธรรมดาๆเล่มเดียวเท่านั้น ”
“นี่เจ้าพูดว่าดาบธรรมดาๆเล่มเดียวงั้นหรือ?”
เสียงของซาบาสต์ เอจิมดังขึ้น
“เจ้าบอกว่าดาบเพียงเล่มเดียวเหรอ!? โอ้พระเจ้า ตอนนี้เจ้ากล้าสงสัยในอำนาจของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิหรือ?! หลักฐานที่เราได้รับความโปรดปรานจากเทพธิดาคือดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครอง เจ้ากล้าดียังไง!”
หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์สะดุ้ง
“ไม่ ท่านนายพล ใจเย็นๆก่อนเข้าไม่ได้ตั้งใจหมายความว่าแบบนั้น”
“จักรพรรดิผู้ก่อตั้งรับดาบเล่มนั้นและจากไปดินแดนที่ห่างไกล! วิ่งผ่านทุ่งหญ้า ทิ้งมรดกไว้ในทุกเมืองที่เขาไป ปีนภูเขาไฟ เผาน้ำตกและแม้กระทั่ทะลวงภูเขา! เพียงเพื่อก่อตั้งจักรวรรดิ! บรรพบุรุษของเราทุกคนยืนอยู่กับจักรพรรดิผู้ก่อตั้งและพวกเราทุกคนก็เป็นหนี้เขา! แต่เจ้ากลับพูดว่าเพียงดาบธรรมดาๆเล่มเดียว” งั้นหรือ!”
“ไม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”
“ถ้าไม่ใช่ เช่นนั้นเจ้ากำลังพูดบ้าอะไรของเจ้า?!”
“ทะ ท่าน สมเด็จพระสันตะปาปาได้มอบคำสั่งให้กับข้า ข้าได้รับคำสั่งที่เข้มงวดให้เอาปราบแม่มดชั่วร้ายด้วยกำลทั้งหมด… แต่เพียงเพราะคำพูดเพียงคำเดียว”
นายพลของจักรวรรดิคำราม
“เจ้าหมายถึงอะไรเพียงเพราะคำพูดเพียงคำเดียว?! เจ้ากำลังตั้งคำถามเป็นนัยๆกับคำพูดของท่านทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งโดยใช้คำสั่งของสมเด็จพระสันตะปาปา!”
ว้าว
“อะไร อะไร…”
หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ปิดปากของเขา
มันใช้เวลาสองวินาทีในการทำให้ความสับสนของเขากลายเป็นความโกรธ
“เจ้าก็เช่นกัน เจ้าเองก็กล้าสงสัยในอำนาจของวิหารพระเจ้า!”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าหรอกหรือที่สงสัยในอำนาจของดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครองก่อน!”
“โอ้ โอ้ ดี! ข้าเข้าใจแล้ว! ดูเหมือนว่าองค์ชายที่สามที่เจ้าภักดีไม่จำเป็นต้องมีคำประกาศการสนับสนุนจากสมเด็จพระสันตะปาปาสินะ”
“ฮ่า ประกาศสนับสนุนอะไร?! ท่านทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งได้ปรากฏตัวขึ้นและเอาชนะแม่มดได้แล้ว ความรักของเทพธิดาเกี่ยวข้องกับการมองข้ามอำนาจอธิปไตยของจักรวรรดิอย่างไร?”
“นั่นเป็นความประสงค์ของฝ่ายองค์ชายที่สามหรือ?”
แม่ทัพของจักรวรรดิและอัศวินแห่งวิหารกำลังทะเลาะกันอย่างดุเดือด
ฉันยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ข้างใน
ยอดเยี่ยม
มีบางอย่างที่คุณต้องระวังเมื่อกลุ่มคนรวมตัวกัน
หากความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียวมันจะกลายเป็นการวิ่งตรงไปสู่การทำลายล้าง
“พวกเขาคงไปได้ไม่ไกล
เมื่อพวกเรา เหล่าฮันเตอร์ขึ้นไปชั้น 12 ในเวลานั้นมันคือความโชคร้าย แต่มีโครงสร้างพลังที่แตกต่างกันแปดอย่าง
ฉัน, เซียนดาบและหัวหน้ากิลด์ห้าอันดับแรกล้วนเป็นตัวแทนของโครงสร้างพลังอย่างละหนึ่งอย่าง และกองกำลังย่อยที่มีส่วนร่วมในอันดับที่ 8 ถึง 10
เราอยู่ด้วยกันเพื่อจุดประสงค์ภายนอกอย่าง “การเคลียร์หอคอย” แต่เราไม่เคยเป็นกลุ่มก้อนที่มั่นคง
มีบางอย่างซ้อนทับ เกิดความไม่ไว้วางใจ
นั่นคือเหตุผลที่เราทำลายตัวเองอย่างน่าสมเพชแม้ว่าจะมีตัวแปรที่ไม่คาดคิดเพียงอย่างเดียวที่เรียกว่า [รางวัลของราชาปีศาจ]
[เหล่านักรบ ผู้ที่ปืนปายหอคอย]
ทันทีที่ชั้น 11 ถูกเปิดออก ฉันก็นึกถึงสิ่งที่โฮโลแกรมของเทพธิดาพูด
โจากชั้น 11 ถึงชั้น 20 ท่านจะพบกับการทดสอบ การทดสอบแห่งศรัทธา
ฉันยิ้มอยู่ในใจ
การทดสอบแห่งความดี
“ไม่ใช่แค่ฮันเตอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้อยู่อาศัยในหอคอยก็ต้องผ่านมันไปด้วยเหมือนกันใช่มั้ย?”
นั่นจะไม่ทำให้โลกนี้ยุติธรรมขึ้นหน่อยหรอกหรือ?
Comments
SSS-Class Suicide Hunte 48.1 วิธีการยืนหยัดต่อหน้าคนทั้งโลก (2
SSS-Class Suicide Hunter SSSH ตอนที่ 48.1 วิธีการยืนหยัดต่อหน้าคนทั้งโลก (2)
SSSH ตอนที่ 48.1 วิธีการยืนหยัดต่อหน้าคนทั้งโลก (2)
แบ ยุรยอง
ผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าจักรพรรดิดาบเป็นผู้ชายที่มีแนวโน้มที่จะโผล่ออกมาถ้าคุณผสมคนโรคจิตกับคนแก่ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง ด้วยอัตราส่วนที่สมบูรณ์แบบนี้ 99% ของเวลาที่จักรพรรดิดาบพูดกับฉัน มันมักเป็นเรื่องบ้าๆบอกๆหรือเรื่องไร้สาระ
– เมื่อฉันแกว่งดาบมันไม่ได้มีแค่สกิลของฉันเท่านั้นที่สำคัญ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ 1% มีสาระสำคัญของคนแก่-โรคจิตอยู่
– ความศรัทธา! ความมั่นใจ! การมีศรัทธาในตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
แบ ยุรยองมีสีหน้าที่เคร่งขรึม
– แม้แต่กับเรื่องไร้สาระของนายก็เหมือนกัน
มันเป็นเสียงวิจารณ์ที่ดังสนั่นซึ่งมาจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของเขา
– ฉันหลอกตัวเองว่าสามารถหลอกลวงฝ่ายตรงข้ามได้! นายต้องเชื่อในคำโกหกของตัวนายเองก่อน จงมีความมั่นใจ! ไม่ว่าคำโกหกของนายจะน่าเชื่อแค่ไหนหากนายทำโดยไม่มั่นใจ ฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่มีทางเชื่อ ถึงแม้ว่ามันจะไร้สาระแค่ไหนตราบใดที่นายมีความมั่นใจ นายก็จะล่อพวกมั่นให้ติดกับได้
“จริงเหรอ?”
– ฉันรู้เพราะฉันทำมันมาบ่อยแล้ว!
บางทีอัตราส่วนคนโรคจิตกับคนแก่อยู่ที่ประมาณ 6: 4 แทนล่ะมั้ง
– แน่นอนว่าถ้ามันเป็นเรื่องโกหก 100% ฝ่ายตรงข้ามจะไม่เชื่อนายและนายจะไม่เชื่อตัวเองดังนั้นจงผสมคำโกหกของนายเข้ากับความจริง! ผสมความจริง 10% กับเรื่องโกหก 90%!
*ผสม?
– ถูกต้อง นั่นแหละคือความงดงามของคำโกหก หากนายเชื่อในความจริง 10% ของนาย คำโกหกอีก 90% ที่เหลือจะตามออกมาเองโดยธรรมชาติแน่นอน
– จำไว้ซะซอมบี้ การโกหกต้องมีความมั่นใจ!
“อือฮือ”
ฉันมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา
กองทัพมาจากทั่วทวีปเพื่อจับเอสเทล ราชาปีศาจ ในหมู่พวกเขาทหารของกองทัพจักรวรรดิเอจิมซึ่งเป็นผู้ดูแลกิงทหารแนวหน้าพร้อมกับนายพลที่นำทหารกำลังจ้องมองมาที่ฉัน
ถ้าฉันไม่หลอกลวงพวกเขา ฉันจะตกอยู่ในอันตราย
“เหตุใดทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจึง…”
“แต่ดาบนั้นแน่นอนว่าเป็น…”
“ทำไมทูตถึงอยู่ในสถานที่เช่นนี้ล่ะ?”
พึมพำ
ทหารบางคนมองมาที่ฉันอย่างสงสัย กองทัพจักรวรรดิเอจิมก้มศีรษะเบ ๆ แต่นั่นคือทั้งหมดทหารที่สังกัดหน่วยอื่นไม่ได้มีสีหน้าสงสัย ตามที่คาดไว้แม้แต่กองทัพจักรวรรดิก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครองได้
“ว่า ว่าแต่ท่านเป็นทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งงั้นหรือ…?”
ผู้นำสูงสุดของกองทัพจักรวรรดิตรวจสอบท่าทางของฉันอย่างระมัดระวัง
“ข้าขอถามคำถามโง่ๆกับท่านได้ไหม?”
“คำถามอะไร?”
“เหตุผลที่เรามาที่นี่ในวันนี้อย่างที่เคยพูดไปก็คือการปราบแม่มด เหตุใดทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจึงมาอยู่ที่นี่…?”
ฉันหลับตาลงครู่หนึ่ง
“การโกหกเป็นเรื่องของความมั่นใจ
ฉันอุทานพร้อมกับเปิดตากว้าง
“สุภาพบุรุษจากกองทัพจักรวรรดิ! แม่มดได้ถูกฉันปราบไปแล้ว!”
เสียงที่เต็มไปด้วยออร่าของฉันดังก้องไปทั่วทุ่งดอกอาซาเซีย
นายพลซาบาสต์ เอจิมตกใจ
“ฮะ – หาาาา? ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ว่าท่านปราบเธอไปแล้ว ท่านกำลัง.”
“โปรดมองทางนี้!”
ฉันเปิดทาง จากนั้นวิญญาณอาฆาตที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉันก็ถูกเปิดเผย ไม่ว่าพวกเขาจะรู้จักรูปร่างหน้าตาของเอสเทลอยู่แล้ว แต่บางคนก็จำเธอได้และตะโกนออกมา
“เอส- มันเป็นเอสเทล!”
“มันคือแม่มดแห่งตะวันตก!”
“ข้าเคยเห็นนางมาก่อน! เป็นผู้หญิงคนนั้น!”
“เผาแม่มดให้ตาย!”
ปากของวิญญาณอาฆาตส่งเสียงครวญครางและสะอีก
แต่ฉันพูดโดยไม่สนใจ
“วิญญาณอาฆาตเอ๋ย”
“คะ…?”
“มาคุกเข่าต่อหน้าพวกเขา”
คำสั่งที่หนักแน่น
วิญญาณอาฆาตที่ถูกลดฐานะจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของร้อยวิญญาณของฉันไม่มีอำนาจที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของฉัน เธอสะดุดและคุกเข่าลง
มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
“ก้มหัวลง”
วิญญาณอาฆาตก้มศีรษะของเธอลง
“ลงบนพื้น”
วิญญาณอาฆาตแตะพื้นด้วยมือที่สั่นเทาของเธอ เป็นเพราะความโกรธ? หรือเป็นเพราะความอับอายขายหน้า? ไม่ว่าจะอย่างไรเธอไม่สามารถพูดได้หรือเธอกำลังกัดลิ้นของเธอ แก้มทั้งสองข้างของวิญญาณดูแปลกไป หลังจากนั้นไม่นานเลือดไหลลงมาที่กรามของเธอจนถึงริมฝีปาก
“วางหน้าผากของเธอไว้ที่พื้น”
วิญญาณอาฆาตทำตามคำสั่งของฉัน
เหล่าทหารเฝ้าดู กลั้นหายใจขณะที่อดีตราชาปีศาจก้มหน้าผากของเธอลงบนพื้น ความโกรธและความอัปยศยิ่งปะปนไปกับเสียงลมหายใจของวิญญาณอาฆาต อย่างไรก็ตามเพื่อปกป้องสวรรค์เล็กๆของเธอ เธอเชื่อฟังคำสั่งของฉัน
ด้านหนึ่ง มันเป็นฉากที่น่าประทับใจ
สำหรับวิญญาณอาฆาต ฉันสั่งอย่างเคร่งขรึม
“ทำแบบนั้น เหยียดเท้าทั้งสองข้าง เตะพื้นแล้วหมุนตัวไปข้างหน้า”
เงียบสงัด
ความเงียบสงบปกคลุมทุ่มอาซาเซียไปชั่วขณะ
“…ฮะ?”
วิญญาณอาฆาตหันหน้ามามองฉัน
เธอดูราวกับว่าเธอได้ยินอะไรผิดไป
ฉันขมวดคิ้ว
“ไม่ได้ยินฉันหรือยังไง?”
“เอ่อ เอ่อ หา…?”
“ไปข้างหน้าและกลิ้งตัวไปข้างหน้า!”
คลุก คลุก คลุก
ร่างเล็กๆกลิ้งไปตามทุ่งหญ้าและผมสีบลอนด์ของเธอที่ยาวกว่าตัวของเธอก็ปลิวไสวและกวาดกลีบดอกอาซาเซียที่ร่วงลงบนพื้น หลังจากกลิ้งไปหนึ่งรอบวิญญาณอาฆาตยังคงมีสีหน้าราวกับว่าเธอไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรหรือทำไมเธอต้องทำอะไรแบบนี้
“ หืมมม”
ฉันพยักหน้า
“ ต่อไปก็ยืนด้วยมือ”
วิญญาณอาฆาตหันกลับมามองฉันอีกครั้ง
ดูเหมือนเธอจะสงสัยในสุขภาพจิตของเจ้านายคนใหม่ของเธอ
แน่นอนว่าฉันไม่ได้ยกคิ้วเลยแม้แต่น้อย
“เร็วเข้า นี่เธอยืนด้วยแขนไม่เป็นหรือยังไง?”
“อีกกก”
วิญญาณอาฆาตตัวสั่นและแตะพื้นด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ และในขณะที่เธอพยายามทำยืนด้วยแขนช้าๆ “อ๊ากกก!” บางทีเธออาจมีกำลังไม่พอ เธอจึงล้มลง “อึก อึก…” ราวกับว่ายน้ำอยู่บนพื้นดิน วิญญาณอาฆาตก็น้ำตาไหลพราก
ไม่ว่าจะยังไง ฉันยังคงสั่งด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด
“กระโดดตบยี่สิบครั้ง!”
“สควอตสิบครั้ง เริ่ม!”
“วิดพื้นสิบครั้งทันทีที่ทำเสร็จ!”
“ฉันสั่งให้เธอซิทอัพสิบครั้ง!”
“อยู่ในท่าแพลงก์เป็นเวลายี่สิบวินาที!”
หลังจากนั้นไม่นาน
“ไม่ ไม่เอาอีกแล้วนายท่าน ข้า ข้าขยับร่างกายไม่ได้”
อดีตราชาปีศาจไม่มีพลังแม้แต่จะยกนิ้วและทิ้งตัวลงบนพื้น
น้ำตาคลอเบ้าตาของเธอ
“อืม”
ฉันมองไปที่ซาบาสต์ เอจิม
” ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วหรือยัง?”
ซาบาสต์ เอจิมอ้าปากกว้าง ไม่เพียงแต่นายพลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทหารภายใต้การบังคับบัญชาของเขาด้วย กองทัพของทั้งทวีปมองอย่างงุนงงไปที่วิญญาณอาฆาตที่กำลังร้องไห้เหมือนเด็กๆ
“ทะ – ท่านทูตศักดิ์สิทธิ์ นี่มันอะไรกัน…”
“อย่างที่ฉันพูด”
ฉันเบิกตากว้างและจ้องอย่างไม่เกรงกลัว
“แม่มดพ่ายแพ้ให้แก่ฉันแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่มดก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของฉันได้!”
แน่นอนฉันพูดเสริมเข้าไป
“เป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่เธอจะสร้างความเสียหายให้กับผู้คนในทวีปนี้อีกต่อไป สุภาพบุรุษ พวกคุณสามารถมั่นใจได้เกี่ยวกับเรื่องแม่มดนี้”
เหล่าทหารโห่ร้อง
จากนั้นทหารก็สั่นเทา ผู้บัญชาการของกองทัพก็สับสนไปกับพวกเขา
“เอิ่ม ถ้าท่านทูตศักดิ์สิทธิ์…ถ้าท่านพูดอย่างนั้น…”
“ไม่ ช้าก่อน!”
ซาบาสต์ เอจิมซึ่งยอมอยู่ใต้อำนาจของดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครองดูเหมือนจะพยายามที่จะเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด แต่ผู้บัญชาการคนอื่นๆมีการแสดงออกว่า “นี่มันเรื่องไร้สาระห่าเหวอะไรกันวะ” บนใบหน้าของพวกเขา
ในหมู่พวกเขา หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก้าวไปข้างหน้าและตะโกน
“ นี่เจ้าทำบ้าอะไร! เรามาที่นี่เพื่อปราบแม่มด”
“ข้าหมายถึง ท่านทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งได้พูดไปแล้ว แม่มดพ่ายแพ้ไปแล้ว…”
“แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไร?!”
“ในทางกับกัน ข้าจะไม่เชื่อใจเขาได้อย่างไร? ในเมื่อท่านทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งสั่งเช่นนั้น แต่เจ้าไม่เห็นแม่มดทำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเหรอ?”
ซาบาสต์ เอจิมโกรธ พลังของดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครองนั้นน่าทึ่งมาก
หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์มีใบหน้าที่เหมือนจะพูดว่า “ฉันจะกระโดดขึ้นลงอย่างบ้าคลั่ง” เขาตะโกนขณะกระโดด
“มันจะเชื่อได้ยังไงว่าไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ตั้งแต่แรก! ไม่ใช่ดาบเล่มเดียวที่พิสูจน์ได้ว่าชายหนุ่มนั่นเป็นทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งไม่ใช่หรือ? ที่เจ้าทำแบบนี้เป็นเพียงเพราะดาบธรรมดาๆเล่มเดียวเท่านั้น ”
“นี่เจ้าพูดว่าดาบธรรมดาๆเล่มเดียวงั้นหรือ?”
เสียงของซาบาสต์ เอจิมดังขึ้น
“เจ้าบอกว่าดาบเพียงเล่มเดียวเหรอ!? โอ้พระเจ้า ตอนนี้เจ้ากล้าสงสัยในอำนาจของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิหรือ?! หลักฐานที่เราได้รับความโปรดปรานจากเทพธิดาคือดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครอง เจ้ากล้าดียังไง!”
หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์สะดุ้ง
“ไม่ ท่านนายพล ใจเย็นๆก่อนเข้าไม่ได้ตั้งใจหมายความว่าแบบนั้น”
“จักรพรรดิผู้ก่อตั้งรับดาบเล่มนั้นและจากไปดินแดนที่ห่างไกล! วิ่งผ่านทุ่งหญ้า ทิ้งมรดกไว้ในทุกเมืองที่เขาไป ปีนภูเขาไฟ เผาน้ำตกและแม้กระทั่ทะลวงภูเขา! เพียงเพื่อก่อตั้งจักรวรรดิ! บรรพบุรุษของเราทุกคนยืนอยู่กับจักรพรรดิผู้ก่อตั้งและพวกเราทุกคนก็เป็นหนี้เขา! แต่เจ้ากลับพูดว่าเพียงดาบธรรมดาๆเล่มเดียว” งั้นหรือ!”
“ไม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”
“ถ้าไม่ใช่ เช่นนั้นเจ้ากำลังพูดบ้าอะไรของเจ้า?!”
“ทะ ท่าน สมเด็จพระสันตะปาปาได้มอบคำสั่งให้กับข้า ข้าได้รับคำสั่งที่เข้มงวดให้เอาปราบแม่มดชั่วร้ายด้วยกำลทั้งหมด… แต่เพียงเพราะคำพูดเพียงคำเดียว”
นายพลของจักรวรรดิคำราม
“เจ้าหมายถึงอะไรเพียงเพราะคำพูดเพียงคำเดียว?! เจ้ากำลังตั้งคำถามเป็นนัยๆกับคำพูดของท่านทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งโดยใช้คำสั่งของสมเด็จพระสันตะปาปา!”
ว้าว
“อะไร อะไร…”
หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ปิดปากของเขา
มันใช้เวลาสองวินาทีในการทำให้ความสับสนของเขากลายเป็นความโกรธ
“เจ้าก็เช่นกัน เจ้าเองก็กล้าสงสัยในอำนาจของวิหารพระเจ้า!”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าหรอกหรือที่สงสัยในอำนาจของดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งการคุ้มครองก่อน!”
“โอ้ โอ้ ดี! ข้าเข้าใจแล้ว! ดูเหมือนว่าองค์ชายที่สามที่เจ้าภักดีไม่จำเป็นต้องมีคำประกาศการสนับสนุนจากสมเด็จพระสันตะปาปาสินะ”
“ฮ่า ประกาศสนับสนุนอะไร?! ท่านทูตของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งได้ปรากฏตัวขึ้นและเอาชนะแม่มดได้แล้ว ความรักของเทพธิดาเกี่ยวข้องกับการมองข้ามอำนาจอธิปไตยของจักรวรรดิอย่างไร?”
“นั่นเป็นความประสงค์ของฝ่ายองค์ชายที่สามหรือ?”
แม่ทัพของจักรวรรดิและอัศวินแห่งวิหารกำลังทะเลาะกันอย่างดุเดือด
ฉันยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ข้างใน
ยอดเยี่ยม
มีบางอย่างที่คุณต้องระวังเมื่อกลุ่มคนรวมตัวกัน
หากความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียวมันจะกลายเป็นการวิ่งตรงไปสู่การทำลายล้าง
“พวกเขาคงไปได้ไม่ไกล
เมื่อพวกเรา เหล่าฮันเตอร์ขึ้นไปชั้น 12 ในเวลานั้นมันคือความโชคร้าย แต่มีโครงสร้างพลังที่แตกต่างกันแปดอย่าง
ฉัน, เซียนดาบและหัวหน้ากิลด์ห้าอันดับแรกล้วนเป็นตัวแทนของโครงสร้างพลังอย่างละหนึ่งอย่าง และกองกำลังย่อยที่มีส่วนร่วมในอันดับที่ 8 ถึง 10
เราอยู่ด้วยกันเพื่อจุดประสงค์ภายนอกอย่าง “การเคลียร์หอคอย” แต่เราไม่เคยเป็นกลุ่มก้อนที่มั่นคง
มีบางอย่างซ้อนทับ เกิดความไม่ไว้วางใจ
นั่นคือเหตุผลที่เราทำลายตัวเองอย่างน่าสมเพชแม้ว่าจะมีตัวแปรที่ไม่คาดคิดเพียงอย่างเดียวที่เรียกว่า [รางวัลของราชาปีศาจ]
[เหล่านักรบ ผู้ที่ปืนปายหอคอย]
ทันทีที่ชั้น 11 ถูกเปิดออก ฉันก็นึกถึงสิ่งที่โฮโลแกรมของเทพธิดาพูด
โจากชั้น 11 ถึงชั้น 20 ท่านจะพบกับการทดสอบ การทดสอบแห่งศรัทธา
ฉันยิ้มอยู่ในใจ
การทดสอบแห่งความดี
“ไม่ใช่แค่ฮันเตอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้อยู่อาศัยในหอคอยก็ต้องผ่านมันไปด้วยเหมือนกันใช่มั้ย?”
นั่นจะไม่ทำให้โลกนี้ยุติธรรมขึ้นหน่อยหรอกหรือ?
Comments