Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 10 เหวลึก

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 10 เหวลึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10 เหวลึก

“ฟ่อ!”

พลันปรากฎงูเหลือมยักษ์ที่มีเกล็ดหนาสีแดงทั่วทั้งตัว มันยืดหัวโผล่ออกมาจากหมอกสีเลือดหมายจะจู่โจ่มเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนก้าวถอยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหลีกงูเหลือมยักษ์!

งูเหลือมยักษ์พลิกตัวราวกับปลาที่เคลื่อนไหวอย่างเสรีในทะเลหมอกสีเลือด มันส่ายหางแล้วเหวี่ยงตัวไปทางเขาอีกครั้ง!

เยี่ยฉวนถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกับมีดคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในมือขวา!

งูเหลือมยักษ์ส่งเสียงดังพร้อมกับพุ่งทะยานเข้าหาเขาด้วยความเกรี้ยวกราด!

ครั้งนี้เยี่ยฉวนไม่คิดหลบเลี่ยง แต่เขากลับพุ่งทะยานเข้าหามัน!

ทันทีที่งูเหลือมยักษ์และเยี่ยฉวนพุ่งเข้าโรมรันกัน เขาได้สร้างยันต์กลืนกินสวรรค์พร้อมกับโคจรพลังภายในร่างกาย เขาล้มตัวลงฉับพลันพลางไถลไปหยุดอยู่ใต้ท้องของมัน พร้อมใช้ใบมีดคมกริบในมือกรีดลากตั้งแต่ช่องท้องไปถึงหางจนขาดครึ่ง! และแล้วร่างของอสรพิษก็ร่วงลงกระแทกพื้น มันกระเสือกกระสนครวญครางด้วยความเจ็บปวดก่อนแน่นิ่งไป!

การบรรลุเพียงขั้นอูเจ๋อระดับที่ห้าไม่ควรค่าแก่การพูดถึงด้วยซ้ำ หากเทียบกับภพชาติก่อนที่เยี่ยฉวนอยู่ในจุดสูงสุดของการฝึกตน! แต่ถึงอย่างไรประสบการณ์ของเขา บวกกับร่างกายที่แข็งแกร่งและด้วยจิตตานุภาพที่มี ทำให้เขาปราดเปรียวว่องไวเหนือชั้นกว่าผู้อื่น หากคนทั่วไปตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถเอาตัวรอดได้…

การต่อสู้ระยะประชิด…คือศักยภาพที่แท้ของเคล็ดวิชาคืบอรุณ!

ประกอบกับพลังจากยันต์กลืนกินสวรรค์อันบ้าระห่ำที่ช่วยเพิ่มให้ศักยภาพของเคล็ดวิชาคืบอรุณทรงพลังยิ่งขึ้น แล้วงูเหลือมยักษ์จะรอดพ้นไปได้อย่างไร?!

เยี่ยฉวนเช็ดคราบเลือดออกจากใบมีดก่อนเก็บเข้าที่ เขาก้มลงตรวจสอบร่างของมันอย่างละเอียด ไม่นานก็ได้ข้อสรุปที่แม้แต่ตัวเขาก็ยากที่จะเชื่อ!

แม้งูเหลือมยักษ์จะมีขนาดลำตัวใหญ่เท่ากับต้นขา แต่มันเป็นแค่เพียงงูดอกกะหล่ำเท่านั้น แต่ลักษณะของงูดอกกะหล่ำตัวนี้แตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิงเพราะมันก้าวร้าวกว่ามาก! เขาไม่รู้แน่ชัดว่าเหตุใดมันจึงกลายพันธุ์!

เช่นนั้นยังมีสิ่งใดอีกบ้างในหุบเขามังกรปีศาจที่มีการกลายพันธุ์ เกิดสิ่งใดขึ้นที่ก้นเหวหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งล้านกว่าปีงั้นหรือ?!

แววตาของเยี่ยฉวนเผยแววสับสนขณะจับจ้องที่หุบเหวลึก ตรงหน้าเขามีเพียงหมอกสีเลือดลอยวนอย่างโกลาหล…

แมลงวันอสูรบินหายเข้าไปในหมอกสีเลือด ไร้ร่องรอยของมันโดยสมบูรณ์! เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้มันกลับไปที่รังหรือว่าตายตกไปแล้ว…

กลิ่นบางอย่างลอยขึ้นมาจากเบื้องล่างของเหวลึก ชวนให้ผู้ที่สูดดมนั้นรู้สึกอึดอัดใจ ทว่ากลับมีบางอย่างที่ทำให้เยี่ยฉวนตื่นตะลึง เพียงแค่เขายืนที่หน้าผาเพียงชั่วครู่ พลังปราณภายในร่างกายของเขาก็เริ่มกระสับกระส่าย เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการขัดเกลาผลึกเส้นโลหิตมังกรและการบรรลุขั้นอูเจ๋อระดับหก!

อาวุโสลำดับที่เจ็ดกล่าวถูกต้อง! ปราณหยางเข้มข้นไหลเวียนอยู่รอบๆ หุบเขามังกรปีศาจ มันสามารถเพิ่มพลังให้ผู้ฝึกตนที่กำลังศึกษาเคล็ดวิชาพลังหยางถึงสองเท่า! นอกจากนี้พลังหยางยังมีส่วนสำคัญในการฝึกเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์อีกด้วย!

เยี่ยฉวนพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์พลางหยิบธูปออกมาสองสามดอก เขาจุดธูปและปักไว้รอบตัว จากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่สมาธิ…

เยี่ยฉวนท่องตำราเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์อย่างเงียบๆ ธูปเพียงไม่กี่ดอกนี้ช่วยให้จิตวิญญาณของเขาสงบลง อีกทั้งยังช่วยปิดกั้นพิษจากหมอกสีเลือด… เขาพยายามควบคุมการฝึกตนของเขาไม่ให้ก้าวหน้าเร็วจนเกินไป ทว่าปราณวิญญาณและปราณหยางกลับโคจรในร่างกายขัดเกลาผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและกระดูกครั้งแล้วครั้งเล่า

ยิ่งร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด เขายิ่งจะดึงพลังของเคล็ดวิชาคืบอรุณออกมาได้มากเท่านั้น!

เยี่ยฉวนฝึกฝนอย่างค่อยเป็นค่อยไป เขามีความตั้งใจที่จะบ่มเพาะและค่อยๆ ไต่ระดับไปจนถึงขีดสุด วิธีนี้จะทำให้เขาจะวางรากฐานได้อย่างมั่นคง ทั้งยังสามารถแสดงศักยภาพของเคล็ดวิชาคืบอรุณออกมาได้อย่างเต็มที่!

สามวันผ่านไปเพียงชั่วพริบตา…

เยี่ยฉวนอยู่ที่นี่สามวัน เคราะห์ดีที่หลังจากเขาฆ่างูเหลือมยักษ์ไป ไม่มีสัตว์ร้ายอื่นขึ้นมาจากเหวลึกด้านล่างอีกเลย ทำให้เขาสามารถฝึกเคล็ดวิชาได้อย่างสงบ

เขากลับออกจากหุบเขามังกรปีศาจและกลับสู่ยอดเขาเมฆาอินทนิลในกลางดึก

เยี่ยฉวนผลักประตูเปิดออก คิ้วของเขากระตุกทันทีที่เห็นใบมีดพุ่งผ่านประตูมา!

“นั่นใคร?!”  เขากระโดดถอยหลังหลบคมมีดอันเย็นเยียบ

ทันใดนั้นบุคคลนิรนามที่สวมหน้ากากและชุดสีดำก็กระโดดข้ามกำแพงและวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากโจมตีเขา!

“หึ! หนีงั้นหรือ?!” เยี่ยฉวนแค่นเสียงพร้อมกับไล่ตาม

บุคคลนิรนามวิ่งหนีเข้าไปในป่าและเขาก็วิ่งตามเข้าไปอย่างกล้าหาญ โดยไม่สนคำสุภาษิตโบราณที่ว่า ‘อย่าตามคนเข้าไปในป่า’ ทั้งสองวิ่งไล่กันผ่านสันเขาลูกแล้วลูกเล่า!

ทั้งสองวิ่งผ่านสันเขาลูกแล้วลูกเล่าก็ยังไม่ยอมหยุดฝีเท้า เยี่ยฉวนยังคงตามติดอย่างไม่ลดละ เขาวิ่งโดยไม่สนใจคำกล่าวที่ว่า ‘อย่าวิ่งตามผู้ใดเข้าไปในป่า!’

เยี่ยฉวนค่อยๆ ย่นระยะเข้ามาใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น กลายเป็นเยี่ยฉวนที่เหนือชั้นกว่าในเรื่องของความเร็ว แม้ระดับของอีกฝ่ายจะมากกว่าแต่ก็ไม่อาจหนีพ้น!

หลังหลุดพ้นจากป่าไผ่ บุคคลนิรนามพลันเร่งความเร็วขึ้นอย่างกระทันหัน เขาทิ้งห่างเยี่ยฉวนไปอย่างไร้ร่องรอย… เมื่อเทียบกับความเร็วก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเพิ่มความเร็วขึ้นมากหลายเท่า!

“บัดซบ! ติดกับเสียแล้ว!”

ขณะนั้นเขาได้กลิ่นยาบางเบาโชยมาตามสายลม

ที่แห่งนี้เป็นเขตปลูกพืชสมุนไพรล้ำค่าที่หายากและมีชื่อเสียงหลายชนิด! เช่น หญ้ามัสสุมังกร พลูแฉกจื่อมู่ เผือกด้ายปีศาจสีทอง และอีกมากมาย… โดยเฉพาะดอกพลับพลึงวารีอายุประมาณแปดร้อยถึงหนึ่งพันปีที่อยู่ใจกลางสวน เขามัวแต่ไล่ตามจึงไม่ทันระวัง เผลอเหยียบสมุนไพรเหล่านี้เข้าเสียแล้ว! บุคคลนิรนามหลอกล่อเขาสำเร็จ!

มันเป็นกับดัก!

เยี่ยฉวนเข้าใจสถานการณ์ทันทีหลังจากกวาดสายตาอย่างละเอียด แต่ขณะที่ตัดสินใจได้ว่าควรออกจากที่นี่ เสียงสาปแช่งอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้น เป็นชายชราหนวดเคราขาวโพนกำลังวิ่งมาพร้อมกับจอบขุดสมุนไพร “ไอ้ตัวบัดซบ! แกคิดจะวิ่งไปถึงไหน?!”

ชายชราปัดหนวดเคราบนใบหน้าเผยดวงตาที่แดงก่ำด้วยความโกรธ สายตาจับจ้องเยี่ยฉวนอย่างเกรี้ยวกราด แม้ร่างกายจะแก่เฒ่าแต่พลังของเขากลับไม่น้อยนิด ทันทีที่ชายชราฟาดจอบลงมาบนศีรษะของเยี่ยฉวน ท้องฟ้าทั้งหมดคล้ายกับจะพังทลายลงมา!

“ข้าเองขอรับ ท่านอาวุโสลำดับที่สอง!”

ขณะที่เยี่ยฉวนตระหนักได้ว่าชายชราตรงหน้านี้คือผู้อาวุโสลำดับที่สอง เขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร หนานกงเหริน! งานอดิเรกของชายชราคือการเพาะสมุนไพรต่าง ๆ ซึ่งขณะที่เยี่ยฉวนกระโดดหลบการโจมตีของอีกฝ่าย เขาเผลอเหยียบเข้ากับหญ้ามัสสุมังกร!

“เจ้าตัวบัดซบ! ข้ารู้แล้วว่าเป็นเจ้า…เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงวิ่งไปมาและเหยียบย่ำสมุนไพรของข้าเช่นนี้!?” อาวุโสลำดับที่สองคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด แม้นามของเขาคือหนานกงเหรินแต่กลับมีบุคลิคที่ร้ายกาจและไร้ความอดทน! ชายชรายกจอบในมือขึ้นอีกครั้ง เป้าหมายของมันคือศีรษะของเยี่ยฉวน ช่องว่างของความแข็งแกร่งนั้นมากเกินไป ขณะนี้เยี่ยฉวนไร้หนทางหลบเลี่ยงโดยสมบูรณ์!

ขณะนั้นเองเยี่ยฉวนพลันตระหนกถึงความจริงบางอย่าง เขากระโดดเข้าไปหลบด้านหลังของดอกพลับพลึงวารีแปดร้อยปี ชายชราเห็นอย่างนั้นจึงรีบหยุดมือพร้อมกับเริ่มสาปแช่งอีกครั้ง “ไอ้ตัวบัดซบ! ออกมาเดี๋ยวนี้! หากเจ้าทำลายสมุนไพรของข้าอีกเพียงหนึ่ง แม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ไม่อาจช่วยชีวิตเจ้าได้!”

“ทั้งหมดล้วนแต่เข้าใจผิด! มีคนล่อลวงข้ามาที่นี่!” เยี่ยฉวนที่หลบอยู่ด้านหลังต้นพลับพลึงวารีตะโกนออกมาอย่างต้องการอธิบาย เขาไม่คิดปะทะกับอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าพลังของชายชราบรรลุขั้นนักปราชญ์แห่งเต๋าแล้ว ซึ่งมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าขั้นซิวฉือเสียอีก! แต่สิ่งที่ย่ำแย่กว่านั้นคือเขาอยู่ในขั้นอูเจ๋อ… ไม่ใช่ซิวฉือ!

เพียงอึดใจเดียว เสียงอึกทึกดังขึ้นจากไกล ๆ เหล่าศิษย์มากมายกำลังตรงมาที่สวนสมุนไพรแห่งนี้อย่างรีบร้อน เยี่ยฉวนไตร่ตรองเพียงครู่ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด มีคนต้องการจะสร้างสถานการณ์และหวังยืมมือผู้อื่นสังหารเขา!

เจ้าอ้วนจ้าวต้าจื่อ จูซือเจียผู้ดื้อรั้น หรือ…

เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง จ้าวต้าจื่อนั้นขลาดเขลา ต่อให้ดื่มกินดีเสือก็มิอาจกล้าหาญได้ ส่วนจูซือเจียแม้จะดื้อรั้นเพียงใด นางก็มิใช่คนที่ใช้วิธีน่ารังเกียจเช่นนี้… คนที่กล้าทำเรื่องสกปรกเช่นนี้มีเพียงจินหัว!

“หึ?! เข้าใจผิดหรือ?! การที่สมุนไพรของข้าถูกขโมยและย่ำยีตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาก็คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกระมัง?!” ชายชรากัดฟันแน่นในขณะกล่าวโต้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมปล่อยเยี่ยฉวนไป

“สามเดือนก่อนศิษย์ได้รับภารกิจให้ไปที่สุสานเทพเจ้าเพื่อเก็บสมุนไพร ข้าเพียงจะหนีรอดจากความตายและกลับมาที่สำนักเมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านอาวุโสลำดับที่สอง… ข้าคิดว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว!” เยี่ยฉวนตอบเสียงเรียบ

“เหอะๆ!”

ชายชราได้ยินแล้วถึงกับพูดไม่ออก แต่เขากลับไม่ยอมหยุดมือ ขณะนั้นเองเกิดแสงวาบขึ้นมาในมือ เพียงเสี้ยวนาทีตาข่ายร่วงลงมาครอบร่างกายของเยี่ยฉวนโดยไม่มีโอกาสหลบหนี “เจ้าตัวบัดซบ ไม่ว่าเจ้าจะทำลายสมุนไพรของข้าหรือไม่ แต่วันนี้ข้าได้เห็นกับตาแล้ว! ข้าจะหักขาทั้งสองของเจ้าเป็นการลงโทษ!”

อาวุโสลำดับสองรูปร่างเตี้ยล่ำแต่กลับเป็นคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวยิ่ง! การที่เขาหยิบยกตาข่ายกับดักอมตะออกมาใช้นั่นหมายความว่าเยี่ยฉวนไร้ซึ่งทางหนีแล้ว… ชายชรายกจอบในมือขึ้นสูงอย่างหมายมั่น!

เยี่ยฉวนไม่อาจตอบสนองได้ทัน ตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก!

จินหัวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดไม่ไกลจากสวนสมุนไพรระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเปรมปรีดิ์ “ฮ่าๆๆ! หักเลย! หักขาทั้งสองของมันเสีย! ไอ้ตัวซวย! ไม่เพียงกล้าต่อกรกับข้าแต่ยังคิดแย่งผู้หญิงของข้าเช่นนั้นหรือ?! เจ้ารู้จักข้าน้อยไปเสียแล้ว!”

“ยินดีด้วยขอรับนายน้อย! หากเจ้าเยี่ยฉวนตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้อาวุโสลำดับสอง แม้ไม่ตายก็คงถูกถลกหนัง! จากนี้เพียงวางแผนการเพิ่มเติม…ตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่จะต้องเปลี่ยนมือเป็นของนายน้อยผู้มากด้วยบารมีและความสามารถเป็นแน่!” เหอไท่ซวี คนรับใช้ข้างกายกล่าวอย่างยินดี

“ตาเฒ่าเหอ…หากสำเร็จ ข้าจะตอบแทนเจ้าให้สาสม!”

แววตาของจินหัวทอประกายเมื่อนึกถึงอำนาจของตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ที่เขาจะได้รับ! ตาเฒ่าเหอและเด็กหนุ่มต่างพากันหัวเราะอย่างชื่นมื่นและรีบออกจากพื้นที่เพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไป…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด