Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 110 อวี่หาน

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 110 อวี่หาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 110 อวี่หาน

 

ท้องฟ้ายามเย็นยังไม่มีดสนิท เยี่ยฉวนจึงขี่ราชันปีศาจวัว กลับไปยังสํานักโดยไม่เร่งรีบ

 

ครั้นระยะทางกลับสํานักเหลือเพียงห้าสิบลี้ เม็ดฝนพลันโปรยปรายลงมาและตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ไอน้ําควบแน่นเป็นเมฆหนาทึบ ละอองน้ํารวมตัวเป็นม่านหมอกปกคลุมไปทั่วเทือกเขา

 

สภาพอากาศบนภูเขาแปรปรวนบ่อยครั้ง แม้ท้องฟ้าปลอดโปร่งแต่อาจมีฝนตกได้ทุกเมื่อ

 

เยี่ยฉวนยังคงขี่ราชันปีศาจวัวฝ่าสายฝนโดยไม่ใส่ใจหาที่พักพิงชั่วคราว ไม่นานนักก็เดินทางมาถึงป่าไผ่ ทันใดนั้นเขาหยุดชะงักฉับพลันเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ

 

ม่านหมอกน้ําปกคลุมพื้นที่ป่าไผ่แห่งนี้เป็นบริเวณกว้างในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร เม็ดฝนตกกระทบใบไผ่จนเกิดเสียงกรอบแกรบเป็นจังหวะ ป่าไผ่มีสภาพเปียกชื้นจนอากาศโดยรอบหนาวเย็น สัตว์ป่าน้อยใหญ่ถอยกลับไปยังรังนอนของพวกมันเพื่อรอจนกว่าฝนจะหยุดตก บรรยากาศเช่นนี้แม้ แต่สัตว์อสูรดุร้ายก็ไม่ออกมาเดินเพ่นพ่าน เยี่ยฉวนกวาดสายตามองและไม่พบสิ่งใดปกติ ทว่าคิ้วทั้งสองกลับกระตุกแรง

 

ยอดฝีมืออยู่ไม่ไกลจากที่นี่!

 

ชายหนุ่มค้อมกายลงเล็กน้อยขณะลอบโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ พลางส่งกระแสจิตบริสุทธิ์ของตนออกไปสํารวจบริเวณโดยรอบ หึ่ง! หอกโลหิตแหลมคมที่เขาได้มาจากการประลองวิทยายุทธสั่นสะเทือนเมื่อสัมผัสถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา!

 

กระแสจิตของเขาไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง บริเวณโดยรอบเงียบเชียบไร้สิ่งผิดประหลาด บางทีลางสังหรณ์ของเขาอาจไม่แม่นยําหรืออาจระแวงไปเองเท่านั้น ทว่าเขากลับ รู้สึกตึงเครียดและวิตกยิ่งกว่าครั้งใด! ในฐานะอดีตมหาปราชญ์ผู้เคยซ่อนเร้นสวรรค์ เขามั่นใจว่าสัญชาตญาณของตนที่เฉียบแหลมกว่าสัตว์อสูรไม่มีทางผิดพลาด!

 

แปะ! แปะ! เสียงกระทบกันของฝ่ามือดังขึ้นจากอีกฝั่งของม่านละอองน้ําหนาทึบ!

 

ชายชราสวมชุดสีเทาเดินออกมาจากม่านหมอกนั้นอย่างเชื่องช้า เยี่ยฉวนพินิจอย่างระมัดระวังจึงพบว่าร่างของอีกฝ่ายผอมบางมาก ใบหน้าขึ้นฝ้าและเต็มไปด้วยริ้วรอย ผิวหนังที่เที่ยวย่นลีบจนติดกระดูก ฝีเท้าที่ย่างเดินแต่ละก้าวเนิบช้าทั้งยังซวนเซประหนึ่งไร้เรี่ยวแรง แม้สภาพชายชรานิรนามผู้นี้จะเสื่อมสมรรถภาพราวไม้ใกล้ฝั่ง แต่เยี่ยฉวนกลับเผยสีหน้าตระหนกด้วยความประหลาดใจยิ่ง!

 

เขาขี่ปีศาจวัวฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนร่างกายเปียกโชก ทว่าเสื้อผ้าของชายชราผู้นี้กลับแห้งสนิททั้งยังเต็มไปด้วยฝุ่นผงที่ไม่ถูกเม็ดฝนชะล้าง!

 

เมื่อฝนตกลงมาห่างจากร่างชายชราชุดสีเทาเพียงหนึ่งเมตร เม็ดฝนเหล่านั้นกลับถูกพลังที่มองไม่เห็นแปรสภาพให้เบาบางก่อนลดปริมาณลงเรื่อยๆ และเมื่อห่างจากศีรษะ ของเขาเพียงครึ่งนิ้วพวกมันก็ระเหยไปในอากาศโดยสิ้นเชิง!

 

เยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดอีกครั้ง!

 

แม้ชายชราผู้นี้จะเป็นไม้ใกล้ฝั่งจนก้าวเท้าลงไปในหลุมฝังศพแล้วหนึ่งข้าง ทว่ามองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังมหาศาล!

 

“เจ้ามาตามคําสั่งของอาวุโสลําดับสามไปเยี่ยนหูใช่หรือไม่?!” เยี่ยฉวนข่มความวิตกในหัวใจให้สงบลง ขณะเอ่ยถามเขาพอจะคาดเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้บ้างแล้ว

 

เขาไม่รู้จักชายชราตรงหน้าทั้งยังไม่เคยมีความขัดแย้งเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมาก่อน การที่อีกฝ่ายเข้ามาขวางทางตนเช่นนี้หมายความว่าจะต้องถูกผู้อื่นจ้างวานมาอีกที่เป็นแน่!

 

ตั้งแต่กลับชาติมาจุติใหม่เขาต้องเผชิญศัตรูรอบด้าน ทั้งจากภายนอกเช่นสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ หรือจากภายในเช่นอาวุโสลําดับสามและพรรคพวก ทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกันคือสังหารเขาให้พ้นทาง!

 

สํานักเบญจลักษณ์มีชื่อเสียงด้านทักษะลอบสังหาร หากพวกเขาต้องการสังหารคนก็มักโจมตีจากระยะไกล..ไม่มีทางเผชิญหน้ากับศัตรูตัวต่อตัว ดังนั้นข้อสันนิษฐานแรกเป็นอันตกไป ส่วนสํานักเครื่องนิลมีชื่อเสียงด้านความเหี้ยมโหด พวกเขามักบดขยีคู่ต่อสู้อย่างเปิดเผย แต่ครู่นี้เยี่ยฉวนเพิ่งเอาชนะหงสี่และยอดฝีมือของเขาได้สําเร็จ และหากเจ้าสํานักโท่วปาเชียงต้องการแก้แค้นคงไม่รีรอจนถึงตอนนี้ ข้อสันนิษฐานที่สองจึงไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นอาวุโสลําดับสาม ไป๋เยี่ยนหูจึงเข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด!

 

“ถูกแล้ว! ข้ามาในนามไป๋เยี่ยนหู…. สายตาเจ้าหลักแหลมดีนี่ไอ้หนุ่ม!”

 

ชายชราสวมชุดสีเทาก้าวเดินกระย่องกระแย่งไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง การยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ทําให้เยี่ยฉวนประหลาดใจอีกครั้ง!

 

หัวใจของเขาที่เพิ่งสงบลงไปได้ไม่นานกลับเต้นแรงขึ้น! เปลือกตาทั้งสองข้างพลันกระตุกอย่างรุนแรง!

 

การที่ชายชราผู้นี้ยอมรับโดยไม่ปิดบังผู้อยู่เบื้องหลังแปลความได้อย่างเดียวเท่านั้น

 

เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าอีกฝ่ายไม่รอดแน่!

 

เผชิญหน้ากับคนที่กําลังจะตาย…ไม่มีความจําเป็นใดต้องปิดบัง!

 

“ต้องทําถึงเพียงนี้เชียวรี?!” เยี่ยฉวนถามย้ําอีกครั้ง

 

ชายชราพยักหน้าก่อนหยุดยืนห่างจากอีกฝ่ายเพียงเก้าเมตร “ข้าจําเป็นต้องทํา!”

 

“มีวิธีใดบ้างที่พวกเราสามารถยุติปัญหาได้โดยไม่ต้องฆ่าแกงกัน?!” เยี่ยฉวนเอ่ยถามพลางโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งสองใบให้ไหลเวียนเร็วขึ้น หอกโลหิตในมือขวาส่งเสียงดังกระหึม.ปลายหอกแหลมคมเปล่งประกายแสงสีซีด

 

“ไม่มี!”

 

ชายชราเดินต่ออีกหนึ่งก้าว ใบหน้าของเขาเรียบเฉย.ร่างกายปราศจากจิตสังหาร ท่าทีของอีกฝ่ายไร้แรงคุกคามหรือกดดันใดๆ ทว่าความรู้สึกไม่ปลอดภัยในจิตใจเยี่ยฉวนกลับเพิ่มพูน ยิ่งชายชราเดินเข้ามาใกล้เพียงใด เขายิ่งรู้สึกถึงอันตรายที่มากขึ้นเป็นเท่าทวี!

 

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับจิตใจให้สงบลงอีกครั้ง พลังปราณในร่างไหลเวียนและพลุ่งพล่านทะยานขึ้นจนถึงขีดสุด ตอนนี้เขาพร้อมตั้งรับการโจมตีรุนแรงจากอีกฝ่ายแล้ว! “คําถามสุดท้าย เจ้าเป็นใคร?”

 

“อวี่หาน! ชื่อของข้าล้วนมีความหมาย อวี่แปลว่าฝน หานแปลว่าหนาวเย็น นานมาแล้วผู้คนต่างเรียกขานข้าว่าปีศาจฝน!”

 

ชายชรานามอวี่หานก้าวไปด้านหน้าพร้อมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขากางแขนออกให้น้ําฝนตกลงมากระทบ จากนั้นจึงหดแขนกลับเข้ามาและแลบลิ้นชิมน้ําฝนบนฝ่ามือ เขาพยักหน้าอย่างพึงใจก่อนกล่าวออก “อืม….น้ําฝนวันนี้มีรสชาติไม่เลว เยี่ยฉวน เจ้าลองลิ้มรสดูสิ มันทั้งเย็นและหวาน น่าเสียดายที่มีปริมาณไม่มากนัก…”

 

ม่านตาเยี่ยฉวนหดเล็กลงอย่างฉับพลัน!

 

ชายชราชุดสีเทายื่นมือออกไปอีกครั้งให้เม็ดฝนตกลงกระทบก่อนกํามือเข้าอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นน้ําฝนพลันแปรสภาพจากของเหลวก่อนค่อยๆ ยืดออกจนมีความยาวประมาณหนึ่งคืบ แสงสีซีดสว่างวาบขึ้นพร้อมกับเม็ดฝนเย็นเยียบที่กลายเป็นใบมีดคมกริบ! เขาขว้างมันไปทางเยียฉวนอย่างไม่รอช้า! เสียงแหลมของอาวุธสังหารที่เจาะผ่านอากาศดังเสียดแทงโสตประสาทยิ่ง!

 

เยี่ยฉวนสะดุ้งสุดตัว! ขาทั้งสองข้างแข็งนิ่งราวถูกตะปูตอกตรึงไว้กับที่ขณะเอนกายไปด้านหลังจนแผ่นหลังเกือบขนานชิดกับพื้นที่เปียกแฉะ!

 

ฟื้บ!

 

ใบมีดคมกริบเฉียดผ่านปลายจมูกของเขาไปเพียงนิด ตัดเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องจนแตกกระจายเสียงดังและกระเซ็นไปทั่ว!

 

แม้การเคลื่อนไหวของชายชราผู้นี้ดูเฉื่อยชา แต่กระบวนการโจมตีของเขารุนแรงและรวดเร็วโดยที่คู่ต่อสู้ไม่ทันกะพริบตา!

 

สัญชาตญาณทางกายภาพที่เฉียบคมของเยี่ยฉวนทําให้เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่ายได้ทันการ!

 

ร่างกายของเขาเปียกปอนเพราะสายฝนที่เทกระหน่ําลงมาไม่หยุดหย่อน ทั้งยังชุ่มโชกเพราะเม็ดเหงื่อที่หลั่งออกมาด้วยความตึงเครียด!

 

ตั้งแต่กลับชาติมาเกิด เขาเผชิญแรงกดดันต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งจากการถูกผู้อาวุโสในสํานักหมอกเมฆาสอบสวน จากการคุกคามของเจ้าสํานักโท่วปาเชียงแห่งสํานักเครื่องนิล จากการเผชิญหน้ากับปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งที่มีพลังมหาศาล สุดท้ายเขาก็ปราบปรามปีศาจทั้งสองและหว่านล้อมให้มาเป็นบริวารได้สําเร็จ! ทุกครั้งที่พบเจอเรื่องร้ายแรงเขาสามารถผ่านมันไปได้โดยง่าย ไม่เคยรู้สึกเคร่งเครียดต่อภยันตรายถึงเพียงนี้!

 

วรยุทธ์ของอวี่หานสูงส่งและทรงพลังมหาศาล ตรงข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ชราภาพราวไม้ใกล้ฝั่งโดยสิ้นเชิง! แม้เขายังไม่บรรลุสู่ขั้นนักปราชญ์ แต่อาจกล่าวได้ว่าคนผู้นี้มีอายุยืนอยู่ยงคงกระพันที่สุดในเทือกเขาหมอกเมฆาแห่งนี้ ต่อให้ปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งนากู้ชื่อผนึกกําลังกันอาจต่อกรชายชราผู้นี้ไม่ได้ด้วยซ้ํา!

 

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนจึงกระโดดขึ้นควบราชันปีศาจวัวก่อนกระตุกบังเหียนให้เปลี่ยนทิศทาง ก่อนควบตะบึงฝ่าสายฝนไปอย่างรวดเร็ว

 

เขาตระหนักถึงความร้ายกาจของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี แม้เขาจะเรียกปีศาจวัวออกมาจัดกระบวนทัพเป็นร้อยเป็นพันตัวหรือมากกว่าผู้ที่บรรลุเพียงขั้นชิวฉือเช่นเขาก็เอาชนะ อีกฝ่ายได้ยากยิ่ง! หากจะหยุดการกระทําของชายชราชุดสีเทาที่มีวรยุทธ์ท้าทายสวรรค์ผู้นี้เห็นที่จะต้องหลับฝันเท่านั้น!

 

หนี

 

การหนีกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาให้เร็วที่สุดเป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้

 

เยี่ยฉวนเมื่อครั้งยังเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ก็เคยใช้เคล็ดวิชาเสกอาวุธสังหารจากน้ําฝนเช่นกัน! แต่ทักษะนั้นก็เป็นเรื่องของภพชาติก่อนที่ผ่านมานานหลายล้านปี ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนธรรมดาที่เพิ่งบรรลุขั้นชิวฉือระดับที่หนึ่งเท่านั้น แม้กล้าหาญเพียงใดก็ต้องหลบหนีเพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน…หากดึงดันจะต่อสู้กับอวี่หาน ชีวิตของเขาต้องดับดิ้นเป็นแน่!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด