Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 178 อาณาจักรสวรรค์

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 178 อาณาจักรสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 178 อาณาจักรสวรรค์

“หลีกไปให้พ้น! ข้าต้องการพบศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้”

บริเวณทางเข้าสํานักหมอกเมฆา หลิวหงผู้ตัวเล็กและเปี่ยมไป ด้วยเสน่ห์เปล่งเสียงตะโกนดังลั่น รอบกายนางห้อมล้อมไปด้วย ศิษย์สํานักเบญจลักษณ์จํานวนมาก ออร่าคุกคามที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดประหนึ่งพยัคฆ์และหมาป่า ฝ่ายสํานักหมอกเมฆาผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงสั่งการให้ศิษย์หลายร้อยคนชักอาวุธสังหารและจัดกระบวนทัพพร้อมรบ เพื่อคุ้มกันสํานักอย่างแน่นหนา บรรยากาศโดยรอบปกคลุมไปด้วยความตึงเครียด จิตสังหารปะทุขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า คงเหลือเพียงการปะทะเท่านั้น

 

หลังประสบเหตุการณ์เลวร้ายจากสํานักอสูรเมฆา หยางเทียนกวงยังคงยืนหยัดอยู่ข้างเยี่ยฉวนอย่างจงรักภักดี ตอนนี้เขารับตําแหน่งเป็นผู้คุ้มกันความปลอดภัยของสํานักทั้งหมด โอสถขนานพิเศษที่เยี่ยฉวนปรุงให้เขาโดยเฉพาะและการเก็บตัวฝึกตนอย่างสันโดษ ทําให้ดวงตาที่ถูกแทงจนมืดบอดค่อยๆฟื้นฟูสู่สภาวะปกติ ทําให้เขาเคารพศิษย์พี่ใหญ่อย่างสนิทใจ เวลานี้หลิวหงพาคนของสํานักเบญจลักษณ์มาก่อความวุ่นวายถึงที่นี่ เขาจึงวางแผนตั้งรับอย่างเต็มกําลัง

 

“ศิษย์พี่ใหญ่เก็บตัวฝึกตนอย่างสันโดษไม่พร้อมต้อนรับแขก กลับไปซะ!”

 

หยางเทียนกวงเผยสีหน้าทิ้งตึง ไม่ว่าหลิวหงจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็งเขาก็ไม่ยอมทั้งสิ้น!

“ข้ามีเรื่องเร่งด่วนต้องการให้เขาช่วยแก้ไข หากเจ้าขัดขวางจนล่าช้าไปกว่านี้ ผู้พิทักษ์เช่นเจ้ามีปัญญารับผิดชอบความเสียหายหรือไม่?!”

 

หลิวหงร้อนใจจึงตวาดเสียงดัง หน้าอกกลมกลึงกระเพื่อมขึ้นลงขณะนางกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ทําให้ฝูงชนที่อยู่ไม่ห่างเหิน ภาพนั้นชัดเจนเต็มสองตาจนกลืนน้ําลายลงคออย่างยากลําบาก ถึงกระนั้นหยางเทียนกวงก็ยังไม่เปิดทางให้หญิงสาวไม่รู้ว่าควร หยิบยกวิธีใดมาเกลี้ยกล่อมอีกจึงเอาแต่ร้องตะโกนดังลั่น “คุณชายเยี่ย! ออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้นะ! คุณชายเยี่ย…”

 

ด่านหน้าที่มั่นคงของสํานักหมอกเมฆาซึ่งนําโดยหยางเทียนกวงแข็งแกร่งเสียจนหลิวหงรู้สึกกระวนกระวายใจว่าวันนี้คงไม่ได้พบเยี่ยฉวนอย่างแน่นอน นางจึงโก่งคอร้องตะโกนซ้ําๆอยู่อย่างนั้น!

 

“คุณชายเยี่ย! ออกมาพบข้า”

 

“คุณหนูแห่งสํานักเบญจลักษณ์ต้องการพบคุณชายเยี่ย! คุณหนูแห่งสํานักเบญจลักษณ์ต้องการพบคุณชายเยี่ย!”

 

บรรดาศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ที่ล้อมรอบหลิวหงเริ่มร้องตะโกนบ้าง บางคนเสียงแหลมสูง บางคนเสียงทุ่มต่ําทั้งยังแหบแห้ง ครั้นทุกคนตะโกนจนเสียงประสานกันจึงฟังดูน่าสยดสยองราวเสียงโหยหวนของหมาป่าและภูตผีปีศาจ!

 

ศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่ตรึงกําลังกันอยู่ด้านหน้าหันมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง! แม้แต่ผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงยังตระหนกจนหยดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นฝูงชนจํานวนมากพากันมาท้าทายสํานักหมอกเมฆา แต่การที่คนนับร้อยพร้อมใจกันตะโกนประโยคเดียวกันซ้ําๆเช่นนี้ถือเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่าหลิวหงและสํานักเบญจลักษณ์พบเจอกับเรื่องเดือดร้อนเข้าจริงๆ ทว่าด้วยหน้าที่แล้วเขาไม่อาจปล่อยให้คนกลุ่มนี้ผ่านเข้าไปภายในโดยปราศจากการอนุญาตของบุคคลที่มีระดับสูงกว่า ความคาดหวังทั้งหมดจึงตกอยู่กับจ้าวต้าจ่อที่เขาส่งไปรายงานเหตุการณ์ ให้เยี่ยฉวนทราบและกลับมาแจ้งความคืบหน้าโดยเร็ว เพราะหากล่าช้ากว่านี้แม้แต่เขาและกองทัพด้านหน้าคงต้านทานไว้ไม่อยู่!

 

เยี่ยฉวนที่ถูกเจ้าอ้วนกึ่งดึงกึ่งลากมาถึงทางเข้าสํานักหมอกเมฆา เผยสีหน้าประหลาดใจ ด้วยไม่คาดคิดว่าหลิวหงผู้ทรงเสน่ห์และพูดจาไพเราะอยู่เป็นนิจจะตามมาก่อเหตุวุ่นวายถึงที่นี่ “แม่นางหลิวหง…เจ้าตามหาข้าอยู่ใช่หรือไม่?!”

“ถูกแล้วคุณชายเยี่ย! ในที่สุดข้าก็ได้พบท่าน! เกิดปัญหาแล้วคุณชาย…ปัญหาใหญ่เลยล่ะ!” หลิวหงก้าวไปด้านหน้าอย่างกระตือรือร้น ครั้นเห็นเยี่ยฉวนปรากฏตัวความร้อนรุ่มในใจพลันผ่อนคลายลง

“ปัญหาใดหรือ?!” เยี่ยฉวนลดระดับเสียงลงเมื่ออีกฝ่ายเดินมาใกล้

 

ตั้งแต่เขารู้จักหลิวหง…แม้ว่านางมีนิสัยชอบสวมเสื้อผ้ารัดรูป ดึงดูดฝูงภมรและผีเสื้อเข้ามาดอมดม ทว่าโดยพื้นฐานแล้วนางไม่ใช่คนใจร้อน หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนนางคงไม่บุกมาหาเขาถึงสํานักหมอกเมฆาเช่นนี้

 

สํานักเบญจลักษณ์ของนางก็ประสบปัญหาขัดแย้งภายในเช่นเดียวกันงั้นหรือ? หลิวหงไม่สามารถต้านทานอีกฝ่ายเพียงลําพังจึงเดินทางมาขอกําลังเสริมหรืออย่างไร?

 

หรือนางรู้ข่าวว่าสํานักหมอกเมฆากําลังประสบภยันตรายร้ายแรงที่กําลังคืบคลานเข้ามาทุกขณะ จึงมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวสารบางประการกับเขาโดยตรง?

ชายหนุ่มยังคงรักษาท่าที่นิ่งสงบ ทว่าจิตใจกลับรู้สึกหงุดหงิดระคนพิศวงที่ไม่อาจคาดเดาสาเหตุการมาเยือนของอีกฝ่าย!

 

“คุณชายเยี่ย ท่านยังจําอาณาเขตเหมืองแร่มณีครามแห่งสํานักเบญจลักษณ์ที่ข้าเคยพาไปครั้งก่อนได้หรือไม่?”

หลิวหงเว้นจังหวะพักหายใจครู่หนึ่งก่อนกล่าวเสริม “ตอนนั้นท่านเคยบอกข้าว่าบริเวณนั้นมีสมบัติล้ําค่าฝังอยู่ใต้ดิน ทั้งยังแนะนําให้ข้านําคนมาขุดขึ้นเสีย…”

 

“ข้าจําได้”

 

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับก่อนเอ่ยถาม “สมบัติเหล่านั้นมีมากมายจนขุดขึ้นไม่หมดหรืออย่างไร?”

 

“ใช่สมบัติเสียที่ไหนกัน! ลึกลงไปหนึ่งร้อยเมตรมีโลงศพหินโบราณฝังอยู่ ศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ทุกคนที่สัมผัสโลงนั้นกลับเลือนหายไปโดยไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย ท่านพ่อของข้าก็เช่นกัน!” น้ําเสียงของหลิวหงทั้งวิตกกังวลและโกรธเคือง ส่วนหนึ่งในจิตใจนึกตําหนิเยี่ยฉวนที่ชี้แนะให้นางทําการขุดหาสมบัติซึ่งไม่มีอยู่จริง

 

ทันทีที่เกิดเหตุการณ์น่าตระหนกดังกล่าวสํานักเบญจลักษณ์จึงตกอยู่ในสภาวะโกลาหล ยอดฝีมือทุกรายงัดเคล็ดวิชาลับทุกวิถี เพื่อนําตัวกลุ่มคนที่หายไปกลับมาให้จงได้ ทว่าจนแล้วจนรอดกลับทําไม่สําเร็จ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสยังจนปัญญา

บริเวณใกล้เคียงโลงศพหินโบราณมีช่องว่างซึ่งมีลักษณะคล้ายหลุมดําที่สามารถกลืนกินทุกสิ่งอย่างเข้าไปภายใน ไม่ว่าผู้ใดเฉียดกรายเข้าใกล้ก็จะถูกดูดเข้าไปจนหายสาบสูญ! ยอดฝีมือชั้นเลิศที่บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ของสํานักเบญจลักษณ์ที่ไม่เชื่อในอานุภาพของมันจึงร่วมมือกันลงไปสํารวจ ซึ่งผลลัพธ์ไม่ใช่คําตอบที่พวกเขาต้องการทราบแต่กลับหายวับไปต่อหน้าต่อตาผู้คนอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง!

 

หลิวหงเพียรค้นหาวิธีอยู่หลายหลากทว่ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นจึงตระหนักว่าคนแรกที่สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดใต้ผืนดินคือเยี่ยฉวน นางจึงนํากองทัพเร่งรุดมาขอความช่วยเหลือจากเขาถึงสํานักหมอกเมฆาโดยด่วน!

“ว่าอย่างไรนะ!? บิดาของเจ้าก็หายตัวไปเพราะสัมผัสโลงศพหินเช่นกันหรือ?!”

 

สีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนจากสงสัยเป็นตื่นตระหนกและเครียดเคร่งอย่างฉับพลัน!

 

บิดาของหลิวหงไม่ใช่ยอดฝีมือหรือผู้อาวุโสธรรมดา ทว่าดํารงตําแหน่งเป็นถึงเจ้าสํานักแห่งสํานักเบญจลักษณ์ ฐานันดรสูงส่งทัดเทียมกับโท่วปาเซียงแห่งสํานักเครื่องนิล ทั้งยังมีอํานาจมหาศาลในการปกครองภูมิประเทศเกือบทั้งเทือกเขาหมอกเมฆา! การหายตัวไปอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ถือเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงยิ่ง! หากปล่อยให้เวลาล่วงไปนานวันเข้าย่อมไม่เกิดผลดี ความขัดแย้งแย่งชิงความเป็นใหญ่ภายในสํานักเบญจลักษณ์จะทวีความรุนแรงขึ้น และหลิวหงผู้มีฐานะเป็นถึงบุตรสาวจะเป็นคนแรกที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ แน่นอนว่าหากสํานักเบญจลักษณ์เกิดความวุ่นวาย โท่วปาเซียงที่รู้ข่าวจะต้องพาไพร่พลเข้ายึดครองอํานาจอย่างไม่ต้องคาดเดา! ทันทีที่สองสํานักใหญ่ผนึกกําลังกันย่อมสร้างความกดดันมหาศาลให้กับสำนักหมอกเมฆาที่ยืนหยัดเพียงลําพังไร้ผู้สนับสนุน

 

เยี่ยฉวนตระหนักถึงสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ ทั้งยังมองการณ์ไกลไปถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตามมา “อี้เหยียนจื่อ! ตามข้ามา! ศิษย์ผู้อื่นจงอยู่รอข้าที่นี่ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าโดยตรง…ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามออกนอกสํานักแม้แต่ครึ่งก้าว! ไปกันเถิดแม่นางหลิว…”

 

ชายหนุ่มตัดสินใจอย่างรวดเร็วและออกคําสั่งอย่างเฉียบขาดทันที! ปีศาจเพลิงเดินแหวกฝูงชนมายืนเคียงข้างเขา ตอนนี้เขาพร้อมเดินทางไปยังสํานักเบญจลักษณ์กับหลิวหงและไพร่พลของนางแล้ว!

ทันใดนั้นเสียงสั่นสะเทือนดังกัมปนาทพลันดังขึ้นจากระยะไกล

เมื่อเงยหน้ามองตามเสียงทุกคนในที่นั้นรวมถึงเยี่ยฉวน พลันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงยิ่ง! เส้นขอบฟ้าที่อยู่ห่างออกไปไกลโขซึ่งเป็นทิศที่ตั้งของเหมืองแร่มณีครามเกิดคลื่นสั่นสะเทือนอันทรงพลังมหาศาล แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นทําให้ยอดเขาสูงตระหง่านพังทลายลงจนเกิดฝุ่นผงคลุ้งตลบไปทั่วบริเวณ ความแปรปรวนของพลังปราณไร้เทียมทานพุ่งทะยานขึ้นจากใต้พิภพ พร้อมเสียงดังกึกก้องราวแผ่นดินกําลังจะแยกตัวออกเป็นเสี่ยง แรงสั่นสะเทือนรุนแรงแผ่รัศมีกว้างไพศาลหลายร้อยล้ําจนทุกคนซวนเซ และยืนหยัดไว้ไม่อยู่! ขณะนั้นเอง…พระราชวังโอ่อ่าสูงตระหง่านค่อยๆ โผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดิน สถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามประหนึ่งเป็นวังแห่งสรวงสวรรค์ปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์โดยไม่คาดคิด รัศมีแห่งความขลังและเก่าแก่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณจนผู้ที่สัมผัสรู้สึกครั่นคร้ามยิ่ง!

 

เทือกเขาหมอกเมฆาที่ทอดยาวกําลังถูกอาณาจักรที่ถือกําเนิดขึ้นใหม่รบกวนจนตกอยู่ในสภาพโกลาหล! จังหวะที่ฝูงช นซึ่งยืนอยู่บริเวณหน้าสํานักหมอกเมฆากําลังเงยหน้าพิจารณาพระราชวังประหลาดนั้น เหตุการณ์อันน่าตกตะลึงก็เกิดขึ้นกับยอดเขาอื่นที่อยู่ใกล้เคียงเช่นเดียวกัน!

ณ ห้องโถงใหญ่แห่งสํานักเครื่องนิล หม้อสัมฤทธิ์สามขาขนาดยักษ์จํานวนหนึ่งร้อยแปดใบพลันสั่นสะเทือนกระทบกันดังลั่นราวเสียงฟ้าร้อง โท่วปาเซียงซึ่งหลับตาเข้าฌานฝึกตนอย่างเงียบเชียบพลันตื่นขึ้นเมื่อสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนดังกล่าว ร่างใหญ่โตของเขาทะยานขึ้นสู่เวหาทะลุหลังคาแข็งแรงจนเกิดช่องโหว่ทันทีที่พบเห็นพระราชวังโบราณที่เคลื่อนขึ้นจากพื้นดินอย่างน่าอัศจรรย์จึงรู้สึกตกตะลึงยิ่ง!

 

“อาณาจักรสวรรค์! นะ….นี่คืออาณาจักรสวรรค์ในตํานานที่บรรพบุรุษเคยกล่าวขาน! มันมีอยู่จริงหรือนี่?!”

 

นักรบพฤกษาเถียนกู่ที่พํานักอยู่ในสํานักหมอกเมฆาเป็นการชั่วคราวคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมก้มลงคํานับไปยังทิศทางที่พระราชวังโบราณปรากฏขึ้นด้วยความตื่นเต้นและปีติยินดี จากนั้นจึงลุกขึ้นก่อนแหงนใบหน้าขึ้นฟ้าพร้อมเปล่งเสียงดังลากยาว ร่างกายที่มีผิวเป็นเปลือกไม้ขยายใหญ่จนมีความสูงถึงสิบเมตร ชายชราฉีกยันต์สื่อสารในมือออกเพื่อส่งสาส์นรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงราชินีอสูรเกศาขาวผู้บําเพ็ญตบะอยู่ในสํานักอสูรเมฆาที่อยู่ห่างไกลออกไปทันที!

 

ครั้งนี้เขาเดินทางตามสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียมายังสํานักหมอกเมฆาตามคําสั่งเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของเตาหลอมระดับสวรรค์ที่เยี่ยฉวนหยิบยืมมา ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นการมาเยือนของอาณาจักรสวรรค์ในตํานานเป็นบุญตาเช่นนี้!

 

ทุกอาณาจักรสวรรค์บนเทือกเขาเป็นมรดกที่มหาปราชญ์ในยุคโบราณทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งแน่นอนว่าการปรากฏของอาณาจักรสวรรค์ทุกแห่งล้วนให้โชคลาภนานัปการ ทั้งยังอาจมีสมบัติล้ําค่าในยุคนั้นซ่อนอยู่ภายในเป็นจํานวนมหาศาล! หากพวกเขาเดินทางเข้า ไปยังที่แห่งนั้นอาจพบเจอกับมรดกนับไม่ถ้วนซึ่งอาจมีมูลค่าสูงกว่าเตาหลอมระดับสวรรค์หลายเท่าก็เป็นได้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด