Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 197 เล่นกับข้าสักคืนไหม?

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 197 เล่นกับข้าสักคืนไหม? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 197 เล่นกับข้าสักคืนไหม?

บทที่ 197 เล่นกับข้าสักคืนไหม?

 

ยิ่งหลิวหงมองก้อนผลึกมนุษย์นี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกต้องการมันมากเท่านั้น แววตาฉายแววละโมบอย่างไม่ปิดบัง ความคลั่งไคล้ถูกเผยออกมาจนหมดสิ้น หรือบางทีนางอาจต้องการปกปิดแต่ไม่สามารถทําได้

 

การได้เคล็ดวิชาขั้นปถพี่นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสิร์ฐยิ่งสําหรับสํานักเบญจลักษณ์และการได้มาซึ่งเคล็ดวิชาขั้นเทวาลัยนั้นถือเป็นผลกําไรมหาศาล แต่หากนางสามารถนําก้อนผลึกมนุษย์ยักษ์นี้กลับคืนสู่สํานักได้เล่า? สํานักของนางจะไม่พุ่งสู่ความรุ่งโรจน์อย่างกะทันหันงั้นหรือ?

 

โดยปกติแล้วนางมักจะสงบนิ่งแต่ในเวลานี้กลับควบคุมตัวเองไม่ได้ นางจับจ้องเยี่ยฉวนพร้อมกล่าวถาม “คุณชายเยี่ยวางแผนจะทําอย่างไรต่อ?”

“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่หลิว ข้าต้องกล่าวคําขอโทษและอําลาพร้อมกัน ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะถอนตัวออกจากกลุ่ม เพราะด้วยพลังต่ําต้อยนี้จึงไม่สามารถสํารวจป่าหมื่นอสูรและอาณาจักรสวรรค์ต่อไปได้”

เยี่ยฉวนลอบยกยิ้มอยู่ภายในใจเพราะปลาติดเบ็ดเสียแล้ว ทว่า ใบหน้ากลับแสร้งทําตรงกันข้าม เขากล่าวต่ออย่างเรียบง่าย “อย่างไรซะ สําหรับข้านั้นไม่ยุ่งยากเลย การได้รับก้อนผลึกมนุษย์นี้เพียงพอแล้ว เคล็ดวิชาที่ถูกจารึกเอาไว้เพียงพอที่จะทําให้ข้าฝึกฝนไปอีกยาวนาน ข้าต้องการออกจากอาณาจักรสวรรค์และกลับสู่สำนักหมอกเมฆา จากนั้นข้าจะลาออกจากตําแหน่งทั้งหมดพร้อมเข้าสู่การฝึกตนอย่างสันโดษทันที เราอาจได้พบกันอีกครั้งในภายภาคหน้า อาจจะเป็นหลายพันปีหรืออาจไม่พบเจอกันอีกเลย”

 

ยิ่งหลิวหงอยากได้ก้อนผลึกนี้มากเท่าไหร่ เยี่ยฉวนยิ่งสร้างความยุ่งยากให้เท่านั้น สิ่งที่เขาทําคือการถอยหลังเพื่อก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง ดังนั้นความสงสัยของผู้คนโดยรอบหายไปจนหมดสิ้น ทุกคนไม่มีข้อสงสัยใดเกี่ยวกับก้อนผลึกนี้อีกต่อไป แม้แต่โท่วปาเซียงเนียวก็เชื่ออย่างสนิทใจเช่นกัน

ไม่ใช่ความสามารถในการตรวจสอบของทุกคนย่ําแย่ แต่ว่าของปลอมของเยี่ยฉวนนั้นไร้ที่ติ แม้แต่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างหลิวหงก็ยังไม่สามารถมองเห็นข้อบกพร่องของมันได้ สําหรับคนทั่วไปยิ่งไม่ต้องกล่าวให้เสียเวลา

“เกิดสิ่งใดขึ้น? คุณชายเยี่ย…. ท่านยังหนุ่มแน่น อีกทั้งยังมีอนาคตอันสดใสรอคอยอยู่ภายภาคหน้า ท่านควรจะอยู่ข้างนอกเพื่อแสดงความสามารถ คิดได้อย่างไรที่จะหลบหนีไปสู่ความสันโดษตั้งแต่ตอนนี้”

หลิวหงสายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วยเพราะต้องการโน้มน้าวให้เยี่ยฉวนละทิ้งความคิดเดิม

 

หากเยี่ยฉวนออกจากกลุ่มไปตอนนี้ นางจะเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ แล้วหลังจากนี้นางจะสามารถค้นพบก้อนผลึกมนุษย์ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้จากที่ใดกันเล่า?

 

ย่อมให้เกิดขึ้นไม่ได้

นางไม่มีวันยอมให้เยี่ยฉวนออกจากกลุ่มแน่นอน!

 

แววตาของหญิงสาวทอประกายวูบไหวพร้อมกับเริ่มคิดอย่างหนักเพื่อให้เยี่ยฉวนและก้อนผลึกขนาดใหญ่ยังอยู่ที่นี่ นางอาจจะต้องยอมเสียสละสิ่งของบางอย่างหากจําเป็น

“แต่ปัญหาก็คือ… ข้ารู้สึกว่าชีวิตของข้านี้ได้สัมผัสกับความรุ่งโรจน์มามากมายแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ข้าจะรู้สึกตื่นเต้นกับมันอีกแล้ว”

 

เยี่ยฉวนมองหน้าอกสูงตระหง่านและขาขาวเรียวของหลิวหงอย่างตั้งใจพร้อมกล่าวต่อ “ชีวิตนี้ข้าไม่ขออะไรมากนัก การครอบครองก้อนผลึกขนาดใหญ่นี้เพียงพอแล้วล่ะ”

“เยี่ยฉวน…. เอาล่ะ ข้าจะไม่อ้อมค้อมแล้ว มอบก้อนผลึกนี้ให้ข้าแล้วท่านต้องการสิ่งใดจงบอกกล่าวมา” หลิวหงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปจึงกล่าวจุดประสงค์ของตัวเองทันที หลังจากครุ่นคิดมาสักพัก นางเกรงว่าจะพลั้งมือบดขยชายจอมยียวนตรงหน้าเสียก่อน อีกทั้งนางก็ยังกังวลยิ่งว่าเยี่ยฉวนจะหนีไปพร้อมกับก้อนผลึกที่ตนหมายปอง

“ไม่ได้” เยี่ยฉวนส่ายศีรษะ

 

“ไอ้หนู! อย่าโง่ไปหน่อยเลย ไม่จําเป็นต้องปฏิเสธเพื่อรักษาศักดิ์ศรีหรอก!” หนาซานเดินเข้ามาใกล้พร้อมกล่าวเหยียดหยาม

 

“ใช่แล้ว! เป็นเกียรติมากแค่ไหนแล้วที่เจ้าสามารถมอบสิ่งของล้ําค่าให้กับศิษย์พี่หญิงใหญ่”

หนาสุยขาเดียวเดินเข้ามาเช่นกัน ใบหน้าบิดเบี้ยวดูน่ารังเกียจ มือขวากระชับดาบที่เอวไว้แน่นพร้อมสายตาเคียดแค้น “ถ้าไม่มีพวกข้าคอยคุ้มครองเจ้าจะสามารถค้นหาก้อนผลึกเหล่านี้ด้วยตนเองได้หรือไม่? หากเจ้าไม่กล่าวความต้องการออกมาตอนนี้ ระวังว่าจะไม่ได้สิ่งใดติดมือกลับไป!”

 

“นี่พวกเจ้า… กําลังข่มขู่ข้างั้นหรือ?” ใบหน้าของเยี่ยฉวนกลายเป็นเย็นชา ใบมีดเล็กส่องแสงประกายเจิดจ้าขณะที่เขากวัดแกว่งมันไปมา

บรรยากาศโดยรอบพลันอึมครึมกลายเป็นกดดันจนเริ่มหายใจลําบาก

พี่ใหญ่ลู่และโท่วปาเซียงเพียวเห็นสถานการณ์กําลังย่ําแย่ จึงถอยร่นออกไป ชัดเจนแล้วว่าหลิวหงต้องการก้อนผลึกมนุษย์ขนาดใหญ่นี้และในกลุ่มทั้งหกเป็นคนจากสํานักเบญจลักษณ์ไปแล้วสาม แม้เยี่ยฉวนจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสํานักหมอกเมฆา อีกทั้งภูมิหลังของเขายังไม่ด้อยไปกว่าใคร แต่ท้ายที่สุดแล้วเขามีตัวคนเดียว ซึ่งสองมือไม่สามารถต่อสู้กับฝีมือได้

“หยุด! พวกเจ้าทุกคนวางดาบลงซะ หนาซาน หนาสู่ย! พวกเจ้าทําสิ่งใดกัน เห็นหรือไม่ว่าข้ายืนอยู่ตรงนี้ ศิษย์พี่อาวุโสผู้นี้เคยอยู่ในสายตาพวกเจ้าหรือไม่?”

 

หลังจากตั้งใจปล่อยให้หนาซานและหนาสู่ยข่มขู่อีกฝ่าย หลิวหงก็พลิกสถานการณ์ให้กลับมาราบรื่นอีกครั้งพร้อมกล่าวต่อ “คุณชายเยี่ย ท่านเพียงมอบก้อนผลึกนี้ให้กับข้าแล้วข้าจะมอบสมบัติให้ท่านครึ่งหนึ่งหลังจากที่เราค้นพบ ดีหรือไม่?”

 

“ไม่ได้” เยี่ยฉวนปฏิเสธเสียงแข็ง

“อย่างนั้นข้าจะมอบก้อนผลึกทั้งหมดรวมถึงสมบัติที่เราค้นพบก่อนหน้านี้ให้เป็นอย่างไร?” หลิวหงยังไม่ยอมแพ้

เยี่ยฉวนสายศีรษะ

 

“ข้าจะมอบสมบัติที่พบเจอก่อนหน้านี้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าเราจะพบสมบัติใดอีกข้าจะมอบให้ท่านครึ่งหนึ่งเป็นอย่างไร?” หลิวหงเริ่มยัดเยียดข้อเสนอด้วยเค้กก้อนใหญ่

 

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่หลิว…. หากของที่ได้พบเจอนั้นล้ําค่ายิ่ง เจ้าจะเปลี่ยนใจหรือไม่? เจ้ายินดีมอบมันให้ข้าจริงๆงั้นหรือ?” เยี่ยฉวนไม่ใจอ่อนและเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมราวกับก้อนผลึกขนาดใหญ่นี้คือของล้ําค่าอย่างแท้จริง

 

ตอนนี้หลิวหงหยิบเอาก้อนผลึกที่ได้รับจากอาณาจักรสวรรค์ทั้งหมดออกมา แม้พวกมันเป็นสิ่งล้ําค่าที่ไม่อาจซื้อขายได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีความสําคัญเลยในสายตาของเยี่ยฉวน แม้ว่าเขาจะไม่ชื่นชอบ แต่เขายังสามารถมอบมันต่อให้กับเจ้าอ้วนและคนอื่นๆได้ แต่หากยอมรับในตอนนี้การแสดงทั้งหมดอาจดูไม่สมจริงเท่าไหร่นัก ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่อาจยอมให้หลิวหงต่อรองอย่างราบรื่น

 

“อย่างนั้นท่านกล่าวมาเถิดว่าต้องการสิ่งใดจึงจะยอมมอบก้อนผลึกนี้ให้กับข้า?” หลิวหงกล่าวอย่างใจร้อน ใบหน้าของนางเผยความตึงเครียดราวกับกังวลว่าเยี่ยฉวนจะไม่ยอมตกลงไม่ว่าทางใด

“ข้าต้องการให้ศิษย์พี่หญิงใหญ่หลิวมาเล่นกับข้าในคืนนี้ได้หรือไม่?”

 

เมื่อเห็นว่าหลิวหงเริ่มไม่อดทน เยี่ยฉวนพลันผ่อนคลายออกมาในทันที เขากล่าวต่อด้วยน้ําเสียงจริงจัง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าข้ายังหนุ่มแน่น ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็มีบางสิ่งที่ยังไม่เคยสัมผัส ดังนั้นข้าจึงอยากลองทําอะไรที่มันตื่นเต้นดูบ้าง…”

 

สิ้นเสียง ทั้งกลุ่มถึงกับตกตะลึง

 

การเอ่ยปากขอให้หลิวหงอยู่ในกับเขาต่อหน้าทุกคนนั้นช่างไร้ยางอายอย่างแท้จริง!

ใบหน้าของหนาซานและหนาสู่ยพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว ใบหน้าของพี่ใหญ่ลู่ก็ดูไม่ดีนัก หลิวหงเปรียบกับเทพธิดาในดวงใจของเขาไปเสียแล้ว หากนางตกลงกับเยี่ยฉวน. คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

 

“ไอ้บัดซบ คนไร้ยางอาย!”

 

โท่วปาเซียงเพียวกัดฟันสาปแช่ง ใบหน้าของนางแดงกําไปจนถึงใบหูราวกับว่าเยี่ยฉวนร้องขอให้นางไปอยู่กับเขามิใช่หลิวหง

เดิมที่นางรู้สึกเห็นใจเยี่ยฉวนอยู่บ้างและรู้สึกรังเกียจหลิวหงพร้อมกับศิษย์ผู้ติดตาม แต่เมื่อเยี่ยฉวนเปิดปากออก ความห่วงใยทั้งหมดพลันหายไปหมดสิ้น เขาเป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยกลโกง การคาดหวังความจริงใจจากชายคนนี้นั้นไม่ต่างอะไรจากคาดหวังว่าสุนัขจะไม่เห่า เขาไม่เต็มใจที่จะได้รับสมบัติมากมาย แต่เขากลับต้องการให้อีกฝ่ายปรนนิบัติเขาในคืนนี้แทน เขายอมแลกทุกสิ่งเพื่อตัณหาราคะ บนโลกอาจมีคนชั่วช้ามากมาย แต่ไม่อาจเทียบกับบุรุษผู้นี้!

 

โท่วปาเซียงเนียวจับจ้องเยี่ยฉวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

 

หลิวหงมึนงงกับคําพูดนั้นเช่นกันแต่นางไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใด ก่อนจะหัวเราะออกมาในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นนางจงใจยื่นหน้าอกอวบอิ่นของตนให้เยี่ยฉวนมองใกล้ๆ ราวกับรักใคร่กันมาเนิ่นนาน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสดใสในขณะกล่าวออก “คุณชายเยี่ย… เรื่องนี้ มันจะดีงั้นหรือ?”

 

“ฮ่าๆ มันไม่เหมาะสมจริงๆ! ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น ศิษย์พี่หญิงใหญ่หลิวเจ้าไม่ต้องจริงจังกับคําพูดข้านักหรอก”

 

เยี่ยฉวนกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “เดิมที่ก้อนผลึกนี้ข้าไม่คิดมอบมันให้กับใคร แต่หากศิษย์พี่หญิงใหญ่หลิวต้องการมัน ข้าก็ยินยอมได้ อย่างไรซะข้าก็เป็นบุรุษที่มีภรรยาแล้ว เรื่องประสบการณ์อย่างนั้น ข้าคงต้องไปขอจากนางมากกว่า เอาล่ะ ก่อนหน้านี้ข้าเพียงล้อเล่นเท่านั้น เซียงเนียวเจ้าบ่นสิ่งใดหรือ?”

“ผู้ใดเป็นภรรยาของเจ้า!?” โท่วปาเซียงเนียวร้องออกอย่างอับอาย

ทั้งหนาซาน หนาสุ่ยและพี่ใหญ่สู่ต่างโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่าใบหน้าสดใสของหลิวหงพลันครื้มหม่นทันที ตอนนี้นางต้องการใช้เสน่ห์ของตนให้เป็นประโยชน์และใช้ช่วงเวลาค่ําคืนเพื่อ ให้เยี่ยฉวนยอมจํานนแต่โดยดี แต่ในพริบตาเยี่ยฉวนกลับเอ่ยคําว่า เขาล้อเล่นงั้นหรือ… นี่เป็นความรู้สึกที่นางไม่อยากจะยอมรับ!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด