Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 279 มหาปราชญ์สองฤดู

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 279 มหาปราชญ์สองฤดู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 279 มหาปราชญ์สองฤดู

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินกวาดสายตามอง โดยรอบก่อนขี่สายลมไปทางปีกตะวันออก มันอ้าปากเป่าลมพัดหน้าต่างให้เปิดออกและลอยเข้าไป

ปีศาจร้ายหัวเราะคิกคักขณะสํารวจดูกลุ่มคนที่อยู่ในห้วงนิทรา มันเดินตรงไปหาสตรีผู้หนึ่งและก้มลงเลียริมฝีปากของนางแผ่วเบา หญิงวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงกลับผ่ายผอมซูบซีดราวภูตผีในชั่วพริบตา มันดูดกลืนดวงวิญญาณ โลหิต และปราณหยางของนางไปจนหมดสิ้น!

ปีศาจเฒ่าเดาะลิ้นก่อนเคลื่อนกายไปข้างหลัง เด็กหญิงผมเปียสั้น แก้มของนางขึ้นสีระเรื่อและมีรอยยิ้มเขินอายแต่งแต้มบนใบหน้า เด็กน้อยกําลังฝันหวานจนไม่รู้สึกถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้

เด็กคนนั้น!

นางคือเด็กหญิงที่นําอาหารมาให้พวกเขา!

หลงเอ๋อร์น้อยชูคอเตรียมแปลงกายเป็นมังกร ปีศาจเพื่อเข้าไปช่วยนาง แต่มือใหญ่กลับห้ามเขาเอาไว้

“อย่าเพิ่งขยับ รออีกนิด!”

เยี่ยฉวนที่ยืนอยู่หลังหลงเอ๋อร์เผยสีหน้าเลือดเย็นและเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่าน

ทว่ายังคงสงบนิ่งและบอกให้หลงเอ๋อร์รอจังหวะเหมาะ

“ฮิๆๆ”

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินหัวเราะอย่างพอใจพลางโน้มตัวลงหมายจะดูดกลืนโลหิตปราณ และพลังชีวิตของเด็กหญิง แต่ทันใดนั้น กลับรู้สึกเจ็บปวดที่หว่างคิ้วราวกับถูกแผดเผากลุ่มควันสีฟ้ามัวนตัวขึ้นในอากาศ

เด็กหญิงสะดุ้งตื่นและคว้าแผ่นอักขระหยางข้างกายมาทาบตรงหว่างคิ้วของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินทันใด มันกรีดร้องเสียงหลงพร้อมบินหนีไปในชั่วพริบตาพร้อมออร่าที่ลดฮวบ ดูเหมือนว่าอักขระในมือของนางจะทําให้ปีศาจเฒ่าบาดเจ็บสาหัส!

“บ้าเอ๊ย! อักขระพิลึกนี้อีกแล้ว!” ปีศาจเฒ่าทั้งโกรธทั้งกลัวแต่ไม่อาจตัดใจจากเหยื่อจํานวนมากที่ยังหลับสนิท มันเอื้อมมือไปทางเด็กหญิงที่ขดตัวอยู่มุมหนึ่งหมายจะฉีกนางให้เป็นชิ้นๆ เพื่อระบายโทสะ

ทันใดนั้นลมเย็นเยียบถึงกระดูกพัดกระจายไปทั่วปีกตะวันออก

ผู้คนที่กําลังหลับใหลอยู่พลันสะดุ้งตื่นขึ้น เมื่ เห็นร่างของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินก็พากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงด้วยความตื่นตระหนก!

“ฮิๆๆ จะหนีไปไหน…เลือดสดๆ และปราณหยางของข้า! ฮิๆๆ”

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินหัวเราะเสียงแหลมพลางคว้ามือเด็กหญิง “ปัง!” มันเป่าลมร้าย เพื่อปิดประตูและหน้าต่างขังทุกคนในปีกตะวันออกเอาไว้เพราะต้องการจับเหยื่อมากกว่าสิบคนในคราเดียว วิญญาณร้ายไม่เพียงโหดเหี้ยมอํามหิตแต่ยังละโมบโลภมากอีกด้วย!

ปีศาจเฒ่าอดไม่ได้ที่จะลิงโลดเมื่อนึกถึงการกลืนกินปราณหยางของชาวเผ่ามู่กว่าสิบคน!

เสียงกรีดร้องน่าสยดสยองดังปะปนกับเสียงหัวเราะชั่วร้ายของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน..

หลงเอ๋อร์น้อยทนไม่ไหวอีกต่อไปและเริ่มแปลงกายเป็นมังกรปีศาจน้อยอีกครั้ง ทว่าไหล่ของเขาถูกกดเอาไว้อย่างแน่นหนาจนไม่สามารถพุ่งตัวออกไปได้

“หลงเอ่อร์น้อย ช้าก่อน ยังไม่ถึงเวลา!”

เยี่ยฉวนแลดูสงบมาก ยิ่งสถานการณ์คับขันมากเท่าใดยิ่งสุขุมเยือกเย็นมากเท่านั้น แววตาของเขาเย็นเยียบไร้อารมณ์

หลังบรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ ความแข็งแกร่งของเยี่ยฉวนทวีคูณขึ้นมากจนสามารถใช้สารพัดเคล็ดวิชา อีกทั้งประสบการณ์จากชาติที่แล้วยังมีอิทธิพลกับเขามากขึ้น ชายหนุ่มค่อยๆ เผยความหลักแหลมเมื่อครั้งที่เป็นมหาปราชญ์ผู้ครองโลกออกมา เขาสุขุมเยือกเย็นยิ่งกว่ารูปปั้นน้ําแข็งในยามที่ต้องรอจังหวะอย่างใจเย็น ความสงบนิ่งโดยปราศจากอารมณ์เช่นนี้ทําให้หลงเอ๋อร์กลัวเล็กน้อย เขาไม่กล้าขยับเขยื้อนโดยไม่ได้ รับอนุญาตแม้ภายในใจจะอยากช่วยเด็กหญิงมากเพียงใดก็ตาม

“ตุ้ม!”

ฉับพลันกําแพงสองข้างระเบิดออกพร้อมร่างสองร่างกระโจนเข้าจู่โจมปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขา หยินคนหนึ่งต่อสู้ด้วยมือเปล่าแต่กําปั้นของเขา หนักแน่นราวกับค้อนยักษ์ ส่วนอีกคนมีปากกาขนนกคู่กายที่แหลมคมยิ่งกว่ากระบบิน!

เฒ่ามู่และมู่ซานรวมพลังโจมตีปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน!

“พวกเจ้าอีกแล้ว! การโจมตีพรรค์นี้คิดว่าจะได้ผลงั้นหรือ?! ฮิๆๆ”

ปีศาจเฒ่ารีบล่าถอยดุจใบไม้ที่ปลิดปลิวไร้น้ํา หนักทั้งที่มันเคลื่อนไหวในอากาศเพื่อหลบหลี กการโจมตีของอีกฝ่ายได้คล่องแคล่วดังใจทั้งที่มีเด็กหญิงตัวเล็กอยู่ในมือข้างหนึ่ง มิหนําซ้ํายังต่อกรได้แม้เป็นการต่อสู้แบบสองรุมหนึ่ง ท่าทีของมันประหนึ่งแมวที่หยอกล้อกับหนูในกรงเล็บ

“ไอ้วิญญาณเฒ่า เจ้าสังหารคนของข้าไปถึงยี่สิบเอ็ดคน ข้าจะสู้กับเจ้าจนกว่าจะตายกันไปข้าง!”

ชายชราโกรธจัดหลังจากจู่โจมล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง เขาลอบใช้เคล็ดวิชาตวัดปากกากลางอากาศ ความเร็วในการขีดเขียนเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ จนเกิดภาพติดตาก่อตัวเป็นอักขระและเงาร่างสัตว์อสูรมากมายทั้งมังกร พยัคฆ์ และอสรพิษ… กองทัพอันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่ปีศาจเฒ่าในชั่วพริบตา บรรยากาศปกคลุมด้วยจิตสังหารแรงกล้า!

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเผยสีหน้าเคร่งเครียดและชะลอความเร็วลงเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน เงาร่างอสูรเหล่านี้ไม่อาจถูกสังหารได้และการโจมตีจากพวกมันเพียงครั้งเดียวอาจแตกร้าวไปถึงกระดูก หากหลับหูหลับตาหลบหลีกเช่นนี้ต่อไปคงสิ้นชีพเพราะความเหนื่อยล้าเป็นแน่!

ศาสตร์จารึกสองฤดู?

พวกเขา…เป็นทายาทของมหาปราชญ่สองฤดูในยุคโบราณอย่างนั้นหรือ?!

เยี่ยฉวนที่เฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง ความทรงจําเก่าเก็บจนฝุ่นจับผุดขึ้นในหัว ยามเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ เขาเคยได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือของมหาปราชญ์สองฤดูและศาสตร์จารึกสองฤดูอันลึกล้ําเกินหยั่งถึง จึงส่งราชาโอสถหัตถ์วิญญาณและราชินีอสูรเนตรสีครามไปเชิญอีกฝ่ายมาร่วมงานเลี้ยงบนยอดเขา เร้นสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่หาตัวไม่พบ ในที่สุดก็ได้ข่าวว่ามหาปราชญ์สองฤดูได้หายสาบสูญไป จากโลกของปุถุชนเสียแล้ว ลือกันว่าเขาถูกภัยพิบัติรุนแรงจากสรวงสวรรค์ทําลายล้างระหว่างฝึกตนอย่างสันโดษบนเกาะโพ้นทะเลเพื่อบรรลุ สภาวะตีบตัน และไม่หลงเหลือผู้สืบทอดเคล็ดวิชาแม้แต่คนเดียว

ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย ไม่ว่ามหาปราชญ์สองฤดูจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เคล็ดวิชาของเขาได้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นในหมู่บ้านเผ่ามู่อันเงียบสงบแห่งนี้!

น่าเสียดายที่ชายชรายังห่างไกลจากการเข้าถึงแก่นแท้ของมหาปราชญ์สองฤดูและเรียนรู้เคล็ดวิชามาเพียงผิวเผิน มิเช่นนั้นปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินอีกร้อยตัวก็ไม่คณามือ เพราะแค่ความรู้เท่าที่มีอยู่ก็ทําให้มันตกที่นั่งลําบากได้ ปีศาจเฒ่าพลาดท่าเสียกระบวนและกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ แม้จะพยายามโต้กลับหลายครั้งแต่เงาร่างอสุ รกายกลับขัดขวางไว้ได้

ชายชราเริ่มหอบหายใจหนักหน่วง เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผาก ศาสตร์จารึกสองฤดูนั้นทรงพลังยิ่ง ทว่ามีเพียงยอดฝีมือขั้นมหาปราชญ์ที่ใช้ศาสตร์นี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต่าของเขาจึงไม่สามารถใช้ศาสตร์นี้ได้ยาวนานต่อเนื่องและสูญเสียพลังชี วิตมหาศาล เมื่อเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง หมู่บ้านแห่ง นี้คงถูกปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินกวาดล้างจนไม่เหลือซาก!

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินสังเกตเห็นสภาพร่างกายของชายชราเช่นกัน มันเปล่งเสียงหัวเราะชั่วร้ายและไม่รีบร้อนตอบโต้อีกต่อไป หากแต่หลบหลีกไปรอบๆ เพื่อรอเวลาให้อีกฝ่ายหมดแรง ทั้งยังใช้เด็กหญิงเป็นที่กําบังเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง ส่วนมูซานคิดอยากช่วยบิดาแต่ขั้นการฝึกตนกลับไม่แข็งแกร่งพอ ขึ้นผลีผลามเข้าไปอาจเป็นการขัดจังหวะเสียเปล่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด