Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 28 เยี่ยงอสุรกาย

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 28 เยี่ยงอสุรกาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 28 เยี่ยงอสุรกาย

“ศิษย์พี่ใหญ่ช่างปราดเปรื่อง!”

“ศิษย์พี่ใหญ่เกรียงไกรยิ่ง!”

เมื่อกองทัพสำนักเครื่องนิลเดินหายลับไปแล้ว บรรดาศิษย์ของสำนักหมอกเมฆาต่างก้าวมาอยู่เบื้องหน้าและคำนับเยี่ยฉวนทีละคน อุปนิสัยขลาดเขลาของเขาในอดีตคงเป็นเพียงการเสแสร้ง พวกเขาคงต้องเปลี่ยนทัศนคติต่อศิษย์พี่ใหญ่เสียใหม่!

โท่วป่าเซียงคือใคร?

เขาดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดแห่งสำนักเครื่องนิลทั้งยังบรรลุการฝึกตนถึงขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับที่สี่ ด้วยความสามารถระดับนี้จึงไม่มีผู้ใดกล้าเผชิญหน้า จะมีผู้ใดกล้าหาญพอจะขัดขวางและเปิดโปงแผนการชั่วร้ายเหล่านั้น?!

คำถามดังกล่าวมีคำตอบที่แน่นอนอยู่แล้วคือไม่มี! เพียงโท่วป่าเซียงกวาดสายตามองพวกเขาด้วยสายตาเย็นเยือกก็หวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ แม้ช่วงหลังหลายคนจะมองออกถึงแผนการอันชั่วร้ายของอีกฝ่ายแต่กลับไม่รู้ว่าจะเปิดโปงเขาอย่างไร!?

ทว่าเยี่ยฉวนกลับทำสำเร็จ!

หลังศิษย์พี่ใหญ่กลับจากสุสานเทพเจ้าอุปนิสัยขลาดเขลาและเหนียมอายเหล่านั้นมลายหายสิ้นและเปลี่ยนเป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่องราวคนละคน โท่วป่าเซียงถึงกับพูดไม่ออกจนต้องถอยทัพกลับไปพร้อมกับความอัปยศอดสูหลังจากถูกเขาเปิดโปงแผนการสกปรก ท่าทางที่เจ้าสำนักเครื่องนิลโกรธแค้นจนแทบกระอักเลือดเมื่อได้ยินเขายียวนประสาทโดยเรียกว่าท่านพ่อตาทำให้ฝูงชนที่เห็นรู้สึกสาแก่ใจยิ่ง!

“บัดนี้ศิษย์พี่ใหญ่ช่างกล้าหาญและปราดเปรื่องกว่าเดิมมากนัก ประเสริฐยิ่ง! อย่างนี้สิจึงจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาผู้สง่างามและสมเกียรติ!” สายตาและจิตใจของจูซือเจียเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมเมื่อมองไปยังเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนไม่เพียงรับมือกับแรงกดดันทั้งของจินหัวและเจ้าสำนักโท่วป่าเซียงได้อย่างชาญฉลาด เขายังทำการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเปิดโปงด้วยกลยุทธ์ที่แยบยลอย่างกล้าหาญยิ่ง! หากนางประสบปัญหาเช่นเดียวกันอาจจัดการปัญหาได้ไม่ดีเทียบเท่า

“นั่นไม่นับว่าประเสริฐหรอก ศิษย์พี่ใหญ่ดูแลยอดเขาเมฆาอินทนิลอย่างโดดเดี่ยวมานานหลายปี ครั้นจะตบแต่งโท่วป่าเซียงเนียวเป็นภรรยาก็เกิดเหตุสุดวิสัยทำให้นางไม่อาจอยู่เคียงข้างได้ ศิษย์น้องเจียเจีย…เจ้าลองกลับไปไตร่ตรองดูเถิด ว่าจะย้ายมาอยู่บนยอดเขาอย่างถาวรเพื่อเป็นผู้ช่วยเคียงบ่าเคียงไหล่ของศิษย์พี่ใหญ่หรือไม่? ประตูทางเข้าเปิดต้อนรับเจ้าเสมอไม่ว่ายามทิวาหรือราตรี…” เยี่ยฉวนยิ้มพลางลอบมองบั้นท้ายของจูซือเจียพร้อมยกฝ่ามือขึ้นระลึกถึงครั้งที่มันเคยได้สัมผัส

“ไอ้อันธพาล!”

จูซือเจียหมุนตัวจากไปด้วยความโกรธและอับอายเพราะรู้ว่าเยี่ยฉวนคิดสิ่งใด….

แม้ท่านปู่ไม่เคยอบรมทว่านางก็รับรู้ว่าตนควรระมัดระวังภาพลักษณ์รวมถึงการวางตัวให้เหมาะสม เพราะตั้งแต่เปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กเข้าสู่วัยสาวร่างกายสตรีมีการเปลี่ยนแปลงถึงสิบแปดครั้ง ทรวดทรงจะเริ่มมีความโค้งเว้า บั้นท้ายและสะโพกผายออกทั้งหน้าอกยังมีขนาดนูนขึ้น นางสามารถประพฤติตนเป็นกุลสตรีต่อหน้าผู้อื่นได้เป็นอย่างดี แต่ทุกครั้งที่นางนึกประทับใจเยี่ยฉวน เขาก็มักทำให้นางไม่สบอารมณ์อยู่เรื่อย

ไม่ได้การ! จะปล่อยให้เขาย่ำยีเช่นนี้ต่อไปกระนั้นหรือ?!

จูซือเจียไม่สามารถระงับสติอารมณ์และวางตัวเป็นกุลสตรีได้อีกเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนที่เยี่ยฉวนใช้ฝ่ามือฟาดบั้นท้ายของตน นางบิดหูของจ้าวต้าจื่อก่อนลากเขาออกไปขณะเขากำลังจะเอ่ยบางอย่างกับเยี่ยฉวน

“เด็กคนนี้นี่…”

อาวุโสสูงสุดส่ายศีรษะเมื่อเห็นกิริยาท่าทางกระฟัดกระเฟียดของหลานสาวก่อนมองไปที่เยี่ยฉวนเพราะจับสังเกตได้ถึงเรื่องราวบางอย่างระหว่างทั้งสอง ชายชราหัวเราะพร้อมยืดตัวขึ้นและกล่าวออก “ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมากเยี่ยฉวน! ในที่สุดเจ้าก็มีความเด็ดเดี่ยวตรงไปตรงมา นับจากนี้เจ้าจงฝึกฝนวิทยายุทธอย่างสม่ำเสมอ แม้จะมีสติปัญญาแก้ไขปัญหาโดยใช้กลยุทธ์ที่ล้ำเลิศเพียงใดก็ไร้ประโยชน์หากปราศจากหัวใจสำคัญเช่นทักษะการฝึกตน หากมีข้อสงสัยประการใดสามารถมาหาข้าเป็นการส่วนตัวได้ทุกเมื่อ”

“ขอบคุณขอรับ ท่านอาวุโสสูงสุด!”

เยี่ยฉวนโค้งคำนับ อาวุโสสูงสุดพยักหน้ารับพร้อมหมุนตัวจากไป…

“เยี่ยฉวน ข้าเองก็ต้องไปแล้วเช่นกัน! เจ้าต้องใช้เวลาอีกไม่กี่วันเพียรฝึกตนอย่างสันโดษเพื่อเตรียมพร้อมกับการประลองอันยิ่งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา ที่สำคัญ…ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตนให้มากขึ้น” อาวุโสลำดับสองกล่าวเตือนเยี่ยฉวนอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นจึงหมุนตัวออกไปพร้อมกับหนานเทียนตู

พริบตาเดียวเหล่าทหารอารักขาและบรรดาศิษย์ที่มารวมตัวสังเกตการณ์บริเวณศาลาด้านนอกก็ทยอยกลับไปทำหน้าที่ของตน เหลือเพียงกลุ่มเดียวที่ยังยืนอยู่ในมุมมืด

“ท่านอาวุโสลำดับสาม เราจะปล่อยให้หัวเอ๋อร์ตายอย่างไร้เกียรติเช่นนี้หรือ?!” จินจื่อคุนขบกรามแน่นเมื่อมองตามหลังเยี่ยฉวนที่กำลังเดินลับสายตาไป

หลังจากโท่วป่าเซียงนำกองทัพสำนักเครื่องนิลจากไป เขาและอาวุโสลำดับสามรวมถึงกลุ่มผู้ติดตามก็เดินหลบออกไปเช่นกันเพราะไม่อาจทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

เยี่ยฉวนได้รับชัยชนะเหนือโท่วป่าเซียงโดยชอบธรรม ขณะอาวุโสสูงสุดและบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักหมอกเมฆาต่างแซ่ซ้องสรรเสริญความดีของเขาอย่างกึกก้อง ใจของจินจื่อคุนและบรรดาสาวกของเขากลับบูดบึ้ง

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าสามารถยืมมือของโท่วป่าเซียงในการกำจัดศัตรูตัวฉกาจเช่นเยี่ยฉวนและกำราบอำนาจของอาวุโสสูงสุดได้อย่างแน่นอน ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรทำให้ความหวังของพวกเขาไม่สัมฤทธิ์ผลอีกครั้ง!

สุดท้ายแล้วความหวังของทั้งจินจื่อคุนและอาวุโสลำดับสามก็พังทลายลงโดยไม่ทันตั้งรับ

“หากไม่ปล่อยแล้วเจ้าจะทำอย่างไร? ไล่ล่าสังหารไอ้เด็กนั่นด้วยตนเองงั้นรึ?!”

ชายชราเผยสีหน้าคล้ำหม่น ดวงตาของเขาเปล่งแสงซีดจางและหรี่ลงราวอสรพิษ เขาหันไปสบตาจินจื่อคุนก่อนกล่าวออก “หากเจ้าไร้ความอดทนอาจทำให้พวกเราเสียการใหญ่! จงอดทน…ทนให้ถึงที่สุด! จะโกรธาเพียงใดก็ย่อมได้ แต่อย่าก่อเรื่องจนกระทบกับแผนการของเรา ยามนี้ยังไม่ถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะจำกัดอาวุโสสูงสุดให้พ้นทาง ระงับโทสะเสียจินจื่อคุน ข้าอาจปล่อยให้เจ้าทำเรื่องพรรค์นั้นได้ ทว่าตาเฒ่านั่นไม่ปล่อยพวกเราโดยง่ายเป็นแน่!”

ไป๋เยี่ยนหู อาวุโสลำดับสามสั่งความกับอีกฝ่ายแล้วจึงเดินนำเหล่าผู้ติดตามจากไป ปล่อยให้จินจื่อคุนขบกรามแน่นอย่างอึดอัดคับข้องใจ ร่างของเขาสั่นสะท้านแรงด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงชายชราผู้สวมชุดคลุมสีดำอยู่เป็นนิจ

เขาเกลียดชังอาวุโสสูงสุดและเยี่ยฉวนยิ่ง แต่ไม่ว่าเขาจะโกรธแค้นทั้งสองมากเพียงใด สุดท้ายหากต้องเผชิญหน้าคงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่! แต่ถ้าเขายินดีสละชีพในตอนนี้ก็ยังเป็นเรื่องยากเช่นกัน

ครั้นนึกถึงบทลงโทษที่โหดเหี้ยมจากชายผู้นั้น ร่างของเขาพลันสั่นสะท้านอีกครั้งด้วยความขยาดกลัว

“ท่านเจ้าหอแปรธาตุ ข้าสามารถจัดการไอ้สารเลวเยี่ยฉวนนั่นแทนท่านได้ หากท่านต้องการ…” ที่ปรึกษาเหอไท่ซวีเสนอข้อแนะนำพลางลอบมองสีหน้าผู้เป็นนายอย่างระมัดระวัง

หัวใจของชายชราเต้นระรัวด้วยเกรงว่าจินจื่อคุนจะตำหนิที่เขาไม่สามารถปกป้องบุตรชายเพียงคนเดียวจนต้องมาตายตกอย่างอนาถและอาจลงโทษเขาให้ประสบกับโศกนาฏกรรมในที่สุด จึงพยายามหาหนทางสร้างความดีความชอบชดใช้ความผิดเหล่านั้น

“เช่นนั้นก็ฆ่ามันเสีย! อย่างไรเจ้าก็คงใช้ชีวิตได้อีกไม่นานนัก อุตส่าห์วางใจให้เจ้าคอยอยู่เคียงข้างนายน้อยแต่กลับทำตัวไร้ค่าราวลมที่ผายออก! ข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าอยู่บนโลกนี้ต่อไปด้วยซ้ำ!” จินชื่อคุนเผยสีหน้าดุร้ายพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

“ไว้ชีวิตข้าน้อยเถิดท่านเจ้าหอ…โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย!”

เหอไท่ซวีกลัวลนลานจนร่างสั่นสะท้าน เขารีบคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกอดต้นขาของผู้เป็นนายเพื่อร้องขอความเมตตา “ท่านเจ้าหอ ยามนี้ไอ้เด็กเยี่ยฉวนได้รับการสนับสนุนจากท่านอาวุโสสูงสุดและอาวุโสลำดับสอง หนำซ้ำบรรดาศิษย์ทั้งหลายยังแซ่ซ้องสรรเสริญ ดังนั้นเราทำได้เพียงลอบโจมตีมันเท่านั้นไม่อาจโจมตีโดยตรงได้ นอกจากนั้นสิ่งที่เราสามารถจัดการได้อีกก็คือ…”

เหอไท่ซวีลุกยืนพลางยื่นหน้าไปกระซิบแผนการข้างหูจินจื่อคุน…

“หืม แม้แต่หัวเอ๋อร์ที่บรรลุถึงขั้นซิวฉือระดับสองยังพ่ายแพ้ให้กับมัน แล้วเจ้าอวดดีอย่างไรจึงคิดว่าตนคู่ควรพอจะทำเช่นนั้นได้?!” เจ้าแห่งหอแปรธาตุถลึงตาใส่อีกฝ่ายจนชายชราขาอ่อนปวกเปียกถึงขั้นทรุดลงกับพื้นด้วยความตื่นตระหนกยิ่ง!

เหอไท่ซวีรีบกล่าวขอความเมตตา “คู่ควร! ท่านเจ้าหอ…คู่ควรยิ่ง! แม้ไอ้เด็กนั่นจะหลักแหลมเพียงใดทว่ามันบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับที่ห้าเท่านั้น! นายน้อยจินหัวคงถูกทหารอารักขาเหล่านั้นทำร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไอ้เยี่ยฉวนคงเห็นนายน้อยกำลังบาดเจ็บหนักจึงฉวยโอกาสเข้ามาโจมตี!”

“ดี! ไปจัดการเสีย พึงตระหนักไว้ว่านี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า! บัดนี้เหล่าภูตอสุรกายในหุบเขามังกรปีศาจเริ่มกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข หากเจ้าไม่อยากเป็นอาหารของพวกมันก็จงทำตามที่รับปากอย่างขันแข็ง! เข้าใจหรือไม่?!” จินจื่อคุนคำรามด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนพาผู้ติดตามเดินจากไป

“วางใจเถิดขอรับ ครานี้ข้าน้อยจะไม่กระทำการล้มเหลวอย่างแน่นอน!”

เหอไท่ซวีโค้งคำนับรับคำสั่ง ทันใดที่เงยหน้าขึ้นมองไปยังด้านหลังของผู้เป็นนาย เหงื่อพลันผุดขึ้นจนแผ่นหลังเปียกชุ่ม!

ทุกๆ ปีพวกเขาจะต้องเสาะหาเครื่องเซ่นมาปรนเปรอแด่บรรดาภูตอสุรกายในหุบเขามังกรปีศาจเพื่อไม่ให้พวกมันขึ้นมาก่อความวุ่นวายเบื้องบน เครื่องเซ่นที่ว่ายังรวมถึงสาวกที่คิดทรยศต่อสำนักหมอกเมฆาอีกด้วย! สำหรับศิษย์ที่ถูกเนรเทศ…หุบเหวนั่นคือฝันร้ายอันน่าสะพรึงยิ่ง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด