Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 369 ชายผู้น่าเวทนา

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 369 ชายผู้น่าเวทนา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 369 ชายผู้น่าเวทนา

ตกดึกลมพายุโหมกระหน่ํา

ฝนลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆ พร้อมอุณหภูมิที่ลดต่ําลงทุกขณะ

สายลมเย็นเฉียบพัดเข้ามาทางหน้าต่างจนทหารองครักษ์ต้องย่นคอด้วยความหนาวเหน็บ ทว่าหลีก่วงซ่านที่มีร่างกายแข็งแกร่งกลับไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่มองดูกระดาษตรงหน้าพัดปลิวไปตามแรงลมเท่านั้น

“ฆ่า

ฆ่า

ฆ่า…”

หลีก่วงซ่านหยิบกระดาษเปล่าแผ่นใหม่ขึ้นมาเขียนค่าว่า เยี่ยฉวน ตัวโตๆ ลงไปจากนั้นจึงเขียนคําว่า “ฆ่า เต็มหน้ากระดาษพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เดิมที่เขาตั้งใจจะกลับมาจากอาณาจักรสวรรค์พร้อมผลงานอันน่าประทับใจและได้สานสัมพันธ์กับสตรีพรหมจรรย์หงจือเซีย

เดิมที่เขาดารงตําแหน่งองค์ชายรัชทายาทที่มั่นคงรอคอยการขึ้นเถลิงถวัลย์ราช สมบัติในวันข้างหน้า

ทว่าทุกสิ่งกลับต้องสูญสิ้นไปเพราะเยี่ยฉวน! รูปลักษณ์ของเขากลับกลายเป็นครึ่งคนครึ่งผีมิหนําซ้ําองค์จักรพรรดิต้าฉินผู้เป็นบิดายังไม่สนใจไยดีเขาอีกต่อไป แม้จะยังไม่ถูกปลดจากตําแหน่งองค์ชายรัชทายาทแห่งต้าฉันอย่างเป็นทางการ แต่ผู้คนเริ่มพากันซุบซิบนินทาเรื่องการถอดตาแหน่งลับหลังเขา มีเสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวองค์อร่ายรัชทายาทอย่างหนาหทั้งในชั้นศาลและในหมู่ประชาชน

หลีก่วงซ่านถอดหน้ากากออกและมองดูเงาสะท้อนของตนเองในกระจกพลางลูบไล่ไปตามใบหน้าอย่างเชื่องช้ํา

เครื่องหน้าหล่อเหลาของเขายังคงอยู่ ทั้งขนคิ้วหนา ดวงตาคมเข้มเปล่งประกายและสันจมูกโด่ง เคราะห์ร้ายที่มันเหลืออยู่เพียงครึ่งเท่านั้น ใบหน้าซีกซ้ายของเขายังคงดึงดูดใจสตรีได้เหมือนเช่นเคย หากแต่ใบหน้าซีกขวากลับทําให้พวกนางต้องกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ภูตผียังต้องเข็ดขยาดหากเขาออกไปเตร็ดเตร่ตอนกลางคืน!

“ฆ่า! ฆ่า! เยี่ยฉวน ข้าจะฆ่าเจ้าแน่…”

จิตใจของเขาปวดร้าวจนแทบหลั่งเลือดเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของตนเองในยามนี้ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนใบหน้าบิดเบี้ยวและพึมพํากับตนเองซ้ําไปมา

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ…นี่ก็ดึกมากแล้ว พระองค์ควร…”

ราชองครักษ์เอ่ยเตือนอีกครั้ง ขณะนี้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างไรชอบกล บริเวณ โดยรอบเงียบสงัดเกินไปจนน่าประหลาด จิตใต้สํานึกของเขาอยากกระโจนหนีออกไปจากห้องนี้ให้ไกลที่สุด

หลีก่วงซ่านไม่เอ่ยคําใด เขาเพียงแค่หันมามองเท่านั้น

ราชองครักษ์ร้องออกมาด้วยความตระหนก ทั้งกายพลันสั่นสะท้าน

แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นใบหน้าใต้หน้ากากของหลีก่วงซ่าน แต่การได้เห็นสภาพครึ่งคนครึ่งผีกลางดึกเช่นนี้ก็ทําให้เขาขวัญผวาไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อใบหน้าขององค์ชายบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งทําให้น่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีก

“เฮยจ๋อ เป็นอะไรไป? ข้าน่ากลัวมากเลยหรืออย่างไร?” หลีก่วงซ่านเอ่ยถามอย่างหดหูขณะมองดูราชองครักษ์ที่ตัวสั่นงันงก

“มะ…ไม่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท พระองค์ทรงมีพระสิริโฉมงามสง่ายิ่ง เพียงแต่… เพียงแต่กระหม่อม..

ฟันขององครักษ์เฮยจ่อสั่นกระทบกัน เขาใคร่จะอธิบายเพิ่มเติมหากแต่ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

ฉับพลันมือใหญ่ของหลีก่วงซ่านคว้าลาคอของเฮยจ่อไว้พลางระเบิดหัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆ พระสิริโฉมงามสง่ายิ่งงั้นรึ? ถ้าเช่นนั้นก็ดูอีกสเฮยจื่อ ดูเสียให้เต็มตาฮ่าๆๆ”

หลีก่วงซ่านแผดเสียงหัวเราะดังก้องราวกับคนเสียสติ เขาออกแรงบีบที่มือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนองครักษ์เฮยจื่อหายใจไม่ออกและทั้งร่างลอยขึ้นจากพื้น

“ฝ่าบาทปะ…โปรดไว้ชีวิต..

เฮยสื่อดิ้นรนด้วยพละกําลังทั้งหมดที่มีจนถึงขั้นใช้ขาที่ลอยอยู่กลางอากาศเตะหลีก่วงซ่านเต็มแรง แต่ฐานการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับต้นเช่นนี้จะนับเป็นคู่ต่อสู้ของหลีก่วงซ่านได้อย่างไร? ไม่นานดวงตาของเขาก็เหลือกลอยจนกลายเป็นสีขาวศีรษะพับห้อยลงด้านข้างอย่างน่าสังเวช

ทันใดนั้นประตูถูกถีบออกพร้อมราชองครักษ์จํานวนหนึ่งกรูเข้ามาอย่างร้อนรนประหนึ่งเผชิญหน้ากับศัตรูน่าเกรงขาม แต่เมื่อได้เห็นสถานการณ์ภายในห้องก็ต้องอกสั้นขวัญแขวนก่อนจะหันหลังออกจากห้องไปเงียบๆ พวกเขารีบหนีไปให้ไกลจากห้องฝึกตนด้วยกลัวว่ารายต่อไปจะเป็นตนเอง การรับใช้องค์รัชทายาทหลีก่วงฮานนั้นยากเย็นขึ้นทุกวัน เขามักประพฤติตนดุจคนสติฟันเฟือนอยู่เป็นนิจจนยากจะเข้าใจว่าเขาต้องการสิ่งใด ทหารที่เคยซื่อสัตย์และอุทิศตนเพื่อพระองค์ในกาลก่อนจึงพากันถอยห่างไปเรื่อยๆ

การติดตามหลีก่วงซ่านในอดีตทําให้พวกเขายึดอกไปไหนมาไหนได้อย่างภาคภูมิ และมีอนาคตอันกว้างไกลไร้ขอบเขต ทว่าในยามนี้ขึ้นรับใช้อีกฝ่ายต่อไปคงมีจุดจบไม่ต่างจากราชองครักษ์เฮยจื่อเป็นแน่!

“ฮ่าๆๆ ฆ่า! ฆ่า! เหตุใดจึงไม่สะดุ้งตกใจอีกเล่า? ไม่ดิ้นรนแล้วหรือไร?! วะฮะฮ่าๆๆ”

หลีก่วงซ่านหัวเราะสุดเสียงขณะจินตนาการว่าองครักษ์ผู้นี้คือเยี่ยฉวน เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนใบหน้าบิดเบี้ยวแลดูน่าสยดสยองเสียยิ่งกว่าจอมมารปีศาจ!

แปะๆๆ! เสียงปรบมือดังแว่วเข้าหูขององค์รัชทายาทหลีก่วงซ่านทันใด

“ใครน่ะ?” หลีก่วงซ่านหันหลังไปมอง

ร่างสูงโปร่งย่างกรายออกมาจากความมืด ทั้งฐานการฝึกตนและรูปร่างหน้าตาของเขาล้วนธรรมดาทั่วไป แต่ยิ่งมองมากเท่าใดก็ยิ่งสะดุดตามากเท่านั้น ทั้งยังมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉาบอยู่บนใบหน้า

“เยี่ยฉวนร?”

หลีก่วงซ่านตกตะลึง แข้งขาพลันเย็นเฉียบ เขาโยนศพองครักษ์ในมือทิ้งไปด้านหนึ่งก่อนถามขึ้น “จะ…เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“ฝ่าบาทไม่ได้ตามหากระหม่อมอยู่หรอกหรือ? ด้วยเหตุนั้นกระหม่อมจึงมาถึงที่นี่”

เยี่ยฉวนชําเลืองมองร่างไร้วิญญาณขององครักษ์เฮยซื้อก่อนจะสันศีรษะ “น่าเวทนา น่าเวทนาเหลือเกิน!”

“สําหรับผู้ที่เข้าวังเพื่อเป็นยอดฝีมือในราชสํานัก การสละชีพเพื่อราชวงศ์ถือเป็น เกียรติยศอันสูงส่ง มีสิ่งใดน่าเวทนานักหรือ?” หลีก่วงซ่านสูดลมหายใจลึกก่อนกล่าวออกอย่างเลือดเย็นพลางเตรียมกระบวนท่าโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด

“เปล่าเลยกระหม่อมหาได้เวทนาองครักษ์ผู้นี้ไม่ หากแต่เวทนาพระองค์ต่างหาก”

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะอีกครั้ง เขาจับจ้ององค์รัชทายาทหลีก่วงฮานอยู่ครู่หนึ่งก่อนเสริมขึ้น “องค์ชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าฉินทั้งหนุ่มแน่นและมีอนาคต หล่อเหลา และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ช่างสูงส่ง…ช่างเพียบพร้อมเสียเหลือเกิน! น่าเวทนาที่พระองค์กลับกลายเป็นเช่นนี้ นอกจากรูปลักษณ์ครึ่งผีครึ่งคนแล้วยังมีจิตใจบิดเบี้ยววิปลาสขึ้นทุกที บัดนี้พระองค์ทรงต่าต้อยกว่าคนธรรมดาเสียอีก เช่นนี้แล้วจะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์และปกครองจักรวรรดิได้อย่างไร? ผู้คนล้วนกล่าวกันว่าจักรว รรดิต้าฉันใกล้ถึงจุดจบแล้ว องค์จักรพรรดิประชวรด้วยอาการลมปราณปั่นป่วนและคง เหลือเวลาอีกไม่มากซ้ําร้ายองค์ชายรัชทายาทยังกลายเป็นคนวิกลจริตไปเสียอีก ดูเหมือนว่าที่ลือกันคงไม่ผิดไปจากความจริงเท่าใดนัก!”

“ไอ้บัดซบ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่รี?! ฆ่ามัน!”

หลีก่วงซ่านไม่ทนฟังเยี่ยฉวนอีกต่อไป เขาเตะโต๊ะตรงหน้ากระเด็นก่อนจะชักดาบพุ่งเข้าใส่เยี่ยฉวนทันที!

โต๊ะอ่านหนังสือหนักอึ้งลอยผ่านเยี่ยฉวนไปกระแทกกําแพงเบื้องหลังจนแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เยี่ยฉวนยืนนิ่งไม่ไหวติง กระทั่งดาบในมือหลีก่วงซ่านจวนจะแทงทะลุกลางอกจึงเบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีดดันอย่างง่ายดาย

องค์ชายรัชทายาทกัดฟันเข้าจู่โจมอีกครั้ง

เยี่ยฉวนยังคงไม่โจมตีกลับเพียงแต่ใช้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามหลบหลีกเท่านั้น เขาหลบหลีกการโจมตีรุนแรงได้อย่างต่อเนื่องราวกับเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจในสวนหย่อม ด้านหลีก่วงซ่านขบกรามแน่นพลางส่งเสียงคารามซ้ําแล้วซ้ําเล่าขณะเข้าจู่โจมแต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจแตะต้องเยี่ยฉวนได้แม้แต่ชายเสื้อ

หลังจากบรรลุสู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเต่ระดับสามและก่อรวมยันต์กลืนกินสวรรค์ใบที่แปดได้สําเร็จนั้น เยี่ยฉวนไม่เพียงมีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นแต่ยังรวดเร็วและปราดเปรียวขึ้นหลายเท่าตัวอีกด้วย บัดนี้เขาสามารถสําแดงพลังที่แท้จริงของเคล็ดวิชาขน

ปักษาสีครามออกมาได้อย่างเต็มที่จนเกือบถึงขั้นที่เคยทําได้ในอดีต ในภพชาติก่อนเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์ของเขาทําให้ยอดฝีมือขั้นมหาปราชญ์กลัวหัวหดมามากมาย

หากแต่เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามก็เป็นที่เลื่องลือไม่แพ้กัน ยอดฝีมือที่มีขั้นการฝึกตนเหนือกว่าเขามากมายไม่อาจไล่ตามเขาได้ทันจึงไม่มีโอกาสโจมตีและตายตกในเงื้อมมือของเยี่ยฉวนเพราะความเหนื่อยล้าในที่สุด

“ทหาร! ทหารองครักษ์! สังหารมันเพื่อข้า..” หลีก่วงฮานยังคงโจมตีอย่างโหด เหี้ยมพลางตะโกนสั่งเสียงดัง

ทว่าภายนอกกลับสงบเงียบไร้วี่แววราชองครักษ์แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าหลีก่วงซ่านจะร้องเรียกดังลั่นสักเพียงใดก็ไร้ความหมาย…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด