Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 41 สตรีผู้อาภัพ

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 41 สตรีผู้อาภัพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 41 สตรีผู้อาภัพ

“โอ๊ย…”

หญิงสาวล้มลงกับพื้น นางถูขาเปลือยเปล่าของตนพลางร่ำไห้ออกมาราวกับเจ็บหนัก

“เจ้าอ้วน เจ้าตาบอดหรืออย่างไร? ชนนางล้มจนฟกช้ำไปหมดเช่นนี้ใครจะรับผิดชอบ เจ้าหรือ?”

เยี่ยฉวนทำหูทวนลมเมื่อได้ยินหญิงสาวร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เขาส่ายศีรษะพลางออกปากสั่งสอนจ้าวต้าจื่อที่กำลังทำหน้าซื่อตาใสด้วยความเคร่งครัดในคุณธรรม

เจ้าอ้วนหน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย ครั้นจะอ้าปากพูดสิ่งใดกลับถูกห้ามปรามไว้ด้วยสายตา เขาจึงทำทีนิ่งเฉยไม่กระโตกกระตาก

สตรีผู้นี้รูปโฉมงดงาม เอวบางร่างเล็ก แม้จะไม่สูงมากนักแต่กลับมีสัดส่วนโค้งเว้าชวนมอง นางแต่งกายอย่างใจกล้า ท่อนบนเผยให้เห็นเนินอกกว่าครึ่งเต้า ส่วนท่อนล่างเผยให้เห็นขาเรียวยาวขาวดุจหิมะ หากผู้ใดก้มหัวลงต่ำคงเห็นต้นขาของนางชัดเจนเป็นแน่ กระโปรงสั้นของนางไม่อาจสั้นไปมากกว่านี้ได้ ผู้ใดพบเจอจะต้องน้ำลายไหลและเก็บไปนอนฝันถึง แต่เมื่อตรองดูแล้ว การที่นางบังเอิญมาชนเข้ากับพวกเขาพอดิบพอดีเช่นนี้ช่างพิลึกเสียจริง

เจ้าอ้วนอดไม่ได้ที่จะมองเรือนร่างของหญิงงามผู้นี้หลายต่อหลายครั้ง

แน่นอนว่าเมื่อเหยื่อทั้งสองไม่หลงกล หญิงสาวก็ไม่อาจเสแสร้งต่อไปได้อีก หล่อนลุกขึ้นมาตะคอกดัง “เฮ้ ไอ้สารเลว เจ้าพูดว่ากระไร? ข้านอนเจ็บอยู่ตรงนี้แต่กลับไม่มีผู้ใดยื่นมือมาช่วยเหลือ พวกเจ้าช่างทั้งสองไร้น้ำใจยิ่ง!”

“ข้าขออภัย ศิษย์น้องของข้าร่างอ้วนใหญ่ทำให้เคลื่อนไหวเชื่องช้าไปนิด เขาจึงหลบไม่ทันจนชนเข้ากับเจ้า”

เยี่ยฉวนขอโทษอย่างจริงจัง แต่ใบหน้าของเขากลับปรากฏรอยยิ้มอ่านยากขณะพินิจดูสตรีนางนี้

แม้เขาจะกล่าวคำขอโทษ แต่เหตุใดคำพูดเหล่านั้นฟังดูไร้อารมณ์นัก?

จ้าวต้าจื่อยิ้มน้อยๆ ออกมาหลังจากที่ได้ฟังศิษย์พี่ใหญ่กล่าวอย่างเถรตรง การถากถางย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่อย่างไรเสียเขาก็สามารถยอมรับในข้อด้อยของตนได้

ประโยคนั้นทำให้หญิงสาวโมโหยิ่งกว่าเดิม นางกระทืบฝีเท้าตามหลังก่อนจะกล่าวกับเยี่ยฉวนซึ่งเดินอยู่ด้านหน้า “เฮ้! พวกเจ้าคิดจะหนีไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ?! อย่างไรแล้วสำนักหมอกเมฆาก็เป็นสำนักเก่าแก่ เจ้าคิดว่าจะใช้ฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของตนรังแกหญิงสาวที่อ่อนแอเช่นข้าได้โดยง่ายงั้นหรือ?!”

“เจ้าเป็นใคร?”

เยี่ยฉวนหยุดฝีเท้า เขาตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนจะหันไปยิ้มเย็นเยือกให้กับอีกฝ่ายเมื่อรู้ตวว่าถูกเปิดโปง “แม่สาวน้อย แล้วเจ้าน่ะเป็นสตรีอ่อนแอจริงหรือ?”

“ข้าชื่อหลิวหง ศิษย์แห่งสำนักเบญจลักษณ์”

หน้าอกของนางแทบทะลักออกมาจากเสื้อชิ้นน้อยในขณะที่นางเชิดหน้าขึ้นสูง ดวงตากลมโตจับจ้องเยี่ยฉวนอย่างไม่ยอมแพ้

หลิวหง บุตรสาวคนโตของเจ้าสำนักเบญจลักษณ์ผู้มีชีวิตชีวาดั่งเปลวเพลิง เจ้าชู้ ทรงเสน่ห์และใจกล้า มีผู้ใดบ้างในเทือกเขาอินทนิลที่ไม่รู้จักนาง?

เจ้าอ้วนจำนางได้ทันที เขาเผลอมองทรวงอกของหลิวหงอยู่หลายครา นางผู้นี้ร่างเล็กแต่หน้าอกกลับอวบอัดราวกับมันขยายแทนความสูง ไม่แปลกใจที่มีข่าวลือว่าศิษย์ชายผู้ใดได้ยลปทุมถันของธิดาทองคำแห่งสำนักเบญจลักษณ์เป็นต้องหลั่งน้ำลาย และศิษย์หญิงผู้ใดได้ยลเป็นต้องหลั่งน้ำตาด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคือง

“ข้าไม่รู้จักเจ้า”

เยี่ยฉวนตอบอย่างเฉยเมยก่อนจะเดินต่อไป ทำให้เจ้าอ้วนผู้แอบคิดวิธีเริ่มบทสนทนาอยู่เงียบๆ แทบเป็นลม

ด้วยความงามอันน่าสะพรึงที่ผู้ใดได้มองเป็นต้องน้ำลายหยด เหตุใดจึงเย็นชาราวกับคนตาบอดเช่นนี้?

ช่างอัศจรรย์สมกับเป็นศิษย์พี่ใหญ่เสียจริง!

“หยุดนะ ข้ายังพูดไม่จบ!”

หลิวหงกระทืบเท้าและเข้าไปขวางทางเยี่ยฉวนเอาไว้ก่อนจะควักเงินโยนลงพื้น “ข่าวลือที่ว่าศิษย์พี่ใหญ่สำนักหมอกเมฆาเกิดตื่นรู้ขึ้นเห็นทีจะเป็นเรื่องจริง จากที่ข้าเห็น เจ้าไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าปีศาจเพลิง แต่ตอนนี้ข้าต้องการถุงดิน รับเงินสามร้อยตำลึงนี่ไปแล้วส่งมันมาให้ข้า!”

สตรีนางนี้ไม่ธรรมดา! เยี่ยฉวนระแวดระวังขึ้นกว่าเคย “ต้องขอโทษแล้ว แต่ข้าไม่ขาย!”

ฝูงชนรอบข้างที่กำลังรับชมรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา เยี่ยฉวนจึงตัดสินใจเร่งฝีเท้าเดินต่อทันที หลิวหงใคร่จะเข้าไปขวางทางทว่ากลับมีแรงที่มองไม่เห็นกีดกันนางไว้ นางจึงได้แต่มองเยี่ยฉวนเดินผ่านไปอย่างสิ้นหวัง

บนทางเดินมืดสลัว สายลมเย็นพัดหวิวฉับพลัน

เยี่ยฉวนหยุดฝีเท้าลงในขณะที่จ้าวต้าจื่อเดิมตามหลังมาอย่างไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับเขาเต็ม ๆ

“นั่นใคร ออกมาเดี๋ยวนี้!”

เยี่ยฉวนแอบส่งสัญญาณให้เจ้าอ้วนระวังตัว แววตาวูบไหวทอประกายสีจาง

“ไม่เลว ไม่เลว เจ้ามีทักษะไม่น้อย ผู้ใดบอกกันว่าศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาเป็นพวกขี้แพ้ไร้ประโยชน์?”

อากาศพลันบิดเบี้ยวก่อนที่ชายผู้ไร้อารมณ์ในชุดคลุมสีดำจะปรากฏกายขึ้น ร่างกายสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาแต่สีหน้ากลับเย็นชาให้ความรู้สึกอึดอัดเมื่อได้พบ

เคล็ดวิชาวายุวิถี!

ชายชุดดำผู้นี้ปรากฏกายออกมาจากอากาศบางเบาด้วยเคล็ดวิชาวายุวิถีแห่งสำนักเบญจลักษณ์ เผยความแกร่งกล้าด้วยระดับการฝึกตนขั้นซิวฉือระดับสาม

ศิษย์สำนักเครื่องนิลนั้นเก่งกาจด้านการต่อสู้ระยะประชิด ตรงข้ามกับศิษย์สำนักเบญจลักษณ์ที่โจมตีด้วยหลักกระบวนท่าเพียงหนึ่งแต่ปลิดชีพได้ชะงัด พวกเขาเชี่ยวชาญด้านการโจมตีระยะไกลและการลอบสังหาร

จ้าวต้าจื่อสั่นสะท้านโดยไม่อาจควบคุมเมื่อเห็นร่างของชายผู้นี้ พลางอุทานออกมา “กู่ชานเหลิงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเบญจลักษณ์อย่างนั้นหรือ?”

“ใช่ ข้าคือกู่ชานเหลิง”

กู่ชานเหลิงพึงพอใจกับท่าทีของเจ้าอ้วนยิ่งนัก “เมื่อครู่ศิษย์น้องหญิงหลิวหงว่าอย่างไร? นางต้องการสิ่งใดก็จงให้นางไปเสีย การที่ศิษย์น้องหญิงถูกตาต้องใจสิ่งของของเจ้าถือเป็นเกียรตินัก”

“แล้วถ้าข้าปฏิเสธล่ะ?”

เยี่ยฉวนยิ้มโดยไร้ความกังวลเช่นเจ้าอ้วน ภายนอกของเขาดูสงบนิ่ง ทว่าภายในกายกำลังโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์อย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมปะทะรุนแรง

ขั้นอูเจ๋อระดับหกของเขาและขั้นซิวฉือระดับสามของกู่ชานเหลิงนั้นต่างกันลิบและสร้างความกดดันให้กับเยี่ยฉวน แต่เขากลับไม่ยอมถอยและพยายามหาข้อได้เปรียบ

บนทางเดินมืดสลัว บัดนี้พวกเขาพร้อมสู้!

หลิวหงก้าวเข้ามาเมื่อเห็นการประลองดุเดือดกำลังจะปะทุ นางมองชายทั้งสองที่อยู่ในท่าพร้อมสู้ก่อนจะร้องตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้! ตลาดมืดไม่อนุญาตให้มีการประลองส่วนตัวเป็นอันขาด ในฐานะที่เจ้าทั้งสองเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาและสำนักเบญจลักษณ์ เจ้าอยากจะเป็นผู้ริเริ่มฝ่าฝืนกฎนี้หรือ? ศิษย์พี่ใหญ่ ลืมมันไปเถิด ข้าเพียงแค่ล้อพวกมันเล่นเท่านั้น ข้าจะเอาถุงดินไปทำอะไรได้เล่า?”

หลิวหงผู้เป็นต้นเหตุเข้ามาสลายความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย รูปลักษณ์งดงามและน้ำเสียงอ่อนหวานนั้นยากจะปฏิเสธ

“ฮึ่ม ในเมื่อศิษย์น้องหญิงคิดเช่นนั้นข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไอ้หนู การประลองอันยิ่งใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว ถึงตอนนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะเก่งกาจขึ้นกว่านี้ อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ หากศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักตายในหมัดเดียวคงจะน่าเบื่อแย่ ฮ่าๆๆ…” กู่ชานเหลิงเสียงหัวเราะ เข้าไปโอบเอวคอดของหลิวหงเอาไว้ขณะปรายตามองเยี่ยฉวน

“วางใจเถอะ เจ้าจะไม่ผิดหวัง!”

เยี่ยฉวนมองหลิวหงผู้งดงามเปล่งปลั่งก่อนจะจากไปพร้อมจ้าวต้าจื่อ พลางคิดในใจว่าช่างน่าเสียดายที่หญิงงามและมีเสน่ห์แตกต่างจากจูซือเจียเช่นนี้ เหตุใดจึงทั้งใจโลเล ใคร่ตัณหา อีกทั้งยอมก้มหัวให้กับคนเช่นกู่ชานเหลิง

ผู้คนเกาะกลุ่มเฝ้าดูกันมากขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยฉวนจึงเร่งรุดจากไป

ในสายตาของเขาแล้วเมล็ดพันธุ์ลึกลับที่ได้มาโดยบังเอิญเหล่านี้ล้ำค่ากว่าสมบัติทั้งหมดในตลาดมืดรวมกันเสียอีก แม้กู่ชานเหลิงจะคุกคามแต่เขาไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปในระดับเดียวกับอีกฝ่าย ในยามนี้ยิ่งเขาล่าช้ามากเท่าใดเมล็ดพันธุ์ลึกลับเหล่านี้จะยิ่งดึงดูดความสนใจของบรรดาผู้สอดแนมมากเท่านั้น ซึ่งจะก่อผลเสียมากกว่าได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด