Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 93 การประลองรอบสุดท้าย

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 93 การประลองรอบสุดท้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 93 การประลองรอบสุดท้าย

 

“ฆ่ามัน!”

 

บนสังเวียนแห่งความเป็นตาย ยอดฝีมือแห่งสํานักเครื่องนิลกู่ร้องและพุ่งเข้าใส่อี้สั่วพร้อมหอกในมือราวกับมังกรทะยานสู่ท้องทะเล อากาศโดยรอบพลันพร่ามัวและภาพ หลามหลังศีรษะกลับชัดเจนขึ้น

 

“ฆ่ามัน!”

 

อี้สั่วร้องตะโกนเช่นเดียวกัน เขาพุ่งไปข้างหน้าและฟาดกระบี่ปะทะเข้ากับหอกในมืออีกฝ่ายอย่างรุนแรง

 

แกร๊ง! กระบี่กระเด็นหลุดจากมือของอี้สั่วทันใด!

 

ณ สังเวียนแห่งความเป็นตาย ผลแพ้ชนะถูกตัดสินในทัน

 

อี้สั่วพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะได้สํา แดงพลังที่แท้จริงเสียอีก!

 

อี้ส่วฉวยโอกาสขณะที่ปรมาจารย์จากสํานักเครื่องนิลกําลังตกตะลึงกับภาพตรงหน้ากระโดดลงจากสังเวียน แห่งความเป็นตายและหลบหนีไปอย่างไร้รอยขีดข่วน

 

การประลองครั้งสําคัญจบลงแล้วจริงหรือ?

 

นอกสังเวียนเงียบสงัด ผู้ชมเบิกตากว้าง…เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จึงเกิดเสียงโห่ร้องดังกึกก้องจนแผ่นดินแทบสะเทือน ศิษย์สํานักเครื่องนิลร้องตะโกนด้วยความฮึกเหิมขณะที่สีหน้าของโท่วป่าเชียงดูดีขึ้นอย่างมาก ชัยชนะครั้งนี้ได้ปัดเป่าความหดหูและขุ่นมัวก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น

 

“ข้าขอโทษ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าแพ้ อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป”

 

อี้สั่วเดินเข้าไปหาเยี่ยฉวนพลางทําทีขอโทษและแสร้งว่าอยากชดใช้ด้วยท่าทางสํานึกผิดและกระอักกระอ่วนใจ ทว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้ากลับแข็งกระด้างและปรากฏร่องรอยเย้ยหยันที่ไม่อาจซ่อน

 

การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทําให้สํานักหมอกเมฆาร่วงจากอันดับแรก การประลองเหลืออีกเพียงรอบเดียวจึงเป็นไปไม่ได้ที่ จะกลับไปครองอันดับหนึ่งอีกครั้ง! ตอนนี้พวกเขาทําได้เพียงรอดูเยี่ยฉวนตัดแขนตนเองเท่านั้น

 

อี้สั่วแทบรอเวลานั้นไม่ไหว!

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ มันจงใจ ฆ่ามันซะ!”

 

จูซื้อเจียคว้าด้ามกระบี่ที่ข้างเอวพร้อมจิตสังหารระเบิดออก

 

นางระแวงว่าอี้สั่วกําลังหลอกพวกเขามาโดยตลอดและ เรื่องที่นางกลัวที่สุดก็เกิดขึ้นจริงโดยไม่คาดคิด ด้วยระดับการฝึกตนของอี้ตั๋วแล้วเขาไม่มีทางพลาดท่าในการปะทะตัวต่อตัวเพียงครั้งเดียว เห็นได้ชัดว่าสหายผู้นี้จงใจพ่ายแพ้และยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของสํานักเพียงเพราะความแค้นส่วนตัว!

 

“ใช่! ฆ่ามัน!”

 

“ไอ้คนทรยศ จับมันไว้”

 

ศิษย์สํานักหมอกเมฆาพร้อมใจกันชักกระบี่ออกมาและ ล้อมอี้สั่วเอาไว้ สีหน้าแปรเปลี่ยนด้วยไม่คิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยอ่อนแอและโดดเดี่ยวจะได้รับความเคารพยกย่องเพิ่มขึ้นถึงเพียงนี้ แต่แล้วเขาก็สงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วก่อนยืนนิ่งให้ผู้อื่นจับกุมพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า

 

“ศิษย์น้องอี้สั่ว เจ้าทําเช่นนี้แล้วรู้สึกดีงั้นหรือ?”

 

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ “ข้าแนะนําให้เจ้ามาท้าประลองกับข้า ได้ทุกเมื่อหากต้องการชิงตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ แล้วเหตุใดเจ้าจึงทําเช่นนี้? เจ้าแห่งหอแปรธาตุต้องการสังหารข้า เพื่อแก้แค้นให้ลูกชายของเขา แล้วเจ้าล่ะ? คิดว่าจินจือคุนจะมาช่วยเจ้าจริงๆ น่ะหรือ?”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพูดเรื่องอะไร ข้าพ่ายแพ้เพราะฝีมือด้อยกว่าเขาเท่านั้นเองขอรับ” อี้สั่วปฏิเสธด้วย สายตาเย็นชา เขาไม่อาจยอมรับได้ว่านี่เป็นแผนการของเขาและจินจอคุน

 

“ศิษย์น้องอี้สั่ว เจ้าเชื่อจริงๆ หรือว่าเราจะแพ้การประลองรอบสุดท้ายนี้และข้าจะไม่สามารถรักษาตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ไว้ได้เมื่อกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาเพราะเสียแขนไป? คิดว่าข้าจะทําอะไรเจ้าไม่ได้เลยงั้นหรือ?”

 

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะอีกครั้งพลางมองดูอี้สั่วผู้ดื้อดึงด้วยความเวทนา “น่าสมเพช น่าสมเพชยิ่งนัก อัจฉริยะพลาดท่าตกหลุมพรางเช่นนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก หากภัยพิบัติมา จากสวรรค์ก็ยังมีความหวังจะฝ่าฟันไปได้ หากแต่มนุษย์นําภัยพิบัติมาสู่ตนเองนั้นกลับไร้ซึ่งความหวัง ศิษย์น้องอี้สั่วเจ้า คิดว่าพระเจ้าและภูตผีจะไม่ล่วงรู้แผนการของเจ้าหรือ? เจ้าแห่งหอจินจือคุนที่ซ่อนตัวอยู่บนเชิงหุบผาระหว่างทางขึ้น เขาสั่งให้เจ้าทําเช่นนี้แล้วเจ้าก็ทําตามจริงๆ เฮ้อ สติปัญญาของเจ้าช่าง…”

 

อี้สั่วผู้ไร้ซึ่งความกลัวเปลี่ยนท่าทีหลังได้ยินคําพูดของเยี่ยฉวน “เจ้าเจ้ารู้ได้อย่างไร?”

 

“ชีวิตของผู้คนดําเนินไป แต่สวรรค์คอยเฝ้ามองอยู่เสมอ”

 

เยี่ยฉวนตอบอย่างเฉยเมยโดยไม่มองอี้สั่ว ใบหน้าของอี้สั่วมีแววกลัดกลุ้มและไม่มั่นใจ เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งจึงสงบสติอารมณ์ได้ดังเดิม

 

อี้สั่วรู้ว่าแผนการของเขาและจินจือคุนถูกเปิดโปงแล้วเมื่อ เยี่ยฉวนเอ่ยถึงเชิงหุบผาระหว่างทางขึ้นเขา แต่ตราบใดที่สํานักหมอกเมฆาแพ้การประลองครั้งสุดท้ายเยี่ยฉวนก็จะพ่ายแพ้อย่างราบคาบและสูญเสียตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ไป จากนั้นจินจื่อคุนและอาวุโสลําดับสามจะคิดหาวิธีกําจัดเขาเอง

 

เมื่อคิดเช่นนี้อี้สั่วก็สงบสติอารมณ์ลงได้ แม้จะผิดแผนเล็กน้อยที่เยี่ยฉวนมองอุบายของพวกเขาออกทะลุปรุโปร่งแต่สถานการณ์ทั้งหมดยังอยู่ในความควบคุม!

 

ไกลออกไป สีหน้าของจินจือคุนผู้เร้นกายอยู่หลังกองหินกลับหดหู่ แววตาทอประกายวูบไหว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความคิดของเขาในขณะนี้ เขาไม่ได้รีบรุดไปช่วยอี้สั่วหลังอีกฝ่ายถูกจับได้แต่ก็ไม่ได้หลบหนีไปด้วยความตื่นตระหนกเช่นกัน ชายชราเพียงแต่เฝ้าดูอย่างสงบ เสียงอึกทึกจากศิษย์สํานักหมอกเมฆาเงียบลงอย่างรวดเร็ว

 

ทุกคนต่างรอคอยให้ความจริงปรากฏในการประลองรอบสุดท้ายอย่างใจเย็น!

 

“ฮ่าๆๆ เหลือเพียงการประลองรอบสุดท้ายแล้ว โชคดีล่ะพ่อหนุ่มแซ่เยี่ย! จะรอช้าอยู่ไย เริ่มกันเลย!”

 

โท่วปาเซียงหัวเราะลั่นด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นความขัดแย้งภายในสํานักหมอกเมฆา เขาเร่งให้เหล่าผู้ตัดสินรีบเข้าสู่สังเวียนแห่งความเป็นตายด้วยเกรงว่าความล่าช้าจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้น

 

เขาได้ตกลงกับผู้เฒ่าผู้แห่งสํานักเบญจลักษณ์ว่าหากเยี่ยฉวนเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ด้วยตนเองจะทุ่มสุดตัวเพื่อฆ่าอีกฝ่าย เดิมพันระหว่างเยี่ยฉวนกับโท่วปาเซียงเนียวจะได้สิ้นสุดลง!

 

ภายนอกของโท่วป่าเชียงดูกล้าหาญและไร้กฎเกณฑ์ แต่แท้จริงแล้วนั้นรอบคอบและเจ้าแผนการ

 

การประลองรอบสุดท้ายระหว่างสํานักหมอกเมฆาและสํานักเบญจลักษณ์เริ่มขึ้นแล้ว!

 

สํานักหมอกเมฆาชนะสามครั้ง แพ้สามครั้ง และตกจากอันดับแรกลงมาอันดับสุดท้าย ขณะนี้สํานักเบญจลักษณ์เป็นอันดับหนึ่งและสํานักเครื่องนิลเป็นอันดับสอง สํานักเครื่องนิลจะตกมาอยู่อันดับสุดท้ายแทนสํานักหมอกเมฆาหาก พวกเขาชนะการประลองในรอบนี้

 

ทุกคนต่างตึงเครียดโดยเฉพาะบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆา หัวใจของเจ้าอ้วนและผู้อื่นเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง

 

ผู้ใดจะเป็นตัวแทนสํานักหมอกเมฆาเข้าร่วมการประลองรอบสุดท้ายกัน?

 

จูซือเจียสวมชุดเกราะหนักอึ้งเตรียมพร้อมเข้าสู่การประลอง ทว่าเยี่ยฉวนกลับหยุดนางไว้ก่อนจะเรียกเจ้าอ้วนมา กระซิบสั่งการบางอย่าง เจ้าอ้วนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาจากฝั่งสํานักเบญจลักษณ์กระโดดขึ้นสู่สังเวียน พลางจ้องมาทางเยียฉวนด้วยสายตาเย็นเยียบ กระแสพลังงานในตัวเขาไม่ด้อยไปกว่าหนานเทียนโตวเลย ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคู่ชานเหลิงศิษย์พี่ใหญ่ประจําสํานักเบญจลักษณ์!

 

“เยี่ยฉวน เข้ามาเสีย! ข้าจะใช้เพียงมือเดียวและให้เจ้าออกสามกระบวนท่าน้ำไปก่อน”

 

กู่ชานเหลิงกล่าวออกอย่างไร้อารมณ์ทว่าดวงตากลับมืดหม่นและเย็นชาดุจอสรพิษร้าย

 

ผู้คนนอกสังเวียนเกิดโกลาหลขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น

 

ใช้เพียงมือเดียวอีกทั้งยังปล่อยให้ออกสามกระบวนท่าก่อน! เหตุใดจึงกล้าบ้าบินถึงเพียงนี้?

 

ผู้คนสงบลงอย่างรวดเร็วและตั้งตารอการประลองแม้จะประหลาดใจมากก็ตาม ถึงข้อเสนอของอู่ชานเหลิงจะบ้าระห่ำาแต่เขามีความสามารถเพียงพอแน่นอน ขั้นอูเจ๋อระดับเจ็ดปะทะขั้นซิวฉือระดับสามเช่นนี้ หากเยี่ยฉวนขึ้นประลองต้องพ่ายแพ้ย่อยยับเป็นแน่!

 

เยี่ยฉวนจะขึ้นสู้ด้วยตนเองหรือไม่?

 

หนานเทียนโตวยังสู้ไม่ได้ จูซือเจียก็ไม่ใช่คู่แข่งของเขา แล้วผู้ใดจะเป็นตัวแทนสํานักหมอกเมฆาในการประลองครั้งสุดท้ายเล่า?

 

ผู้คนหันไปมองหนานกงเหรินโดยพร้อมเพรียงกัน แม้แต่อาวุโสอันดับสองผู้อารมณ์ร้อนและไม่เกรงกลัวแม้แต่นรกหรือสวรรค์ก็อดไม่ได้ที่จะเคร่งเครียดขึ้นมา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด