Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 94 ครั้งแรกของการแสดงทักษะขั้นปรมาจารย์!

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 94 ครั้งแรกของการแสดงทักษะขั้นปรมาจารย์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 94 ครั้งแรกของการแสดงทักษะขั้นปรมาจารย์! 

 

คําพูดโอ้อวดของอู่ชานเหลิงทําให้ฝูงชนที่อยู่บนอัฒจันทร์เหนือสังเวียนแห่งความเป็นตายตกตะลึงยิ่ง!

 

เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ทว่ายังไร้วี่แววคู่ต่อสู้จากสํานักหมอกเมฆาลงสู่สนามประลอง ก่ชานเหลิงจึงกล่าวคํายั่วยุถึงขั้นท้าทายให้เยี่ยฉวนเตรียมสิบกระบวนท่าไว้..โดยที่ตนจะใช้มือเพียงข้างเดียวในการต่อสู้ จนเกิดเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่ชนอีกครั้ง!

 

ความฮึกเหิมในหัวใจชายหนุ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมั่นใจว่าครั้งนี้ตนจะได้รับชัยชนะเหนือฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน! ส่วนสํานักหมอกเมฆายังไร้การตอบสนอง เยี่ยฉวนยังไม่ส่งศิษย์คนใดมายังสังเวียนเสียที

 

เสียงตะโกนโห่ร้องอย่างเย้ยหยันจากฝูงชนและบรรดาศิษย์ของสํานักเครื่องนิลดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

 

โท่วปาเซียงที่รออยู่นานแล้วจนความอดทนหมดลงก้าวออกไปด้านหน้าเพื่อกดดันสํานักหมอกเมฆาอีกคน ขณะนั้นเอง จ้าวต้าจื่อก็เดินเข้ามาในเขตการประลองพร้อมกับชายผู้หนึ่งที่สวมหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่ปิดบังจนไม่เห็นใบหน้า เขาสวมชุดเครื่องแบบศิษย์ของสํานักหมอกเมฆา ทว่าความแปรปรวนของพลังปราณในร่างกายที่แผ่ออกมาทําให้ผู้คนต่างรู้สึกไม่คุ้นเคย พลังนั้นไม่ใช่พลังปราณของมนุษย์ทั่วไปแต่มีกลิ่นอายของปราณปีศาจ!

 

“ศิษย์น้องอู่หย่งคํานับศิษย์พี่ใหญ่!”

 

บุคคลนิรนามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยฉวนก่อนโค้งคํานับเล็กน้อยพร้อมกล่าวออกด้วยเสียงดังฟังชัด….

 

อู่หย่งงั้นหรือ?!

 

ศิษย์ชั้นนอกผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกมือสังหารลอบโจมตีจนทนพิษบาดแผลไม่ไหวและตกตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?! แล้วคนผู้นี้คือ

 

จูซือเจียเบิกตากว้างด้วยความตระหนก! วันที่เหล่ามือสังหารใช้เคล็ดวิชาดําดินขึ้นมาลอบสังหารเยี่ยฉวน ศิษย์ชั้นนอกเคราะห์ร้ายผู้นี้บังเอิญเดินออกมาจากกระโจมหลังแจกจ่ายอาหารเสร็จและถูกลูกธนูพุ่งปักเข้ากลางอกจนเสียเลือดมาก แม้พวกนางช่วยกันใช้ทุกหนทางที่มีเพื่อรักษาทว่ากลับยื้อชีวิตไว้ไม่สําเร็จ ลมหายใจสุดท้ายของเขาถูกพรากไปในคืนนั้น ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดทําให้ไม่มีเวลาแม้แต่จะฝังร่างไร้วิญญาณของเขา แล้วจู่ๆเขาจะมาปรากฏตัวในที่แห่งนี้ได้อย่างไร!? ฟื้นจากความตายกระนั้นหรือ?!

 

จูซือเจียประหลาดใจจนกล่าวคําใดไม่ออก แต่มีอีกคนที่ตกใจยิ่งกว่า!

 

ศิษย์ชั้นนอกหวังลี่ผู้เขามาฝึกตนในสํานักพร้อมกันกับอู่หย่งตะลึงลานจนอ้าปากค้าง ศิษย์คนอื่นอาจไม่คุ้นเคยกับอู่หย่งแต่เขารู้จักอีกฝ่ายดีเสียยิ่งกว่าใคร! พวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าจรดค่ํา เหตุใดเขาจะดูไม่ออกว่าบุคคลที่โค้งคํานับศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนและเรียกตนเองว่าอู่หย่งนั้นไม่ใช่ตัวจริง! หากมองผ่านๆ อาจทําใจให้เชื่อได้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน ทว่าลักษณะท่าทางการเดิน หรือแม้แต่จังหวะการพูดกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง คนผู้นี้ไร้ชีวิตชีวาและแข็งกระด้างราวศพที่เพิ่งถูกขุดขึ้นมาจากใต้ดิน

 

“ศิษย์น้องหวังลี่ อย่าทักท้วงให้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องเสียหน้า! อู่หย่งสหายของเจ้ายังไม่ตาย..จําไว้! เขายังไม่ตาย!”

 

ทันทีที่จ้าวต้าจื่อเห็นหวังลี่อ้าปากพะงาบเขาจึงปราดเข้าไปใช้ฝ่ามือปิดปากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!

 

ดวงตาของจูซือเจียเปล่งประกายวาววับเมื่อเห็นท่าทางแปลกประหลาดของหวังลี่ และพฤติกรรมราวต้องการปิดบังบางสิ่งของเจ้าอ้วน นางตระหนักทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับสถานการณ์ตรงหน้า!?

 

“ไปเถิดศิษย์น้องอู่หย่ง! หากเจ้าเอาชนะการประลองครั้งนี้ได้ จงย้ายไปเป็นผู้ช่วยของข้าบนยอดเขาเมฆาอินทนิลเสีย งานรับใช้สกปรกเหล่านั้นเจ้าไม่จําเป็นต้องทําอีกต่อไป!” 

เยี่ยฉวนออกคําสั่งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง คําพูดของเขาอาจฟังดูธรรมดา ทว่าดวงตาของบุคคลที่อยู่ใต้ปีกหมวกกว้างกลับเจิดจ้าเมื่อรับรู้ความนัยที่แฝงอยู่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเยาะอย่างอหังการขณะที่กระโดดขึ้นไปบนสังเวียนแห่งความเป็นตาย!

 

จ้าวต้าจื่อได้รับคําสั่งจากเยี่ยฉวนให้พาปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือที่ปลอมตัวอย่างแนบเนียนเข้ามาในสนามประลอง!

 

ครู่นี้เขาใช้ฝ่ามือปิดปากหวังลี่ได้ทันการความลับทั้งหมด จึงยังไม่แพร่งพรายออกไป ด้วยท่าทางกล้าหาญเช่นนั้น…ความจริงแล้วเขาตื่นตระหนกยิ่งกว่าผู้ใดด้วยซ้ํา! ความหวาดกลัวเกาะกินจิตใจของเขาจนร่างที่เต็มไปด้วยไขมันสั่นเทา!

 

ก่อนหน้านี้เขาเห็นทุกกระบวนเคล็ดวิชาเก้าอสูรจําแลงที่เยี่ยฉวนถ่ายทอดให้กับนากู๋ซือ ร่างกายใหญ่โตของปีศาจเขาโค้งค่อยๆ หดลงจนเหลือความสูงเพียงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ใบหน้าและรูปร่างดูเผินๆคล้ายคลึงกับศิษย์ชั้นนอกอู่หย่งไม่ผิดเพี้ยน! ทันทีที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงนากู๋ซือจึงระเบิดเสียงหัวเราะอย่างพึงใจดังกึกก้องราวเสียงร้องของอสุรกายนกยักษ์โบราณ ตอนนั้นหัวใจอ้วนๆของเขา ตกใจจนแทบหยุดเต้น กระบวนการน่าอัศจรรย์นั้นจะตราตรึงในความทรงจําของเขาไปตลอดชีวิต!

 

“เจ้าเป็นใคร? เอ่ยชื่อแซ่ของเจ้ามา! ศิษย์ผู้สูงส่งเช่นข้าไม่สังหารผู้ใดที่ไร้นาม!”

 

ศิษย์พี่ใหญ่กู่ชานเหลิงแห่งสํานักเบญจลักษณ์ก้าวยาวๆ ไปหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางคุกคาม ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงแข็งกร้าว “คนขี้ขลาดเช่นเจ้าเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาได้อย่างไรกัน?! แม้แต่ลงสนามประลองยังไม่กล้า มาเถิด! แสดงกระบวนท่าทั้งสิบออกมา! จากนั้นข้าจะใช้มือเพียงข้างเดียวฆ่าเด็กเหลือขออย่างเจ้า อะ…”

 

วูบ!

 

เขาไม่ทันพูดจนจบประโยค ทันใดนั้นลมกระโชกแรงพัดผ่านไปทั่วสังเวียนแห่งความเป็นตาย!

 

ปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือในร่างศิษย์ชั้นนอกอู่หย่งใช้มือข้างหนึ่งคว้าเข้าที่ลําคออีกฝ่ายก่อนยกร่างให้ลอยขึ้นสูงจนเท้าไม่แตะพื้น ฝ่ามืออีกข้างเอื้อมมาบิดคอไปในทิศทางตรงข้าม เสียงกระดูกลั่นดังกึกก้อง! ลําคอกู่ชานเหลิงหักจนศีรษะหมุนกลับด้านร่างอ่อนปวกเปียกถูกปล่อยลงจากอากาศกระแทกกับพื้นเสียงดังจนสังเวียนประลองสั่นสะเทือน!

 

ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเบญจลักษณ์สิ้นลมหายใจทันที! ดวงตาของเขาเบิกโพลงอย่างน่าสยดสยอง การโจมตีอย่างประชิดตัวของอีกฝ่ายเกิดขึ้นเร็วเสียจนเขาไม่ทันตั้งรับหรือแม้แต่จะกะพริบตา!

 

นากู๋ซือยืนอยู่บนสังเวียนแห่งความเป็นตายพร้อมระเบิด ชเสียงหัวเราะก้องกังวานเพื่อประกาศชัยชนะ!

 

ครั้งแรกของการแสดงทักษะขั้นปรมาจารย์

 

เยี่ยฉวนยกยิ้มด้วยความพึงใจเป็นที่สุด! เขาคาดการณ์ไว้อย่างถูกต้อง…ในที่สุดมีดแล่เนื้อชั้นดีนี้ก็คมกริบจริงๆ!

 

คนผู้นี้เป็นใครกัน?!

 

ความแข็งแกร่งและเหี้ยมโหดของเขาเหนือกว่ายอดฝีมือ ในรอบพันปีเช่นหนานเทียนโตวเป็นร้อยเท่า! สํานักหมอกเมฆามีศิษย์รุ่นเยาว์ที่เป็นยอดฝีมือวิทยายุทธสูงส่งทัดเทียมสวรรค์เช่นนี้ด้วยหรือ!?

 

บรรดาศิษย์ทั้งสามสํานักที่รับชมการประลองอยู่บนอัฒจันทร์ตกตะลึงยิ่ง! จากนั้นเสียงเอะอะโวยวายพลันดังขึ้น…ความสับสนระคนเดือดดาลเกิดขึ้นในฝูงชนจนทั้งสนามประลองแทบลุกเป็นไฟ!

 

“คนผู้นั้นคือยอดฝีมืออาวุโสของสํานักหมอกเมฆา…ไม่ใช่ศิษย์รุ่นเยาว์! พวกมันจงใจโกงการประลอง ทหาร! จับตัวมันไว้!”

 

โท่วปาเซียงยืนขึ้นพร้อมออกคําสั่งด้วยน้ําเสียงเหี้ยมเกรียมอย่างตื่นตระหนกและโกรธแค้นยิ่ง!

 

สิ้นคําสั่งจากเจ้าสํานัก ทหารอารักขาของสํานักเครื่องนิลหลายนายกระโจนออกจากกลุ่มฝูงชนทันทีก่อนวิ่งกรู ไปยังสังเวียนประลองเพื่อจับกุมปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือ ทว่าชายชราร่างเล็กผู้แบกจอบไว้บนไหล่กลับพุ่งตัวเข้าขัดขวาง

 

“โท่วปาเซียง! แกเป็นถึงเจ้าสํานักแต่กลับแพ้แล้วพาลเช่นนี้ได้อย่างไร!? ต่อหน้าฝูงชนนับร้อยพันคน เจ้ายังกล้ากระทําตัวไร้ยางอาย! เบิกตาฝ้าฟางของเจ้าแล้วดูให้ชัดๆ ซะ! อู่หย่งเป็นศิษย์ของสํานักหมอกเมฆามานานแล้ว! ยอดฝีมืออาวุโสรี? เหลวไหล!”

 

อาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินแห่งสํานักหมอกเมฆากระโดดขึ้นไปบนสังเวียน ขวางทางไม่ให้ทหารอารักขาจากสํานักเครื่องนิลเข้าถึงตัวนากู๋ซือ

 

ครั้งแรกที่บุคคลผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นในสนามประลอง ชายชราขมวดคิ้วเพราะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ประสบการณ์ชีวิตยาวนานทําให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นบุคคลจากภายนอก เพราะชายผู้นี้ไร้กลิ่นโอสถจางๆ ดังที่ศิษย์ของสํานักหมอกเมฆาพึงมี แต่ด้วยช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ชายชราจึงเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงและออกตัวปกป้อง

 

“เอ๊ะ! จริงด้วย! เป็นเขาจริงๆ!”

 

“เป็นไปไม่ได้! จะเป็นเขาได้อย่างไร?!”

 

ผู้ตัดสินทั้งสามซึ่งเป็นตัวแทนจากแต่ละสํานักเร่งนําภาพเขียนของอู่หย่งออกมาเทียบกับบุคคลที่ยืนอยู่บนสังเวียนแห่งความเป็นตาย หลังจากเทียบหาจุดแตกต่างอยู่ครู่ใหญ่ ทั้งสามจึงมีความเห็นเป็นเอกฉันท์

 

ก่อนหน้านี้ ทุกสํานักได้ส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมการประลอง พร้อมภาพเขียนตัวบุคคลเพื่อเป็นหลักฐานป้องกันการสลับตัวหรือแอบอ้าง ดังนั้นด้วยการพินิจจากระยะไกลเพียงผิวเผิน พวกเขาจึงไม่พบข้อแตกต่างระหว่างอู่หย่งตัวปลอมกับอู่หย่งในภาพเขียน โท่วปาเซียงเผยสีหน้าเคร่งเครียดและหมั่นแสงเมื่อรู้ว่าตนไม่สามารถทําอะไรกับความผิดปกติที่สัมผัสได้เลยแม้แต่อย่างเดียว!

 

ศิษย์บางรายยังอยู่ในสภาวะนิ่งอึ้งด้วยไม่คาดคิดว่าการประลองวิทยายุทธครั้งสุดท้ายที่ตนรอคอยจะจบลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ในที่สุดสํานักหมอกเมฆาซึ่งตกลงมาอยู่ในอันดับสุดท้ายจากการที่อี้สั่วเจตนาทําให้พ่ายแพ้ กลับเอาชนะศิษย์พี่ใหญ่ผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งสํานักเบญจลักษณ์ พลิกสถานการณ์กลับมาครองอันดับหนึ่งอีกครั้ง

 

ใบหน้าคล้ําหม่นของโท่วปาเซียงแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด แต่ใบหน้าอี้ส่วกลับซีดเซียวยิ่งกว่า! แขนขาของเขาอ่อนแรงจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

 

แผนการสุดท้ายของเขาพังทลายลงอีกครั้ง! เวลานี้เยี่ยฉวนกลายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่บรรดาศิษย์ร่วมสํานักชื่นชมทั้งยังให้การยอมรับ ขณะที่ทุกคนเลื่อมใสศรัทธาในตัวเยี่ยฉวนถึงเพียงนี้ เขาจะแย่งชิงตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่มาได้อย่างไร?เชื่อเสียงและลาภยศที่เขาใฝ่ฝันสูญสลายไปใน

 

พริบตา…อาวุโสลําดับสามไม่มีทางปล่อยให้ศิษย์สายตรงผู้ทําภารกิจล้มเหลวอย่างเขารอดชีวิตเป็นแน่!

 

อี้สั่วผู้หยิ่งผยองอยู่เป็นนิจกลับเผยท่าที่เปลี่ยนเป็นคนละคน! ยิ่งกังวลถึงบทลงโทษเพียงใด.จิตใจยิ่งกระสับกระส่ายด้วยความหวาดกลัว เขากวาดสายตาไปโดยรอบ เพื่อมองหาเจ้าหอแปรธาตุผู้เป็นความหวังเดียวของตนในยามนี้ แต่ไม่ว่าทิศทางใดก็ไร้ร่องรอยของจินจือคุน อาจเป็นไปได้ว่าชายแก่จอมเห็นแก่ตัวผู้นั้นหลบหนีเอาตัวรอดไปเสียแล้ว!

 

“ท่านเจ้าสํานัก หากข้ากล่าวออกไปอาจดูเป็นการโอ้อวด แต่ก็เป็นความจริง สํานักหมอกเมฆาของข้าช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้รับชัยชนะในการประลองวิทยายุทธครั้งนี้ ท่านคงไม่ลืมข้อเดิมพันที่ศิษย์พี่ใหญ่หงสี่แห่งสํานักเครื่องนิลของท่านประกาศไว้ก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่? ข้าหวังว่าท่านจะรักษาคําพูด!”

 

เยี่ยฉวนลุกยืนขึ้นก่อนหันไปสบตาโท่วปาเซียงพร้อมเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ใบหน้าเจ้าสํานักชราผู้เคยลําพองว่าตนเป็นหนึ่งในยุทธภพบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด! หงสี่ผู้ยืนพิงไม้ค้ํายันอยู่ท่ามกลางฝูงชนได้ยินอีกฝ่ายกล่าวพาดพิงถึงตน จึงสั่นสะท้านจนร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขาหาจังหวะที่ไม่มีผู้ใดสนใจหมุนกายกลับ ก่อนเดินโยกเยกหมายพาร่างและจิตใจอันบอบช้หนีไปให้ไกลจากที่นี่

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด